ที่จริงเรื่องนี้จะคุยกันในเชิงประวัติศาสตร์ก็ได้ ว่าที่ประเทศไหนสร้างเขื่อนแล้วมันแก้ได้จริงหรือไม่ และเกิดผลกระทบอะไรบ้าง  ตัวผมเองยังนึกอะไรอย่างอื่นไม่ออก นอกจากมองว่ามันก็เป็น "เครื่องมือ" อย่างหนึ่ง  ด้วยความที่มันใหญ่โตหน่อย เลยมีคุณอนันต์โทษมหันต์  ไอ้ที่สร้างไปแล้วนั้นจำเป็นต้องอาศัยการบริหารจัดการที่ดี  ส่วนไอ้ที่คิดจะสร้างเพิ่มอาจจะต้องทบทวนให้ดีๆ รวมถึงพิจารณาการใช้ "เครื่องมือ" อย่างอื่นประกอบ เช่น เขื่อนขนาดเล็ก เหมืองฝาย หรือการขุดคลองใหม่ ลอกคูคลองเก่า  การปลูกป่าทดแทน การกลับมาปลูกบ้านใต้ถุนสูง ฯลฯ มองหลายๆด้านให้รอบคอบ ไม่ใช่คิดแต่เมกะโปรเจคท์ไว้คุยโตหาเสียงครับ

                     ที่ผมตั้งหัวข้อนี้ขึ้นมา เพราะมีประสบการณ์เรื่องน้ำท่วมกับครอบครัวตัวเองหลายครั้ง จนทำให้รู้ได้ว่าเขื่อนไม่สามารถแก้น้ำท่วมได้จริง  เขื่อนเป็นแค่ตัวชลอน้ำให้ไหลช้าลงเท่านั้น เพราะตัวเขื่อนเองต้องเก็บน้ำไว้ เมื่อไรที่เกินความจุในการเก็บ ก็ต้องปล่อยออกมา เหมือนกับที่เกิดเหตุในขณะนี้ ผมขอยืนยันว่ามนุษย์ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้แน่นอน แต่ควรปรับตัวเองให้อยู่กับธรรมชาติดีกว่า แล้วจะไม่เดือดร้อนอย่างทุกวันนี้ครับ  ขอแถมอีกนิด สำหรับคนที่มีบ้านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้าย้ายที่อยู่ใหม่ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเตรียมใจรับน้ำไว้ครับ ในอนาคตระดับน้ำในเจ้าพระยาจะสูงกว่านี้แน่นอน เพราะทุกๆพื้นที่มีชุมชน ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ต่างก็สร้างกำแพงกันน้ำไว้ไม่ให้ท่วมชุมชนของตัวเอง ผมเลยถามว่าน้ำฝนจากฟ้าจะไหลไปไหนได้ครับ ถ้าไม่เอ่อจนล้นอยู่ในแม่น้ำ ย้อนกลับไปเมื่อพ.ศ.2538 ที่บ้านพ่อผมริมเจ้าพระยา จ.ชัยนาท น้ำท่วมในบ้านประมาณ 20 ซม.ปีนี้ยังพออาศัยอยู่ได้จนน้ำลด ลำบากตอนถ่ายทุกข์หนักนิดหน่อย  เว้นมา 11 ปี พ.ศ.2549 ท่วมในบ้านเพิ่มขึ้นเป็น 50 ซม.เริ่มอยู่ไม่ได้แล้ว ต้องไปอาศัยบ้านญาติแทน สองปีที่ผ่านมาใช้เวลาท่วมไม่เกิน 2 สัปดาห์ แต่พ.ศ. 2554 น้ำท่วมพ้นขอบนน่าต่างบ้านชั้นล่าง ตู้เย็นสองประตูลอยน้ำได้เหมือนเรือ ท่วมนานเกือบสองเดือนครับ ลองไปพิจารณาดูนะครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย