กรุงโรมตกอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ประชาชนเดินขบวนเพื่อจะบุกเข้าไปในคลังเมล็ดพืชจนปะทะกับตำรวจปราบจลาจล นายทหารมาเชียส ได้เจรจาจนประชาชนยอมสลายตัว แต่มีกลุ่มแกนนำประชาชนบางส่วนที่ไม่พอใจ มาเชียสและวางแผนสังหารเขา

 

โรมเกิดข้อพิพาทชายแดนกับ วุสเชี่ยน ทุลลุสนายทหารของวุสเชี่ยนนำกำลังบุกโรม มาเชียสอาสาออกรบ

ที่สมรภูมิเมืองโคโรเลียส ทหารโรมบุกเข้าโจมตีแต่โดนต้านทานอย่างหนักจนไม่สามารถบุกเข้าเมืองได้         มาเชียสโมโหทหารของเขาอย่างมาก เขาทำการบุกเดี่ยวทะลวงแนวรับของทหารวุสเชี่ยนเข้าไปได้จนทหารของเขาเกรงขามและบุกตามเขาเข้าไป มาเชียสเผชิญหน้ากับทุลลุส ทั้งคู่ต่อสู้ด้วยการดวลกันตัวต่อตัว ยังไม่ทันรู้ผลแพ้ชนะทั้งคู่โดนระเบิดจนสลบไปก่อน ทัพทั้งสองจึงถอยทัพกลับไป

 

มาเชียสกลับโรมและได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษที่สามารถป้องกันโรมไว้ได้ เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นกงสุล และสมญานามว่า โคโลลานุส

 

ในการประชุมสภาเพื่อทำพิธีมอบตำแหน่งกงศุล มาเชียสปฏิเสธการทำตามพิธีการต่างๆ ด้วยคิดว่าเป็นการโอ้อวดผลงานเยินย่อตนเองเกินไป ทำให้วุฒิสมาชิกบางคนที่อิจฉาเขานำมาเป็นข้อกล่าวหาว่าเขาทนงตนเกินเหตุ มาเชียสออกพบปะประชาชน ด้วยท่าทีแข็งกร้าวแบบทหารและพูดไม่เก่งแบบนักการเมืองทำให้ วุฒิสมาชิกนำไปปลุกปั่นกับประชาชนว่ามาเชียดูถูกประชาชน จากที่เขาเคยเป็นที่นิยมชมชอบของประชาชนกลายเป็นโดนประชาชนต่อต้าน มีการออกทีวีเพื่อให้มาเชียสชี้แจงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น แต่จากการพูดจายั่วโมโหของวุฒิสมาชิกทำให้มาเชียระเบิดอารมณ์ ถึงกับกล่าวสาบแช่งประชาชนและประเทศชาติ และเขาขอเนรเทศตนเอง

 

มาเชียสเดินทางไปเข้ากับพวกวุสเชียน ร่วมมือกับทุลลุสนำกำลังบุกเข้าโจมตีโรม ทางโรมพยายามส่งคนมาเจรจาแต่มาเชียสไม่ยอมฟัง จนแม่ ภรรยาและลูกของเขามาคุกเข่าขอร้องมาเชียสจึงยอมใจอ่อนเดินทางเจรจาสงบศึกที่กรุงโรม

 

เมือมาเชียสเดินทางกลับไปที่กองกำลังของวุสเชี่ยน ทุลลุสไม่พอใจและรู้สึกว่ามาเชียสหลอกใช้เขาไม่ได้อยากมาเป็นพวกกับวุสเชียนจริงๆ เขาจึงสั่งทหารรุมสังหารมาเชียสจนตาย

 

หนังเรื่องนี้เป็นแนวสงครามปนดราม่า บทพูดเป็นบทกวีตามต้นฉบับของเช็คสเปียรส์เสียส่วนใหญ่ หนังสะท้อนถึงนิสัย จิตใจเบื้องลึกของมนุษย์ในแต่ละคน

    มาเชียนผู้มีนิสัยแบบทหาร แข็งกร้าว หยิ่งทนง ทุ่มเททุกอย่างเพื่อประเทศชาติ 16 ปี 17 สมรภูมิ และแผลเป็นทั่วร่างกาย

    วุฒิสมาชิกและนักการเมือง จอมปลุกระดม จอมโวหาร ที่ใช้คำพูดทำลายได้ทุกคนเพื่อสนองความต้องการของตนเอง

    แม่ของมาเชียสผู้รักและห่วงใยลูกตลอดเวลา ผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติถึงแม้ต้องยอมคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าลูก

    สุดท้ายประชาชนผู้ชอบฟังโวหารจากการปลุกปั่นจากนักการเมือง มากกว่่าสนใจความเป็นจริง และสุดท้ายการประท้วงก็เพื่อเพียงหาประโยชน์ใส่ตนเอง

 

หนังจะเป็นเรื่องราวทางการเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ มีฉากรบกลางเรื่องถึงจะไม่มากนักแต่ทำได้สมจริงสมยุคเนื้อหาทั้งหมดจะเป็นตามแนวของเช็คสเปียรส์ที่ชอบเขียนถึงกิเลสตัณหาเบื้องลึกของมนุษย์และความผันผวนของชีวิตจากผู้ดีเป็นยาจก จากราชาเป็นขอทาน

 

หนังอาจจะไม่ได้สร้างจากประวัติศาสตร์โดยตรงแต่ เป็นการสะท้อนถึงชีวิตของทหารกับการเมืองได้ดีและน่าจะใช้เป็นอุทาหรณ์ให้กับการเมืองประเทศเราในขณะนี้ได้เช่นกัน

 

ดีวีดีออกมานานแล้วหาชมกันได้ครับ