***พระเพทราชา***
avatar
ปติตันขุนทด


***พระเพทราชา***

พงศาวดารในเรื่องที่เกิดขบถขึ้นในเมืองไทย  เมื่อปี  ค.ศ.๑๖๘๘  (พ.ศ.๒๒๓๑)   ซึ่งเป็นปีที่เกิดขบถในเมืองอังกฤษนั้น   เป็นเรื่องที่ได้เล่ากันมาหลายครั้งหลายหนแล้ว   จึงไม่จำเป็นจะต้องกล่าวโดยยืดยาวในที่นี้  เพราะฉะนั้น  ในสมุดเล่มนี้เราจะได้กล่าวแต่เฉพาะเหตุที่สำคัญๆและข้อใดที่ผู้แต่งพงศาวดารเรื่องเมืองไทย   ได้แต่งไว้โดยกล่าวความาไม่ตรงกับความจริง    หรือที่ผิเพี้ยนไปนั้น   เราจะได้แก้ไขเป็นบางแห่ง  ให้ตรงกับความเที่เป็นความจริง   โดยได้ตรวจสอบกับจดหมายเหตุต่างๆ    อันได้รักไว้ในหอสมุดของ  กอลอนี  

อีกประการ ๑   ถ้าจะจกเว้นไม่กล่าวถึง   เรื่องที่กองทหารราบฝรั่งเสสต้องสู้รบกับไทยแล้ว    การขบถในเมืองไทยคราวนี้   ก็ไม่ผิดแปลกกับการขบถทั้งหลาย  ซึ่งเคยมีในฝ่ายทิศตะวันออกเลย   เพราะอะไร ๆ ก็เหมือนกันสทั้งสิ้น   คือการชิงราชสมบัติ   การลงโทษด้วยจารีตนครบาล   การฆ่าฟันกันล้มตาย   การเปลี่ยนผู้ปกครอง   คือคนเก่าก็ดุร้ายวางอำนาจ   คนใหม่ก็ดุร้ายวางอำนาจ   การเหล่านี้ก้มีเหมือนกันทุกคราวที่เกิดขบถ   และการขถบในเมืองไทยครั้งนี้   ก็มีเหมือนกันทุกคราวที่เกิดขบถ   และการขบถในเมืองไทยนี้   ก็มีสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน

ในเวลานั้น     มีข้าราชการคน ๑   ซวึ่งเป็นสคนโปรดของพระนารายณ์   มียศถึงออกพระ   ซึ่งบาดหลวงเบอบลังผู้เห็นการขบถด้วยตาของตนเอง   และเป็นคนรักอันสนิทของฟอลคอนกล่าวว่า   

"เป็นคนมีชาติกำเหนิดสมควรที่จะแจวเรือยิ่งกว่าจะครองราชสมบัติ"

การที่ข้าราชการผู้นี้ได้รับยศและตำแหน่งสูงถึงเพียงนี้   ก็ประกอบด้วยความเคราะห์ดี   และความฉลาดเฉลียวของตัว   ด้วยมารดาของข้าราชการผู้นี้   ได้เคยเป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์   และตัวของตัวเองก็ได้อยู่ในพระราชวัง   ได้ทำการประจบประแจงหลายพันอย่าง   สมเด็จพระนารายณ์จึงได้โปรดปรานนัก   จนถึงกับห่างพระองค์ไปไม่ได้   ข้าราชการผู้นี้มีชื่อว่า    พระเพทราชา

เวลานั้น    สมเด็จพระนารายณ์มีพระราชอนุชาสองพระองค์   พระราชอนุชาสองพระองค์นี้ได้คิดมักใหญ่ใผ่สูงอยู่    ทั้งความประพฤติก็เลวทรามอย่างที่สุด   แต่พระเพทราชาทราบในความคิดอันทุจริตของพระอนุชาทั้งสองนี้   จึงได้ทราบทูลยุแหย่สมเด็จพระนารายณ์  จนสมเด็จพระนารายณ์ทรงเกลียดชังพระอนุชา   จึงได้มีสับสั่งให้เอาสมเด็จพระอนุชามาลงพระราชอาญา   และได้จำขังเสีย

ที่สมเด็จพระนารายณ์   ได้ทรงลงพระราชอาญาอย่างร้ายแรงแก่พระอนุชาเช่นนี้   จึงทำให้พระอนุชาองค์  ๑  พระสติฟั่นเฟือน  อึกองค์  ๑  ก็ประชวรเป็นอำมะพาตด้วยก็จะเป็นได้   แต่จะอย่างไรก็ตาม   เมื่อพระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์ต้อง่รับพระราชอาญษจำชขังทั้ง  ๒  องค์เช่นนี้แล้ว   พระเพทราชาก็หมดที่กลัวเกรง   จึงได้ดำริการที่จะสวมพระมหามงกุฏเสียเอง   ในเวลาที่สมเด็จพระนารายณ์จะได้เสด็จสวรรคตไปแล้ว

พระเพทราชาเป็นคนกล้าหาญ  ไม่กลัวภัย   รูปร่างหน้าตาดี   เปผ็นคนใจเร้ว  เมื่ออายุได   ๕๕  ก็ยังมีกำลัวังชาเท่ากับเมื่อยังหนุ่มอยู่   เป็น่คนช่างพูด   เมื่อคิดการอย่างไร   ก็คิดอย่างกล้าหาญองอาจ  น้ำใจไม่บริสุทธิ์   และไม่จริงต่อใคร   แต่กระทำกิริยา  และใช้วาจาให้คนลุ่มหลง   เมื่อลักษณะของพระเพทราชามีดังนี้   จึงกระทำให้สมเด็จพระนารายณ์โปรดปรานนัก     และส่วนคนไทยทั่วไป    ก็มีความรักใคร่นับถือพระเพทราชามาก

การที่คอนซตันติน  ฟอลคอน มีอำนาจและมีคนเชื่อถือมากนั้น   หาเป็นการเสียหายต่อพระเพทราชาอย่างใดไม่  ทั้งสองคนก็ดูปรองดองกันดี   ถ้าดูภายนอกก็ดูเหมือนจะรู้ถึงกัน    แต่ความจริง  คนชาติกรีกก็คิดพยายามอยู่เสมอที่จะชิงหน้าที่ของพระเพทราชา   แลบะฝ่ายพระเพทราชาก็คอยหาโอกาสี่จะทำลายฟอลคอนให้จงได้   โอกาสนี้ได้มีขึ้นเมื่อปี  ค.ศ.  ๑๖๘๘      (พ.ศ.๒๒๓๑)    เมื่อราชทูตฝรั่งเศส  ลาลูแบร์   และเซเบเรต์   ได้กลับจากเมืองไทยไปแล้ว    เพราะในเวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์   ซึ่งได้ครองราชสมบัติมาได้ถึง    ๓๑  ปีแล้ว  ก็ทรงพระชราทั้งทรงพระประชวรพระโรคหืด    และพระปัปผาสะก็พิการด้วย   จึงเป็นอันสหมดกำลังที่จะว่าราชการแผ่นดินได้   ต้องประทับอยู่แต่ในพระที่   เพราะฉะนั้น  จึงโปรดให้ข้าราชการผู้ที่ทรงไว้พระทัยได้   ว่าราชการแผ่นดินแทนพระองค์ต่อไป

ครั้นเรือฝรั่งเศสได้ออกจากเมืองไทยไปแล้ว    การขบถที่ได้นัดหมายกันไว้อย่างเงียบๆ  จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะทำการได้ถนัด  ข้ออ้างพระเพทราชายกขึ้นมาอ้าง   สำหรับคิดการขบถคราวนี้  มีอยู่หลายข้อคือ

๑. กองทหารฝรั่งเศสได้เข้ามายึดบางกอกไว้แล้ว

๒. การกดขี่ข่มเหงของพวกชาวต่างประเทศ

๓. การทะเยอทะยานอันเกินกว่าเหตุของพวกนักพรตที่คิดการของศาสนา

๔. ความเย่อหยิ่งการกดขี่ของฟอลคอน   เพราะฟอลคอนได้เชื่อใจเป็นแน่แว่าการที่         ตัวคิดไว้คงจะเป็นการสำเร็จ  จึงมิได้ระวังตัวเลย

ข้อเหล่านี้  เป็นเรื่องที่ช่วยให้พระเพททราชาได้ทำการสะดวกขึ้นมาก   วิธีที่พระเพทราชใช้สำหรับเกลี้ยกล่อมคนนั้น   ก็โดยใช้อุบายต่างๆ  และใช้วธีหลอกหลวง  กล่าวคำเท็จบ้าง   หาความใส่คนอื่นบ้าง   บนบานบ้าง   กดขี่ให้คนกลัวบ้าง   สิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำให้พระเพทราชามีพรรคพวกเป็นอันมาก

ในครั้งนั้นมีข้าราชการหนุ่มอยู่คน  ๑  ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดปรานรักใคร่เปผ็นอันมาก   ทรงเลี้ยงดูให้อยู่ใกล้ชิดพระองค์อยู่เสมอ    และมีบางเสียงกล่าวข้าราชลการหนุ่มผู้นี้  สมเด็จพระนารายณ์ทรงเลี้ยงเป็นราชบุตรบุญธรรม   ข้าราชการหนุ่มผู้นี้มีนามว่า  ออกพระปีย์  หรือหม่อมปิด

ฝ่ายพระเพทราชขาก็เห็นว่าพระปีผู้นี้สมควรจะเกลี้ยกล่อมไว้   เพื่อช่วยในการประทุร้ายที่พระเพทราชาได้คิดไว้    พระเพทราชาจึงได้เข้าหาพระปีย์   ได้ปรึกษาหารือพบปะกันหลายครั้ง  แต่จะปรึกษากันว่ากระไรนั้นไม่มีใครทราบ  ลงท้ายที่สุดพระเพทราชาได้สาบานต่อพระปีย์ว่า   ถ้าพระปีย์ช่วยทำลายฟอลคอน  และพวกชาวต่างประเทศแล้ว   พระเพทราชาจะได้มอบราชสมบัติให้พระปีย์ได้ครองสต่อไป   ฝ่ายพระปีย์ไดรับคำสัญญของพระเพทราชาดังนี้   ก็มีความปีติยินดี  ปลื้มใจอย่างที่สุด   จึงได้รับสัญญาจะช่วยพระเพทราชาเป็นขบถต่อไป   และได้รับเปผ็นธุระจะเป็นผู้เฝ้าสมเด็จพระนารายณ์  ทั้งกลางคืนและกลางวัน   มิให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้เข้าไปเฝ้าเลยจนคนเดียว   แล้วพระปียืได้เชิญพระราชลัญจกร  มามอบไว้กับพระเพทราชา    พระเพทราชาจึงได้ใช้พระราชลัญจกรนั้นสำหรับสั่งเสียการงาน   และกระทำให้ข่าวอันเท็จต่าง  ได้แพร่หลายออกไปทั่วพระราชอาณาจักร

ในประเทศไทย  บุคคลจำพวกที่มีคนนิยมนับถือมากที่สุด   ก็คือคณะพระสงฆ์   พระสงฆ์เหล่านี้   ได้รับความยกเว้นทุกอย่าง   ภถาษีอากรก็ไม่ต้องเสียอย่างใด   การกะเกณฑ์ทั้งปวงก็ไม่ต้องถูกเกณฑ์  สิงสู่อยู่แต่ในอาราม   อาหารการรับประทานก็ได้ด้วยคนให้ทาน   เพราะพระสงฆ์เหลาสนี้ต้องไปเที่ยวขอทานตามบ้านทุก ๆบ้าน   บรรดาชาวไทยไม่ว่าคนตระกูลสูงหรือไพร่เลว  มีความนิยมนับถือพระสงฆ์เหล่านี้เป็นอันมาก   เพราะถือกันว่าพระสงฆ์เป็นเท่ากับล่ามอันมีศีลสำหรับมาแสดงพุทธโอวาท   พระเพทราชาก็ได้เคยครองผ้าเหลืองมาแล้ว   และได้เคยบวชเป็นพระสงฆ์อยู่หลายเดือน    จึงได้ไปเที่ยวเกลี้ยกล่อมหัวหน้าของสงฆ์   ซึ่งเรียกกันว่า  สังฆราช   โดยไปยุแหย่ให้พวกสงฆ์  มีความฤษยาพวกมิชันนารี   คือไปเที่ยวพูดว่า   พวกมิชันนารีโรมันคาธอลกได้ไปเที่ยวกระจายอยู่ทั่วพระราชอาณาจักรแล้ว   แล้วไปสั่งสอนศาสนาคริสเตียนอย่างเปิดเผย   ไม่ช้าพวกมิชันนารีคงจะได้ทำลายวัดวาอารามลงทั้งหมด   และพุทธศาสนาก็คงจะต้องสาปสูญไป   เพราะทนพวกมิชันนารีไม่ได้   เมื่อคณะพระสงฆ์ได้ยินได้ฟังพระเพทราชาอธิบายดังนี้ก็ตกใจจนตัวสั่น   เพราะถ้าพวกมิชันนารีได้ทำลายพระทุทธศาสนาจริงอย่างว่าแล้ว   พวกพระสงฆ์ก็จะขาดสิทธิที่เคยมีอยู่   ราษฎรพลเมืองก็คงจะหมดหนทางที่จะช่วยได้   ผลที่สูดพระสงฆ์เหล่านี้  ก็จะต้องไปขุดดินฟันหญ้า  หรือจะต้องไปแจวเรือสำหรับเลี้ยงอาชีวะต่อไป

ฝ่ายขุนนางข้าราชการที่เป็นคนตระกูลสูง ๆ  มิได้รับความเอื้อเฟื้อจากคอนวตันซ์  และคอนซตนซ์ก็มิได้คิดเอาใจพวกนี้ไว้เลย   จึงมีความฤษยาในการที่คอนซตันซ์มีอำนาจนัก    ก็เห็นชอบด้วยในการที่จะเกิดการขบถขึ้นครั้งนี้   เพราะตัวไม่มีผลเสียอะไรเลย   ด้วยพระเจ้าแผ่นดินมิได้มอบหมายการงานใหย่ ๆ ให้พวกนี้ทำจนอย่างเดียว   แต่ได้พระราชทานงานใหญ่ ๆ  ให้พวกชาวต่างประเทศทำเสียหมด   เพราะฉะนั้น  ถ้าได้ทำลายคนชาติกรีกลงเสียได้แล้ว   พวกขุถนนางข้าราชการเหล่านี้กลับจะได้เปรียบ   มีผลดีกว่าเก่าเสียอีก  เพราะคนชาติกรีกคนนี้  คิดแต่จะหาอำนาจใส่ตัว   เพื่อจะให้ขุนนางข้าราชการเหล่านี้ต้องเป็นผู้น้อยอยู่เสมอ   จึงได้เอาลูกกุญแจของประเทศไทยให้แก่ศัตรูดังนี้

***หอสมุด  กอลอนี  (Colony)   อยู่ที่ไหน    หลวงวิจิตรอ่านแปล  ภาษาฝรั่งเศสเก่ง  จึงได้เขียนพงศาวดารนี้ไว้   ถ้ามีผู้เก่งภาษาฝรั่งเศสค้นคว้าที่หอสมุดนี้  เกี่ยวกับสมัยอยุธยา   คงจะได้รู้อะไรอีกมาก  (ปติ   ตันขุนทด  -  คอมเม้นท์)

 

 

 

 

 

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ปติตันขุนทด (suchati2495-at-yahoo-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-02-28 08:57:06 IP : 125.26.98.8


1

ความคิดเห็นที่ 1 (2977908)
avatar
ไม่เชื่อประวัติศาสตร์ไทย

  "โดยไปยุแหย่ให้พวกสงฆ์  มีความฤษยาพวกมิชันนารี   คือไปเที่ยวพูดว่า   พวกมิชันนารีโรมันคาธอลกได้ไปเที่ยวกระจายอยู่ทั่วพระราชอาณาจักรแล้ว   แล้วไปสั่งสอนศาสนาคริสเตียนอย่างเปิดเผย   ไม่ช้าพวกมิชันนารีคงจะได้ทำลายวัดวาอารามลงทั้งหมด   และพุทธศาสนาก็คงจะต้องสาปสูญไป"

  บทความใช้คำที่เป็นลบกับพระเพทราชาทั้งนั้นครับ   เพราะอะไร? เพราะพระองค์ท่านเป็นสามัญชน หรือมาจากราชวงศ์บ้านพลูหลวงหรือครับ

  ถ้าความเป็นจริงคือ ฝรั่งเศส (พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔) ต้องการเอาสยามเป็นเมืองขึ้น (ซึ่งคนในยุโรปเขารู้กันทั้งนั้น) และสมเด็จพระนารายณ์ ฯ เป็นคริสต์ ก็จะกลับกลายเป็นว่าพระเพทราชาคือวีรบุรุษที่ปกป้องสยามจากการเป็นอาณานิคมของฝรั่วเศส หรือเปล่าครับ

  สำหรับผมพระเพทราชาคือวีรบุรุษ ไม่ใช่ผู้ร้ายอย่างที่ประวัติศาสตร์ไทยพยายามทำให้คนไทย "เชื่อ"

ผู้แสดงความคิดเห็น ไม่เชื่อประวัติศาสตร์ไทย (vipugdee-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2011-03-21 11:24:52 IP : 119.46.176.222


ความคิดเห็นที่ 2 (2977955)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

ข้อความที่ท่านผู้ตั้งกระทู้คัดลอกมานี้เป็นของท่านพลตรีหลวงวิจิตรวาทการครับ  ซึ่งก็เป็นแนวคิดหนึ่งหรือสำนักหนึ่งทางประวัติศาสตร์ไทย  พวกที่เขามองว่าพระเพทราชาเป็นฮีโร่มาปราบจักรวรรดินิยมฝรั่งเศสก็มีครับ  อย่าไปเหมาว่าประวัติศาสตร์ไทยหรือนักประวัติศาสตร์ไทยจะคิดทางเดียวกันไปหมด  และไม่ว่าใครจะคิดต่างกันอย่างไรอย่างน้อยต้องอิงหลักฐานข้อเท็จจริงครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com)ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2011-03-21 22:20:23 IP : 110.168.113.151



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.