ยังไง หรือ จะสื่อถึงอะไรครับ

ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าผู้ตั้งกระทู้ไปพบเห็นอะไรเข้า  เห็นด้วยในหลักการกว้างๆ นะครับว่าควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนรักและเข้าใจในความเป็นชาติ  แต่ "ใคร" จะจัดกิจกรรม "อะไร" และ "อย่างไร" นี่เรื่องยาวครับ

ผมเดาเอาว่า รั้วของชาติ ในความหมายของเจ้าของกระทู้ น่าจะหมายถึงผู้ที่มีอาชีพเป็นทหารเท่านั้น ถ้าผิดก็ขอภัยครับ ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคน ในฐานะเคยรับใช้ชาติมาสองปีเต็มๆ (พศ.2520-2522) ทั้งๆทีไม่ต้องการเลย แต่ถูกกฏหมายบังคับให้จับใบดำ- ใบแดง   ผมเคยคิดอยากจะถามท่านผู้เป็นใหญ่ในวงการทหารว่า ท่านแสดงอะไรไว้ให้เห็นได้ว่า ท่านคือผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีที่จะให้วัยรุ่นทำตามอย่างได้บ้าง  พูดถึงเรื่องนี่ยาวครับ

ทุกวันนี้ คำว่า "ชาตินิยม" อาจจะต้องมองในมุมใหม่แล้วหละครับ เพราะชาตินิยมแบบเดิม ๆ อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านได้นะครับ เราเองก็กำลังชะรวมกันเป็นประชาคมอาเซี่ยนอยู่แล้ว ชาตินิยมมากไป ก็ไม่เกิดผลดีเท่าไหร่

ส่วนการปลูกจิตสำนึกให้เห็นประโยชน์ส่วนรวม เรื่องนี้ ผมเห็นด้วยว่า น่าจะมี แต่ พูดก็พูดเถอะครับ ทุกวันนี้ อะไรคือประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ส่วนตัว ผมละงงเต็มทน นิยามไม่ถูกเสียแล้ว

เมื่อเป็นดั่งนี้ ก็เล่นนึกไม่ออก ว่าควรให้หน่วยงานใดเป็นผู้จัดดีหนะครับ  

 ขออ้างอิงความคิดเห็นของคุณ Naris สักนิด ผมว่าเรื่องการปลูกจิตสำนึกนั้น คงไม่ต้องรอให้หน่วยราชการไหนมาทำหรอกครับพวกเรากันเองนี่แหละครับ สามารถปลูกจิตสำนึกให้ลูกหลานไทยได้ ถ้าจะรอให้ข้าราชการไทยทำคงยากมากๆ เพราะเขาถูกดองความคิดไว้แล้ว เรื่องนี้แลกเปลี่ยนความคิดกันได้นะครับ

ผมเห็นด้วยครับ เรื่องหาลยๆเรื่องไม่ต้องรอให้รัฐทำก่อนก็ได้ ภาคเอกชน หรือภาคประชาชนทำเองก็ได้ แต่ประเด็นของผมอยู่ตรงที่ว่า ทุกวันนี้เราอาจจะต้องนิตามคำว่า "รักชาติ" ใหม่แล้ว รักชาติแบบ "คลั่งชาติ" มีอะไรก็ยุให้เอาเลือดทาแผ่นดิน ปกป้องผืนดินทุกตารางนิ้ว ก็ไม่ไหว ไม่ได้จะบอกว่า การปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนไม่ดีหรอกนะครับ แต่การปกป้องมีหลายวิธี ไม่จำต้องยึดติดกับการลากอาวุธมายิงกันให้เละ จึงจะถือว่ารักชาติหรอกครับ หรือการรักแบบ "ชาตินิยม" ยกย่องชาติพันธุ์ของตนว่าเหนือกว่า แล้วดูถูก เหยียดหยามเพื่อนบ้าน อันนี้ ก็ไม่ไหวหละครับ 

การรักชาติสมัยใหม่ คงต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง มองประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ดูอย่างในต่างประเทศสิครับ ฝรั่งเศษ-อังกฤษ รบกันมาเป็นร้อยๆปี คู่อังกฤษ-สเปน ก็ซัดกันออกจะลือลั่นสนั่นท้องน้ำ คู่ เยอรมัน-ฝรั่งเศษ ก็ใช่ย่อย ซัดกันซะเละแทบไม่เผาผีกันเลย ในช่วง WWI และ WWII แต่ทุกวันนี้ เขาปรองดองกัน เป็น EU ได้ยังไงกัน 

ถ้าเรายังคงสอนลูกหลายให้ "รักชาติ" แบบว่า ฝั่งตะวันออกก็ "เอาปราสาทของเราคืนมา ฆ่ามัน ฆ่ามัน" ฝั่งตะวันตกก็ "เอ้า...ศึกบางระจัน จำให้มั่นพี่น้องชาติไทย..." ด้านอิสานก็ "อ้ายเสี่ย_ อ้าย_าวเอิ๊ย" ไทยแลนด์พ่อทุกสถาบันในอุษาคเนย์เฟ้ย อิแบบนี้ มันก็ไม่ไหวนะครับ 

ดีไม่ดี พาลไปกันใหญ่ ไปขุดเอารัฐโบราณขึ้นมา เช่น "รักชาติเฟ้ย แต่ชาติปั__านี เอ้าชาวใต้ รักชาติม๊าย ถ้ารักหละก็ จงออกมา ...." หรือไปอ้างว่า เป็น "เจ้ามู_เมือง" แห่งล้านนาประเทศ จะกลับมาทวงแผ่นดิน เอ้า ชาวเหนือ รักชาติม๊าย...." ขึ้นมาจะยิ่งยุ่ง อ้ายนี่ก็เป็นการรักชาติแบบบิดผันไปแล้ว  

เพราะฉะนั้น เมื่อพูดว่า จะปลูกฝังความรักชาติ ผมก็คิดว่า มันไม่สำคัญ ว่า "จะปลูกฝังโดยใคร" แต่มันสำคัญตรงที่ว่า "จะปลูกฝังกันแบบใด" แบบสร้างสรรค์ หรือไม่เข้าท่า ซึ่งมีการมุ่งหวังผลประโยชน์แอบแฝง ซึ่งดีไม่ดี ยิ่งเป็นการทำลายชาติหนักเข้าไปใหญ่       

ความคิดผมเป็นอย่างนี้แลครับ น่าจะไม่จัดว่าเป็นความคิดที่ถูกดองไปแล้วหรอกกระมังครับ

ความคิดเห็นของคุณNaris ตรงกับผมเกือบทุกประการ เดี๋ยวนี้ผมแทบไม่ดูหนังสงครามเลย เพราะมัวแต่ไปนึกถึงความจริงที่ว่า คนที่ตายและบาดเจ็บระหว่างการสู้รบนั้น ส่วนมากไม่ได้รู้ความจริงเลยว่า พวกเขาต้องล้มตายและบาดเจ็บเพราะใคร ส่วนตัวผมคิดว่า สงครามเกิดจากความบ้าอำนาจ และการช่วงชิงผลประโยชน์ของคนบางคน และคนบางกลุ่มเท่านั้นครับ ต้องขออภัยที่มาแสดงความเห็นช้าไปหน่อย  ขอแถมอีกนิดครับ หรือว่าการก่อให้เกิดสงครามจะเป็นแผนลดประชากรของโลกหรือเปล่า เพราะดูจากสถิติสงครามแต่ละครั้งทำให้ประชากรของโลกในระหว่างนั้น เสียชีวิตลงไปไม่น้อยเลย