***สิบสองจุไทย***
avatar
ปติตันขุนทด


***สิบสองจุไทย***

สิบสองจุไทย   มาแต่คำว่า สิบสองเจ้าไทย    เพราะเคยมีเมืองเจ้าปกครองสิบสองแห่ง

สิบสองจุไทยอยู่ตรงชายแดนของประเทศทั้ง๔คืออยู่ข้างใต้ของประเทศจีนอยู่ข้างเหนือของประเทศไทยอยู่ข้างตะวันออกของประเทศพะม่าและอยู่ข้างตะวันตกของประเทศญวน

ในท้องที่ๆกล่าวมาเดิมเป็นภูมิลำเนาของชนชาติไทยน้อยที่ได้ลงมาเป็นใหญ่ในประเทศไทยนี้นามอาณาเขตเรียกว่าสิบสองจุไทยเขตแดนเดิมเห็นจะกว่างใหญ่   พวกไทยที่นั้น จึงมีกำลังสามารถลงมาชิงได้แกนขอมแล้วตั้งประเทศลานช้าง    และประเทศลานนา  ตลอดลงมาจนไทยเประเทศเป็นแผ่นดินไทย บางทีจะเป็นเพราะเหตุที่พวกไทยโดยมาก   พากันอพยพลงมาอยู่เสียทางใต้    อันเป็นที่บริบูรณ์ดีกว่าภูมิลำเนาเดิมนั่นเอง จึงเป็นเหตุให้กำลังเมืองสิบสองจุไทยลดน้อยถอยลง    ประเทศที่ใกล้เคียง   ก็บุกรกเขตแดนเข้าไปโดยลำดับ    จนแดนสิบสองจุไทยที่เหลืออยู่มีแต่เมืองน้อยๆ แยกกันเป็น   ๓  ภาค  

ภาคตะวันออกต่อแดนพะม่าเรียกว่า     สิบสองปันนา

ภาคกลางต่อแดนจีน    คงเรียกว่า    สิบสองจุไทย

ภาคตะวันออกที่ต่อแดนญวน  เรียกว่าเมืองพวน

พวกไทยที่เป็นชาวเมืองในท้องที่   ๓   ภาคนั้น  ก็ได้ชื่อต่างกัน     พวกชาวสิบสองปันนา  ได้ชื่อว่า   ลื้อ     พวกชาวสิบสองจุไทยได้ชื่อว่า    ผู้ไทย    พวกชาวเมืองพวน   ได้ชื่อว่า   ลาวพวน    แต่พูดภาษาไทย และถือตัวว่าเป็นไทยด้วยกันทั้ง   ๓   พวก

ในสมัยเมื่อพวกไทยที่ลงมาตั้งประเทศล้านช้างมีอำนาจมาก    ได้บ้านเมืองพวกไทยทั้ง   ๓   ภาคที่กล่าวมาไว้ในอำนาจกรุงศรีสัตนาคนหุตทั้งหมด    ครันพะม่ามีอำนาจขึ้น    พะม่าชิงเอาแดนสิบสองปันนาไปเป็นของพะม่า     ต่อมาพวกเม่งจูได้ครองเมืองจีน  ๆ  จีนขยายอำนาจเข้ามาปกคลุมเอาทั้งแดนสิบสองปันนา   และสิบสองจุไทยไปขึ้นต่อจีนด้วย     มาถึงสมัยเมื่อญวนมีอำนาจดีขึ้น    ญวนก็เข้ามาปกคลุม     เองเมืองในแดนพวนไปเป๋นเมืองขึ้น   เพราะเมืองในแดนทั้งสองนั้น      เป็นแต่เมืองน้อย  ๆ  อยู่ชายแดนห่างไกลเมืองหลวงพระบาง    อันเป็นราชธานีกรุงศรีสัตนาคนหุต      ในสมัยนั้น   อำนาจประเทศไหนมาถึงตัวพวกท้าวขุนที่ครองเมืองเห็นว่าจะสู้ไม่ไหว้ก็    "ทู้"    คือยอมอยู่ในอำนาจ   พอให้พ้นภัย ทางกรุงศรีสัตนาคนหุตอันเคยขึ้นมาแต่เดอม  ก็คงยอมขึ้นอยู่อย่างแต่ก่อน    เมืองในแดนสิบสองจุไทย  และเมืองพวนจึงมักเป็นเมืองขึ้นหลายเจ้า  เรียกกันว่าเมืองสองฝ่ายฟ้า  เว้นแต่เหล่าเมืองที่อยู่ชิดเมืองหลวงพระบาง  เจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตตั้งท้าวพระยาออกไปเป็นตำแหน่งหัวพันปกครอง    เดิมมี   ๕  เมืองแล้ว   เพิ่มขึ้นอีกเมืองหนึ่ง    เรียกว่าเมืองหัวพันห้าทั้งหก  กรุงศรีสัตนาคนหุตปกครองไว้ได้แต่ฝ่ายเดียว    ต่อมากรุงศรีสัตนาคนหุต     เกิดแยกกันเป็นสองอาณาเขต   เจ้านครหลวงพระบาง   เป็นใหญ่ในอาณาเขตฝ่ายเหนือ   เจ้านครเวียงจันทร์    เป็นใหญ่ในอาณาเขตฝ่ายใต้      เมืองสิบสองจุไทยอยู่ใกล้ทางเมืองหลวงพระบาง     ก็ขึ้นต่อเจ้านครหลวงพระบาง     ส่วนเมืองพวนอยู่ใกล้ทางเมืองเวียงจันทร์    ก็ขึ้นต่อเจ้านครเวียงจันทน์สืบมา   แต่ครั้งเมืองหลวงพระบาง   และเมืองเวียงจันทน์ยังเป็นอิสระในสมัยเมื่อกรุงศรีอยูยายังเป็นราชธานี  มาจนเป็นประเทศราชขึ้นกรุงไทยในชั้นกรุงรัตนโกสินทร์   ครั้นถึงรัชกาล   ที่   ๓   เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งครองเมืองเวียงจันทน์ เป็นกบฎ   เอาเมืองพวนกับเมืองหัวพันทั้งห้าทั้งหก   ไปแลกความอุดหนุนของญวน   ญวนก็แต่งข้าหลวงเข้าอยู่กำกับ   แต่เมื่อไทยปราบปราบปรามพวกกบฏราบคาบแล้ว   พระบาทสมเด็จฯพระนั่งเกช้าเจ้าอยู่หัว    โปรดฯให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา    (สิงห์   สิงห์เสนี  )  ยกกองทัพขึ้นไปหัวพันห้าทั้งหก   พวกข้าหลวงญวนก็กลับไปหมด   ครั้งนั้นโปรดฯใสห้เลิกประเทศราชเวียงจันทน์เสีย   เอาหัวเมืองตามริมลำน้ำโขง    อันเคยขึ้นเมืองเวียงจันทน์อยู่แต่ก่อน มาขึ้นกรุงเทพฯ     และเมืองพวนนั้น    พระราชทานให้เป็นเมืองขึ้นเมืองหลวงพระบางต่อมาด้วย  เจ้านครหลวงพระบางซื่อตรง    และมีความชอบในครั้งนี้น   แต่เพราะเขตแดนเมืองสิบสองจุไทย    และเมืองพวนกว้างใหญ่  ทางที่จะไปถึงกันก็กันดาร  เมืองหลวงพระบางไม่มีกำลังพอที่จะปกปักรักษา ครั้นสิ้นศึกสงครามแล้ว  ญวนก็มาเกลี้ยกล่อมพวกเท้าขุนเจ้าเมืองพวนไปเป็นสองฝ่ายฟ้าอีก

ยังมีเรื่องตำนานอันว่าด้วยพวกชาวเมือง   ในดินแดนสิบสองจุไทย กับแดนเมืองพวนอีกส่วนหนึ่ง  ในท้องที่เหล้านั้น  พวกชาติไทยตั้งภูมิลำเนาอยู่โดยมากก็จริงแต่ยังมีชนชาติอื่นอีก  คือพวกข่าชาติหนึ่ง   พวกข่านี้เป็นเชื้อสายพวกขอมเดิม   เมืองไทยลงมาชิงได้ดินแดนก็ได้พวกขอมในท้องที่ไว้เป็นเชลย    พวกเชื้อสายขอมซึ่งเรียกว่าข่า จึงเป็นคนสำหรับพวกไทยใช้สรอยสืบมา   จนเป็นประเพณีในเมืองหลวงพระบาง    นอกจากพวกข่ายังมีเชื้อสายพวกจีน    ซึ่งอพยพหลบหนีมาแต่ครั้งพวกเม่งจูได้เป็นใหญ่ในเมืองจีน    แต่เมื่อมาอยู่ทางนี้แล้ว  มานิยมต่างกัน   จึงกลายไปเป็นสองพวก   พวกหนึ่งอยู่สมรสปะปนกับพวกไทยลูกหลานที่เกิดมา  พูดภาษาไทย  และประพฤติเป็นไทย   คงรักษาขนบธรรมเนียมจีบอยู่แต่บางอย่าง  จีนอีกพวกหนึ่งเที่ยวอยู่ตามภูเขาแต่ลำพัง  พวกของตนไม่ปะปนกับพวกไทย  ครั้นนานมาจึงได้นามว่า   แม้ว  และ   เย้า  เป็นต้น   ยังพวกญวนอีกพวกหนึ่ง   ซึ่งอพยพหนีภัยมา   ครั้งเกิดกบฏในเมืองญวน    เมื่อตอนปลายสมัยครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีในไทยประเทศนี้   ก็มาอยู่ปะปนกับพวกไทยทางเมืองพวน   จนเกิดเชือสายสืยมา    เพราะเหตุที่ชาวเมืองประเป็นเชื้อสายหลายชาติและทำเลท้องที่ก็อยู่ในระหว่างประเทศใหญ่   พวกชาวสิบสองจุไทย    กับชาวเมืองพวนจึงไปมาค้าขายกันกับเมืองจีน   เมืองญวน   และเมืองในราชอาณาเขตไทย   คุ้นเคยกับทุกฝ่ายด้วยกัน

(โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ   กรมพระยาดำรงราชานุภาพ)

(หลวงวิจิตรวาทการ    ประชุมพงศาวดารฉบับความสำคัญ เล่ม  ๕        สำนักพิมพ์เพลินจิตต์   ๒๔๙๕)

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ ปติตันขุนทด (suchati2495-at-yahoo-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-03-04 18:18:17 IP : 118.175.149.154


Copyright © 2010 All Rights Reserved.