ก่อนเปิดเว็บเคยดูจาก VCD เมื่อหลายปีก่อน  ตอนนี้คงให้ความเห็นอะไรแทบไม่ได้  ตัวแผ่นอยู่ไหนยังเปิดได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ  ดูเหมือนมีอีกเวอร์ชันที่โจนออฟอาร์คไว้ผมยาวแต่เคยเห็นแค่ปกยังไม่เคยดูครับ  เดี๋ยวค่อยค้นข้อมูลในวิกิกับ IMDB มาฝากแทนดีกว่า

เรื่อง Joan of Arc ตามประวัติศาสตร์ http://en.wikipedia.org/wiki/Joan_of_Arc

หนังในเวอร์ชันนางเอกผมสั้นตามที่ตั้งกระทู้ถามเป็นของผู้สร้างฝรั่งเศส ดูข้อมูลที่ http://en.wikipedia.org/wiki/The_Messenger:_The_Story_of_Joan_of_Arc และ http://www.imdb.com/title/tt0151137/

ส่วนอีกเรื่องที่นางเอกผมยาวเป็นของอเมริกัน บังเอิญออกฉายปีเดียวกัน แต่เป็นมินิซีรีส์ มีข้อมูลที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Joan_of_Arc_%28miniseries%29 และ http://www.imdb.com/title/tt0178145/

เรื่องวีรสตรีโจน ออฟ อาร์ค นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่ดิฉันซาบซึ้งอย่างเต็มพิกัดอีกเรื่องหนึ่ง

การไปฝรั่งเศสของดิฉันเมื่อปีก่อน..ไม่มีการเดินถนนช๊อปแหลก..แต่มุ่งหน้าไปพักที่ เมือง Reims** หลายวันเลยทีเดียว..

(** Reims ฝรั่งเศสจะออกเสียงว่า..แรนซ์  คล้ายๆกับ ราแอนซ์ แต่ฝรั่งทั่วไปจะออกเสียงว่า รีนส์ หรือ รีมส์ ) 

ที่ตั้งใจไปนั้นเพราะอยากเห็นพระวิหารที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งหนึี่งของโลก นั่นคือ Notre-Dames de Reims  ที่ว่ากันว่า วีรสตรีโจน ออฟ อาร์คนั้นได้ตั้งกองกำลังรบอยู่รอบๆบริเวณพระวิหารเืพื่อยอมเข้าแลกชีวิตในการที่จะนำพระเจ้า Charles VII  เข้าไปทำพิธีราชาภิเษกให้จงได้ เนื่องจากเป็นราชประเพณีนับตั้งแต่โบราณมาว่า กษัตริย์ฝรั่งเศสทุกพระองค์์ต้องเข้าทำพิธีสวมมงกุฏโดยพระปฐมสังฆราชใน ณ.สถานที่แ่ห่งนี้   ซึ่งเ้ธอก็ได้ทำจนสำเร็จ..

เพราะการที่ต้องให้พระเจ้าชารลส์ที่เจ็ดนั้น เข้าพิธีราชาภิเษกนั้น..มีความสำคัญยิ่ง..เนื่องจากเป็นการป่าวประกาศให้ชาวฝรั่งเศสทั้งหลายได้ทราบว่า บัดนี้บ้านเมืองได้มีกษัตริย์ (ของตัวเอง) แล้ว..หาใช่ต้องอยู่ในอาณัติของกษัตริย์อังกฤษไม่..ทำให้ประชาชนมีขวัญและกำลังใจในการที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ ขับไล่อริราชศัตรูออกไป..

ถึงแม้ว่าต่อมา เธอจะต้องมาพลีชีพเพราะการพลาดท่าเสียที..แต่..ด้วยความสามารถของผู้หญิงเล็กๆคนเดียวที่สู้เพื่อประเทศชาติจนตัวตายนั้น..ได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นๆ..

พระวิหาร Notre-Dames de Reims นั้นใหญ่โต..สวยงามมากค่ะ..ทั้งๆที่ได้ทำการปฏิสังขรมาหลายครั้ง และที่เหลือให้เห็นนี่ก็นับว่างามมาก..เสียหายครั้งแรก คือ ไฟใหม้ในศตวรรษที่สิบสี่...

เสียหายหนักครั้งที่สอง..นั่นคือ การถูกถล่มด้วยปืนใหญ่ของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง..คราวนี้เสียหายมากแบบหมดไปเป็นแถบ รวมทั้งหลังคา

แต่..ได้มีกลุ่มเศรษฐีในบุญกลุ่มหนึ่งได้บริจาคทรัพย์แบบทุ่มไม่อั้น..ในการที่จะให้หินทุกก้อน..ดินทุกเม็ด ที่กองๆอยู่นั้น..ถูกนำเข้าประกอบกัน..และสร้างกลับเข้าไปในตำแหน่งเดิม..ทุกอย่างได้กระทำจนสำเร็จ...ปัจจุบัน..พระวิหารได้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกแล้วค่ะ

เศรษฐีใจบุญนั้น..ไม่ใช่ใครอื่นไกล...เขาคือ มหาเศรษฐีตระกูล Rockyfeller แห่ง สหรัฐอเมริกา ค่ะ

และถ้าถามว่าทำไม..เศรษฐีนักค้าอาวุธ เจ้าของบ่้อน้ำมัน ถึงได้มาสนใจซ่อมสร้างพระวิหารเก่าๆในต่างประเทศเล่า?

คำตอบคือ.."สามัญสำนึก" และั "ความสำนึกผิด" ล้วนๆเลยค่ะ..เพราะบรรพบุรุษดั้งเดิมของร๊อคกี้เฟลเล่อร์  คือชาวเยอรมันที่อพยพเข้าไปในในอเมริกา..เขารู้สึกผิด และ อาย..ที่..เยอรมันอันเป็นปิตุภูมิของเขาได้ทำการรบแบบนอกระบบ.. ป่าเถื่อนและไร้ศีลธรรม เนื่องจากไม่มีการรบที่ไหน ที่ข้าศึกจะเข้าทำหารทำลายล้างวัตถุโบราณที่มีค่าควรเมือง และ เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ (ที่เกี่ยวข้องกับเยอรมันด้วยซ้ำ  ถ้าอยากทราบว่า้เกี่ยวข้องอย่างไร..ต้องไปอ่านเรื่องของพระเจ้าชารล์มาญล์มหาราชค่ะ)  เท่านั้นไม่พอ..ที่น่าอายสุดๆ ก็คือ ในตอนนั้น ภายในพระวิหารได้ใช้เป็นโรงพยาบาลทหาร..และมีผ้าที่กาเครื่องหมาย"กาชาด" ขนาดใหญ่่ติดอยู่รายรอบ รวมทั้งบนหลังคา..เยอรมันก็ยังใช้ปืนใหญ่ยิงถล่ม.....

ลูกหลานตระกูลร๊อคกี้เฟลเล่อร์..จึงทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะ "ล้างอาย" ให้กับถิ่นกำเนิด และ เพื่อนร่วมชาติ..เพราะพวกเขาไม่อยากที่จะ"รู้สึกผิด" ไปจนชั่วชีวิต

ข้างในพระวิหารค่ะ

รูปปั้นของนางเอกของเรา  Joan of Arc  ที่ตั้งอยู่บนบริเวณพระวิหารด้านนอก เชื่อว่า เป็นที่ที่เธอตั้งกองกำลังอยู่

ที่นครวัด...มีนางอัปสรยิ้มใช่ไหมคะ...

ที่พระวิหาร นอรเตรอะ ดามส์ เดอ แรนซ์  ก็มีเช่นกัน  เป็นรูปปั้นนางฟ้าองค์เดียวจากจำนวนหลายสิบ ที่ยิ้มแย้ม งดงาม... ไม่ว่าใครที่ไปก็ย่อมต้องถ่ายรูปด้วยทั้งนั้น...แม้ว่าจะต้องนอนราบกับพื้นถ่ายก็ยอม..

เธอคือ The Smiling Angel  at Notre-Dams de Reims  ค่ะ

ผมพึ่งเห็นว่ามีความเห็นที่ 6 โดนระบบกักไว้เพราะนึกว่าเป็นสแปมอยู่ครับ  เลยเอามาคืนให้ครับ

อ้าว..อย่างงั้นหรือคะ...ดิฉันคิดว่าเป็นเพราะเครื่องของดิฉันมันเดี้ยงซะอีก...

ที่ Reims  อันเป็นเมืองเก่า..เป็นเมืองหน้าด่านที่จะต้องโดนถล่มทุกครั้งที่มีศึกสงครามกับเยอรมัน เพราะอยู่ชายแดนพอดี อีกทั้งเป็นเมืองเก่าที่โรมันมาสร้างเอาไว้..ถนนหรือเศษอิฐจากลานโคลีเซี่ยม รวมทั้งเสาอาคารต่างๆ..เขาเก็บไว้อย่างดีค่ะ..มีพิพิทธภัณฑ์มากมาย  เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจจริงๆ..