The Airlift สมรภูมิรบปีกเหล็ก
avatar
หมาป่าดำ


user image

The Airlift

สมรภูมิรบปีกเหล็ก

จากเหตุการณ์จริงในช่วง "วิกฤตการณ์เบอร์ลิน"  หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเกือบเป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 มาสู่ภาพยนตร์

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2  รัสเซียได้ทำการปิดล้อมเบอร์ลินในส่วนที่สัมพันธมิตรยึดครอง เพื่อหวังยึดครองซึ่งสัมพันธมิตรยอมไม่ได้ เพราะกลัวทฤษฎี โดมิโน จากที่รัสเซียไล่ยึดประเทศยุโรปตะวันออกจนหมดและอาจเลยมาถึงยุโรปตะวันตก อเมริกาต้องรักษาเบอร์ลินไว้ให้ได้ มีทางเดียวที่จะช่วยเหลือประชาชนชาวเบอร์ลิน 2 ล้านคนได้ก็โดยการส่งเสบียงทางอากาศ เรียกปฏิบัติการ "วิตเติ้ล"  เป็นเวลา 11 เดือนจนสตาลินยอมเปิดทางให้

เหตุการณ์ครั้งนั้น บางคนบอกว่าเป็นการรบครั้งแรกของสงครามเย็น เพราะเป็นการประลองกำลังกันของฝ่ายสหรัฐกับสหภาพโซเวียต ที่ดำเนินต่อมาอีกหลายสิบปี

ในเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่มีฝ่ายใดงัดอาวุธออกมาโจมตีใส่กัน แต่จากอุบัติเหตุต่างๆ ก็ทำให้ชาวอังกฤษ 39 ราย อเมริกัน 31 ราย และ เยอรมันอย่างน้อย 5 ราย เสียชีวิต

ในช่วงนั้น นักบินต้องนำความช่วยเหลือไปส่งให้ถึง 2 แสน 7 หมื่น 8 พันเที่ยวบิน สิ่งของที่นำไปส่งก็มีน้ำหนักรวมถึง 2 ล้าน 3 แสนตัน ในวันที่สภาพอากาศเป็นใจ ตลอดวันจะมีเครื่องบิน 1 พัน 400 เที่ยวบิน นำความช่วยเหลือเกือบ 1 หมื่น 3 พันตันมาส่งให้ หรือทุกๆ 62 วินาที จะมีเครื่องบินมาลงจอดที่เบอร์ลิน 1 ลำ

เมื่อเครื่องลงจอด อดีตทหารอากาศของเยอรมนี จะเข้ามาดูแลบำรุงรักษาเครื่องบิน ขณะที่ชาวเบอร์ลินราว 1 หมื่น 9 พันคน ซึ่งเป็นผู้หญิงเสียเกือบครึ่ง ก็ช่วยกันทำงานตลอดวันตลอดคืนนาน 3 เดือนเพื่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ เพื่อใช้บรรเทาความแออัดของสนามบินอีก 2 แห่งที่มีใช้อยู่เดิม

ในภาพยนตร์ จะเสนอเรื่องราวลำดับเหตุการณ์แต่เริ่มจนจบ มีการตัดสินใจทางการเมืองของผู้นำประเทศทั้ง 2 ฝ่าย (ปธน. ทรูแมนและโจเซฟ สตาลิน) พร้อมการปฏิบัติงานของนักบินทั้งจากฝ่ายบัญชาการทีต้องคิดแผนการบินและนักบินเองที่ต้องฝ่าพายุหิมะช่วงหน้าหนาวและการบินก่อกวนของเครื่องบินรบรัสเซีย มีภาพจากเหตุการณ์จริงตัดสลับเข้ามาด้วย

นอกจากนั้นยังผสมด้วยเรื่องรักสามเศร้า (เพิ่มรสชาติให้กับหนังเหมือนหลายๆ เรื่อง) ของ "ลูอิส" สาวเยอรมันเลขาของ "นายพลเทอร์เนอร์" ผู้เป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการ "วิตเติ้ล"  กับสามีของเธอที่เป็นแพทย์ทหารเยอรมัน "เอล็กซ์" ที่เธอคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่เขารอดกลับมาได้จากรัสเซีย

ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายราวปี 2007 ดีวีดียังพอหาได้ครับ ส่วนวีซีดีเห็นมีออกมาวางจำหน่ายใหม่ราคา 19 บาท (นอกจากนี้ยังมีวีซีดีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่น Hitler The Rise of Evil,To Hell and Back)

ชมคลิปภาพยนตร์ตัวอย่างกันครับ

http://www.youtube.com/watch?v=9yBoicGcg38



ผู้ตั้งกระทู้ หมาป่าดำ (mistiest-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2010-03-12 23:49:06 IP : 222.123.162.108


1

ความคิดเห็นที่ 1 (2976931)
avatar
หมาป่าดำ
image

แถมด้วยภาพและคลิปสารคดีปฏิบัติการจริงครับ

http://www.youtube.com/watch?v=UOsqxp1ZDts

ผู้แสดงความคิดเห็น หมาป่าดำ (mistiest-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-12 23:51:25 IP : 117.47.53.12


ความคิดเห็นที่ 2 (2976933)
avatar
mim

ขอบคุณคุณหมาป่าดำฮะ  เหมือนเห็นดีวีดีว่อบๆแว่บๆ  เดี๋ยวต้องไปหาซื้อ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น mim วันที่ตอบ 2010-03-13 09:23:58 IP : 202.28.21.6


ความคิดเห็นที่ 3 (2976934)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

งวดนี้ขอนำคลิปมาแทรกไว้ท้ายข้อความของคุณหมาป่าดำเลย

หนังเรื่องนี้ผมซื้อมา "ดอง" ไว้นานแล้ว ยังไม่ได้ "ดู" เลยครับ  คงต้องหาเวลาดูบ้างแล้ว

เกือบลืมไปว่าเหตุการณ์ในภาพยนตร์นั้น ทางประวัติศาสตร์เรียกว่าการปิดล้อมเบอร์ลิน (Berlin Blockade (24 June 1948 – 12 May 1949)) ในวิกิภาษาอังกฤษดูข้อมูลได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Berlin_Blockade ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com)ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-03-13 10:00:24 IP : 124.120.177.244


ความคิดเห็นที่ 4 (2976935)
avatar
mim

คุณโรจน์

ขอคำแนะนำเกี่ยวกับเครื่องเล่นดีวีดี  ตอนนี้ใช้เจวี.. กับเชอร์...อยู่  บางทีเครื่องนี้อ่านอีกเครื่องไม่อ่าน หรือเครื่องนี้ตัวซับไตเติลตกหน้าจอ ก็เปลี่ยนเครื่อง บางครั้งขึ้นหน้าจอเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆทำให้พร่ามัว  สงสัยว่าหัวอ่านไม่ดีหรือแผ่นที่ซื้อมาใหม่ไม่ดีกันแน่  อยากทราบว่าคุณโรจน์แลท่านอื่นๆใช้เครื่องเล่นดีวีดียี่ห้ออะไรกันบ้าง  ที่ไม่ค่อยมีปัญหา

ไม่อยากเสียอารมณ์เวลาดูหนังที่ต้องคิด ต้องลุ้นตามตลอดเวลา

คนที่ทำงานแนะนำให้ดูจากโน๊ตบุ๊คเลย

ผู้แสดงความคิดเห็น mim วันที่ตอบ 2010-03-13 11:59:13 IP : 202.28.21.6


ความคิดเห็นที่ 5 (2976936)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

ส่วนใหญ่ก็จะดูจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ร้านประกอบให้มาประมาณ 2 ปีแล้ว  ส่วนใหญ่ก็ดูได้ด้วยดี  แผ่น VCD ที่มีปัญหาก็จะมีอาการพร่ามัวเป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ และอาการกระตุกบ้าง  ส่วน DVD ที่เคยมีปัญหาเพียงแผ่นเก่าแผ่นเดียวก็จะเล่นไม่ได้ทั้งแผ่นไปเลย

ในห้องนอนก็จะมีมินิคอมโปยี่ห้อ เชอร์... ต่อกับจอ 17 นิ้วตัวเก่า ก็ดูได้ราบรื่นดีเหมือนดูกับคอมฯ นั่นแหละครับ

เรื่องภาพพร่ามัวปัญหาถ้าไม่อยู่ที่แผ่นก็หัวอ่าน  ส่วนซับไตเติลตกหน้าจอนี่ไม่เคยเจอ  แต่อาจจะเกี่ยวกับการเซ็ตเครื่องกับจอไม่ match กันครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-13 16:25:28 IP : 124.122.186.53


ความคิดเห็นที่ 6 (2976937)
avatar
mim

ขอบคุณฮะ

ผู้แสดงความคิดเห็น mim วันที่ตอบ 2010-03-14 09:08:23 IP : 202.28.21.6


ความคิดเห็นที่ 7 (2976942)
avatar
countryboy

ขออนุญาตร่วมแจมกับความเห็นที่ 4 นะครับ
     จากที่ผ่าน ๆ มา  ปัญหาที่เกิด  น่าจะมาจากหลาย ๆ สาเหตุครับ  เช่น  แผ่นที่ก๊อป***
แผ่นสกปรก  หรือ  แผ่นที่เริ่มเสียเอง  ซึ่งผมเจอมาทุกปัญหา
     1.  ถ้าจะก๊อป***แผ่นเก็บไว้  ผมจะพยายามก๊อป***ที่ความเร็วต่ำ ๆ ครับ  ยิ่งถ้าเป็น DVD
จะก๊อปที่ความเร็ว 2X เท่านั้นครับ  และถ้าเป็น VCD ก็จะก็อปที่ความเร็ว 12X  ยอมเสียเวลาครับ
     2.  แผ่นสกปรก  ผมจะใช้แอลกอฮอล์  ราด  แล้วซับด้วยกระดาษทิชชู  และลองใช้
แผ่นที่เรียกว่า CD  Lens Cleaner ล้างที่เครื่องด้วย
     3.  แผ่นที่เริ่มเสียเอง  อันนี้  ต้องทำใจเลย  ผมโดนมากว่า 20 เรื่องแล้วที่สะสมไว้  ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่  ร้องแรกแหกกระเชอ  ถามหาจากเพื่อน ๆ ในนี้แหละครับ  ซึ่งก็ได้ความอนุเคราะห์มาจาก
หลาย ๆ ท่าน  ขอขอบพระคุณมาตรงนี้ด้วยนะครับ
     ปัญหาที่ผมเจอ  คือ  พอเข้าปีที่ 3 แผ่นจะเริ่มไม่ยอมอ่าน  อาจจะเป็นแผ่นที่ไม่ได้คุณภาพ
ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่า  ของถูก  ไม่ดี  ตอนนี้  กำลังดูว่า  แผ่นของ Sony จะอยู่ได้นานแค่ไหน 
(เริ่มเข้าปลายปีที่ 2 แล้วครับ)  ปกติ  เวลาผมก๊อปแผ่น  นอกจากชื่อหนังแล้ว  ผมจะลง
วัน เดือน ปี ไว้ด้วย  เลยตรวจสอบง่ายครับ  เวลาโละแผ่นที่เสีย ๆ ไปให้น้อง ๆ ตามโรงเรียน
ทำสื่อ หรือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ...ก็จะมีการขอไปดูกันบ่อย ๆ เพราะเข้าใจว่า  แผ่นยังใช้ได้อยู่ 
เนื่องจาก  ไม่มีร่องรอยขีดข่วนหรือคราบสกปรกให้เห็นเลย  ทำให้คิดว่า  ยังใช้ได้
     ผมมีหนังของ Elvis อยู่ 2 เรื่อง  ซื้อมาประมาณ 5 ปีร่วม ๆ 6 ปีแล้ว  เอามาดูเมื่อไหร่  ก็ยังดูได้ดีอยู่
แต่ถ้าก๊อปเอง  ด้วยแผ่นยอดนิยมราคาถูก (4 บาทกว่า ๆ ที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักกันดี)  อยู่ได้ไม่เกิน
3 ปีซักเรื่องเลยครับ

     คิดถึงเพื่อน ๆ ทุก ๆ คนนะครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น countryboy (fromcountryboy-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-15 11:00:12 IP : 118.174.16.183


ความคิดเห็นที่ 8 (2976943)
avatar
mim

ซื้อแผ่นเองฮะคุณคันทรีบอย  ไม่เป็นแผ่นก๊อป  บางที(บางที)ซื้อมาใหม่ๆก็เป็น  ตอนนี้ใช้น้ำยาทำความสะอาดแผ่นเหมือนแอลกอฮอล์ฉีดแล้วรีบเช็ดแบบปาดออกไม่เช็ดวนตามคำแนะนำของผู้ขาย  เขาบอกอะไรเชื่อหมด เพราะความรักหนังทุกเรื่องเหมือนเป็นงานศิลปะหรือเป็นความรู้ที่สวยงาม  แผ่นทำความสะอาดหัวอ่านก็ใช้ฮะ  ที่มีแปรงเล็กๆประมาณ1ซม.ติดอยู่บนแผ่น  ดูๆหนังไปก็หวั่นๆว่าอีกเมื่อไรจะเกิดปัญหา  (แต่ไม่ได้เป็นโรคจิตหรืออาการทางประสาทอะไรเลยนะฮะ  ปกติดี 555

 

แผ่นหนังนี้เก็บไว้ได้สามสี่ปีเองหรอกหรือฮะ  โธ่ 

ผู้แสดงความคิดเห็น mim (mim4042-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2010-03-15 14:26:46 IP : 202.28.21.6


ความคิดเห็นที่ 9 (2976950)
avatar
countryboy

ใช่ครับ  ลงน้ำยาทำความสอาดแล้วซับออก  อย่าเช็ดวนไปมา  ส่วนแผ่นล้างหัวอ่านผมก็ใช้แบบนั้น  แต่ล้างแบบแห้งนะครับ
เหมือนกับแค่  ปัด ๆ ฝุ่นออกไป  ไม่ใช้น้ำยาอะไรครับ
เท่าที่ผมสังเกตดูนะครับ  ถ้าเป็นแผ่นที่ซื้อมาจากร้าน  จะอยู่ได้นานครับ  เช่นที่เล่าให้ฟัง  หนังของ Elvis  อยู่ได้เข้าปีที่ 7 แล้ว
ส่วน Wild Bunch ที่ได้มาฟลุค ๆ จากถาดหนังร้านแบกะดิน  ก็อยู่ได้ 6 ปีหมือนกัน  ดูจากวันที่ซื้อมาที่ผมเขียนติดไว้ครับ
แต่ถ้าก๊อปเอง  ด้วยแผ่นยอดนิยมที่รู้จักกันดี  ไม่เกิน 3 ปี  พัง
ตอนนี้  ประมาณเข้าปีที่ 2 ของแต่ละเรื่อง  ผมจะเริ่มนำมาก๊อปเก็บไว้ใหม่ครับ  แต่ถ้าไม่ทัน  ก็มาขอเพื่อน ๆ แถว ๆ นี้ก็อปให้ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น countryboy (fromcountryboy-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2010-03-17 11:56:05 IP : 118.174.43.30


ความคิดเห็นที่ 10 (2976951)
avatar
mim

ขอบคุณมาก

ผู้แสดงความคิดเห็น mim วันที่ตอบ 2010-03-17 15:20:05 IP : 61.19.231.6



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.