ความคิดเห็นของคนชมภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์คนหนึ่ง
avatar
แนนนี่ค่ะ


.....ได้อ่านข้อความแล้วรู้สึกแบบ..แน่นอนอยู่แล้ว ต่างมุมมอง เพราะแต่ละฝ่ายหนูว่าต่างก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกันอยู่แล้ว เป็นต้นว่าคุณเจ้าของฯ มีวัตถุประสงค์่ที่ชัดเจนคือต้องการเผยแพร่ประวัติศาสตร์ที่เป็นข้อเท็จจริงและมีหลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ ให้แก่สาธารณชนได้รับทราบเป็นวิทยาทาน อันนี้หนูเข้าใจ ...อีกมุมของคนที่ชมภาพยนตร์ วัตถุประสงค์ต่างกันลิบ เพราะเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาพยนตร์สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อความบันเทิง คือ ความคิดของหนูนะ ไม่มีใครถูกผิดหรอกที่จะมีความคิดเห็นต่างกัน เพราะมันต่างกันมาตั้งแต่เป้าหมายของการชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วล่ะ ฝ่ายนึงดูเพื่อนำไปวิเคราะห์หาเหตุผลข้อเท็จจริงว่้าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่นำเค้าโครงมาสร้างเป็นภาพยนตร์เนี่ยมันมีรายละเอียดอะไรที่มีสาระไม่มีสาระบ้างซึ่งนำไปสู่การวิพากวิจารณ์ อีกฝ่ายคือแน่นอนอยู่แล้ว..ต้องการความบันเทิง เพราะนั่นคือความหมายของภาพยนตร์ หนูว่าทีมงานทุกคนที่เค้าสรรค์สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นมา เค้าคงครีเอทแล้วล่ะ แล้วทุกประเด็นที่เราได้มีการถกกันเนี่ย หนูว่าพวกเค้าคาดถึงพวกเราอยู่แล้ว เพราะมันอาจจะเป็นจุดบอดที่จะทำให้หนังเค้า พรีเซ็นต์ออกมาไม่ตรงตามที่เค้าตั้งเป้าหมายไว้หรือขายไม่ออกนั่นเอง เป็นต้นว่า หากผู้สร้างฯจะไม่ใส่ตัวละครเข้าไป(อย่างเรื่องไททานิคทำ ก็ยังทำเงินได้มหาศาลเลย) เค้าจะเอาอะไรมาเรียกเรทติ้งหนังง่ะ หากจะเป็นอย่างนั้น หนูเชื่อ..ว่าทีมงานน่ะ เค้าสามารถสร้างสารคดีแนวประวัติศาสตร์ของการถูกโจมตีที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ที่แบบ..อาจจะสร้างได้ถึงขนาดมีบทสัมภาษณ์ของญาติผู้รอดชีวิตได้เป็นร้อยๆไดอาล็อคเลยก็ว่าได้..และหนูว่าน่าจะได้ดีที่สุดด้วยซ้ำ เพราะมันของๆชาติบ้านเมืองเค้า บรรพบุรุษของพวกเค้ากัน..ไม่ยากหรอก ถ้าเค้าจะนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดให้มันเป็นความจริงน่ะ แต่..นี่คือภาพยนตร์..หนูว่าเค้ารอมชอมที่สุดแล้วล่ะ การทำหนังหนูว่ามันไม่ง่ายนะ แต่เค้าทำได้อ่ะ หนูดูแล้วแบบ..อินตลอด ซึ่งไม่ได้จบแค่นั้น เพราะหนูเข้าใจว่าหนูดูหนัง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเกี่ยวกับสงครามการโจมตีฯครั้งนี้ หนูก็ต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลเอา..ซึ่งหนูก็ได้ซื้อหนังสือมาอ่านและทำความเข้าใจแล้ว ว่าอ๋อมันเป็นอย่างนี้เอง..คือหนูเข้าใจอ่ะ ว่าคนสร้างเค้าเอาโจทย์ของคนดูไปคิดก่อนทำแล้วล่ะ เค้าคงไม่คิดเหยาะแหยะออกมาเพื่อให้หนังขายไม่ออกหรอก อย่างไอเรื่องที่เค้าไม่ได้กล่าวถึง..พวกคุณดูก็ต้องรู้แล้วสิ ว่าเจตนาคือเค้าไม่ต้องการเปิดเผย เค้าต้องการเซฟ เพราะประเด็นมันไม่ใช่การที่เค้าจะมาสร้างหนังเพื่อมานั่งพาดพิงให้เกิดผลกระทบใดๆในแง่ลบ ..หนูเข้าใจอย่างนั้นอ่ะ หนูเข้าใจคำว่าภาพยนตร์ หนูเข้าใจคำว่าประวัติศาสตร์ อยู่ที่ว่า หนูต้องการอะไร ถ้าหนูต้องการรู้จริง หนูก็แค่ไปหาหนังสือประวัติศาสตร์แจ๋วๆมาอ่านทำความเข้าใจให้เกิดความแตกฉาน แต่ถ้าหนูต้องการผ่อนคลาย ระทึก ลุ้น เร้าใจ ถามว่า..สารคดีทางประวัติศาสตร์ทำได้ไม๊ ถ่ายทอดได้ไม๊ มันต่างกัน..แน่นอนอยู่แล้ว ตัวละครที่เค้าจะแบบ เป็นชื่อนั้นชื่อนี้ เึึค้าทำได้อยู่แล้ว เพราะชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าตัวละคร ถ้าเป็นการสร้างหนังที่แบบเป็นชีวประวัติดิ อ่ะยกตัวอย่างชีวประวัติหนู..หนูสร้างวีรกรรมที่กล้าหาญไว้มากมายควรแก่การให้ลูกหลานหรือสาธารณชนเอาเป็นแบบอย่าง..แต่แบบ ไปเอาชื่อใครไม่รู้ มาใส่ อ่ะโหย หนูจะวีนให้ถึงที่สุดเชียว..เชื่อเถอะค่ะ ว่าความศรัืทธาในตัววีรชนเหล่านั้นน่ะ เกิดขึ้นในใจของผู้คนอยู่แล้ว ความภาคภูมิใจของเค้าหนูคนนึงแหละที่ยกนิ้วให้เลย แล้วเค้าทำออกมาดีเห็นมะ หนูเองยังแบบ..ดูแล้วเราได้อ่ะ 1 คือหนูยกย่องในความกล้าหาญของเหล่าวีรชนที่อุทิศตนเพื่อส่วนรวม 2 คือการใช้สติในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของนางเอกที่มันคือความเป็นความตาย การใช้ลิปสติกก็ดี การใช้ถุงน่องก็ดี เค้ารู้ตัว พยายามใช้สติ รวบรวมสติ  รู้บทบาทหน้าที่ ไม่มัวมานั่งร้องไห้ในขณะที่เพื่อนรักตายฯลฯ 3 การเสียสละและมิตรภาพระหว่างเพื่อน 4 การสะท้อนให้เห็นถึงผลเสียของการมุทะลุของพระเอก 5 การแสดงออกถึงความเป็นผู้นำของประธานาธิบดี คือ ผมทำให้พวกคุณเห็นได้ว่าผมคือผู้นำที่ทำได้..มีใครบ้างที่เป็นผู้ตามจะบอกผมว่าทำไม่ได้..(อยากให้้หัวหน้าเปนแบบนี้มั่งง่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ) ...หนังมันมีรสชาติดีออก พวกคุณลองดรอปตัวละครออกไปดิไอที่บอกว่ามันไม่ใช่เลยอ่ะ..จะเอาอะไรมาเรียกว่าหนัง..อย่างหนูดูหนูก็ต้องใช้วิจารณญาณอยู่แล้ว แค่แบบ..ขอเึึค้าโครงนิดนะ ผมจะทำหนังสงครามอ่ะ ประมาณนั้นนะหนูว่า..ฮ่ะ ฮ่ะ โม้ซะเมื่อยนิ้วเลย ไม่อยากเชื่อเลยเนอะว่าความคิดของคนเพียงไม่กี่คนหรืออาจแค่คนๆเดียวจะนำมาซึ่งการสูญเสียได้มากมายมหาศาล ไม่เห็นจะดีเลย สงคราม อยู่อย่างสันติแบบไม่มีสงครามยังจะดีซะกว่าไหนๆ เค้าก็ให้เราเกิดมาเป็นมนุษย์แล๊ะ เรามีจิตใจ เลือดเนื้อเชื้อไข สามัญสำนึกที่ต่างจากสิ่งมีชีวิตทุกประเภท หากพ่อแม่พี่น้องลูกผัวตัวเมียของผู้ที่คิดริเริ่มทำสงครามเค้าสูญเสียบ้าง แน่นอน เค้ารู้สึกอยู่แล้ว..เช่นเดียวกับผู้ที่สูญเสียทุกๆคนจากการตัดสินใจของคนที่มองเห็นแค่ตัวเอง..^____^

ปล.เพลงประกอบภาพยนตร์เพราะมาก ฟังไม่ออกหรอกแต่ได้อารมณ์สุดๆอ่ะ อิอิ^^ 



ผู้ตั้งกระทู้ แนนนี่ค่ะ (chaiyo_shadow-at-hotmail-dot-com) โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-21 01:42:09 IP : 125.27.203.172


1

ความคิดเห็นที่ 1 (2977843)
avatar
Krit_os

อย่างน้อยความบันเทิงต้องตั้งบนพื้นฐานความจริงบ้างนะครับ ถ้าเกินเลยไป ก้อรับไม่ได้เหมือนกันน่ะ

ทุกย่างต้องมีสองด้านเสมอ เช่น ถ้าจะเลือกดูหนังที่เกี่ยวกับการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐที่อ่าวเพิร์ล

กรณีเเรก ถ้าจะดูเพื่อเป็นความรู้ทางประวัติศาสตร์จริงๆ เลือกดูเรื่อง โทรา โทรา โทร่าครับ

กรณีสอง ถ้าจะเน้น เอาบันเทิงมากกว่า เเน่นอน เพิร์ลฮาร์เบอร์ครับ

สิ่งที่ดีๆก็เก็บไว้ สิ่งไม่ดีก็ปล่อยมันไปครับ เท่าที่ส้มผัสเว็บนี้ จะเน้นความจริงทางประวัติศาสตร์มากกว่านะ เเต่ก็มีความบันเทิงด้วย

ผู้แสดงความคิดเห็น Krit_os (krit_os-at-windowslive-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-02-21 02:16:06 IP : 223.206.193.19


ความคิดเห็นที่ 2 (2977844)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

ช่วงแรกๆ ผมอาจจะเน้นประวัติศาสตร์แท้มากๆ อย่างที่ว่า  ต่อมาก็ได้พยายามแบ่งกลุ่มหนังออกเป็นกลุ่มต่างๆ อย่างในบทความ ข้อเสนอเรื่องการจำแนกประเภทภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ แต่ไม่มีเวลาได้สานต่อว่าแต่ละกลุ่มควรมีกฎเกณฑ์ยังไง ที่แน่ๆ คือยังไม่เห็นด้วยกับความเห็นของบางท่านที่เหมือนกับว่าถ้าเป็นภาพยนตร์เพื่อการบันเทิงแล้วจะยำประวัติศาสตร์เละเทะยังไงก็ได้  อย่างการไปโม้ว่าฮิตเลอร์ถูกฆ่าตายในโรงหนังฝรั่งเศสก่อนเบอร์ลินแตก อะไรประมาณนี้   ส่วนเรื่อง Pearl Habor นี่ไม่ขอพูดซ้ำเพราะได้ปรับแก้บทความไปพอสมควรแล้ว

 

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-02-21 07:26:10 IP : 203.114.104.114


ความคิดเห็นที่ 3 (2977847)
avatar
Naris

จริงอยู่ที่หนังก็ส่วนหนัง ประวัติศาสตร์ก็ส่วนประวัติศาสตร์หนะนะครับแต่หนังนั่นเมื่อทำออกมาแล้ว ก็จะเข้าถึงผู้ชมส่วนมากได้อย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นถ้าผู้สร้างหนัง "ใส่ไข่" มากไปสังคมก็อาจจะเกิดความเข้าใจในประวัติศาสตร์ที่แท้จริงผิด เพราะหนังเป็นต้นเหตุได้เหมือนกันครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Naris วันที่ตอบ 2011-02-22 16:39:10 IP : 203.170.19.2


ความคิดเห็นที่ 4 (2977848)
avatar
แนนนี่ค่ะ

เรียน..คุณผู้ชมและคุณเจ้าของฯ ค่ะ หนูชอบหนัง หนูชอบประวัติศาสตร์ หนูชอบทั้งสองอย่าง หนูก็เลยเลือกดูหนังแนวสงครามฯ เพื่อนๆมันว่าหนูว่าหนูคงจะอ่อนโยนมากเลยที่ชอบหนังแนวนี้ 555 คือ..ที่หนูเลือกเพราะมันลงตัวที่สุดแล้ว นอกนั้นก็คือการกุเรื่องขึ้นมาเปนเรื่องเปนราว อันนี้หนูจะให้ความสนใจน้อยมากๆ เช่นพวก สตาร์วอร์ ลอร์ดฯ แฟนแทคทิค4 ฯลฯ ไรพวกนั้น คือดูแล้วแบบ..จะเอาไรไปได้ นอกจากความบันเทิงเริงอารมณ์ ...แต่สิ่งที่หนูได้จากหนังแนวสงครามฯก็คือหลังหนังจบหนูจะไม่จบเพราะต้องการรู้ว่าจริงๆแล้วมันคือไรเรื่องจริงณ พ.ศ. ค.ศ. นั้นเกิดไรขึ้น  แล้วหนูก็จะแบบพยามไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้รู้จริงจากสื่อต่างๆ เปนต้นเว็บนี้ก็ด้วยค่ะ คืออารมณ์ประมาณหนังจบอารมณ์ไม่จบ เพราะหนูสนใจจริงๆ หนูไม่เตลิดไปตามหนังสำหรับเนื้อหา แต่ถ้าอารมณ์น่ะไปหมดค่ะ 55 ...วิจารณญาณ คือสิ่งที่จำเป็นที่สุด สำหรับการดูหนังยิ่งหนังแนวนี้ด้วย..หนูรู้ว่าหนูดูแล้วหนูควรทำไงกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง เำืพื่อให้เราได้กับได้มากที่สุด..อืมมมม...saving private ryan เขียนถูกป่าว เรื่องนี้จะเคยดูทุกวันเปนเดือนๆ เพราะถ้าเราแกะได้ทีล่ะฉากๆ มันก็จะมีหลายประเด็นให้เราได้ติดตามหาความเปนจริงเลยล่ะ ..สงครามกลางเมืองเล็กๆก็ดูนะ อะไรนะเทพบุตรเพชรสีเลือดหรอคะ ที่ลีโอนาโดฯแสดง อันนั้นก็อีกมุมนึงเลยแบบ..โห หยั่งงี้กันเลยเหราะบ้านพวกคุณ..555 อย่างน้อยที่สุด มันคือการเพิ่มเติมความรู้อ่ะค่ะ แม้่จะนิดเดียวแต่มันก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย  พวกคุณ อาจมองดูว่าหนูเพ้อเจ้อ แต่สำหรับตัวหนูหนูว่าหนูเอาสิ่งเหล่านี้มาเปนอาหารสมองดีกว่าอย่างอื่นอ่ะค่ะ ^^  ....หนูเชื่อ หนูศรัทธา  ว่าการที่เราให้อะไรกับคนอื่นที่มันเป็นประโยชน์มันคือทานที่ยิ่งใหญ่สำหรับผู้ให้และผู้ได้รับค่ะ ^^ ขอบคุณค่ะ สำหรับสาระดีดี ^^

ผู้แสดงความคิดเห็น แนนนี่ค่ะ วันที่ตอบ 2011-02-22 20:46:31 IP : 182.53.233.194


ความคิดเห็นที่ 5 (2977857)
avatar
soontorn1

นี่เป็นตัวอย่างในส่วนที่ดี ของเท็คโนโลยี่ครับ ทำให้คนเรา มี่ที่ระบายความในใจออกมา ขอบคุณผู้ที่คิดระบบอินเตอร์เน็ท

ผู้แสดงความคิดเห็น soontorn1 (soontorn1-at-sanook-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-02-24 21:00:43 IP : 110.77.238.188


ความคิดเห็นที่ 6 (2977859)
avatar
แนนนี่ค่ะ

จััดได้หนักกว่านี้อีกมากมายค่ะ นี่ยังไม่ได้แตกดีเทวหนังแต่ละเรื่องนะคะ แล้วถ้าดีเทวแต่ละฉากอีกล่ะ หนูไปของหนูได้จนคุณอ่านจบแหละค่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ หนูตั้งกระทู้ของหนูหนูดั้นไรหนูก็ใส่ปายย..ฮ่ะ ฮ่ะ หาได้กล่าวหรือใช้ถ้อยคำในเชิงลบไม่ ถ้าจะต่อกระทู้ต้องสเปคด้วยว่าความในใจในที่นี้มันดั้นมาจากการชมภาพยนตร์แนวประวัติศาสตร์ึ้ค่ะ

@ คุณสุนทร1คะ เทคโนโลยีมันไกลซะจนแทบจะไม่เห็นตัวหนังสือกันแล้วด้วยซ้ำ ยังมีอีกหลายตัวอย่างนะคะ ที่หลายๆคนพยายามระบายความในใจออกมา เช่น youtube อ่าค่ะ อันนั้นเห็นเปนภาพเปนเสียงกันเลยทีเดียว ใครอยากจัดไรจัด ฮ่ะ ฮ่ะ เว็บน่านอ่ะค่ะ ตอบโจทย์มุมมองของคุณได้ชัดดี  

@คุณเจ้าของเว็บค่ะ จะพยายามเข้าเว็บบ่อยๆนะคะ เพื่อเจาะดีเทว ขอโทษทีนะคะ ที่เข้ามาชมล่าช้าถึงขนาดรู้ไม่เท่าทันชาวบ้านชาวเมืองเค้าเลยอ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ  ชมเว็บแล้ว..?? อาหารสมองท้างน้าน^^ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับสาระดีดีค่ะ 

ผู้แสดงความคิดเห็น แนนนี่ค่ะ วันที่ตอบ 2011-02-25 00:06:28 IP : 125.27.197.77


ความคิดเห็นที่ 7 (2977861)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

คงไม่ต้องขอโทษหรอกครับสำหรับการพบเว็บช้าหรือรู้อะไรน้อยกว่าคนอื่น  เรื่องปกติครับที่คนเราจะเจออะไรต่อเมื่อถึงจังหวะของมันจริงๆ  และการรู้น้อยมันอาจเป็นแค่สถานะ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง  ถ้าเราเปิดใจรับรู้สิ่งที่ควรรู้ต่อไปเรื่อยๆ ก็เหมือนคำโบราณว่า "ความรู้อาจเรียนทันกันหมด" ครับ  ในมุมมองของคนทำเว็บการมีคนเข้าเว็บวันละเป็นพันเป็นหมื่นมันอาจไม่มีความหมายอะไรถ้าไม่มี Feedback ที่มีคุณภาพครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-02-25 09:41:10 IP : 203.114.104.114


ความคิดเห็นที่ 8 (2977862)
avatar
Naris

ตรงนี้ก็มีส่วนนะครับ ผมเคยคุยกับเพื่อนเกี่ยวกับ "การ์ตูนญี่ปุ่น" ที่เขียนถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ของเขา บางครั้งก็ใส่สีใส่ใข่มากมาย (แน่นอน ก็มันเป็นการ์ตูนนี่นา) จนหาข้อเท็จจริงแทบไม่ได้ หรืออย่างละครเกาหลีที่ฉายอยู่ในเวลานี้ ครึ่งจริงครึ่งไข่ หรือบางเรื่องแทบจะไข่ 100% ด้วยซ้ำ 

แต่ข้อดีอย่างหนึ่งก็คือ อย่างน้อยๆ คนที่อ่านการ์ตูนก็จะพลอยจำชื่อ หรือคุ้นๆหูชื่อบุคคลในประวัติศาสตร์เหล่านั้นได้บ้าง พอจำชื่อ ฮัตโตริ ฮันโซได้ (แม้จะจำได้ในฐานะ นินจาฮัตโตริ ก็เถอะ) จำชื่อของโตกุกาว่า อิเอยาสึ ได้ (แม้จะจำได้ในฐานะ จอมมารฟ้า อะไรสักอย่างก็เถอะ) แต่ถ้าในกลุ่มผู้ที่จำชื่อได้เหล่านั้น มีสักท่านสองท่าน ที่ไปศึกษาค้นคว้าต่อเพื่อให้ทราบว่า จริงๆ แล้วเรื่องราวในประวัติศาสตร์เป็นอย่างไร ก็จะเกิดประโยชน์มากขึ้นไปอีก

ฉันใดก็ฉันนั้น ผมว่า ภาพยนต์ประวัติศาสตร์เองก็มีข้อดีอย่างนี้เหมือนกัน 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ. 54) ผมได้อ่านบทความของอาจารย์วิษณุ เครืองาม ในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ท่านเล่าถึงประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์ มีตอนหนึ่ง ท่านเล่าว่า สมัยโบราณแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ช่วงโรงพยาบาสศิริราช ไปจนถึงสะพานพุทธ นั้นไม่มี เป็นพื้นดินคนเดินข้ามไปข้ามมาได้ จนถึงสมัยพระไชยราชา แล้วท่ายก็บอกว่า ถ้านึกไม่ออกว่าพระไชยราชาเป็นใคร ก็ไปดูหนังสุริโยทัยของท่านมุ้ย คนที่ออฟ พงษ์พัฒน์แสดงนั้นแหละ คือพระไชยราชา 

นี่ก็คือ ตัวอย่าง หนังสุริโยทัย อาจจะไม่ได้ถูกต้อง 100% นัก แต่เพราะมีภาพยนต์เรื่องนี้ จึงทำให้คน "พอจะคุ้นๆชื่อ" ตัวละครในประวัติศาสตร์ได้บ้าง ก่อนหน้าที่จะมีหนังเรื่องนี้ รับประกันว่า น้อยคนนักจะขึกภาพออกว่า พระไชยราชานี่ใครอ่า  

เมื่อคุ้นๆแล้ว ก็ค่อยไปศึกษาต่อยอดต่อไปเพื่อให้รู้มากขึ้นไปอีก ผมคิดว่า นี่แหละ คือข้อดีของหนังประวัติศาสตร์ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Naris วันที่ตอบ 2011-02-25 14:51:42 IP : 203.170.19.2



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.