สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ว่า นิตยสารสหรัฐฯ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ที่อ้างว่าเป็นของอดีตเจ้าหน้ากองทัพนาวิกโยธินหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางทะเล, อากาศและภาคพื้น หรือ ซีลส์ (SEALs) ผู้ลงมือสังหารโอซามา บิน ลาเดน อดีตหัวหน้าใหญ่เครือข่ายก่อการร้ายอัลเคดา ซึ่งยอมเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นเมื่อพ.ค. 2011 เป็นครั้งแรก

ในบทสัมภาษณ์ของนิตยสาร "เอสไควร์" (Esquire) อดีตเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเผยวินาทีที่เขาพบบิน ลาเดนที่ชั้น 3 ของอาคารที่หลบซ่อนตัวในประเทศปากีสถานว่า บิน ลาเดนดูสับสน และตัวสูงกว่าที่เขาคิดไว้ โดยขณะนั้นบิน ลาเดนกำลังโอบใหล่ภรรยาที่อายุน้อยที่สุดของเขา และเขาผลักเธอออกมาข้างหน้า โดยมีปืน AK-47 อยู่ใกล้ๆ

"ผมไม่รู้ว่าเธอ (ภรรยาของบิน ลาเดน) สวมเสื้อเกราะหรือไม่แต่เธอถูกผลักออกมาเพื่อเป็นโล่ บิน ลาเดนได้ปืนไว้ข้างกาย เขามีอำนาจคุกคาม ผมจำเป็นต้องยิงก่อนที่เขาจะมีโอกาสเหนี่ยวไก" อดีตหน่วยซีลส์กล่าว "วินาทีนั้น ผมยิงเขา 2 นัดที่หน้าผาก และหลังจากที่เขาล้มลงบนพื้นหน้าเตียงนอนของเขา ผมก็ยิงเขาที่เดิมอีก 1 นัด เขาตาย ไม่เคลื่อนไหว"

จากบทสัมภาษณ์ของเอสไควร์ระบุว่า ปฏิบัติการสังหารบิน ลาเดนเกิดขึ้นเพียง 15 นาที แต่ส่วนที่น่าตระหนกที่สุดกลับเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นไม่นาน เมื่อเขาพบว่าหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กแบบกล่องหน (ระบบสเตลธ์) ที่พวกเขานั่งมาตกบริเวณที่หลบซ่อนนั่นเอง "เราคงไม่ได้ออกจากที่นั่นแล้ว" เขากล่าว "ผมคิดว่าเรามีทางเลือกแค่ 2 คือ ขโมยรถแถวนั้นและขับไปจนถึงกรุงอิสลามาบัด หรือรอให้กองทัพปากีสถานโผล่มา และนั่นคือสิ่งที่ผมกังวล"

หลังจากปฏิบัติภารกิจสำเร็จโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ในหน่วยถูกสังหาร หรือได้รับบาดเจ็บ เขาก็เกษียณตัวเองออกจากกองทัพเมื่อฤดูร้อนปี 2012 แต่เขากลับเผชิญกับความกังวล ว่าจะมีผู้มาล้างแค้นให้บิน ลาเดน ทำให้เขาไม่สามารถใช้ชีวิตปกติเหมือนพลเรือนทั่วไปได้ นอกจากนี้ เขายังไม่มีสิทธิ์รับเงินบำนาญ เนื่องจากเขามีอายุงานในกองทัพนาวิกโยธินเพียง 16 ปี ซึ่งไม่เข้าคุณสมบัติรับเงินบำนาญซึ่งต้องมีอายุงานในกองทัพอย่างน้อย 20 ปี.