น่าจะไม่เชิงนะครับ

ก็คนยิวทำมาค้าขายร่ำรวย กว่าที่อื่นมั้งครับ

แล้วอีกอย่างฮิตเลอร์มีความหลังฝังใจกับชาวยิว

พยายามจะอธิบายอย่างง่ายๆ ก็ไม่รู้จะง่ายจริงหรือเปล่า  คือ ชนชาติยิวนั้น  เป็นชนชาติจากนอกยุโรป ที่แน่นอนว่ามีภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี ของตนเองต่างหาก  ลำพังแต่ละชาติในยุโรปก็แตกต่างกันและตีกันจะแย่อยู่แล้ว  ต่างกันว่าแต่ละชาติในยุโรปเขายังมีหลักแหล่งในยุโรปมาแต่เดิม  แต่ยิวเข้ามาอยู่ปะปนในหลายๆ ประเทศ  มีคนส่วนน้อยที่ผสมกลมกลืนไปกับเจ้าถิ่น  แต่ส่วนใหญ่ยังรักษาวัฒนธรรมความเชื่อของตนไว้  กลายเป็นความแปลกแยกกับคนอื่นในประเทศหรือดินแดนที่ตนเข้าไปอยู่  แล้วคนยิวบางส่วนก็ทำมาหากิน จนมีฐานะขึ้นมา  แล้วการมีฐานะนี้ก็อาจไปผูกกับการมีอิทธิพลบางอย่างในสังคมนั้นๆ ด้วย  ซึ่งโดยธรรมชาติคนเราย่อมอคติกับคนที่แตกต่างกัน คนพวกอื่นกลุ่มอื่น หรืออิจฉาคนที่รวยกว่าอยู่แล้ว  เวลาที่สังคมนั้นๆ มีปัญหาทางเศรษฐกิจก็จะโดนข้อหาประมาณว่าเป็นตัวทำลายเศรษฐกิจหรืออะไรประมาณนั้น  ถ้าจะเปรียบเทียบกับเมืองไทยก็คล้ายๆ กับการรังเกียจคน(เชื้อสาย)จีนที่เคยแพลมๆ ขึ้นมาในบางยุค  แต่สังคมไทยยังประนีประนอมกันได้ดีกว่า เลยไม่เป็นเรื่องใหญ่

ส่วนปัญหาที่ว่าทำไมในยุโรปมากวาดล้างยิวกันขนานใหญ่ในยุคฮิตเลอร์  ดูเหมือนยิ่งศึกษายิ่งมีคำถาม  เช่นที่ว่าก่อนฮิตเลอร์มีอำนาจก็มีความรังเกียจยิวกันอยู่บ้างตามประเทศต่างๆ ในยุโรป หรืออาจจะรวมถึงอเมริกาเองด้วย  ตัวฮิตเลอร์เอง เรื่องทำนองว่าเคยไปอกหักกับสาวยิวก็เหมือนจะเป็นแค่ข่าวเล่าลือ   และจากการศึกษาคำปราศรัยของลุงฮิตเลอร์ ปรากฏว่าตะแกพึ่งจะเอาการต่อต้านยิวมาโปรโมทเมื่อตอนเล่นการเมืองไปได้ระยะหนึ่งแล้ว  และเมื่อมีการกวาดล้างชาวยิวทำไมคนยุโรปเองไม่ได้ออกมาต่อต้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  บางรายยังพลอยสนับสนุนไปด้วย  ดังเช่นพวกตำรวจเบลารุสในเรื่อง Defiance ที่ผมพึ่งเขียนในช่วงสงกรานต์  กระทั่งเหยื่อชาวยิวเอง  ไหงจึงยอมถูกกวาดต้อนเข้าโรงประหารกันได้ง่ายๆ  ขณะที่กลุ่มต่อต้านอย่างพี่น้องบีลสกี หรือที่รบกันในกรุงวอซอว์ตอนปลายสงครามนั้น  มีอยู่ไม่กี่เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ถูกกวาดต้อนไปฆ่านับล้านๆ ฯลฯ ???

ขอบคุณครับ