อยากรู้ว่าในยุคไรไม่รู้ ที่อังกฤษใส่ชุดแดง
avatar
vilus


ยุคที่อังกฤษใส่ชุดแดง

ทำไมเวลายิงกันต้องตั้งแถวอย่างนั้นหรอครับ

ตายเยอะแนะ

เหมือนหนังเรื่อง THE PATRIOT

 

 

ขอบคุณครับ



ผู้ตั้งกระทู้ vilus (guide_7420_-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-08-11 23:06:40 IP : 58.9.14.63


1

ความคิดเห็นที่ 1 (2977330)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

เคยมีคนถามไว้แล้วในกระทู้เก่า  พอดีกำลังง่วงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาว่ากระทู้ไหน

จำได้คร่าวๆ ว่า ปืนยุคนั้นมันต้องบรรจุทางปากลำกล้องทีละนัด  และยังไม่มีเกลียวลำกล้องที่จะทำให้เกิดความแม่นยำอะไรนัก ทำให้ต้องตั้งแถวประจันหน้ากันอย่างนั้นครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com)ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-08-12 00:07:15 IP : 115.87.117.124


ความคิดเห็นที่ 2 (2977331)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

 เจอแล้วครับ ย้อนไปอ่านได้ที่ http://www.iseehistory.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=iseehistorycom&No=1231019&anspage=1 ครับ มีแถมเรื่องการยิงปืนใหญ่ด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-12 12:24:22 IP : 124.120.215.117


ความคิดเห็นที่ 3 (2977332)
avatar
Don

สวัสดีครับท่านเวปมาสเตอร์ และท่านสมาชิกทุกท่าน ผมเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่ขอคุยด้วยครับ

ข้อความต่อไปนี้ผมเคยเขียนคุยในเวปอื่นมาก่อน (มิได้ลอกใครมาก) เลยขอนำเสนอเพื่อคุยกันในเวปนี้โดยไม่ทำลิงค์นะครับ

ในเรื่องการเข้าแถวชิดแน่นยิงกันนั้นเรื่องมีอยู่ว่า

จะเห็นกันว่ายุคนั้น ถ้าเป็นการรบประจัญบานกลางแปลงจะเข้าแถวแน่นๆ ยิงใส่กันต่อหน้าต่อตา ฝีมือส่วนบุคคลไม่ช่วยให้รอดตายเท่าไหร่ ที่การรบประจัญหน้ากันเป็นดังนี้สืบเนื่องจากแต่โบราณ

คือตั้งแต่คนเราใช้อาวุธสั้นเข้าสู้กันเป็นกลุ่ม ความจริงอย่างหนึ่งที่จะทำให้กลุ่ม หรือกองทัพของเราชนะอีกข้างได้ สรุปง่ายๆ คือ "การเข้ารุม" ซึ่งไม่ใช่การรุมล้อมอย่างเดียวแต่คือการที่ฝ่ายเราจัดให้จำนวนคน อำนาจอาวุธของเราต่อตีกับข้าศึกจำนวนน้องกว่า มีอำนาจอาวุธน้อยกว่า

วิธีการก็คือการจัดรูปขบวนให้พื้นที่ประจัญหน้าของเราได้เปรียบข้าศึก

จึงต้องจัดรูปขบวนให้แน่นที่สุด เช่น แนวปะทะ ๑๐๐ เมตร มีทหารของเรา ๑๐๐ คน ย่อมฟันดาบ แทงหอก ยิงธนูเข้าใส่ได้เปรียบข้าศึกในแนวปะทะเดียวกันที่มี ๕๐ หรือ ๗๐ คน

หรือจัดรูปขบวนให้ข้าศึกเอาทหารเข้าปะทะในแนวปะทะได้น้อยกว่า เช่น มี ๑๐๐ คนเท่ากัน ถ้าเราล้อมข้าศึก ๑๐๐ คน ให้รวมกันเป็นกระจุดเดียว จะมีคนข้างในกระจุกที่อยู่กลางกลุ่มพวกเดียวกนเองต่อสู้กับเราแทบไม่ได้เลย ส่วนคนของเราอยู่วงนอกหันเข้าในมีหน้าปะทะมากกว่าใช้อาวุธพร้อมกันได้มากกว่ามีความได้เปรียบในการฆ่าข้าศึกลึกเข้าไปเรื่อยๆ ได้ ทั้งนี้ไม่นับข้อได้เปรียบในเรื่องกำลังใจทหารที่ถูกล้อมไม่มีทางเลือกในการเคลื่อนตัว

ตั้งแต่ยุคโบราณเป็นต้นมาจึงเห็นว่ามีความพยายามจัดกำลังให้แน่น หนา และเพิ่มอำนาจอาวุธมากขึ้นเรื่อยๆ

ตลอดมาในประวัติศาสตร์ การจัดรูปขบวนศึกทั้งอย่างเปิดเผย และหลอกล่อในการรบ จึงเป็นตัวตัดสินหลักสำหรับชัยชนะอย่างหนึ่ง

มาจนถึงยุคปืนบรรจุปาก ประสิทธิภาพของปืนยิงช้าไม่ต่างจากการใช้หอกหรือธนูนักในการเข้าปะทะกันกลางแปลง ดังนั้นอาวุธปืนบรรจุปากจึงยังไม่ส่งผลให้การจัดรูปขบวนกองทัพที่เข้ารบกันเปลี่ยนไป

หลักการจัดขบวนทัพทหารราบใช้ปืนคาบศิลาลำกล้องเรียบระยะยิง ๑๐๐ หลาในการรบที่วอเตอร์ลู ค.ศ. ๑๘๑๕ จึงไม่ต่างอะไรกับขบวนทัพฟาลังก์ทหารกรีกที่ถือ (คอนใต้แขน) หอกยาว ๖ เมตร ของ อเล็กซานเดอร์เดอะเกรท ที่เข้าปะทะกับกองทัพเปอร์เซียเมื่อ ๓ ศตวรรษก่อนพระเยซูเกิด

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:13:42 IP : 83.49.148.241


ความคิดเห็นที่ 4 (2977333)
avatar
Don

ตัวอย่างพัฒนาการขบวนรบที่แสดงถึงการจัดขบวนให้แน่นขึ้น และการพัฒนาอาวุธเพื่อรวมศูนย์อำนาจของอาวุธครับ

กรีกเดิม ก่อน ค.ศ. พันกว่าปี ถึง 300 กว่าปี เป็นนักรบ Hoplite อาวุธหลักใช้หอกสั้น กับโล่ อาจมีดาบ มีด ประกอบด้วย หอกสั้นแบบนี้ทำการรบเดี่ยวได้ถนัด เวลาเข้าขบวนรบก็ยืนพอชิดกัน ถือหอกเหนือไหล่

ต่อมาศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. พระเจ้าฟิลิปที่ 2 บิดาพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชปรับขบวนนักรบเป็น Phalanx (ฟาลังก์) โดยปรับปรุงอาวุธด้วย

นักรบในฟาลังก์ถือหอกยาวกว่าเดิม บันทึกส่วนมากบอกว่ายาว 6 เมตร หอกยาวขนาดนี้ต้องถือโดยการคอนไว้ใต้แนวแขน ด้านปลายมี นน. ถ่วง แถวนักรบก็มีหลายชั้นมากขึ้น ข้อได้เปรียบ Hoplite คือหอกของแถวที่ 2 ที่ 3 จะยื่นออกมาข้างหน้าด้วย เป็นหัวหอกที่เพิ่มขึ้นในการปะทะกัน หอกยาวขนาดนี้นักรบใช้เดี่ยวๆ ไม่ค่อยได้เรื่อง ใช้เข้าขบวนถึงจะมีประสิทธิภาพ เห็นได้ว่าขบวน Hoplite ปะทะ Phalanx ก็จะสู้ไม่ได้ การพัฒนานี้เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งของอเลกซานเดอร์...

 ที่จริงตามสูตรของแท้ ฟาลังก์จะมีความหนาตั้ง 16 แถว

ต่อมาก็มีชาติที่รบเก่งกว่ากรีกซะอีก คือโรมัน โรมันจัดขบวนแบบใหม่ เป็น มานิปูล ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามสถานการณ์ โดยพื้นฐาน มานิปูล คือการจัดทหารเป็นกองเหลี่ยมๆ แบบตารางหมากรุก เมื่อปะทะกัน แนวของข้าศึกจะเข้ามาอยู่ในช่องว่างระหว่ากองเหลี่ยมๆ แต่ละเหลี่ยมโรมันก็จะอัด เข้าซ้าย ขวา หรือขยับไปขยี้จุดที่ข้าศึกอ่อน ข้าศึกก็จะเหลือแนวบางๆ ถูกตี 3 ด้าน

อาวุธของทหารโรมันในมานิปูลคือหอกซัด Pilum และดาบสั้น จะซัดหอกเข้าใส่ก่อนแนวเข้าปะทะกัน หอกนี้ออกแบบมาดีมาก คือคอหอกเป็นโลหะเส้น อ่อน เมื่อกระทบเป้า นน. ข้างหลังจะตวัดให้หอกงอ ข้าศึก คนอื่น จะดึงหอกพุ่งสวนกลับมาไม่ได้ทันที หลีงรบกันเสร็จโรมันค่อยไปเก็บหอกมาดัดใช้ใหม่ และเนื่องจากมี นน. ถ่วงหลัง บางทีก็ใช้พุ่งให้ติดกับโล่คือและเนื่องจากอาวุธเฉพาะตัวคือดาบสั้นแบบโรมัน กอง มานิปูล จึงหันรบได้ทุกด้าน ไม่ใช่เล็งไปข้างหน้าอย่างเดียวแบบ ฟาลังก์

ถ้า ฟาลังก์ ปะทะกับ มานิปูล มานิปูลจะปะทะได้ไม่แต็มตลอดแนว แต่จะค่อยๆ กดดันให้ขบวนฟาลังก์แตกแถวล้ำเข้ามาอยู่ตรงช่วงว่าง โดยทหารที่อยู่แถวข้างๆ จะซัดหิดใส่ ฟาลังก์จากทางด้านข้าง ถึงฟงลังก์จะไม่แตกแถว กำลังก็จะอ่อนลงเรื่อยๆ แต่ถ้าแตกแถวเข้ามาก็เสร็จ มานิปูลครับ เพราะฟงลังก์รบปะทะด้านข้างไม่ได้ หันหอกยาวไม่ได้ ถึงจะทิ้งหอกชักดาบก็ไม่คล่องเท่ามานิปูลที่ฝึกใช้ดาบสั้นรบประชิดโดยตรง แะลโล่ของฟาลังก์ก็เป๋็นวงกลมใหญ่เหลื่อมกันอยู่ด้านหน้า พลิกตัวได้ยากที่สุด ส่วนโล่ของทหารใน มานิปูล เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ไม่ซ้อนกัน หันซ้าย/ขวา ยังไงก็คล่อง  

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:15:20 IP : 83.49.148.241


ความคิดเห็นที่ 5 (2977334)
avatar
Don
ตามที่ปรากฎในภาพยนต์   กรีก Hoplite ในเรื่อง Troy   ขบวนรบ Phalanx ในเรื่อง Alexander   และกอง Roman Legion ในรูปแบบ Manipule ในเรื่อง Spartacus

จะเห็นได้ว่าในรูปขบวนเช่นนี้ ฝ่ายที่มีอาวุธยิงไกลได้เร็วและมีประสิทธิภาพจะได้เปรียบขึ้นอีกขั้นหนึ่ง สมัยโรมันใช้หอกซัด Pilum ต่อมาในยุคกลางมีธนูยาว (Long Bow) ซึ่งยิงไม่ทะลุโล่ แต่ยิงทะลุเกราบุคคลได้

อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพขอธนูยาว หรือหน้าไม้ในยุคนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการรบตั้งแถวชิดได้

ธนูยาวของยุคกลางจะเป็นะนูยาวท่วมหัว เป็น Composite Bow มีมุมการโค้งทั้งคันบน คันล่าง มาตรฐานทางการให้ยิงยิงถูกตัวคนที่ 200 หลา รู้สึกว่าจะ 12 นัด ใน 1 นาที ธนูยาวพวกนี้ถ้าใช้หัวถูกชนิดและยิงมุมดีๆ ประสิทธิภาพยิงทะลุเกราะอัศวินได้

อังกฤษถึงกับออกกฎหมายบังคับให้ผู้ชายทุกคนต้องยิงธนูยาวให้ได้ตามมาตรฐาน ทางฝั่งทวีปยุโรปมักนิยมใช้หน้าไม้มากกว่า ซึ่งฝึกยิงง่ายกว่าธนู แต่ยิงช้าและระยะหวังผลไม่ไกลเท่าธนู วิถี นายวิลเฮลม์ เทล ก็ใช้หน้าไม่ยิงแอปเปิลบนหัวลูกชาย ไม่ใช่ธนู

อย่างไรก็ตามชนชั้นปกครองไม่ค่อยชอบเรื่องการใช้ธนู เพราะทหารราบชาวบ้านมีอำนาจท้าทายอัศวินได้ มีอาวุธยิงทะลุเกราะอัศวินได้ จึงพยายามกดไว้ และเหยียดหยามว่าเป็นทหารระดับต่ำ ไม่ให้เกียรติมากทั้งที่มีประโยชน์ในการรบสูง คล้ายๆ นักปกครองที่ไม่ชอบให้ชาวบ้านมีไรเฟิลยิงไกลๆ

แต่อังกฤษรบกับฝรั่งเศสบ่อย สมัยกลาง บ้านเมืองเล็กกว่า คนน้อยกว่า เลยต้องเน้นใช้พลธนู อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประชาธิปไตยพัฒนาไปเร็วกว่าฝรั่งเศสและชาติอื่นที่ใช้ธนูน้อย เพราะชนชั้นปกครองอังกฤษต้องฟังเสียงชาวบ้านที่ยิงไกลเก่งมากขึ้น

ในปี 1415 การรบที่ Argincourt พลธนูอังกฤษยิงอัศวินฝรั่งเศสที่เข้าตีหน้าแนวเดี้ยงไปเป็นพันคน ที่ไม่ตายม้าก็ตื่นกลับไปชนแนวฝรั่งเศสระส่ำระสาย

เมื่อฝรั่งเศสจับเชลยเป็นพลธนูอังกฤษได้จึงตัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางทิ้ง เพื่อให้ยิงธนูอีกไม่ได้ สมัยนั้นไม่ค่อยฆ่าเชลยเล่น มักเก็บไว้เรียกค่าไถ่

พลธนูอังกฤษที่ยังไม่ถูกจับจึงมีท่าโชว์นิ้ว อังกฤษจึงมีท่าเย้ยหนฃยันแสดงความทรยฃนงของคนโดยการชู 2 นิ้ว หลังมือออก อย่างที่ เชอชิล ชูในโลโก้ผมนี่แหละครับ แต่การชูสองนิ้วแบบนี้แปลงไปมีความหมายอื่นซะอีก...

ก่อนยุคกลางก็มีการใช้อาวุธยิงไกลอย่างมากในยุโรป ในหนังสือ กอลิก วอร์ ที่ซีซาร์เขียนเล่าเรื่องไปรบกับคนป่าในเยอรมัน ฝรั่งเศษ อังกฤษ ก็มีบ่อยๆ ว่าในการเข้าล้อมตีที่มั่น ตีเมืองต้องขุดสนามเพลาะเข้าไปเพราะมีการยิงอาวุธกันอย่างหนาแน่น ขอกจากธนูธรรมดา โรมันก็สร้างเครื่องยิงธนูยักษ์ เครื่องดีดหินอีกหลายแบบ

ที่จริง ธนู เป็นอาวุธแบบหนึ่งที่ชนทุกกลุ่มทุกมุมโลกพัฒนากันขึ้นมาใช้โดยไม่ได้ลอกจากกัน ตั้งแต่ อะบอริจิน ในออสเตรเลีย ไปจนถึงเมกันพื้นเมือง

ยุคปืนบรรจุปาก อาวุธที่น่ากลัวที่สุดในสนามรบคือ ปืนใหญ่ เพราะบรรจุลูกปรายยิงกวาดแนวทหารได้เกลี้ยง ข้อสำคัญคือจะตั้งปืนใหญ่ หรือลากปืนใหญ่เข้าไปยิงให้ตรงจุดได้ยังไง เรื่องนี้นโปเลียนเก่งมาก ประวัติศาสตร์ยุโรปช่วงหนึ่งจึงกลายเป็นประวัติของคนๆ เดียว...

ในการรบกลางแปลง อาวุธที่น่ากลัวต่อมาคือแนวปืนยาวของทหารราบ ถ้าตั้งแนวดีๆ ถ้าไม่มีปืนใหญ่ยิงก็ต้องเอาทหารราบด้วยกันมาปะทะเท่านั้นถึงจะตีแนวแตก

ต่อมาคือทหารม้า ทหารม้ามีประโยชน์มนการสอดแนม ส่งกำลังเร็ว ไล่ตีเมื่อทหารราบแตกแนว โอบล้อมแนวข้าศึก แต่เข้าตีแนวทหารราบตรงๆ ไม่ได้ แถว 10 เมตร ทหารราบยืนเรียง 2-3 ชั้น มีปืนยิงพร้อมกันได้ 10 กระบอก แต่มีทหารม้าวิ่งเข้ามาในแนว 10 เมตร อย่างเก่ง 4-5 คน พื้นสนามรบจริงๆ ไม่เรียบ ม้าวิ่งเข้าเร็วๆ มากไม่ได้ กว่าจะถึงตัวใช้หอก ดาบ หรือแม้แ่ปืนพกยิงทหารราบ ทหารม้าก็โดนปืนยาว 30 กระบอกผลัดกันยิงกลิ้งหมดแล้ว และเมื่อโดนยิงล้ม จะเป็นแนวกีดขวางให้ทหารม้าข้างหลังเข้ามาไม่ได้อีก

ถ้าทหารราบถูกโอบปีก จะพยายามจัดขบวนเป็นสี่เหลี่ยม หลายๆ กอง ทหารม้ายิ่งเข้าตีไม่ได้ ขืนวิงเข้าพื้นที่จะโดนยิงกระนาบ 2-3 ด้าน

รูปขบวนสี่เหลี่ยมของทหาราบจากหนัง Waterloo ครับ

ยุคปืนบรรจุปาก อาวุธที่น่ากลัวที่สุดในสนามรบคือ ปืนใหญ่ เพราะบรรจุลูกปรายยิงกวาดแนวทหารได้เกลี้ยง ข้อสำคัญคือจะตั้งปืนใหญ่ หรือลากปืนใหญ่เข้าไปยิงให้ตรงจุดได้ยังไง เรื่องนี้นโปเลียนเก่งมาก ประวัติศาสตร์ยุโรปช่วงหนึ่งจึงกลายเป็นประวัติของคนๆ เดียว...

ในการรบกลางแปลง อาวุธที่น่ากลัวต่อมาคือแนวปืนยาวของทหารราบ ถ้าตั้งแนวดีๆ ถ้าไม่มีปืนใหญ่ยิงก็ต้องเอาทหารราบด้วยกันมาปะทะเท่านั้นถึงจะตีแนวแตก

ต่อมาคือทหารม้า ทหารม้ามีประโยชน์มนการสอดแนม ส่งกำลังเร็ว ไล่ตีเมื่อทหารราบแตกแนว โอบล้อมแนวข้าศึก แต่เข้าตีแนวทหารราบตรงๆ ไม่ได้ แถว 10 เมตร ทหารราบยืนเรียง 2-3 ชั้น มีปืนยิงพร้อมกันได้ 10 กระบอก แต่มีทหารม้าวิ่งเข้ามาในแนว 10 เมตร อย่างเก่ง 4-5 คน พื้นสนามรบจริงๆ ไม่เรียบ ม้าวิ่งเข้าเร็วๆ มากไม่ได้ กว่าจะถึงตัวใช้หอก ดาบ หรือแม้แ่ปืนพกยิงทหารราบ ทหารม้าก็โดนปืนยาว 30 กระบอกผลัดกันยิงกลิ้งหมดแล้ว และเมื่อโดนยิงล้ม จะเป็นแนวกีดขวางให้ทหารม้าข้างหลังเข้ามาไม่ได้อีก

ถ้าทหารราบถูกโอบปีก จะพยายามจัดขบวนเป็นสี่เหลี่ยม หลายๆ กอง ทหารม้ายิ่งเข้าตีไม่ได้ ขืนวิงเข้าพื้นที่จะโดนยิงกระนาบ 2-3 ด้าน

รูปขบวนสี่เหลี่ยมของทหาราบจากหนัง Waterloo ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:21:24 IP : 83.49.148.241


ความคิดเห็นที่ 6 (2977335)
avatar
Don

ในการรบที่ Crecy เครซี ปี 1346 มีบันทึกเรื่องการใช้ปืนใหญ่เป็นครั้งแรกของยุโรป แต่สมัยนั้นให้ผลทางจิตวิทยามากกว่าจริงจัง

ต่อมาเมื่อปืนมีขนาดเล็กลงประจำตัวทหารแต่ละคนได้ก็มีประสิทะภาพไม่ดี ยิงช้า ไม่แน่นอน ระยะใกล้ การทำงายต่ำ แต่อย่างไรก็ตามการใช้ปืนก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่น่าสนใจคือประสิทธิภาพของปืนที่ทหารทั่วไปใช้ (ยกเว้นปืนไรเฟิลซึ่งยังแพงมาก ไม่ใช้ประจำตัวทหารราบส่วนมากๆ ในกองทัพ) แม้จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 19 ก็ยังสู้ธนูยาวไม่ได้ ปืนยาวสำหรับทหารทั่วไปยุคนโปเลียนยองหวังผลได้ไม่ถึง 200 หลา อัตรายิงประมาณแค่ 2 นัดต่อนาที

...แต่ทำไม ธนู ที่มีประสิทธภาพสูงกว่าจึงสูญพันธุ์ไปจากสนามรบก่อนหน้านั้นหลายร้อยปีแล้ว??

คำอธิบายที่เป็นไปได้มากทีสุดคือ ในการศึกจริงๆ เดินทัพกันนาน สมัยก่อนระบบส่งกำลังบำรุงแย่มาก การอนามันก็แย่ จะเห็นกว่าถ้าเดินทัพกันนานๆ ทหารป่วยตาย อดตายกันตามทางในอัตราส่วนที่สูงมาก เมื่อใช้ธนูในการรบ จึงไม่มีแรงยิงธนูให้ได้ระยะ ความแม่นยำ ความเร็ว เท่ามาตรฐานที่ฝึกกันได้ในบ้านยามสงบ ธนูยาวของฝรั่ง นน. ดึงก็พอๆ กับธนูแงซาย ป้อแป้ปวกเปียก ดึงยิงต่อเนื่อง เร็วๆ ไม่ไหวครับ

ส่วนปืนนั้น กรอกดินปืนเข้าไปเหร่ ก็ได้แรงส่งกระสุนเท่านั้น พอมีแรงแบกปืน บรรจุปืน ยิงได้ ก็ใช้อาวุธได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว

ปืนจึงครองสนาม
 

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:24:54 IP : 83.49.148.241


ความคิดเห็นที่ 7 (2977336)
avatar
Don

แล้วจะขอคุยเกี่ยวกับการยุทธวิธีตั้งแถวชิดในยุคปืนบรรจุปากต่อไปครับ

ปล. เรื่องทหารอังกฤษก็ใส่ชุดแดงเพื่อให้เห็นเลือดไหลยาก จะได้ไม่เสียขวัญ ในเรือรบสมัยก่อนชั้นปืนใหญ่ก็ทาสีแดงทั้งพื้นและผนังด้วย ก่อนรบจะเทขี้เลื่อย หรือทรายไว้ซับเลือด กันเจิ่งนองมากไปจะลื่น ยิงกันกระจุยกระจายอย่างในหนัง ไพเรทฯ นั่นละครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:29:55 IP : 83.49.148.241


ความคิดเห็นที่ 8 (2977337)
avatar
Don

(ต่อไปนี้ไม่เคยโพสที่อื่นมาครับ)

เมื่อคุยกันถึงจุดนี้แล้ว ประเด็นที่น่าสนใจคือ

๑. ในยุคที่การรบยังตั้งแถวชิดกันนั้น ปืนเข้ามาแทนทื้อาวุธมีคมเมื่อไหร่? อย่างไร?

๒. การรบตั้งแถวชิดนั้น หมดไปเมื่อไหร่? อย่างไร?

๑. ในยุคที่การรบยังตั้งแถวชิดกันนั้น ปืนเข้ามาแทนทื้อาวุธมีคมเมื่อไหร่? อย่างไร?

ในเรื่องนี้ ต้องมาคุยกันเรื่องพัฒนาการ ประสิทธิภาพ และบทบาทการใช้วงานจริงของปืนในยุคต่างๆ ก่อนครับ

พูดง่ายๆ ว่าปืนคืออาวุธที่ใช้แกสจากการเผาไหม้ของดินปืนผลักหัวกระสุนปืน (ซึ่งอาจมีรูปร่างหน้าตาหลายหลาย) ไปทำลายเป้าหมายด้วยความเร็ว และการระเบิด (ในยุคต่อมา)

ดินปืน ดินปืนดั้งเดิมแรกเริ่ม หรือที่แรกว่า ดินดำ (Black powder) นั้น ต่างกับดินปืนที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งเรียกว่าดินควันน้อย เป็นส่วนผสมทางเคมีของไนโตรเซลลูโลส ฯลฯ

ดินปืนแรกเริ่มคือดินปืนที่เผาไหม้แล้วมีควันโขมงโฉงเฉงอย่างที่เห็นในหนังเรื่องยุคเก่า หรือที่เห็นจากการเผาไหม้ของดอกไม้ไฟนั่นละครับ เป็นส่วนผสมของ ดินประสิว คาร์บอน และกำมะถัน ส่วนชาติใดคิดเป็นชาติแรกนั้น ดูทางจีนละมีหลักฐานว่าคิดจุดกันเล่นก่อนชาติอื่น ส่วนทางยุโรปก็มีหลักฐานว่าบาดหลวงเยอรมันชื่อ แบร์โธล ชวาส คิดเล่นแร่แปรธาติและเกิดค้นพบดินปืนขึ้นโดยบังเอิย

แต่ไม่ว่าใครจะค้นพบก่อน สิ่งที่สำคัญและเกี่ยวกับหัวข้อคือการนำมาใช้ในการรบ ทางจีนเอาดินปืนมาจุดเล่นให้เผาไหม้สวยงาม และทำประทัดสร้างเสียงดัง หยุดอยู่ที่จุดนี้ ส่วนทางยุโรปนั้นนำหน้าไปอีกขั้นคือนำไปอัดให้แน่นและเผาไหม้สร้างแกสขับวัตถุออกไป เนื่องจากในการเผาไหม้ของดินปืน มีการสร้างออกซิเจนขึ้นเอง ไม่ต้องอาศัยออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อม ถูกอัดอยู่ภายในท่อ หรือกระบอกอะไรก็สามารถเผาไหม้รวดเร็ว เกิดแรงดันสูงได้

จึงเกิดการใช้ดินปืนเป็นอาวุธปืนขึ้น หรือบางครั้งก็ทำเป็นจรวดในลักษณะของพลุยักษ์ 

(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ปล. ในเรื่องของจรวดพลุนี้ฝรั่งมีการใช้กับพอควร และอย่างน้อยถึงกับมีปรากฎในเพลงชาติอเมริกันท่อนหนึ่งว่า

"...and the rockets" red glare, the bomb bursting in air, gave proof through the night, that our flag wasstill  there"

เพลงนี้ผู้แต่ง ฟรานซิส สก๊อต คีย์ แต่งจากแรงบันดาลใจในการโจมตีป้อมอเมริกัน ฟอร์ด แมกเคนซีย์ ในปี ๑๘๑๔ (ชื่อสงครามคือ War of 1812 รบตั้งแต่ปี ๑๘๑๒-๑๘๑๔ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างเมกัน-อังกฤษ)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-13 01:24:36 IP : 83.52.222.56


ความคิดเห็นที่ 9 (2977338)
avatar
Don

ปล. ขอเพิ่มเติมเรื่องขบวนรบ มานิปูล ของโรมันครับ คือในโรมยุคหลังประมาณ๕สวรรษที่ ๒-๓ มานิปูลเริ่มเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ คือแทนที่ทหารจะตั้งกองเป็นสี่เหลี่ยมอย่างในตารางหมากรุก กองทหารเปลี่ยนรูปแบบเป็น แถบยาว __   __ เหลื่อม กันแทน และอาจจะมีความหนา ๓ ชั้น หรือแล้วแต่การจัดกำลังสำหรับสถานการณ์นั้นๆ

ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-13 01:29:23 IP : 83.52.222.56


ความคิดเห็นที่ 10 (2977347)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

 ต้องขอนอกเรื่องนิดนึง  เห็นคุณ Don บอกว่าสมัครสมาชิกแล้ว  เช็คดูในระบบสมาชิก  มีสมัครไว้จริง  แต่ยังไม่ได้ "ยืนยัน"  คือมันเป็นมาตรการป้องกันสแปมที่จะมีอีเมล์ที่ให้คลิกลิงก์เพื่อยืนยันการสมัคร  รบกวนตรวจสอบด้วยว่าได้รับเมล์ที่ว่านี้แล้วหรือมันไปหลงในเมล์ขยะ  เมื่อพบแล้วให้คลิกลิงก์ในอีเมล์นั้น  ก็สามารถล็อกอินเข้ามาโพสต์ได้โดยไม่ต้องกรอกรหัสกันสแปมครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com)ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-08-13 09:38:49 IP : 124.122.112.54


ความคิดเห็นที่ 11 (2977379)
avatar
soontorn1

ข้อมูลเยี่ยมไปเลยครับคุณ Don เมื่อก่อนเคยดูในหนัง ผมยังคิดเอาเองว่าทำไมเขาถึงโง่จัง ยืนให้คนอื่นยิงอยู่ได้ ไม่รู้จักหลบลูกปืน ตอนนี้พอเข้าใจแล้วครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น soontorn1 (soontorn1-at-sanook-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-08-24 21:43:19 IP : 125.26.208.45



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.