ที่จริงแล้วเหตุการณ์ในพม่าตอนนี้หลายอย่างยังไม่ลงตัว  ทีแรกเลยรู้สึกจะค้านๆ กับการที่จะสร้างหนังประวัติของซูจีตั้งแต่ตอนนี้  แต่วันนี้พอเห็นหนังดีวีดีวางขายแล้วเกิดกลัวว่าถ้าไม่ซื้อเก็บไว้แล้ววันหลังจะเป็นยังไง  เลยต้องควักตังค์ซื้จนได้  ส่วนจะได้ดูเมื่อไหร่นี่ยังไม่แน่เพราะมีหนังที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ดูอีกหลายเรื่องครับ

 หนังเรื่องนี้ให้ผมเปรียบเทียบกับอาหาร ก็คงเหมือนแกงจืดครับ

เท่าที่อ่านและได้ดูตัวอย่างหนังแล้ว คงเหมาะกับคอหนังแนว drama มากกว่าพวกที่นิยมแนว epic ครับ อย่างไรก็ตาม หนังเรื่องนี้ได้รับการสร้างและนำออกมาฉายในช่วงที่สถานการณ์ในพม่าเริ่มคลี่คลายไปแล้ว  กระแสจึงไม่แรงอย่างที่ควรครับ

ส่วนตัวของผมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่า เวลานี้ ผู้ชนะไม่ใช่อองซานซูจี หากแต่เป็นรัฐบาลทหารพม่าต่างหากครับที่สามารถแก้ไขสถานการณ์การเมืองของพม่ากับนานาชาติได้โดยยอมแบ่งปันการมีส่วนร่วมให้กับปรปักษ์อย่างอองซานซูจีบ้าง  แต่ได้รับผลตอบรับจากนานาชาติอย่างเกินคุ้มครับ แล้วอย่างที่เห็นการประชุมในสภาของพม่า เล่นแต่งเขียวเข้าประชุมกันพรึ่บพรั่บอย่างนี้ มันหมายถึงว่า อำนาจอยู่ในมือใคร  อย่างไรก็ตาม ผมขอยกเครดิตนี้ให้กับท่านเต็งเส่งผู้นำผู้มีวิสัยทัศน์และมีคุณค่ายิ่งแก่ประเทศพม่าในเวลานี้ครับ 

ในระยะยาว ผมคิดว่าสถานการณ์การเมืองในพม่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป การผสานชาติพันธุ์ต่าง ๆ จะค่อยดำเนินไปจนสู่จุดสมานฉันท์ได้  แต่ต้องอาศัยการวางแนวทาง นโยบาย และยุทธศาสตร์ที่ดีเช่นเดียวกับในมาเลเซียในอดีตที่ผ่านมาครับ และแน่นอน ถ้าหากว่าผู้นำพม่ามีวิสัยทัศน์ ความสามารถ ตลอดจนมีความสุจริตจริง พม่าจะก้าวหน้าไปเช่นเดียวกับมาเลเซียแน่นอนครับ

ช่วงนี้ อองซานซูจีได้มาเยือนเมืองไทยตอนที่เกิดเหตุการณ์มิกสัญญีในสภาไทยพอดี  ไม่รู้ว่า เธอจะได้นำวิธีการนี้ไปใช้บ้างหรือเปล่าในการประชุมสภาที่พม่า  แต่ผมเชื่อครับว่า เธอจะไม่มีวันสิ้นคิดจนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอนครับ

ทีแรกว่าจะหาข้อมูลเขียนเรื่อง War Horse เลยต้องเปลี่ยนใจมาลองชิม "แกงจืด" ของท่าน soontorn1 ดู

คนเราย่อมมีลิ้นและรสนิยมในการกินอาหารไม่เหมือนกันครับ  ทานอาหารประเภทหนึ่งมากๆ อาจจะชินจนไม่ชอบอาหารประเภทอื่นได้  ตัวผมบางทีต้องกินอาหารรสจัดทั้งโดยเต็มใจบ้างไม่เต็มใจบ้าง  แล้วบ่อยครั้งต้องมาท้องเสียภายหลัง  ได้แกงจืดร้อนๆ มักจะสบายท้องมากกว่า  แต่ก็ไม่สามารถกินอาหารรสชาดอย่างใดอย่างหนึ่งติดต่อกันนานๆ ได้

หนังเรื่องนี้แม้จะชื่อ "The Lady" แต่ก็ให้บทบาทกับ "The Gentelman" ได้อย่างสมดุล และน่าประทับใจ

ใครที่คิดว่าภรรยาจะเด่นเกินสามีไม่ได้  หรือใครกำลังอกหักรักคุด  ลองหยิบหนังเรื่องนี้มาดูบ้าง  จะได้เข้าใจ "ความรัก" มากขึ้นครับ

แถมอีกคลิป ที่จริงพึ่งดูไปได้นิดเดียว เป็นคลิปสัมภาษณ์ มิเชล โหยว ในรายการคุณวู้ดดี้ครับ

ได้บรรจุเรื่องนี้ไว้แบบ "จัดไม่เต็ม" ที่หมวดประวัติศาสตร์ร่วมสมัย  คลิกดูได้ที่นี่ครับ

ลืมบอกไปว่าที่เอามา "จัดไม่เต็ม" นี่ไม่ได้หมายความว่าผมจองที่เขียนบทวิจารณ์ซะเองนะครับ  ถ้า "คนเล่าเรื่อง" หรือท่านใดสนใจจะเขียนวิจารณ์ก็เสนอมาได้ครับ

ดูหนังเรื่องนี้จบมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีเวลาและโอกาสได้เขียนถึง แต่สิ่งสำคัญที่ได้จากหนังเรื่องนี้ คือ งานโปรดักชั่นที่สุดยอดของความกลมกลืนเป็นอย่างยิ่ง  ดูหนังตั้งแต่ต้นยันจบนี่แทบจะเชื่อได้เลยว่าไปถ่ายทำที่พม่ามาเต็ม ๆ ยังมองหาจุดผิดหรือจุดบกพร่องไม่เจอเลย

จริง ๆ แล้วผมอยากให้บรรดานักวิชาการสื่อสารมวลชนและผู้สร้างภาพยนตร์ได้ศึกษาหนังเรื่องนี้มาก ๆๆๆๆๆๆ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนางานสร้างหนังไทยเราโดยเฉพาะหนังประวัติศาสตร์ให้ก้าวหน้ามากขึ้นครับ