ภาพยนตร์อื้อฉาวที่เล่าถึงเรื่องราวเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์ต่อต้านชาวยิวในปี 1940 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ในประเทศเยอรมนี

โดยภาพยนตร์เรื่อง "จัด ซุส - อะ ฟิล์ม วิทเอาท์ คอนไซน์ส" (Jud Süss - Film ohne Gewissen)  ได้เล่าถึงสาเหตุว่าทำไม ภาพยนตร์เรื่อง "จัด ซุส" ถึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในยุคเผด็จการนาซี โดยเน้นถึงการตัดสินใจของนักแสดงนำว่าเหตุใดเขาถึงร่วมแสดง และคาดว่าอาจเกิดจากการเชิญชวนของนายโจเซฟ โกบเบล รัฐมนตรีคนหนึ่งในสมัยนั้น

แม้ว่าภายหลังภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะถูกแบนในปี 1945 และยังคงถูกเก็บรักษาอยู่ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติเยอรมนี และเปิดให้เข้าชมได้ โดยมีเงื่อนไขว่าต้องชมพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีความรู้ทางประวัติศาสตร์อย่างแท้จริงเท่านั้น

โดยภาพยนตร์ "ที่สร้างขึ้นมาใหม่" ดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อนำออกฉายในเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และการฉายในวงกว้างครั้งนี้ ก็เปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปได้รับชม เพื่อตัดสินใจด้วยตนเองว่าสิ่งใดเหมาะสมหรือไม่

เหตุการณ์ในภาพยนตร์เกิดขึ้นในสมัยจักรวรรดิไรช์ที่สาม เมื่อนักแสดงหนุ่ม เฟอร์ดินาน มาเรียน ซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก ต้องตัดสินใจว่าเขาจะรับหรือปฏิเสธข้อเสนอ ในการรับบทนำในภาพยนตร์ที่มีแนวคิดต่อต้านชาวยิว โดยอ้างอิงจากชีวิตของโจเซฟ ซุส

ส่วนโจเซฟ ซุส ออพเพนไฮเมอร์ ตัวจริงนั้น เป็นนักการเงินชาวยิวผู้ถูกประหารชีวิตที่เมืองสตุตการ์ดเมื่อปี 1738

 
โดยภาพยนตร์ดั้งเดิมที่สร้างในปี 1940 นั้น กำกับโดยไวต์ ฮาร์ลาน เต็มไปด้วยแนวคิดต่อต้านทัศนคติทั่วไปด้านเชื้อชาติของกลุ่มสังคม โดยสร้างภาพให้โจเซฟ ซุส เป็นบุคคลที่เชื่อใจไม่ได้และเจ้าเล่ห์

แต่ภาพยนตร์ฉบับใหม่นั้น วาดภาพให้เฟอร์ดินาน มาเรียน เป็นคนที่มีความทะเยอทะยานในอาชีพ และตระหนักอยู่เสมอว่าโกบเบลนั้นต้องการให้ภาพยนตร์ออกมาดีที่สุด

คาดว่ามีชาวเยอรมันมากกว่า 20 ล้านคนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในฉบับดั้งเดิม ในช่วงก่อนการสิ้นสุดสงคราม และมันก็ได้ถูกนำไปฉายในประเทศต่างๆในยุโรปด้วย

70 ปีต่อมาภาพยนตร์ฉบับใหม่ ซึ่งกำกับโดยออสการ์ โรห์เลอร์ ได้รับคำตำหนิจากนักวิจารณ์ในเยอรมนีว่า ทัศนคติที่มีต่อตัวละครที่เป็นจุดศูนย์กลางนั้นยังอ่อนด้อยเกินไป และภาพของโกบเบล โดยเฉพาะในฉากเลิฟซีนนั้น พวกเขากล่าวว่าดูน่าขันสิ้นดี

นักวิจารณ์ยังแสดงความเห็นกันอย่างกว้างขวางว่าโรห์เลอร์ ได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ไปค่อนข้างมาก โดยการวิพากษ์วิจารณ์ความพยายามในการสร้างการโฆษณาชวนเชื่อของพวกนาซี

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285303297&grpid=&catid=08

 

คลิปตัวอย่างครับ

http://www.youtube.com/watch?v=yaufiB06pdQ