ฝ่ายเยอรมันพะวงหลายเรื่องคับอย่างเรื่อง The Longest Day วันเผด็จศึ  กเยอรมันสั่งเครื่องบินย้ายไปทั้งฝูง เหลือแต่เพียง นาวาอากาศโจเซฟ พิลเลอร์ กับนักบินผู้ช่วยเพียง2ลำเท่านั้นคับ แต่ก็ยังต้องยอมรับคำสั่งที่เป็นพิษ คือ ขับแมทเซอร์สมิตซ์ Me-109ไปรบแนวชายหาดนอร์มังดี คับ

เดือนก่อนผมได้ไปสัมมนาต่างจังหวัด ระหว่างพักผ่อนได้ดูยูบีซีของโรงแรมช่องสารคดี เป็นสารคดีของ National Geographic (ถ้าจำไม่ผิด) เกี่ยวกับวิวัฒนาการของการรบทางอากาศ ตอนที่กล่าวถึง Battle of Britain เขาได้เน้นถึงความสำเร็จของอังกฤษว่ามาจากการวางระบบการเตือนภัยล่วงหน้า ที่สามารถตรวจจับฝูงบินเยอรมันและแจ้งเตือนได้ทันเวลา รายละเอียดคงต้องดูจากยูบีซีหรือรอให้สารคดีเรื่องนี้มีขายเป็นหนังแผ่น

ประเด็นเครื่องบินรบ คนที่ดูแล้วคงจำได้ว่ามีฉากหนึ่งที่เกอริงไปเยี่ยมที่ตั้งฝูงบิน แล้วบอกว่ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมา นักบินเยอรมันคนหนึ่งบอกว่า "ขอสปิตไฟร์สักฝูงซิครับ" ทำเอาเกอริงอึ้งไปเลย

ผมอยากบอกอีกอย่างหนึ่งว่าข้อที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือการที่เยอรมันเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทิ้งระเบิดเกาะอังกฤษไปเรื่อยเรื่อยโดยไม่มีจุดหมาย   ทำให้อังกฤษ

มีโอกาสที่ผลิตอาวุธต่อสู้กับเยอรมันได้ครับ

คงต้องเป็น DVD ละคับ อาจมี Subtitle ภาษาเยอรมันคับ

Dutsch - ภาษาเยอรมัน

ภาพข้างบนนี้เป็นภาพวิหารเซนต์ปอนด์  กรุงลอน  ซึ่งถูกเครื่องบินเยอรมันทิ้งระเบิดใส่

ภาพนี้เป็นภาพที่กรุงลอนดอนโดนเครื่องบินเยอรมันทิ้งระเบิดอย่างหนัก  โดยมีสะพานทาวเวอร์บริด (Tower Bridge) ตั้งอยู่ข้างๆ

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังดับเพลิงในกรุงลอนดอน

นักบินอังกฤษเตรียมตัวที่ออกปฏิบัติศึกอินทรีเหล็ก

เครื่องบินเยอรมันถูกเครื่องบินอังกฤษยิงตกพื้น

ทั้งหมดนี้เป็นภาพ battle of britain  ใครที่มีภาพเกี่ยวกับยุทธการนี้ก็ส่งมาที่นี่ก็ได้อีกนะครับ

ภาพนี้เเสดงจุดยุทธการ     Battle  of  Britain  ครับ

    เท่าที่ผมเคยเห็นก็อยู่ตามร้านเช่าหนังทั่วไป  ที่ผมดู

นั้นเป็นvcdพากษ์ไทยที่เช่ามาร้านเเมงปอ 

  .ใช่ครับ  อยากรู้รายละเอียดก็ลองลิงค์ดูข้างล่างนะครับ

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%8C_%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1_%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87

 "ขอสปิตไฟร์สักฝูงครับ"

เป็นคำพูดของ adolf galland เสืออากาศคนหนึ่งของเยอรมัน ซึ่งภายหลังได้เป็นนายพลรองจากเกอริ่ง ควบคุมสายการผลิต Me262 เเละเป็น หนึ่งในนักบินไม่กี่คนของ ฝูงบิน JG44 Me262 เจ๊ทลำเเรกของโลก

ตามจิงหากว่าเยอรมันนั้นบุกต่อไปอีกสัก 2-3 อาทิตย์ อังกิดนั้นก็เเพ้ เเน่นอน ครับถึงเเม้ว่าโดยรวมทางการรบ อังกิดจะดูเหนือกว่า เเต่ตามจิงเเล้วอังกิดนั้น ขาดนักบินเเล้วนักบินเเต่ละคนก็เคลียดกันมาก บินกันเเบบไม่พัก ตายกันไปข้าง

จุดเปลี่ยนของสงครามครั้งนี้คือ ช่วงหนึ่งที่เยอรมันหยุดการโจมตีไปช่วงหนึ่งคือ ประมาณ 2 สัปดาห์ ทำเหล่านักบินของอังกิดมีเวลาพักฝืนตัว จนมีขวัญกกำลังใจดีขึ้น หากว่าเยอรมันบุกต่ออย่างงี้คือบุกทั้งวันทั้งคืนไปเรื่อยๆ อังกิดย่อมเเพ้ไปในที่สุดครับผม เพราะไม่มีนักบิน

เเล้วอีกอย่างที่เเพ้ คือกลยุท ของ เครื่อง BF 109 ตามจิงเเล้ว 109 ไม่ได้ด่่อยกว่า Spitfire เเต่อย่างใด เพียงเเต่ การรบครั้งนี้ 109 ได้รับคำสั่่งให้ Escort bomber ซึ่งตามจิงเเล้ว 109 เป็นเครื่องบินเชิงรุก คือ เป็นเครื่องบินไล่ล่า ไม่ไช่คุ่มกัน ซึ่งต่างกับ Spitfire ออกเเบบมาเพื่อเป็นเครื่อง Interception  โดยเฉพาะ

ส่วนเรื่องของ ความสามารถของเครื่องนั้น ค่อนข้าเงเเตกต่างกัน พอควร BF109 นั้นเป็น เครื่องบิน ที่บินได้เร็วกว่า เครื่อง Spitfire อยู่เล็กน้อย (ในเครื่องFighter ความเณ็วต่างกัน เเค่ นิดเดียวก็ตัดสินชีวิตได้เเล้วนะ ) ส่วน Spitfire นั้นจะมีความสามารถในการ Turn ได้ดีกว่านิดหน่อย  ซึ่งนั้นเองทำให้ Spitfire เหมาะสำหรับเป้น เครื่องบิน Dogfight มากกว่า เเต่.............ที่สำคัญที่สุด ข้อเสียสุดสำคัญของเครื่องอังกิดยุกนั้น Spitfire เเละ Hurrican ใช่เครื่องยนต์เเบบ คาบูเรเตอร์ดูดลง ซึ่งหากว่าเครื่องนั้นบินใน ท่า G- (negative Gกดหัวเครื่องลง ตรงๆเเรงๆว่าง่าย) จะทำให้น้ำมันไหลย้อนกลับไม่เข้าเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องเสียกำลังไป 2-3 วินาที  ทำให้เครื่อง 109 ที่ไช่ระบบ หัวชีดตรงได้เปรียบเพราะ ไม่เสียกำลังเครทื่องเวลาบินท่า G- ทำให้ เกือบทุกครั้งเเล้ว 109 กดหัวลงเเรงๆ Spit ก็ตามไม่ทันเเล้ว