Adolf Eichmann นาซีสำคัญของเหตุการณ์ Holocaust
avatar
หมาป่าดำ


นาซีจอมโหดและประวัติศาสตร์ที่ปิดบัง

 

อาหารสมอง
วีรกร ตรีเศศ


เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ จะมีบางสิ่งที่แอบซ่อนอยู่เสมอดังเรื่องของ นาซีฆาตกรผู้ส่งยิวนับล้านคนสู่ห้องแก๊สดับจิต

เหตุการณ์ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองของเหล่านาซีเยอรมันนั้นว่าน่าสนใจแล้ว แต่หลังสงครามโลกน่าสนใจกว่า ทหารนาซีระดับสูงจำนวนมากหากไม่ตาย ไม่ถูกจับ ก็จะหนีออกนอกประเทศ ส่วนใหญ่หนีไปอเมริกาใต้ ทวีปที่บรรดานาซีได้ไปเตรียมการไว้แล้วเพื่อหลบหนีก่อนที่จะแพ้สงคราม

มีข่าวปรากฏในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า BND หรือองค์กรสืบราชการลับของเยอรมนีไม่ยอมให้ทางการเปิดเผยแฟ้มจำนวนหลายพันซึ่งเกี่ยวกับ Adolf Eichmann (หมายถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เช่น จากไฟไหม้ อย่างไรก็ดี คำนี้ที่ขึ้นต้นด้วยตัว H ใหญ่ได้หมายถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวในแคมป์กักกันระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองไปแล้ว)

Eichmann เกิดใน ค.ศ.1906 เรียนไม่จบมัธยมปลาย จึงเข้าเรียนจะเป็นช่างรถยนต์แต่ก็ไม่จบอีก ต่อมาได้ดีเพราะเป็นสมาชิกกลุ่มฝ่ายขวาของฮิตเลอร์ตอนเป็นวัยรุ่น เขาได้เป็นทหารเหล่า SS (Schutzstaffel) หน่วยพิเศษที่จงรักภักดีต่อฮิตเลอร์อย่างยิ่ง ก้าวหน้าได้ยศสูงขึ้นเป็นพันตรี และรับผิดชอบเรื่องสำคัญคือการขนส่งยิวจากทุกแห่งหน เข้าค่ายกักกันยิวที่กระจายอยู่หลายแห่ง

จุดประสงค์ของการขนส่งไปค่ายกักกันก็คือ ขั้นแรกฆ่าเด็ก ผู้สูงอายุ ป่วยเจ็บ อ่อนแอ ฯลฯ อย่างเป็นกอบเป็นกำด้วยการให้สูดดมก๊าซ

และขั้นที่สองคือกักขังพวกที่เหลือไว้ใช้แรงงาน ยิวทั้งหมดที่ถูกฆ่าตายไปใน Holocaust มีประมาณ 6 ล้านคน

ว่ากันว่าเป็นฝีมือของ Eichmann โดยตรงหลายล้านคน



เมื่อเยอรมันแพ้สงครามในปี 1945 เขาก็พยายามหนีออกนอกประเทศ และก็ทำได้สำเร็จด้วยการเปลี่ยนชื่อ ได้พาสปอร์ตลี้ภัยของสหประชาชาติ เนื่องจากฝ่ายอเมริกาไม่รู้จักเขา เมื่อออกนอกประเทศได้ก็ไปพำนักอยู่ในอาร์เจนตินาอย่างมีความสุขกับครอบครัวภายใต้ชื่อใหม่จนถึงปี 1960 ฟ้าก็ถล่มลงมา

วันหนึ่งขณะที่ลงจากรถเมล์จะเดินกลับบ้านก็ถูกสมาชิกของ Mossad หรือหน่วยราชการลับของอิสราเอล 2 คน จับตัวขึ้นรถไปยังเซฟต์เฮ้าส์และให้เลือกเอาว่าจะโดนฆ่าทันทีหรือไปขึ้นศาล (ป่วยการถาม ใครจะโง่อยากตายทันทีเล่า) เขายินยอมไปขึ้นศาลในประเทศอิสราเอล

เขาถูกลักลอบนำตัวออกนอกประเทศ โดยทางการอาร์เจนตินาไม่ระแคะระคายเลยและถูกนำขึ้นศาลอย่างถูกต้องกระบวนการ (โดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นการจับมาจากนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย) ถูกตัดสินว่าทำผิดทั้ง 15 ข้อหา

โดยศาลขั้นต้นและศาลสูงสุดตัดสินให้ลงโทษประหารชีวิต เมื่อถูกแขวนคอแล้วศพของเขาก็ถูกเผาในเตาที่ร้อนอย่างยิ่ง (สัญลักษณ์ที่ยิวในอุ้งมือเขาถูกแผดเผา) และเอาเถ้าถ่านไปโรยในทะเลเพื่อไม่ให้เขามีหลุมฝังศพได้ และไม่ให้ใครมีโอกาสทำพิธีระลึกถึงเขาได้อีก ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ให้ศพหรือเถ้าถ่านของเขาถูกใช้โดยกลุ่มนาซีใหม่หรือพวกชื่นชมตัวเขาในภายหลังสามารถใช้เป็นจุดกระตุ้นหาพวก (คล้ายกับกรณีของ Osama Bin Laden แหละครับ)

นี่คือเหตุการณ์หน้าฉากที่ถูกบันทึกไว้



สิ่งที่อยู่เบื้องหลังที่แคะออกมาได้จากการเปิดเผยแฟ้มส่วนหนึ่งก็คือไม่มีใครต้องการจับตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนีตะวันตกหรือสหรัฐอเมริกา ยกเว้นอิสราเอล ซึ่งหากไม่มีพวกนี้ เขาก็จะรอดตัวไปเพราะอายุความของคดีอาญาคือ 20 ปี (เหล่านาซีทั้งหลายต่างคอยให้มาถึงเร็วๆ) มิไยที่ผู้คนเรียกร้องให้ขยายเวลาออกไปอีก แต่ทางการเยอรมนีก็ไม่สนใจ

ตราบจนเมื่อปี 1978 โทรทัศน์อเมริกันผลิตภาพยนตร์เรื่อง Holocaust ออกมาฉายจึงกระตุ้นความสนใจของคนทั่วโลก โดยเฉพาะเยาวชนเยอรมันได้ออกมาต่อสู้ให้ขยายเวลาของคดีอาญา

จากแฟ้มที่พอมีพบว่า BND และ CIA รู้ว่า Eichmann หลบหนีอยู่ในอาร์เจนตินา ตั้งแต่ ค.ศ.1952 แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร ทั้งนี้ เนื่องจากกลัวการแฉของเขา

สิ่งที่หวาดหวั่นก็คือ อเมริกาได้ใช้ทหารนาซีจากสงครามจำนวนไม่น้อยทั้งที่เกี่ยวและไม่เกี่ยวกับ Holocaust เป็นจารชนสู้กับคอมมิวนิสต์

ส่วนเยอรมนีตะวันตกกลัวว่าเขาจะพาดพิงถึงที่ปรึกษาใหญ่ด้านความมั่นคงของประธานาธิบดี Konrad Adenauer ชื่อนาย Hans Globke และพาดพิงถึงนาย Reinhard Gehlen เอเย่นต์หาสปายจากทหารนาซีให้ CIA

สาเหตุอีกประการที่ทางการเยอรมนีในปัจจุบันปฏิเสธการเปิดเผยแฟ้มของ Eichmann ก็คือ ไม่อยากทำลายภาพของการเข้าใจว่าพวกนาซีกระทำการชั่วร้ายลงไปเพราะถูกนายสั่ง มิได้ก่อกรรมทำชั่วหนักหนา เพียงแต่กระทำตามคำสั่งของนายเท่านั้น

นอกจากนี้ ไม่อยากให้มีการรื้อฟื้นความหลังอันเจ็บปวดของประเทศขึ้นมา เพราะจะยิ่งทำให้คนเยอรมันเสียหายยิ่งขึ้น

(คนเยอรมันได้ยินเรื่อง Holocaust ระหว่างสงครามอยู่เหมือนกัน แต่ทุกคนเงียบหมดไม่ต่อต้านหรือเปิดโปง ดังนั้น จึงเท่ากับว่าคนเยอรมันรู้เห็นเป็นใจด้วยกับการฆ่าหมู่ครั้งนี้)



นักเขียนหลายคนพยายามวิเคราะห์ว่า Eichmann มีจิตใจที่ผิดปกติหรือไม่จึงสามารถปฏิบัติกรรมชั่วร่วมกับคนอื่นๆ ได้กว้างขวางเช่นนี้

คำตอบของบางคนก็คือเขามีจิตที่ปกติมาก เขาเชื่อในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวอย่างไม่หวั่นไหว อย่างไม่ได้เกลียดชังหรือมีอารมณ์ เพียงแต่ชาชินกับความชั่วร้ายจนเห็นมันเป็นเรื่องธรรมดา

มีนักวิชาการชื่อ Hannah Arendt ให้ชื่อกับลักษณะนี้ว่า "ความเป็นธรรมดาของความชั่วร้าย" (Banality of Evil)

นักวิชาการคนอื่นเห็นว่าหากมนุษย์คนอื่นที่อยากก้าวหน้าในงาน อยู่ในลักษณะเดียวกับ Eichmann แล้ว จะไม่แปลกใจเลยถ้าคนคนนั้นกระทำเหมือนกับที่ Eichmann ได้ทำไป

อย่างไรก็ดี นักวิชาการอีกส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยว่าทุกคนจะกระทำชั่วเช่นนั้นได้ ถึงแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกับ Eichmann ก็ตาม เพราะยังมีสิ่งที่เรียกว่าศีลธรรมจรรยา ความเป็นตัวของตัวเอง ฯลฯ อยู่ในตัวคนในปริมาณที่แตกต่างกัน

ในเวลาต่อไปข้างหน้า เราจะเห็นการเปิดเผยของแฟ้มรวมกันกว่า 4,000 หน้า ที่ฉายภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลังสงครามใหม่ๆ

และจะเห็นว่าเบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านั้นมีเรื่องที่แอบซ่อนปิดบังไว้และบิดเบือนประวัติศาสตร์มากน้อยเพียงใด


มติชนสุดสัปดาห์

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1306039675&grpid=no&catid=&subcatid=



ผู้ตั้งกระทู้ หมาป่าดำ (mistiest-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-05-24 11:22:08 IP : 223.204.207.101


1

ความคิดเห็นที่ 1 (2978587)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

เมื่อเร็วๆ นี้พึ่งมีการสร้างหนังเกี่ยกับ Eichmann รับบทโดย Thomas Kretchman เจ้าเก่า  แต่ยังไม่เห็นมีจำหน่ายในเมืองไทยซะที

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-05-24 22:54:18 IP : 124.122.138.86



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.