|
![]() |
|
อยากรู้ว่าในยุคไรไม่รู้ ที่อังกฤษใส่ชุดแดง | |
![]() vilus | ยุคที่อังกฤษใส่ชุดแดง ทำไมเวลายิงกันต้องตั้งแถวอย่างนั้นหรอครับ ตายเยอะแนะ เหมือนหนังเรื่อง THE PATRIOT
ขอบคุณครับ |
ผู้ตั้งกระทู้ vilus (guide_7420_-at-hotmail-dot-com) ![]() ![]() |
1 |
ความคิดเห็นที่ 1 (2977330) | |
![]() โรจน์ (Webmaster) | เคยมีคนถามไว้แล้วในกระทู้เก่า พอดีกำลังง่วงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยหาว่ากระทู้ไหน จำได้คร่าวๆ ว่า ปืนยุคนั้นมันต้องบรรจุทางปากลำกล้องทีละนัด และยังไม่มีเกลียวลำกล้องที่จะทำให้เกิดความแม่นยำอะไรนัก ทำให้ต้องตั้งแถวประจันหน้ากันอย่างนั้นครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 2 (2977331) | |
![]() โรจน์ (Webmaster) | เจอแล้วครับ ย้อนไปอ่านได้ที่ http://www.iseehistory.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&WBntype=1&Category=iseehistorycom&No=1231019&anspage=1 ครับ มีแถมเรื่องการยิงปืนใหญ่ด้วย |
ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 3 (2977332) | |
![]() Don | สวัสดีครับท่านเวปมาสเตอร์ และท่านสมาชิกทุกท่าน ผมเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่ขอคุยด้วยครับ ข้อความต่อไปนี้ผมเคยเขียนคุยในเวปอื่นมาก่อน (มิได้ลอกใครมาก) เลยขอนำเสนอเพื่อคุยกันในเวปนี้โดยไม่ทำลิงค์นะครับ ในเรื่องการเข้าแถวชิดแน่นยิงกันนั้นเรื่องมีอยู่ว่า จะเห็นกันว่ายุคนั้น ถ้าเป็นการรบประจัญบานกลางแปลงจะเข้าแถวแน่นๆ ยิงใส่กันต่อหน้าต่อตา ฝีมือส่วนบุคคลไม่ช่วยให้รอดตายเท่าไหร่ ที่การรบประจัญหน้ากันเป็นดังนี้สืบเนื่องจากแต่โบราณ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:13:42 IP : 83.49.148.241 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2977333) | |
![]() Don | ตัวอย่างพัฒนาการขบวนรบที่แสดงถึงการจัดขบวนให้แน่นขึ้น และการพัฒนาอาวุธเพื่อรวมศูนย์อำนาจของอาวุธครับ ต่อมาศตวรรษที่ 3 ก่อน ค.ศ. พระเจ้าฟิลิปที่ 2 บิดาพระเจ้าอเลกซานเดอร์มหาราชปรับขบวนนักรบเป็น Phalanx (ฟาลังก์) โดยปรับปรุงอาวุธด้วย
นักรบในฟาลังก์ถือหอกยาวกว่าเดิม บันทึกส่วนมากบอกว่ายาว 6 เมตร หอกยาวขนาดนี้ต้องถือโดยการคอนไว้ใต้แนวแขน ด้านปลายมี นน. ถ่วง แถวนักรบก็มีหลายชั้นมากขึ้น ข้อได้เปรียบ Hoplite คือหอกของแถวที่ 2 ที่ 3 จะยื่นออกมาข้างหน้าด้วย เป็นหัวหอกที่เพิ่มขึ้นในการปะทะกัน หอกยาวขนาดนี้นักรบใช้เดี่ยวๆ ไม่ค่อยได้เรื่อง ใช้เข้าขบวนถึงจะมีประสิทธิภาพ เห็นได้ว่าขบวน Hoplite ปะทะ Phalanx ก็จะสู้ไม่ได้ การพัฒนานี้เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งของอเลกซานเดอร์...
ต่อมาก็มีชาติที่รบเก่งกว่ากรีกซะอีก คือโรมัน โรมันจัดขบวนแบบใหม่ เป็น มานิปูล ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ง่ายตามสถานการณ์ โดยพื้นฐาน มานิปูล คือการจัดทหารเป็นกองเหลี่ยมๆ แบบตารางหมากรุก เมื่อปะทะกัน แนวของข้าศึกจะเข้ามาอยู่ในช่องว่างระหว่ากองเหลี่ยมๆ แต่ละเหลี่ยมโรมันก็จะอัด เข้าซ้าย ขวา หรือขยับไปขยี้จุดที่ข้าศึกอ่อน ข้าศึกก็จะเหลือแนวบางๆ ถูกตี 3 ด้าน |
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:15:20 IP : 83.49.148.241 |
ความคิดเห็นที่ 5 (2977334) | |
![]() Don | ตามที่ปรากฎในภาพยนต์ กรีก Hoplite ในเรื่อง Troy ขบวนรบ Phalanx ในเรื่อง Alexander และกอง Roman Legion ในรูปแบบ Manipule ในเรื่อง Spartacus
จะเห็นได้ว่าในรูปขบวนเช่นนี้ ฝ่ายที่มีอาวุธยิงไกลได้เร็วและมีประสิทธิภาพจะได้เปรียบขึ้นอีกขั้นหนึ่ง สมัยโรมันใช้หอกซัด Pilum ต่อมาในยุคกลางมีธนูยาว (Long Bow) ซึ่งยิงไม่ทะลุโล่ แต่ยิงทะลุเกราบุคคลได้ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพขอธนูยาว หรือหน้าไม้ในยุคนี้ยังไม่สามารถเปลี่ยนรูปแบบการรบตั้งแถวชิดได้ ธนูยาวของยุคกลางจะเป็นะนูยาวท่วมหัว เป็น Composite Bow มีมุมการโค้งทั้งคันบน คันล่าง มาตรฐานทางการให้ยิงยิงถูกตัวคนที่ 200 หลา รู้สึกว่าจะ 12 นัด ใน 1 นาที ธนูยาวพวกนี้ถ้าใช้หัวถูกชนิดและยิงมุมดีๆ ประสิทธิภาพยิงทะลุเกราะอัศวินได้ ยุคปืนบรรจุปาก อาวุธที่น่ากลัวที่สุดในสนามรบคือ ปืนใหญ่ เพราะบรรจุลูกปรายยิงกวาดแนวทหารได้เกลี้ยง ข้อสำคัญคือจะตั้งปืนใหญ่ หรือลากปืนใหญ่เข้าไปยิงให้ตรงจุดได้ยังไง เรื่องนี้นโปเลียนเก่งมาก ประวัติศาสตร์ยุโรปช่วงหนึ่งจึงกลายเป็นประวัติของคนๆ เดียว... ยุคปืนบรรจุปาก อาวุธที่น่ากลัวที่สุดในสนามรบคือ ปืนใหญ่ เพราะบรรจุลูกปรายยิงกวาดแนวทหารได้เกลี้ยง ข้อสำคัญคือจะตั้งปืนใหญ่ หรือลากปืนใหญ่เข้าไปยิงให้ตรงจุดได้ยังไง เรื่องนี้นโปเลียนเก่งมาก ประวัติศาสตร์ยุโรปช่วงหนึ่งจึงกลายเป็นประวัติของคนๆ เดียว... |
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:21:24 IP : 83.49.148.241 |
ความคิดเห็นที่ 6 (2977335) | |
![]() Don | ในการรบที่ Crecy เครซี ปี 1346 มีบันทึกเรื่องการใช้ปืนใหญ่เป็นครั้งแรกของยุโรป แต่สมัยนั้นให้ผลทางจิตวิทยามากกว่าจริงจัง |
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:24:54 IP : 83.49.148.241 |
ความคิดเห็นที่ 7 (2977336) | |
![]() Don | แล้วจะขอคุยเกี่ยวกับการยุทธวิธีตั้งแถวชิดในยุคปืนบรรจุปากต่อไปครับ ปล. เรื่องทหารอังกฤษก็ใส่ชุดแดงเพื่อให้เห็นเลือดไหลยาก จะได้ไม่เสียขวัญ ในเรือรบสมัยก่อนชั้นปืนใหญ่ก็ทาสีแดงทั้งพื้นและผนังด้วย ก่อนรบจะเทขี้เลื่อย หรือทรายไว้ซับเลือด กันเจิ่งนองมากไปจะลื่น ยิงกันกระจุยกระจายอย่างในหนัง ไพเรทฯ นั่นละครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-12 22:29:55 IP : 83.49.148.241 |
ความคิดเห็นที่ 8 (2977337) | |
![]() Don | (ต่อไปนี้ไม่เคยโพสที่อื่นมาครับ) เมื่อคุยกันถึงจุดนี้แล้ว ประเด็นที่น่าสนใจคือ ๑. ในยุคที่การรบยังตั้งแถวชิดกันนั้น ปืนเข้ามาแทนทื้อาวุธมีคมเมื่อไหร่? อย่างไร? ๒. การรบตั้งแถวชิดนั้น หมดไปเมื่อไหร่? อย่างไร? ๑. ในยุคที่การรบยังตั้งแถวชิดกันนั้น ปืนเข้ามาแทนทื้อาวุธมีคมเมื่อไหร่? อย่างไร? ในเรื่องนี้ ต้องมาคุยกันเรื่องพัฒนาการ ประสิทธิภาพ และบทบาทการใช้วงานจริงของปืนในยุคต่างๆ ก่อนครับ พูดง่ายๆ ว่าปืนคืออาวุธที่ใช้แกสจากการเผาไหม้ของดินปืนผลักหัวกระสุนปืน (ซึ่งอาจมีรูปร่างหน้าตาหลายหลาย) ไปทำลายเป้าหมายด้วยความเร็ว และการระเบิด (ในยุคต่อมา) ดินปืน ดินปืนดั้งเดิมแรกเริ่ม หรือที่แรกว่า ดินดำ (Black powder) นั้น ต่างกับดินปืนที่ใช้ในปัจจุบัน ซึ่งเรียกว่าดินควันน้อย เป็นส่วนผสมทางเคมีของไนโตรเซลลูโลส ฯลฯ ดินปืนแรกเริ่มคือดินปืนที่เผาไหม้แล้วมีควันโขมงโฉงเฉงอย่างที่เห็นในหนังเรื่องยุคเก่า หรือที่เห็นจากการเผาไหม้ของดอกไม้ไฟนั่นละครับ เป็นส่วนผสมของ ดินประสิว คาร์บอน และกำมะถัน ส่วนชาติใดคิดเป็นชาติแรกนั้น ดูทางจีนละมีหลักฐานว่าคิดจุดกันเล่นก่อนชาติอื่น ส่วนทางยุโรปก็มีหลักฐานว่าบาดหลวงเยอรมันชื่อ แบร์โธล ชวาส คิดเล่นแร่แปรธาติและเกิดค้นพบดินปืนขึ้นโดยบังเอิย แต่ไม่ว่าใครจะค้นพบก่อน สิ่งที่สำคัญและเกี่ยวกับหัวข้อคือการนำมาใช้ในการรบ ทางจีนเอาดินปืนมาจุดเล่นให้เผาไหม้สวยงาม และทำประทัดสร้างเสียงดัง หยุดอยู่ที่จุดนี้ ส่วนทางยุโรปนั้นนำหน้าไปอีกขั้นคือนำไปอัดให้แน่นและเผาไหม้สร้างแกสขับวัตถุออกไป เนื่องจากในการเผาไหม้ของดินปืน มีการสร้างออกซิเจนขึ้นเอง ไม่ต้องอาศัยออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อม ถูกอัดอยู่ภายในท่อ หรือกระบอกอะไรก็สามารถเผาไหม้รวดเร็ว เกิดแรงดันสูงได้ จึงเกิดการใช้ดินปืนเป็นอาวุธปืนขึ้น หรือบางครั้งก็ทำเป็นจรวดในลักษณะของพลุยักษ์ (โปรดติดตามตอนต่อไปครับ) ปล. ในเรื่องของจรวดพลุนี้ฝรั่งมีการใช้กับพอควร และอย่างน้อยถึงกับมีปรากฎในเพลงชาติอเมริกันท่อนหนึ่งว่า "...and the rockets" red glare, the bomb bursting in air, gave proof through the night, that our flag wasstill there" เพลงนี้ผู้แต่ง ฟรานซิส สก๊อต คีย์ แต่งจากแรงบันดาลใจในการโจมตีป้อมอเมริกัน ฟอร์ด แมกเคนซีย์ ในปี ๑๘๑๔ (ชื่อสงครามคือ War of 1812 รบตั้งแต่ปี ๑๘๑๒-๑๘๑๔ เป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างเมกัน-อังกฤษ)
|
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-13 01:24:36 IP : 83.52.222.56 |
ความคิดเห็นที่ 9 (2977338) | |
![]() Don | ปล. ขอเพิ่มเติมเรื่องขบวนรบ มานิปูล ของโรมันครับ คือในโรมยุคหลังประมาณ๕สวรรษที่ ๒-๓ มานิปูลเริ่มเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ คือแทนที่ทหารจะตั้งกองเป็นสี่เหลี่ยมอย่างในตารางหมากรุก กองทหารเปลี่ยนรูปแบบเป็น แถบยาว __ __ เหลื่อม กันแทน และอาจจะมีความหนา ๓ ชั้น หรือแล้วแต่การจัดกำลังสำหรับสถานการณ์นั้นๆ |
ผู้แสดงความคิดเห็น Don วันที่ตอบ 2010-08-13 01:29:23 IP : 83.52.222.56 |
ความคิดเห็นที่ 10 (2977347) | |
![]() โรจน์ (Webmaster) | ต้องขอนอกเรื่องนิดนึง เห็นคุณ Don บอกว่าสมัครสมาชิกแล้ว เช็คดูในระบบสมาชิก มีสมัครไว้จริง แต่ยังไม่ได้ "ยืนยัน" คือมันเป็นมาตรการป้องกันสแปมที่จะมีอีเมล์ที่ให้คลิกลิงก์เพื่อยืนยันการสมัคร รบกวนตรวจสอบด้วยว่าได้รับเมล์ที่ว่านี้แล้วหรือมันไปหลงในเมล์ขยะ เมื่อพบแล้วให้คลิกลิงก์ในอีเมล์นั้น ก็สามารถล็อกอินเข้ามาโพสต์ได้โดยไม่ต้องกรอกรหัสกันสแปมครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 11 (2977379) | |
![]() soontorn1 | ข้อมูลเยี่ยมไปเลยครับคุณ Don เมื่อก่อนเคยดูในหนัง ผมยังคิดเอาเองว่าทำไมเขาถึงโง่จัง ยืนให้คนอื่นยิงอยู่ได้ ไม่รู้จักหลบลูกปืน ตอนนี้พอเข้าใจแล้วครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น soontorn1 (soontorn1-at-sanook-dot-com) ![]() |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1171365 |