*  *  *

ฮานนิบาล  -  หลังสงครามฮานนิบาล

สถานการณ์เดิม  .  .  . 

          หลังสงครามฮานนิบาลซึ่งคาร์เธจยอมทำสัญญาสงบศึก   ด้านดินแดน  คงเหลือเฉพาะดินแดนเดิมในอาฟริกาเท่านั้น  ต้องเสียเกาะต่างๆ เช่น  เกาะคอร์ซิกา(Corsica)  เกาะซาร์ดิเนีย  (Sardinia)  และดินแดนแคว้นไอบีเรียแหล่งสร้างเงิน และความมั่งคั่ง    มีเรือรบได้  ๑๐  ลำ   ต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนมาก    .  .  .  ครับ  .  .  .  เชิญติดตามสถานการณ์กันต่อไปนะครับ  .  .  .

 

คาร์เธจหลังสงครามฮานนิบาล

          แม้ว่าคาร์เธจจะถูกถอดเขี้ยวเล็บอย่างสิ้นเชิง   แต่การค้า การลงทุนของคาร์เธจก็ขยายตัวได้อย่างรวดเร็วจนเป็นที่อิจฉาของกรุงโรม

            คาร์เธจคงเหลือดินแดนที่เป็นของคาร์เธจแท้ๆ  ในอาฟริกาเท่านั้น   ทางด้านตะวันตกเป็นดินแดนของพระราชามาซินิสซาแห่งนูมิเดียก็เป็นภัยคุกคามอยู่

          ในเรื่องการเสียค่าปรับก็เป็นไปอย่างไม่สมเหตุสมผล  เพราะพวกคนมั่งมีเป็นกลุ่มที่มีบทบาทและอำนาจมากในการปกครองคาร์เธจพยายามรักษาประโยชน์ตน  ตั้งใจว่าจะต้องมีส่วนเสียค่าปรับให้น้อยที่สุด    จึงขึ้นภาษีสำหรับประชาชนทั่วไปอย่างมาก    และเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องก็ฉ้อโกงเอาภาษีที่เก็บมานี้เป็นของส่วนตัวเสียอีกมาก 

           ส่วนฮานนิบาลยังคงเป็นแม่ทัพ   ประจำอยู่ทางตะวันตกเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากพระราชามาซินิสซาแห่งนูมิเดียทางด้านตะวันตก    แต่ก็ยังถูกฝ่ายตรงข้ามในสภาคาร์เธจและรัฐบาลโรมันก็ไม่สบายใจที่ฮานนิบาลยังคงเป็นแม่ทัพอยู่  พยายามหาเหตุยุยงรัฐบาลคาร์เธจให้ปลดฮานนิบาลอยู่เสมอ

          ครับ  .  .  .  โลกรอบเมดิเตอเรเนียนส่วนนี้ก็คงดำเนินไปดังนี้  .  .  .  แต่ส่วนอื่นของโลกรอบเมดิเตอเรเนียนก็ยังดำเนินต่อไป  .  .  .  ขอเท้าความสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเสียหน่อย  นะครับ  .  .  .  คงจำกันได้ว่า  เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ใน  พ.ศ.๒๑๙  (๓๒๔  ปีก่อนคริสตศักราช)  นั้น  อาณาจักรของพระองค์ก็แยกออกโดยข้าหลวงต่างพระองค์ในมณฑลต่างๆ  ต่างตั้งตนเป็นเจ้าแผ่นดิน  เกิดแยกเป็นประเทศต่างๆ  ได้แก่

          - พโตเลมี   (Ptolemy)  สหายตั้งแต่วัยเยาว์ และขุนทหารใหญ่  ครอบครองอียิปต์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์พโตเลมี 

          - เซเลียวคุส  นิคาร์เตอร์   (Seleucus  Nicator)  ขุนทหารใหญ่ได้เมโสโปเตเมีย (Mesopotamia)  เปอร์เซีย  และซีเรีย  เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เซเลียวซิด  (Seleucid) 

          - แอนติโกนุส   (Antigonus)  เป็นพระราชาครองมาเซโดเนียสืบไป

 

 

 

อาณาจักรของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ที่แยกออกเป็นหลายอาณาจักร

 

 

           ครับ  .  .  .  ทีนี้ก็ติดตามโลกรอบเมดิเตอเรเนียนในยุค พ.ศ.๓๔๐  กันต่อไป  นะครับ

 

โลกรอบเมดิเตอเรเนียน

           ราชวงศ์เซเลียวซิดแห่งซีเรียนั้นได้สืบต่อมาจนถึงยุคที่กำลังกล่าวกันนี้ พระราชาอานติโอคุส  (Antiochus)   ทรงปรารถนาจะขยายพระราชอาณาเขตให้แผ่กว้างไกลไพศาล  ซึ่งขณะนี้ได้เอเซียไมเนอร์  และอาร์เมเนียส่วนหนึ่งแล้ว  และทรงชักชวนพระเจ้าฟิลิปที่ ๕   แห่งมาเซโดเนีย  ให้สนพระทัยด้านตะวันออกด้วย

 

พ.ศ.๓๔๒  (๒๐๑  ปีก่อนคริสตศักราช) 

         พระเจ้าฟิลิปที่ ๕   แห่งมาเซโดเนียเข้าโจมตีเมืองกรีกที่เป็นพันธมิตรกับกรุงโรมอีกหลายเมือง  รวมทั้งเกาะโรดส์  (Rhodes)   (ทีแรกก็เป็นพันธมิตรกับฮานนิบาลทำสงครามกับโรมัน  ครั้นเห็นว่าฮานนิบาลทำท่าแพ้โรมันแน่  ก็ทำสัญญาสงบศึกกับโรมัน)   ทำให้ทางโรมันไม่พอใจ พระเจ้าฟิลิปที่ ๕  จึงจำต้องแสวงหาพันธมิตรจะพึ่งคาร์เธจก็ไม่ได้  ก็ต้องร่วมมือกับพระราชาอานติโอคุสให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

          ต่อมา  พระเจ้าฟิลิปที่ ๕   แห่งมาเซโดเนียก็ข้อขัดแย้งกับรัฐเอเธนส์  (กรีกด้วยกัน) อีก   เอเธนส์ต้องขอให้กรุงโรมช่วยเหลือ    ทางกรุงโรมก็เตรียมการทำสงครามกับกรีกมาเซโดเนีย    แต่สภาผู้แทนราษฏรไม่เห็นด้วยเพราะเพิ่งเสร็จสงครามฮานนิบาลมาใหม่ๆ  แต่สภาเซเนตชี้แจงว่า  หากไม่ทำสงครามกับ พระเจ้าฟิลิปที่ ๕    ในแผ่นดินกรีซเสียแต่ตอนนี้    ต่อไปหากพระเจ้าฟิลิปที่ ๕ มีแสนยานุภาพกล้าแข็งขึ้นก็ต้องรบกันในแผ่นดินโรมัน  และยกตัวอย่างว่าไม่รีบรบกับฮานนิบาลในแคว้นไอบีเรียตั้งแต่ฮานนิบาลยึดเมืองซากุนตุม  จึงได้กลายเป็นสงครามใหญ่โต ในที่สุด  สภาผู้แทนราษฏรก็เห็นด้วย    ครับ  .  .  .  ก็นับว่าฮานนิบาลได้สอนชาวโรมันให้รู้ว่าต้องทำลายข้าศึกเสียก่อนที่ข้าศึกจะกล้าแข็งขึ้น

          ระหว่างที่โรมเตรียมรบกับมาเซโดเนียอยู่นั้นก็มีนายทหารคาร์เธจท่านหนึ่งซึ่งตกค้างอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีสามารถยุยงปลุกให้ชาวกอลก่อการกำเริบต่อโรมแต่ไม่สำเร็จทางโรมก็สงสัยว่าฮานนิบาลมีส่วนในการนี้    ทางฮานนิบาลก็ไม่สบายใจเกรงว่าจะเดือดร้อนจึงลาออกจากจากตำแหน่งแม่ทัพ  และเดินทางกลับกรุงคาร์เธจ  .  .  .

          ส่วนการสงครามโรมกับมาเซโดเนียนั้น   ในปีแรกนี้  ฝ่ายมาเซโดเนียเป็นฝ่ายได้เปรียบ

          การทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐคาร์เธจรุนแรงมากขึ้น  จนกระทั่งใน พ.ศ.๓๔๔  (๑๙๙  ปีก่อนคริสตศักราช)  หาเงินส่งให้กรุงโรมได้ไม่พอ  กรุงโรมไม่ยอมรับ    จึงเกิดเป็นเรื่องโด่งดังขึ้น   (ค่าปรับปีละ  ๒๐๐  Silver talents)  

 

พ.ศ.๓๔๗  (๑๙๖  ปีก่อนคริสตศักราช)

ซุฟเฟต   แก้ปัญหาการเมือง การคลัง

          เมื่อฮานนิบาลกลับสู่กรุงคาร์เธจแล้ว  ก็ได้รับเลือกเข้าในสภาผู้มีปัญญา  นับว่าฮานนิบาลได้เริ่มเข้าสู่วงการเมืองคาร์เธจอย่างสมบูรณ์แล้ว    เนื่องจากประชาชนต้องเสียภาษีมากขึ้น จึงเข้าหาให้ฮานนิบาลช่วยเหลือ  ฮานนิบาลจึงเป็นที่นิยมของประชาชนมากขึ้นๆ  จน  พ.ศ.๓๔๗  (๑๙๖  ปีก่อนคริสตศักราช)   ฮานนิบาลก็ได้รับเลือกเป็นซุฟเฟต  เช่นเดียวกับบิดา

           เมื่อได้เป็นซุฟเฟตแล้ว    ฮานนิบาลพยายามแก้ปัญหาการเมือง การคลังของคาร์เธจ   ฮานนิบาลปรารถนาให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปอย่างยุติธรรม  แต่พวกมั่งมีซึ่งมีอำนาจและบทบาทมากในการปกครองพยายามปกป้องประโยชน์ตน    ดังนั้น  ฮานนิบาลจึงต้องปรับแก้ระบบการเมืองโดยทำลายอำนาจพวกมั่งมีที่ครอบงำสภาผู้มีปัญญาเสียก่อน

           ปัญหาการเมือง ฮานนิบาลปลุกสภาผู้แทนราษฎรให้มีบทบาทขึ้นมาอีก  และได้ออกกฏหมายให้เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้มีปัญญาทุกปี  และจะเป็นสมาชิกสองปีติดต่อกันไม่ได้

         เมื่อแก้ไขปัญหาการเมืองได้แล้ว  ก็แก้ปัญหาการคลังได้ง่ายไม่ต้องขึ้นภาษีอีก      ฮานนิบาลแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ภายในเวลาเพียงปีเดียว  จึงเป็นที่นิยมรักใคร่ของประชาชาวคาร์เธจส่วนใหญ่

          ฝ่ายพวกมั่งมี และพวกที่เสียประโยชน์จากฮานนิบาลซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากก็พยายามดิ้นรน   เมื่อหาทางสู้ในคาร์เธจไม่ได้  เพราะประชานิยมฮานนิบาลมากกว่า  ก็จำต้องหันเข้าหาศัตรูของฮานนิบาลคือ "กรุงโรม"    เพื่อให้ช่วยกำจัดฮานนิบาล    แต่กงสุลสกิปิโอ  อาฟริกานุส  เห็นว่าคาร์เธจปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาสงบศึกอย่างถูกต้องสมบูรณ์  การที่โรมจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองภายในคาร์เธจย่อมไม่เหมาะสม

          โรมยังคงทำสงครามกับมาเซโดเนียอยู่ต่อไป    แต่ทางโรมันสามารถเกลี้ยกล่อมรัฐกรีกบางรัฐให้มาเข้ากับโรมันแทนที่จะเป็นฝ่ายมาเซโดเนีย  และพระราชาอานติโอคุสก็ยุ่งอยู่กับปราบกบฏของตนจึงส่งกำลังมาช่วยพระเจ้าฟิลิปไม่ได้    ดังนั้น  .  .  .  โรมจึงมีชัยต่อมาเซโดเนียอย่างเด็ดขาด

          ฝ่ายพระราชาอานติโอคุสเมื่อสิ้นพันธมิตรพระเจ้าฟิลิป  แห่งมาเซโดเนียแล้วจึงหวังได้คาร์เธจเป็นพันธมิตรเพราะทราบว่าฮานนิบาลกำลังฟื้นฟูคาร์เธจอยู่    เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เป็นช่องทางของฝ่ายปรปักษ์กับฮานนิบาล    รีบส่งข่าวไปกรุงโรมว่า  ฮานนิบาลติดต่อกับพระราชาอานติโอคุส    ทางกรุงโรมจึงถือเป็นความชอบธรรมที่จะกำจัดฮานนิบาล  โดยส่งคณะฑูตไปกรุงคาร์เธจแต่ภารกิจที่แท้จริงคือการจับฮานนิบาล    แต่ฮานนิบาลก็รู้ตัว  และลอบหนีไปได้  .  .  .  สู่ราชสำนักพระราชาอานติโอคุส

 .  .  .  จากเด็กชายน้อยบุตรแม่ทัพใหญ่  -

ผู้บัญชาการทหารม้า  -  แม่ทัพใหญ่คาร์เธจ  -

นำกองทัพข้ามภูเขาแอลป์สสู่คาบสมุทรอิตาลี  -    ย่ำยีบดขยี้กองทัพโรมัน  -

เคาะประตูกรุงโรม  -  กลับมาป้องกันบ้านเกิด  -  แก้ปัญหาบ้านเมือง  -

เป็นที่นิยมประชาส่วนใหญ่  -  ไม่ถูกใจพวกมั่งมี  -  ให้ไพรีช่วยกำจัด  -

ต้องพลัดพรากถิ่นรัก  -  สู่ราชสำนักพระราชาอานติโอคุส 

 

          .  .  .  ครับ  .  .  .  เมื่อมองพวกมั่งมี  และผู้มีอำนาจบารมีแห่งกรุงคาร์เธจซึ่งมีชาวคาร์เธจเป็นคนเก่งมีปัญญาสร้างคุณประโยชน์ให้แผ่นดินเกิดอย่างมหาศาลแทนที่จะส่งเสริมให้นำพาอาณาจักรให้รุ่งเรือง  กลับพยายามกำจัด  เพียงเพราะไม่ยอมศิโรราบอ่อนน้อมแก่ตนเองและหมู่คณะของตน    เมื่อไม่สามารถกำจัดได้ก็ร้องขอให้ศัตรูช่วยกำจัดให้  .  .  . 

          พวกมั่งมี  และผู้มีอำนาจบารมีแห่งกรุงคาร์เธจยุคนั้นคงคิดว่าตนและพวกพ้องเท่านั้นที่เป็นเจ้าของอาณาจักรคาร์เธจนะครับ 

 

ที่ปรึกษาพระราชาอานติโอคุส

          จากกรุงคาร์เธจ  ฮานนิบาลลอบลงเรือไปเมืองไทร์  พักอยู่  ๒ - ๓  วัน  ก็เดินทางต่อไปเมืองเอฟิซุสเข้าเฝ้าพระราชาอานติโอคุส   ซึ่งเป็นอาณาจักรเดียวที่ยังเป็นปรปักษ์กับกรุงโรม

          กรุงโรมเมื่อทราบว่าพระราชาอานติโอคุสทรงได้ฮานนิบาลเป็นที่ปรึกษาก็กังวลใจมาก  เพราะพระราชาอานติโอคุสมีสามารถเรียกทหารได้มากจากเอเซียไมเนอร์  ทางฝ่ายพระราชาอานติโอคุสได้ชักชวนพระราชายูเมเนส  (Eumenes)  แห่งอาณาจักรเปอร์กามุม  (Pergamum)  ซึ่งเป็นอาณาจักรติดต่อทางเหนือ    และสืบเนื่องมาจากขุนศึกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเช่นกัน  แต่พระราชายูเมเนสไม่ตกลงด้วย   พระราชาอานติโอคุสจึงมีดำริที่จะแบ่งอำนาจกับกรุงโรมด้วยการเจรจา

 

 

 

อาณาจักร ซีเรีย  เปอร์กามุม  และ บิธีเนีย

 

พ.ศ.๓๔๙  (๑๙๔  ปีก่อนคริสตศักราช)

          พระราชาอานติโอคุสส่งคณะฑูตไปกรุงโรมเพื่อเจรจาแบ่งอำนาจ และเป็นมิตรกัน  แต่ทางกรุงโรมถือว่าเป็นต่อ และต้องการได้เปรียบอย่างมาก  จึงไม่เป็นที่ตกลงกัน    แต่ฑูตของพระราชาอานติโอคุสก็รับรองกับสภาเซเนตของโรมันว่า  พระราชาอานติโอคุสไม่มีพระประสงค์จะทำสงครามกับโรมเลย

          ทางฝ่ายโรมก็ตกลงส่งคณะฑูตพิเศษไปสังเกตการณ์ในเอเซียก่อน    แต่คณะฑูตนี้เดินทางบก  ได้แวะอาณาจักรเปอร์กามุม  และเข้าเฝ้าพระราชายูเมเนสซึ่งได้กล่าวร้ายพระราชาอานติโอคุสต่างๆ เพื่อเป็นการยุยงไม่ให้โรมเป็นพันธมิตรกับพระราชาอานติโอคุส

           สกิปิโอ  อาฟริกานุส ซึ่งได้พ้นตำแหน่งกงสุลได้ร่วมอยู่ในคณะฑูตพิเศษนี้ด้วย    ทั้งหัวหน้าคณะฑูต และสกิปิโอต่างได้ไปเยี่ยมฮานนิบาล

          การที่คณะฑูตโรมัน  และ สกิปิโอ  อาฟริกานุสได้ไปเยี่ยมเยียนฮานนิบาลนี้  นักประวัติศาสตร์แสดงความเห็นว่า    ทางกรุงโรมอาจจะต้องการแสดงให้ฮานนิบาลเห็นว่าโรมไม่ได้โกรธเกลียดฮานนิบาลเป็นการส่วนตัว  และหวังว่าฮานนิบาลจะอยู่อย่างสงบโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมือง  (คือไม่ช่วยพระราชาอานติโอคุสรบกับโรมัน)  หรือหวังให้พระราชาอานติโอคุสระแวงฮานนิบาลก็เป็นได้

          อย่างไรก็ตามคณะฑูตพิเศษของโรมก็ดูเหมือนไม่ได้ผลกลับไป  เพราะโรมจะไม่ให้พระราชาอานติโอคุสเรียกเก็บส่วยสาอากรจากเมืองกรีกต่างๆ ในเอเซีย  (โรมถือว่าเป็นผู้คุ้มครองเมืองกรีกบางเมือง)  แต่พระราชาอานติโอคุสไม่ยอม    เมื่อคณะฑูตกลับไปแล้ว  คณะเสนาบดีของพระราชาอานติโอคุสก็ทูลเสนอให้ทำสงครามกับโรมันในแผ่นดินกรีซและส่งฮานนิบาลกลับอาฟริกา  ฮานนิบาลจึงต้องทูลเจตนาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกรุงโรมจนพระราชาอานติโอคุสเข้าใจดี

          ทางกรุงโรมก็ยุยงเมืองกรีกในเอเซียให้กระด้างกระเดื่องไม่ยอมส่งส่วยให้พระราชาอานติโอคุส  และให้ฟลามินิอุสนำกองทัพกลับไปในดินแดนแคว้นกรีกอีก  ปรากฏว่าพวกอิโตเลียน  และพระราชานาบิสแห่งสปาร์ตา  (Nabis  of  Sparta)   เลือกเป็นพันธมิตรกับพระราชาอานติโอคุส    ส่วนเมืองกรีกอื่นๆ ยังควภักดีต่อโรมอยู่  เว้นพระเจ้าฟิลิปแห่งมาเซโดเนียยังคงสงวนท่าทีอยู่

          พระราชาอานติโอคุสทรงนำทัพจำนวน  ๑๐,๐๐๐   ไปขึ้นฝั่งที่เมืองลาเมีย  (Lamia)   โดยมีฮานนิบาลเป็นที่ปรึกษา    พวกอิโตเลียนเห็นพระราชาอานติโอคุสนำกองทัพมาเพียงนี้ก็ท้อใจไม่อยากรบ พระเจ้าฟิลิปแห่งมาเซโดเนียรำลึกถึงอดีตว่าเป็นอริกับพวกอิโตเลียน และคิดถึงพระราชาอานติโอคุสว่าไม่ยอมส่งกองทัพมาช่วยครั้งเมื่อพระองค์ทำสงครามกับโรม  จึงตัดสินพระทัยเป็นพันธมิตรกับโรม       กองทัพของพระราชาอานติโอคุสปราชัยต่อกองทัพโรมันในการรบกลางแปลง    พระองค์และคณะ  รวมทั้งฮานนิบาลสามารถกลับเข้าในเอเซียได้ แต่ฮานนิบาลก็คาดการณ์ไว้ว่าโรมจะต้องส่งกองทัพตามมา

 

 

 

 

ฮานนิบาลไปอยู่ที่เมืองไทร์

กรุงโรม

          เมื่อชนะสงครามก็คิดดีใจว่าสงครามสงบแล้ว  แต่สกิปิโอ  อาฟริกานุสเตือนว่ากองทัพของพระราชาอานติโอคุสถูกทำลาย เพียงเล็กน้อย  ต่อไปไม่ช้าก็จะสามารถรวบรวมสร้างกองทัพมารุกรานโรมันได้อีก  สมควรที่จะตามไปทำสงครามให้เด็ดขาดเสียเลย    ในที่สุดโรมก็ให้กงสุลลูซิอุส สกิปิโอ  (Lucius Scipio)  น้องชายสกิปิโอ  อาฟริกานุสนำกองทัพโรมันไปกรีซ  โดยสกิปิโอ  อาฟริกานุสเป็นที่ปรึกษาไปในกองทัพด้วย   

          ในกรีซ  อาซิลิอุสกำลังนำกองทัพทำศึกกับพวกอิโตเลียน  สกิปิโอ  อาฟริกานุสจึงจัดการสงบศึกเสียก่อน    แล้วเตรียมเดินทัพไปทำสงครามกับพระราชาอานติโอคุสในเอเซียไมเนอร์

          ส่วนฮานนิบาลที่เมืองไทร์ได้รวบรวมกองเรือชาวฟินิเชียนเพื่อจะไปช่วยกองเรือของพระราชาอานติโอคุส    แต่ระหว่างทางถูกกองเรือของเกาะโรดส์   (Rhodes / Rhodos)  เมืองกรีกพันธมิตรโรมในเอเซียไมเนอร์ เข้าโจมตี   จึงไม่บรรลุภารกิจ

 

          กงสุลลูซิอุส สกิปิโอนำกองทัพโรมันข้ามช่องเฮเลสปอนท์  (Hellespont  -  ปัจจุบันคือช่องดาดะแนลลส์)   เข้าไปในเอเซียไมเนอร์ได้เรียบร้อย   ปะทะกับกองทัพพระราชาอานติโอคุสที่เมืองมากเนเซีย  (Magnesia)      ถึงแม้ว่าจะมีกองทัพใหญ่กว่า  พระราชาอานติโอคุสก็ขอเจรจาสงบศึกแต่ทางโรมเรียกร้องมากเกินไป  จึงต้องทำสงครามกันต่อไป    ในที่สุด   เดือนมกราคม  พ.ศ.๓๕๓  (๑๘๙  ปี ก่อนคริสตศักราช)  กองทัพทั้งสองก็ได้ทำการรบกลางแปลง    กองทัพโรมันสามารถทำลายกองทัพพระราชาอานติโอคุสได้เด็ดขาด    กงสุลลูซิอุส สกิปิโอก็ได้รับการยกย่องเช่นพี่ชาย  คือได้สมญาต่อท้ายชื่อว่าเอเซียติคุส  (Asiaticus)  เป็นเกียรติยศ

 

สู่ราชสำนักพระราชาพรูเชียสแห่งบิธีเนีย 

          ส่วนฮานนิบาลนั้น  เกรงว่าในสัญญาสงบศึกจะกำหนดให้พระราชาอานติโอคุสส่งตัวให้โรม     ฮานนิบาลจึงเดินทางจากเอเซียไมเนอร์ ไปยังเกาะครีต  (Crete)    ต่อมาพระราชาพรูเชียสแห่งบิธีเนีย  (Prusius  of  Bithynia)    ชักชวนให้ไปเป็นที่ปรึกษาทางทหาร      ฮานนิบาลรับราชการในราชสำนักพระราชาพรูเชียสอยู่หลายปี  มีส่วนถวายคำแนะนำพระราชาพรูเชียสในการทำสงครามกับพระราชายูเมเนส แห่งเปอร์กามอน

 

พ.ศ.๓๖๐  (๑๘๓  ปี ก่อนคริสตศักราช)  

".  .  .  เราควรจะช่วยชาวโรมันมิให้หนักใจอีกต่อไป  .  .  ."

          การที่ฮานนิบาลรับราชการในราชสำนักพระราชาพรูเชียสอยู่หลายปีนี้สภาเซเนตโรมันไม่ทราบ    ส่วนสกิปิโอ  อาฟริกานุสนั้นทราบดี  แต่คงไม่ต้องการรบกวนราชสีห์เฒ่าทหารแก่ที่ไม่เป็นอันตรายแก่โรมันแล้ว  จึงไม่ว่ากระไร     ในระหว่างที่โรมกำลังไกล่เกลี่ยและยุติสงครามระหว่างพระราชาพรูเชียส กับพระราชายูเมเนส อยู่นั้นมีคณะฑูตของพระราชาพรูเชียสได้เผลอออกไปว่าฮานนิบาลอยู่ในราชสำนักพระราชาพรูเชียส    เมื่อสภาเซเนตทราบดังนั้น  จึงให้ฟลามินิอุสผู้สำเร็จราชการแคว้นกรีกติดต่อพระราชาพรูเชียสให้ส่งตัวฮานนิบาล

          พระราชาพรูเชียสตอบว่า  ฮานนิบาลได้มาขอพึ่งโพธิสมภารจะจับตัวส่งให้ก็ดูไม่สมควร   ถ้าทางกรุงโรมต้องการตัว  ก็ให้มาจับเอาเองเถิด    ทางโรมได้รับคำตอบเช่นนั้นก็ดำเนินการส่งคนไปล้อมบ้านฮานนิบาล ในเมืองลิบิสซา  (Libyssa)   ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลมาร์มะรา

           ฮานนิบาลเห็นว่า หมดทางหนี และไม่มีทางสู้  .  .  .  จึงเอายาพิษซึ่งซ่อนไว้ในหัวแหวนเทลงในถ้วยเหล้า และดื่มจนหมดถ้วย  .  .  .  สิริอายุได้  ๖๕  ปี

 

          .  .  .  จากเด็กชายน้อยบุตรแม่ทัพใหญ่  - 

ผู้บัญชาการทหารม้า  -  แม่ทัพใหญ่คาร์เธจ  -  นำกองทัพข้ามภูเขาแอลป์สสู่คาบสมุทรอิตาลี  - 

ย่ำยีบดขยี้กองทัพโรมัน  -  เคาะประตูกรุงโรม  -  มาป้องกันบ้านเกิด  -  แก้ปัญหาบ้านเมือง  -

เป็นที่นิยมประชาส่วนใหญ่  -  ไม่ถูกใจพวกมั่งมี  -  ให้ไพรีช่วยกำจัด  - 

ต้องพลัดพรากถิ่นรัก  -  สู่ราชสำนักพระราชาอานติโอคุส  -  ราชสำนักพระราชาพรูเชียส  -

ในที่สุด

 

.  .  .  ช่วยชาวโรมันมิให้หนักใจอีกต่อไป   .  .  . 

 

 

 

 

 

 

 

บ้านฮานนิบาล ในเมืองลิบิสซา  (Libyssa)   ริมชายฝั่งตะวันออกของทะเลมาร์มะรา  ?

 

 

 

 

Monument to Hannibal at Gebze (Kocaeli), Turkey

Near the ancient Libyssa, Bithynia

Reputed to be Hannibal's burial place

Thanks to Efendi Fidan for this photo 

 

 

 

 

          ครับ  .  .  .  เมื่อได้เคารพหลุมศพท่านแล้วดูภาพท่านให้เต็มตากันนะครับ

 

 

 

 

รูปปั้นซึ่งมีผู้ขุดได้ที่เมืองคาปูอา  สันนิษฐานว่าเป็นฮานนิยาล

 

 

 

 

รูปเงินของกรุงคาร์เธจ  เข้าใจกันโดยมากว่าเป็นภาพของฮานนิบาล

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

         ครับ  .  .  .  เมื่อสิ้นฮานนิบาลแล้ว     เราจะได้ติดตามความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรคาร์เธจหลังฮานนิบาลกันต่อไปใน  .  .  .  สงครามปิวนิค  (ครั้งที่ ๓)  .  .  .  นะครับ

 

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .  สงครามปิวนิค  (ครั้งที่ ๓)

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .  สงครามปิวนิค  (ครั้งที่ ๓)

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .  สงครามปิวนิค  (ครั้งที่ ๓)

 

 

บรรณานุกรม

          -  แหล่งกำเนิดอารยธรรมยุคแรกของโลก     มนต์  ทองชัช    สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์   วังบูรพา  กรุงเทพมหานครฯ  พ.ศ.๒๕๒๗

 

          -  พงษาวดารยุทธศิลปะ    นายพลเอก  สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ  กรมหลวงพิษณุโลกประชานารถ    พิมพ์ครั้งที่ ๑   ในพระพุทธศักราช  ๒๔๕๙

          -  ชีวะประวัติของฮานนิบาล  จอมทัพแห่งกรุงคาร์เธจ    พันตรี  พระเจ้าวรวงศ์เธอ  พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์    โรงพิมพ์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า   พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๔๙๐

          - เอกสารอัดสำเนาวิชาประวัติศาสตร์การสงคราม  กองวิชาสรรพาวุธและประวัติศาสตร์การสงคราม  โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า    พ.ศ.๒๕๐๔

 

          -  ANCIENT AND MEDIEVAL WARFAIRE      UNITED STATES MILITARY ACADEMY    WEST POINT  -  NEW YORK    1973 

         -  ข้อมูล และรูปภาพ ส่วนหนึ่งได้นำมาจาก เว็ปไซต์ ต่างๆ ทำให้เรื่องสมบูรณ์และน่าอ่านยิ่งขึ้น  จึงขอขอบคุณไว้  ณ  ที่นี้   แลหากท่านที่มีข้อมูลที่แตกต่าง  หรือมีข้อคิดเห็น คำแนะนำ ขอโปรดแจ้งให้ทราบเพื่อจะได้ตรวจสอบ และดำเนินการ เพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจโดยทั่วไป