|
![]() |
|
อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์....ภาคหนึ่ง !!! | |
![]() WWIWANDA |
สวัสดีค่ะ.…กลับมาพบกันอีกแล้ว ขอให้ทุกๆท่านมีความสุขความเจริญถ้วนหน้ากัน คิดสิ่งใดขอให้สมความปรารถนา
ดิฉันห่างเหินกับการเขียนบทความไปนานเพราะภาระกิจสารพัดรอบตัว แต่ช่วงนี้...ว่างเยอะค่ะ เลยทำงานชิ้นนี้...เพราะตั้งใจมานานแล้วว่าจะเล่าสู่กันฟังเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เราจะได้ชมภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด เรื่อง Dunkirk (ไม่ทราบว่าภาษาไทยจะตั้งชื่อว่าอะไร" แถมกำลังจะตามในปีต่อไปอีกหลายเรื่องในแนวเดียวกัน เพราะหนังสงครามแบบนี้เป็นเสือนอนกิน เพราะไม่มีการขาดทุน แต่..ในหนังนั้นก็คงจะดราม่าผสมสงครามตามสไตล์ของอเมริกัน เอาฉากเด็ดๆเป็นตัวดึงดูดพร้อมกับสร้างฮีโร่ให้ใครสักคนนึง (หรือมีมากกว่าหนึ่ง) แต่ก็เอาเถอะ...เราอย่าเอานิยมนิยายกับเรื่องบนแผ่นฟิล์มเลย เพราะความเป็นไปทั้งหมดเกี่ยวกับการยกพลขึ้นบกในครั้งนั้น.. มันไม่มีใครเป็นฮีโร่ไปมากกว่าใคร การดำเนินการผิดพลาดก็มีมาก เป็นเพราะทหารต่างเหล่า ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม ที่ต้องมารวมกันอยู่ภายใต้ของการบังคับบัญชาของ นายพลอเมริกัน General Dwight D. Eisenhower...ที่ขนาดต้องระเบิดอารมณ์ในการทำงานครั้งนี้ว่า "เบื่อชิบ...ที่ต้องมาปวดหัวกับไอ้พวกเรื่องมาก น่ารำคาญพวกนี้ ไปบอกพวกมันเลยนะว่า ถ้ามันทำงานร่วมกันไม่ได้ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆอย่างนี้ละก้อ ตรูจะไปบอกท่านนายกรัฐมนตรี(หมายถึง ท่าน วินสตัน เชอร์ชิลล์) ให้หาคนอื่นมาคุมไอ้สงครามบ้าๆนี่แทนเหอะ..."
ฝ่ายท่านผู้บังคับบัญชาระดับจอมพล Field Marshal Sir Bernard Montgomery (อังกฤษ) แม่ทัพหน่วยยานเกราะผู้ที่โด่งดังมีชัยมาจากการฟาดฟันมากับจิ้งจอกทะเลทราย Erwin Rommel ในเวทีฝั่งอาฟริกา ได้แสดงโวหารอย่างไม่เกรงใจอเมริกาว่า "ปัญหาใหญ่มันก็มาจากไอ้พวกแยงกี้ที่รบไม่เป็น ไม่มีวินัย ไม่รู้ห่ะอะไรทั้งนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรากำลังรบอยู่กับเยอรมัน (นะเว้ยเฮ้ย..) แล้วจะไปเอาชนะเขาได้ยังไงหากว่ามันยังนอกลู่นอกทางอย่างนี้"
ฝ่าย พลโท Everett S. Hughes (อเมริกา) ต้องโวยห้ามทัพอสย่างเหลืออดเช่นกันว่า "พระเจ้า...ช่วยกรุณาลดความอวดดีกันซะมั่งได้ไหม....?"
คงแทบไม่ต้องเดากันเลยว่า หลังม่านของการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดีนั้น มันวุ่นวาย อลหม่านแผนซ้อนแผน รวมทั้งมีคลื่นใต้น้ำมากขนาดไหน เพราะเป็นที่รวมของเหล่าทหารชั้นสุดยอดเสนาธิการที่เลือกสรรมาใช้งานจากหลายประเทศ...ที่ยังแบ่งก๊กแบ่งฝ่าย ที่ต้องมาอยู่ในความควบคุมของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสัมพันธมิตรภาคพื้นยุโรปควบไปถึงตะวันออกกลางเพียงคนเดียวนั่นคือ พลเอก ดไวท์ ไอเซ่นฮาวร์ ( Dwight Eisenhower) ที่ต่อมาคือประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาถึงสองสมัย 1953-1961 (อันดับที่ 34) และเขาคนนี้แหละ ที่ใครต่อใครได้ปรามาสหน้าไว้อย่างไม่เกรงใจ แม้แต่พวกเดียวกันเอง...เช่น
นายพล จอร์จ แพตตัน ( George Patton รุ่นพี่ที่เวสต์ปอยต์) ได้ประกาศโต้งๆว่า..."ไอ้ที่แย่ก็เพราะไอเซ่นฮาวร์มันไม่รู้เรื่องรู้ราวเรื่องสงครามเอาซะเลยน่ะซิ"
นายพล โอมาร์ แบรดลี่ย์ ( Omar Bradley เพื่อนสนิทร่วมชั้นในเวสต์ป๊อยต์) กล่าวว่า "เรื่องกลยุทธภาคสนามเนี่ย...เราก็รู้กันแค่หางอึ่งเอง"
ผู้บัญชาการทหารเรือฝ่ายยกพลขึ้นบก (โอมาฮา) John Hall จอห์น ฮอลล์ ได้พูดเย้ยๆไว้ว่า"เป็นคนที่ถูกตีราคาเกินความเป็นจริงเกินไปเยอะเลย"
ส่วนฝั่งสัมพันธมิตรสายอังกฤษก็ออกมาในแนวเดียวๆกัน คือ
จอมพล เบอร์นาร์ด มองต์คอมเมอรี่ ( Sir Bernard Montgomery) เอ่ยอย่างเชิดๆใส่ว่า "ก็ดูเป็นคนใช้ได้นะ แต่ไม่ใช่สำหรับทหารชั้นนายพล"
จอมพล อลัน บรูค ( Lord Alan Brooke) ถึงกับเขียนไว้ในบันทึกส่วนตัวเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม1942 ว่า... " ท่าจะสิ้นหวัง นายนี่วุ่นวายกับเรื่องการเมืองซะจนไม่สนใจว่าตัวเองเป็นทหาร...อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งมาจากการที่ตัวเองไม่รู้เรื่องรู้ราวการศึกอะไรกับเขาเลยก็เป็นได้"
แต่ที่แสบสันที่สุด คือ โปรเฟชเชอร์ เอเดรียน ลูอิส (Adrien Lewis)นักประวัติศาสตร์สงครามและอาจารย์โรงเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์เอง ได้เขียนบันทึกเอาไว้เลยว่า... "เขาไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรเลยกับพวกพ้องหมู่เหล่าที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน..."
นั่นคือ...การกล่าวถึง เขียนถึง เมื่อทุกคนออกแนวช็อคที่ได้รับทราบว่า เขาคนนี้ พลโท (เพิ่งได้รับมาหมาดๆ) Dwight Eisenhower ทหารระดับโนเนม ไม่มีโปรไฟล์แห่งการผ่านสงครามที่ไหนทั้งสิ้น แล้วจะก้าวมาเป็นผู้บัญชาสูงสุดของกองทัพสัมพันธมิตร ที่จะต้องประสานการทำงานกันเพื่อโค่นล้มเยอรมันที่กำลังจะโอบล้อมโลก...ด้วย...เดิมพันนั้นมีอย่างเดียวคือ ต้องชนะ...ไม่ว่ามันจะเป็นมูลค่ามหาศาลเพียงใด
แต่เขาก็สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ทั้งๆที่แต่ละขั้นตอนนั้นยากหนักหนาสาหัส นับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามา จนถึงวันสุดท้ายที่ประกาศชัยชนะ เพราะทุกอย่างนั้น...เป็นการผสมผสานของสับสนทางภาษา วัฒนธรรม ความดื้อรั้นอวดดีถือยศถือศักดิ์ ทิฐิมานะ จนเรียกได้ว่า อลหม่านทุกทางก็ว่าได้
ก่อนที่จะเล่าเรื่อง "อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์" นั้น...เรามาทำความรู้จักเขา Dwight Eisenhower กันก่อนดีไหม...?
|
ผู้ตั้งกระทู้ WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() ![]() |
1 |
ความคิดเห็นที่ 1 (4373682) | |
![]() WWIWANDA | ตอนหนึ่ง...จากท้องทุ่งสู่เวสต์ป๊อยต์
จากนามสกุลที่บ่งบอกว่าเป็นเชื้อสายเยอรมันอันดั้งเดิมคือ Eisenhauer ที่แปลว่า ช่างเหล็กนั้น...ก็ตีแผ่ประวัติของต้นตระกูลมาได้เป็นขั้นตอนเลยว่า เชื้อสายนี้ได้เข้ามาตั้งรกรากในอเมริกามานอนก่อนครั้งสงครามกลางเมือง ซึ่งการหลั่งไหลของชาวเยอรมันในครั้งนั้น ก็มาจากสาเหตุหลักๆคือ การแตกแขนงของ ศาสนาคริสต์ที่แยกออกมาเป็นนิกายต่างๆ หนึ่งในนั้น คือ Mennonite (เกิดขึ้นเมื่อศตวรรษที่16) โดย นาย Menno Simons นักเทววิทยาชาวดัทช์ที่อดีตเคยเป็นบาดหลวงในคริสต์จักร ผู้ที่เชื่อว่า พระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้นคือจุดรวมของศาสนาทั้งปวง หาใช่แต่จะต้องเป็นคริสเตียน และจะต้องกระทำในโบสถ์ของคริสเตียนเท่านั้น รวมไปถึงการจัดระบบของรูปแบบของสงฆ์ ที่ไม่ควรจะต้องขั้นตอนให้ซับซ้อน นักบวชหรือสาวกก็สามารถศึกษาให้ความรู้กับประชาชนได้ ความคิดนี้ได้เริ่มกระจายไปยังประเทศใกล้เคียงต่างๆในยุโรป เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมันนีและอื่นๆในช่วงของศตวรรษที่ 17-18 ทำให้เกิดการขัดแย้งทางศาสนจักร ทำให้ต้องมีการกวาดล้างกันเกิดขึ้น ครอบครัว Eisenhauer นี้ก็เป็นเป้าหมายด้วยเช่นกัน จึงต้องมีการลี้ภัยเกิดขึ้น เส้นทางแรกที่พากันอพยพออกมาจากไรห์นแลนด์ คือ สวิตเซอร์แลนด์ สู่ ฮอลแลนด์ จากนั้น ในปี 1741 Han Nicholas Eisenhauer พร้อมภรรยาและลูกชายสามคน มีโอกาสได้ข้ามทวีปไปสู่โลกใหม่ อเมริกา... |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 2 (4373683) | |
![]() WWIWANDA | ที่ลงปักหลักครั้งแรก คือ Lebanon County ในรัฐเพนซิเวเนีย อันเป็นเขตในอาณัติของอังกฤษ ที่มีทุ่งหญ้าอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการทำฟาร์ม ที่ทุกคนเหล่าชาวเมนโนไนต์ หวังว่าจะได้รับความสงบสุขและได้รับเสรีภาพในการที่ดำรงชีวิตในลัทธิของศาสนาตามที่พวกเขาศรัทธา ครอบครัวไอเซ่นฮาวร์ ได้ครอบครองเนื้อที่ 120 เอเคอร์ สำหรับทำฟาร์ม สร้างบ้านที่อยู่อาศัยและอยู่ด้วยความสงบสุข แตกแขนงสาขาออกมา ในทะเบียนประวัติได้ค้นพบว่า หนึ่งในตระกูล ชื่อว่า Frederick Eisenhauer (รุ่นหลาน) ได้มาเป็นทหารอยู่ในกองทัพของ จอร์ช วอชิงตัน
ลูกชายของ เฟรเดอริค คือ Jacob เกิดในปี 1826 คือคนที่เปลี่ยนการเขียนนามสกุล จากEisenhauer มาเป็น Eisenhower เพราะเขาเริ่มเป็น คนที่มีชื่อเสียง เป็นนักพูดคนสำคัญให้กับลัทธิเมนโนไนต์ โดยเฉพาะในรัฐเพนซิเวเนียที่มีชาวเยอรมันและชาวดัทช์อาศัยอยู่มาก ลูกคนแรกของเจคอบ คือ David เกิดในปี 1863 (คนนี้คือ บิดาของ Dwight Eisenhauerในต่อมา) ซึ่งในช่วงระยะนั้น สงครามกลางเมืองในอเมริกา กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด และ Gettysburg อยู่แค่ปลายจมูกของเพนซิเวเนียนี่เอง ชาวเมนโนไนต์ท้องถิ่น ในนามว่ากลุ่ม River Brethren รวมทั้งเจคอบ...ยึดมั่นถือมั่นในการเป็นกลุ่มเผยแพร่พระศาสนา...ไม่สนใจกับการเข้าร่วมอาสาสมัครรบไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน
หลังจากสงครามกลางเมืองได้ผ่านพ้นไป การพัฒนาบูรณะก็ตามมา รวมทั้งทางรถไฟที่เป็นสายยาวเชื่อมต่อระหว่างตะวันตกกับตะวันออก.. อันเป็นโอกาสอันดีที่เจคอบมองเห็นทำเลใหม่ ในการที่จะสร้างอาณาจักรของเมนโนไนต์ได้กว้างไกลขึ้น เขาและพรรคพวกอีกสามร้อยกว่าคนได้ใช้ทางรถไฟ มุ่งหน้าอพยพไปสู่รัฐแคนซัส...และได้ลงหลักปักฐานที่ เมือง Abilene ในเขตของ Dickinson County
เจคอบได้ซื้อที่ 160 เอเคอร์ บริเวณเหมาะสมกับการสร้างบ้านและทำปศุสัตว์ ในวันอาทิตย์เขาและกลุ่มพรรคพวกได้รวมตัวกันร้องเพลงสวดมนต์ ทุกอย่างไปได้สวย สภาพเศรษฐกิจคล่องตัว ...แต่นั่นหมายความว่าทุกคนในครอบครัวต้องช่วยกันทำงานตัวเป็นเกลียว อย่างลูกชายคนโต เดวิด อายุเพียง 14 ต้องทำงานสารพัดในฟาร์ม เขามีความปรารถนาที่จะไปเรียนเป็นวิศวะ ซึ่งกว่าจะได้เข้าเรียนที่ Lane University ใน Lecompton, Kansas อายุอานามก็ปาไป 21 ปี ถือว่าเป็นหนุ่มฉกรรจ์ และที่มหาวิทยาลัยนี้เอง เขาได้พบรักกับ Ida Elizabeth Stover ที่มีพื้นฐานเป็นเยอรมัน-เมนโนไนต์ เช่นเดียวกัน |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 3 (4373684) | |
![]() WWIWANDA | เขาทั้งสองได้แต่งงานกันในปี 1885 ที่โบสถ์ในมหาวิทยาลัยนั่นเอง และได้มีลูกชายคนแรกในปีต่อมา... ของขวัญแต่งงานที่เจคอบให้กับลูกชายและลูกสะใภ้ คือ แบ่งที่ดินในฟาร์มและเงินส่วนหนึ่ง... เดวิดจึงตัดสินใจเปิดกิจการทำร้านค้าอุปกรณ์และเครื่องใช้ ซึ่ง...ไม่ประสบความสำเร็จเพราะเขาไม่มีหัวทางค้าขาย เริ่มมีหนี้สิน ทำให้เขาต้องออกหางานทำต่างเมือง ในรัฐเท๊กซัส ตอนนั้น ไอด้ากำลังตั้งครรภ์ที่สอง หลังจากคลอด เธอยังหอบลูกทั้งสองไปอยู่กับเดวิดที่เท็กซัส ซึ่งชีวิตที่นั่นแสลำบากยากเย็น และอัตคัตไปหมด... จนลูกชายคนที่สามได้ถือกำเนิดขึ้นมา ในวันที่ 14 ตุลาคม 1890 และได้รับนามว่า Dwight David Eisenhower
ปี 1891 ครอบครัวไอเซ่นฮาวร์ ได้ย้ายกลับสู่แคนซัส เดวิดได้งานทำในตำแหน่งช่างเครื่องจักรกลของโรงงานทำครีม ที่ไม่ได้เงินมากมานัก หากแต่ภรรยาของเขา ไอด้า ได้ทำฟาร์มให้เป็นแหล่งทำเงิน ในเนื้อที่แค่สามเอเคอร์ ทั้งเพาะปลูก เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงเป็ด และเลี้ยงวัวนม ตอนนั้นทั้งสองได้มีลูกชายทั้งหมดหกคน ทุกคนได้กลายเป็นแรงงานชั้นดีที่ไม่ต้องไปจ้างใครที่ไหน เด็กๆมีข้อห้ามที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามเล่นการพนันห้ามดื่ม ข้อห้ามเหล่านี้ไม่รู้ว่าเคร่งครัดขนาดไหน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ท่านนายพล ดไวท์ ไอเซ่นฮาวร์ เป็นหมด กล่าวคือ สูบบุหรี่จัด, สบถจนติดปาก เล่นโป๊กเกอร์แบบดุดัน และ ไม่ใช่คนคออ่อนในเรื่องดื่ม...!!
อะบิลีน เป็นเมืองเล็กๆที่สงบเงียบ มีประชากรประมาณห้าพันคน แต่ในช่วงปี 1860s ได้เกิดดังจนเป็นที่รู้จักขึ้นมา เพราะนายอำเภอนักดวลปืน "Wild Bill" James Butler Hickok ที่ได้ส่งกระสุนสังหารพวกคาวบอยpอันธพาลและโจรจนเป็นที่ขึ้นชื่อ (ตอนนี้ไปหาดูในภาพยนตร์คาวบอยเก่าๆได้ค่ะ ) แต่พอมาถึงยุคของดไวท์ รางรถไฟได้ทอดยอดออกไปถึงฝั่งตะวันตกแล้ว พวกคาวบอยเท๊กซัสไม่ต้องต้อนม้า ต้อนวัวข้ามรัฐกันอย่างแต่ก่อน ...ส่งขึ้นรถไฟกันกันไปได้เลย. |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 4 (4373685) | |
![]() WWIWANDA | ![]() พอถึงเกณฑ์เข้าโรงเรียน...เขาคนนี้ได้ถูกเพื่อนๆเรียกชื่อสั้นๆ ว่า "ไอค์" (ต่อไปจะใช้ชื่อนี้ในการเขียน) ซึ่งไอค์ได้กลายเป็นคนดังประจำโรงเรียนไปในเวลาไม่นาน ไม่ใช่เพราะเรียกเก่ง เรียนดี หากแต่เป็นนักกีฬาตัวฉมังทั้งเบสบอลและฟุตบอล เรื่องเรียนเขาไม่มีจุดมุ่งหมายอะไรเลย...ได้แต่หวังว่าจะเข้าไปเรียนใน U.S. Naval Academy ที่Annapolis หลังจากจบจากไฮสกูล เขาได้เข้าไปสอบเผื่อเลือกไว้ที่ West Point ด้วย ไม่ใช่เพราะอยากเป็นทหาร แต่เพราะกลุ่มเพื่อนๆเขาชวนกันไป และไม่ว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ก็ได้ทั้งนั้น เพราะ ประการที่หนึ่ง คือเรียนฟรี ประการที่สอง คือได้เล่นกีฬาแบบเต็มที่
นักเรียนนายร้อยที่เวสต์ป๊อยท์นั้น ใครๆก็ทราบดีว่า ถูกขึ้นอันดับว่าหินสุดๆ เพราะการฝึกที่แสนโหดและวินัยที่ต้องพึงปฏิบัติแบบถี่ยิบ ไหนจะรุ่นพี่ที่คอยซ่อมคอยซ้อมกันแทบทุกขณะจิต แต่สำหรับไอค์แล้ว...เขาไม่หวั่นอะไรเลย เพราะมาจากท้องทุ่ง ทำงานหนัก ทรหดอดทนมาตลอดตั้งแต่เด็ก มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ จะไปกลัวอะไร ที่สำคัญคือ...ในฐานะครอบครัวอย่างเขา เรื่องที่จะต้องเรียนแบบเสียเงินนั้น...ตัดไปได้เลย ไม่มีวัน ฉะนั้น การเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยคือคำตอบที่ดีที่สุด
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 5 (4373686) | |
![]() WWIWANDA | ในที่สุด...เขาก็ได้เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยแห่ง West Point รุ่นปี 1911 สมความตั้งใจ เนื่องจากอายุเกินเกณฑ์ไปสำหรับ Annapolis ทั้งๆที่สอบผ่าน... ถ้าจะถามว่าเขาเสียเวลาไปทำอะไรมาตั้งนาน รอจนอายุป่านนี้...ก็เพราะเขาและพี่ชาย Edgar ได้ทำแท๊คทีมกัน ผลัดกันทำงานหาเงินไว้เป็นทุนช่วยกัน ปีไหนเขาเรียน พี่ชายหยุดเรียน ไปรับจ้างหางานทำตอนกลางคืนเป็นยาม...พอเขากลับไปเรียนพี่ชายก็ไปหางานทำ สลับกันจนเขาสอบติดเวสต์ป้อยต์
เขาไม่ใช่นักเรียนนายร้อยที่เรียนดีระดับท๊อป แถมยังโดนซ่อมบ่อยๆด้วยเรื่อง สูบบุหรี่ในห้องตอนขานชื่อ, ห้องไม่เรียบร้อย, ไม่ได้ทำการบ้านเขียนรายงานเป็นภาษาสเปนให้ครบสองร้อยคำ ทั้งหมดนี้เรียกว่า สาหัสสำหรับการเก็บคะแนนพอสมควร แต่เขาก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน... จากนักเรียนนายร้อย 164 คน เขารักษาระดับที่ 60 กว่าๆไว้อย่างเหนียวแน่น... เพราะการมาจากครอบครัวใหญ่ทำให้เขามีสังคมเข้ากับคนอื่นๆได้ดี เขามียิ้มที่แจ่มใส และเป็นนักกีฬาฟุตบอลที่เก่งกาจที่มีผองเพื่อนมากมาย (เพื่อนสนิทๆหลายคนของเขา...ต่อมาคือ ผู้ใต้บังคับบัญชาร่วมรบในสงครามเดียวกัน เช่นOmar Bradley) หากแต่ต่อมา...การเป็นนักกีฬาฟุตบอลดาวเด่นของเขานั้นต้องหยุดไป เนื่องจากการบาดเจ็บที่หัวเข่าจากกีฬา และมาซ้ำด้วยการตกจากหลังม้าในไม่นานต่อมา ซึ่งทำให้เขาต้องใส่เฝือกนานเป็นเดือน
ในตอนนั้น เขาได้ทำใจไว้แล้วล่วงหน้าแล้วว่า อนาคตที่จะเป็นใหญ่เป็นโตทางทหารต่อไปท่าจะไม่รุ่ง...!!! |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 6 (4373687) | |
![]() WWIWANDA | ตอนสอง.... สู่หลักสูตรยานเกราะ กรมยุทธการสงคราม Camp Meade, Maryland
อนาคตที่จะเป็นทหารของเขายิ่งริบหรี่ลง เพราะแพทย์ได้ยืนยันว่าเข่าที่เคยได้รับบาดเจ็บของเขานั้นมันหนักหนาสาหัสจนไม่สามารถเล่นกีฬาหนักๆต่อไปได้อีก และจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของเขาไปจนตลอดชีวิต และเมื่อแพทย์ทหารได้ลงความเห็นอย่างนี้...การที่จะได้รับเลือกเข้าไปเป็นสัญญาบัตรจึงแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลก็ไม่อยากจะได้คนที่มีปัญหาเข้าไปทำงาน เพราะไม่งั้นหากเกิดอะไรขึ้น เช่นพิการ หรือ ทุพพลภาพ ก็ต้องมาเลี้ยงดูกันไปให้เปลืองภาษี เขาได้เรียนจบและรับประกาศนียบัตร ในปี 1915 เพื่อนๆหลายคนก็เตรียมตัวเข้าไปรับราชการรับใช้ชาติ แต่เขาเองยังตัดสินใจอะไรไม่ได้เลย...
ตอนนั้น...การพัฒนาแถบอเมริกาใต้กำลังบูม เขาเริ่มลังเลว่าจะเดินไปเส้นทางนั้นดีหรือไม่..ใจหนึ่งก็อยากจะไปสัมผัสกับพวกชาวละติน อีกทั้งคำว่าอาร์เจนติน่า มันน่าสนใจ สภาพน่าจะคล้ายกับแถบท้องที่คาวบอยบ้านเกิดในสมัยเขาเป็นเด็กๆ
แต่แล้ว...เหมือนโชคช่วย กองทัพสหรัฐตอบรับการขอเข้ารับราชการของเขา ถึงจะมีใบแพทย์ยืนยันสถานะภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยของเขากำกับอยู่ แต่ก็เอาเถอะ...แม้ว่าไม่สามารถอยู่ในหน่วยทหารม้าตามสายที่เรียนมา แต่การไปเป็นสัญญาบัตรนั่งโต๊ะก็ไม่เลวนัก อีกทั้งตัวเองก็ไม่มีภาระหรือครอบครัว...สะดวกไปไหนก็ได้ตามแต่กลาโหมจะสั่งมา.. คิดได้ดังนั้น...เขาก็รีบเลือกประเทศต่างๆที่อยากจะไปหาประสบการณ์ทันที เช่น ฟิลิปปินส์(ตอนนั้นอยู่ในอาณัติของสหรัฐอเมริกา) ยังไม่ทันได้ตอบรับกลับมา แต่เขาแน่ใจเหลือเกินว่าชัวร์ ถึงขนาดไปซื้อเครื่องแบบชนิดบางสำหรับอากาศโซนร้อนมาเตรียมเอาไว้แล้ว...
และคำตอบที่ได้รับคือ แห้วฟิลิปปินส์....คำสั่งที่ส่งตรงลงมา นั่นคือ ให้ ร้อยตรี ดไวท์ เดวิด ไอเซ่นฮาวร์ ไปประจำการที่ กองพลที่ 19 Ford Sam Houston ที่ San Antonio ในมลรัฐ Texas |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 7 (4373689) | |
![]() WWIWANDA | เพราะตอนนั้นสถานะการณ์ระหว่างอเมริกาและเม็กซิโกเริ่มไม่ลงรอยกัน เลยแทนที่จะไปเริงร่าในฟิลิปปินส์ เขากลับมาทำงานแบบเซ็งๆที่ค่ายทหารละแวกใกล้ๆบ้านนี่เอง.. ยามว่างก็จับกลุ่มเฮฮา เล่นโป๊กเกอร์ กับกลุ่มเพื่อนๆไปวันวัน จนผบ. ได้เสนองานพิเศษให้เขาทำ...นั่นคือไปเป็นโค้ชฟุตบอลให้กับโรงเรียนทหารเอกชน จนกลายเป็นทีมที่โด่งดังขึ้นมา ชื่อของเขาเลยกลายเป็นรู้จักกล่าวขานกันไปทั่ว ติดอยู่ในลิสต์ของคนดังประจำท้องถิ่น...
ความดังตรงนี้เอง..ที่ทำให้เขา"กล้าจีบ" สาวงามระดับไฮโซ นามว่า Mary Geneva Doud หรือเป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า แมมี่ (Mamie) เธอเป็นธิดาของคหบดี มีบ้านใหญ่โตราวกับวังที่ Denver, Colorado หากแต่ในทุกฤดูหนาวครอบครัวนี้จะมาพำนักพักร้อนที่บ้านที่ ซาน แอนโตนิโอ แมมี่เรียนจบคหกรรมการเรือน หน้าตาน่ารัก ด้วยฐานะดีขนาดนั้น เธอก็คงจะหาชายที่คู่ควรได้ไม่ยากนักจากแวดวงสังคมเดียวกัน
ส่วนร้อยตรีไอค์ ที่เธอได้ถูกแนะนำให้รู้จักเมื่อครั้งไปที่สโมสรนายทหารที่ฟอร์ด แซม นั้น ไม่ใช่ชายที่จะสามารถพยุงเธอให้อยู่ในยืนอยู่ในสังคมชั้นแนวหน้าอย่างที่เคยเป็นมาได้เลย.. แต่เขามีความน่ารักอื่นๆในตัว แข็งแรง สมาร์ท และ มนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ และ ที่สำคัญคือ กล้าจีบเธอแบบลูกทุ่งชนิดตรงไปตรงมา... ทั้งสองได้ตกลงใจแต่งงานกันในปี 1916 ต่อมา เขาได้ติดร้อยโทในปีนั้นพอดี |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 8 (4373690) | |
![]() WWIWANDA |
ในปีนั้นเอง ทางเม๊กซิโกเกิดการจราจลวุ่นวาย ภายใต้การนำของ Francisco "Pancho" Villa (มีเป็นภาพยนตร์ค่ะ) ที่นำกองกำลังฝูงชนชายฉกรรจ์ไม่ทราบฝ่าย...พร้อมด้วยอาวุธ
เข้าทำการล่วงล้ำเข้าในเขต New Mexico ในส่วนที่เป็นชายแดนติดกัน (ในตรงนี้เคยเป็นของเม็กซิโกมาก่อน) กว่าทางกลาโหมที่วอชิงตัน ดีซี จะคิดอ่านวางแผนอะไร กองกำลังที่ออกไปปะทะคือ เหล่าทหารจาก ฟอร์ด แซม เพราะอยู่กันใกล้สุด ไอค์ก็คือคนหนึ่งที่อาสาจะร่วมไปกับกองพลของ นายพล จอห์น เจ. เพอร์ชิง ( General John J. Pershing) เขาไม่ได้เป็นหนึ่งในทหารที่อยู่ในรายชื่อ แต่เขาอาสาที่จะไปด้วย จึงได้รับมอบหมายหน้าที่ให้อยู่ทำการฝึกซ้อมให้กับหน่วยรักษาชายแดน ที่ได้ระดมมาหากว่าอาจจะต้องใช้เป็นกำลังเสริม |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 9 (4373691) | |
![]() WWIWANDA | ในช่วงเหตุการณ์ที่เล่ามา เป็นช่วงที่ยุโรปกำลังเกิดสงคราม (ที่ขยายมาเป็นสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในที่สุด) สงครามในครั้งนั้น...อเมริกาไม่ได้ร่วมด้วยตั้งแต่แรกเพราะวางตัวเป็นกลางมาตั้งแต่ต้น ตามความต้องการของประชาชนที่อยากอยู่กันแบบสงบสบาย จนกระทั่งเรือดำน้ำของเยอรมันได้จมเรือของอเมริกันเป็นการลองของ ดังนั้น ในวันที่ 1 มีนาคม1917 ประธานาธิบดี วู๊ดโรว์ วิลสัน แถลงการณ์กร้าวถึงการที่เยอรมันละเมิดสนธิสัญญาน่านน้ำ ข่าวได้มีออกมาว่า...อังกฤษได้ทำการจับข้อความที่ส่งโดย Arthur Zimmermann รัฐมนตรีฝ่ายต่างประเทศเยอรมัน กรุงเบอร์ลิน ไปถึง ทูตเยอรมัน ที่สหรัฐอเมริกา ด้วยใจความว่า... "ถ้าอเมริกาเข้าร่วมทำสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรเมื่อไหร่ เม๊กซิโกจะเข้าร่วมกับอักษะทันทีและถ้าเรามีชัย เม็กซิโกก็จะได้ดินแดนใน อาริโซน่า, นิว เม็กซิโก และ เท็กซัส คืนไป" เพราะเม๊กซิโกได้วางตัวเป็นหอกข้างแคร่ให้กับอเมริกามาโดยตลอด ในการที่จะเรียกร้องดินแดนบางส่วนกลับคืน พอเกิดสงครามขึ้น เยอรมันจึงรีบยื่นข้อเสนอให้แบบแบ่งๆผลประโยชน์กันไป
การเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นเป็นแบบตกบันไดพลอยโจนของอเมริกา เพราะกองทัพของสหรัฐยังไม่มีเครื่องไม้ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์สงครามอะไรเลย (เพราะยังไม่ได้เคยรบกับใคร) ในวันที่ 3 เมษายน 1917 ไอค์ได้ถูกสั่งให้ไปเป็นหน่วยส่งกำลังบำรุงให้กับ หน่วยทหารราบกองร้อยที่ 57 ที่จัดขึ้นมาอย่างฉุกละหุก สามวันต่อมา...ปธน. วิลสันได้ประกาศเข้าร่วมสงครามกับสัมพันธมิตร นายพล จอห์น เพอร์ชิง ได้รับคำสั่งให้ไปเป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยเคลื่อนที่เร็ว...ที่จะต้องไปประจำการในยุโรป การระดมพลกำลังทหารได้เกิดขึ้น กำลังอยู่ในการปฏิบัติการ
แต่...น่าเสียดาย...ไอค์ไม่ได้อยู่ในรายชื่อของทหารหาญเหล่านั้น ทางราชการได้แต่ส่งเขาไปฝึกให้ทหาร ที่ Ford Oglethrope, Georgia บ้าง ไปที่ Fort Leavenworth, Kansas บ้าง |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 10 (4373692) | |
![]() WWIWANDA | จากนั้น..เขาได้รับคำสั่งให้ไปเรียนวิชายุทธศาสตร์รถถัง (ยานเกราะ) และได้ให้ไปทำการฝึกการโจมตีที่ Camp Meade, Maryland เพื่อที่จะได้เตรียมตัวไปประจำการในฝรั่งเศส ทุกอย่างฟังดูดี...แต่หลักสูตรที่เรียนเหล่านั้น...เรียนโดยปราศจากปัจจัยสำคัญ คือ รถถัง...(อเมริกายังไม่ได้เริ่มสร้างพิมพ์เขียวด้วยซ้ำ) วิธีการเรียนก็ใช้รถถังจำลอง...แบบของเล่นเด็กๆ
เขาได้รับความผิดหวังตามเคยกับความหวังว่าจะได้ไปประจำการที่ฝรั่งเศสนั้น....คำสั่งได้เปลี่ยนไป เขาได้รับคำสั่งให้ไปเรียนฝึกหลักสูตรรถถังเพิ่มเติมที่ Camp Colt, Gettysburg Pennsyvania เป็นการเทรนในหลักสูตรที่มีชื่อโก้ว่า หน่วยยานเกราะ... แต่...ยังไม่มีรถถังจริงๆแม้แต่คันเดียวเหมือนกัน และในปีนี้เอง เพียงสิบเดือนหลังจากที่เป็นร้อยโท...เขาได้เลื่อนมาเป็นร้อยเอก... (สังเกตอะไรไหมคะ...ว่า เขาได้รับการเลื่อนยศทุกปี...จากร้อยตรีมาเป็นร้อยเอกแค่สามปีเอง)
ส่วนชีวิตครอบครัว แมมี่ได้ให้กำเนิดบุตรชาย ให้นามว่า Doud ชื่อเล่นว่า Icky
ส่วนดีก็คือ ไม่ว่าเขาไปทำงานที่ไหน รายงานจากผู้บังคับบัญชานั้น ออกมาเป็นผลบวกเสมอ อีกทั้งเขาเริ่มมีความเชี่ยวชาญกับการเป็นครูฝึกที่ช่ำชอง ที่มากด้วยประสบการณ์ ในวันเกิดครบ 28 ปีของเขา...คำสั่งตกลงมาอีกแล้ว..คราวนี้ข่าวดี คือ เขาได้รับคำสั่งให้ไปประจำการที่ฝรั่งเศสจริงๆ ไปเป็นผู้การในหน่วยรถถัง... เขาเตรียมตัวพร้อม...ทำการฝึกให้ร่างกายสมบูรณ์ หมายมั่นกับการทำงานข้ามทวีปในครั้งนี้มาก...
ก่อนออกเดินทางไปกี่วัน....การประกาศเลิกสงครามได้เกิดขึ้น...ทุกอย่างเป็นอันว่าจบ.. |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 11 (4373693) | |
![]() WWIWANDA | ไอค์รู้สึกแย่กับการผิดหวังซ้ำๆซากๆนี่เหลือเกิน ความหวังว่าจะได้ไปสู้รบ ได้ติดเหรียญตรากล้าหาญ ได้เลื่อนยศแบบบันไดเลื่อนนั้นหายวับไปกับตา...
สถานะการณ์ในตอนนั้น ทุกอย่างในอเมริกามันแย่ไปหมด กลาโหมจ้องแต่การตัดงบทางทหารเป็นหลัก เพราะประชาชนผู้เสียภาษีเริ่มจะไหวคลอนกับรัฐบาลว่า มันเป็นการสิ้นเปลืองในการบำรุงกองทัพ ในเมื่อไม่รู้จะมีไว้ทำไม...ไม่ได้ไปรบกับใครที่ไหน... สภาคองเกรสก็รีบบ้าจี้รับลูกทันที... ทหารนับแสนคนเริ่มถูกปลดประจำการ บ้างก็ลาออกไปประกอบอาชีพอื่น แต่ไอค์ยังอยู่สบายแถมมีงานเพิ่มขึ้นมาอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเขามีประวัติที่น่าชื่นชมที่เหล่าอดีตผู้บังคับบัญชาได้ทำรายงาน เกี่ยวกับตัวเขามาตั้งแต่เริ่มเป็นทหาร..อันเหมือนกับเป็นประกาศนียบัตรแห่งความดีงาม ส่วนที่มีมาเสริมคานให้แน่นหนาขึ้น นั่นคือ ความสามารถทางกีฬาของเขาที่เผอิญว่าตอนนั้นอเมริกากำลัง"คลั่ง" กีฬาฟุตบอล (อเมริกัน) เขาจึงได้รับหน้าที่เป็นโค้ช...อันเป็นที่กล่าวขวัญถึงว่าเป็นสุดยอดของแทคติค
ในความรู้สึกสำหรับคนที่เป็นทหารอาชีพแล้ว... ใครต่อใครเริ่มจะขยับตัวและมองย้อนหลังไปยังสงครามที่ผ่านมา และเห็นว่า การปะทะที่ Sommes ประเทศฝรั่งเศส ปลายปี 1916 ระหว่างสัมพันธมิตร กับเยอรมัน ที่ยังเป็นสงครามแบบ Trench Warfare ที่ต่างฝ่ายต่างรุกคืบเข้าหากันตามแนวคูเพลาะที่ขุดไล่เข้าไป แล้วระหว่างนั้นก็โผล่หัวกันขึ้นมายิงใส่กัน...ทั้งสองฝั่ง อังกฤษ ฝรั่งเศส vs เยอรมัน ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้รุกไล่เยอรมันออกไปไกลอีกสิบกิโลเมตร... แต่...ทหารต้องมาเสียชีวิตไปร่วมล้านคน...มันช่างเป็นการสูญเสียที่ไม่สมดุลย์เอาเสียเลย...
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 12 (4373694) | |
![]() WWIWANDA | ไอค์ได้ผ่านหลักสูตรยานเกราะมา..เขาและเพื่อนๆจึงมีความคิดในเรื่องการพัฒนาอาวุธและยานยนตร์ รวมไปถึงการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพอากาศ ซึ่งไม่ใช่แต่กลุ่มเขากลุ่มเดียวที่คิด ไม่ว่าจะเป็น เบอร์ดนาร์ด มองคอมเมอรี่ (อังกฤษ), ชาร์ลส์ เดอ โกลล์ (ฝรั่งเศส), ไฮนซ์ คูเดอเรียน (เยอรมัน) ต่างก็มีความคิดตรงกัน แม้ว่าจะอยู่คนละมุมโลกก็ตาม
ไอค์ได้เขียนข้อความเรื่อง "A Tank Dicussion" ในวารสารของทหารเมื่อปี 1920 ถึงความสำคัญและความคล่องตัวของรถถังขนาดเล็กพร้อมปืนที่มีประสิทธภาพ เป็นการทำงานที่เป็นการประหยัดเวลาและจำกัดการสูญเสียทางกำลังพล
http://www.shsu.edu/~his_ncp/Ike1920.html
บทความที่เขาเขียนนั้นได้รับความสนใจจาก พันตรี จอร์จ แพตตัน ที่มาเข้าหลักสูตรยานเกราะที่ Camp Meade ในเวลานั้นเช่นกัน จอร์จ แพตตัน เป็นนายทหารประเภทคุณหนู มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เข็มขัดปืนคาดเอวของเขาจะปรากฏปืนพกด้ามงาที่สวยงาม ส่งประกายหรูผิดวิสัยทหารไปนิด กีฬาโปโลคือสิ่งที่คุณหนูจอร์จโปรดปรานตามประสาลูกเศรษฐี เวลาพูดจาเขามักจะโฉ่งฉ่างเสมอ ไม่ค่อยเกรงใจใคร...
จอร์จ แพตตัน...(รุ่นพี่เวสป๊อยต์)
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 13 (4373696) | |
![]() WWIWANDA | ไอค์และจอร์จ....ทั้งสองคนนี้ นอกจากเป็นทหารเหมือนกันแล้ว...อย่างอื่นไม่มีอะไรที่คล้ายกันเลย... บทความที่เขาเขียนได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างขึ้น... สุดท้าย...ไอค์ได้รู้ว่า เขาพลาดไป เพราะทางฝ่ายผู้บังคับบัญชาได้ตำหนิลงมาว่า..
"เขียนออกไปได้ยังไง คนอ่านก็ตื่นตระหนกกันไปหมด มันเป็นไปได้ซะที่ไหน...อย่าเขียนอะไรบ้าๆอย่างนี้อีกนะ ถ้าเป็นความคิดส่วนตัวก็เก็บไว้คนเดียวไม่ต้องเอาไปประกาศให้ใครต่อใครรู้...เดี๋ยว
ระหว่างที่เขากำลังยุ่งกับการเรียนหลักสูตรใหม่และการทำงานในแคมป์ มีด นั้น...ลูกชายสุดที่รัก อิคกี้ ได้ล้มป่วยเป็นไข้และได้เสียชีวิตไปในที่สุด นั่นคือความเศร้าระทมที่ทั้งเขาและแมมี่ต้องยอมรับว่าหนักที่สุดในชีวิตกับการสูญเสียในครั้งนี้.
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 14 (4373697) | |
![]() WWIWANDA | ตอนสาม.....ศิษย์นี้...มีอาจารย์
ในฤดูใบไม้ร่วง ปี 1920 ไอค์ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านของ จอร์จ แพตตัน...และนั่นคือสิ่งเดียวที่ไอค์ถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นมงคลที่สุดที่ได้รับจากจอร์จ...ไม่ใช่เพราะการเชิญไปงานเลี้ยง แต่เป็นการที่จอร์จได้แนะนำให้เขาได้รู้จักกับ Brigadier General Connor Fox และเมื่อได้สนทนากัน เขาจึงได้พบว่า บุคคลคนนี้มีความเป็นอัจฉริยะในหลายๆด้าน และ ทรงคุณวุฒิทางด้านยุทธศาสตร์อย่างที่เขาไม่เคยได้พบปะมาก่อน ทั้งคู่เริ่มสนิทชิดเชื้อ และพบปะติดต่อกันเรื่อยมา จนแทบเรียกได้ว่า ฟ็อกซ์ คือ อาจารย์และบิดาที่สองของไอค์ไปโดยปริยาย...
ปี 1921 ฟ็อกซ์ได้เลื่อนตำแหน่งไปเป็น permanent Brigadier General หมายถึงนายพลดาวเดียวก็จริง...แต่คราวนี้ได้ไปคุมทหารถึงสี่กองพัน ที่ Panama เขาได้ทำเรื่องของตัวไอค์ไปเป็นผู้ช่วย และนี่คือจุดเปลี่ยนชีวิตของไอค์เลยก็ว่าได้... การทำงานของกองทัพอเมริกันที่ปานามา คือ การคุมคลองปานามานั่นเอง เพราะอเมริกันได้ทุ่มเทเงินเพื่อตัดคลองนี้ให้สองมหาสมุทร Atlantic และ Pacific ได้เชื่อมต่อกัน ซึ่งความจริงก็ไม่ได้มีศัตรูอะไร ไม่มีการรบพุ่ง...แต่เป็นการระวังแบบกันไว้ดีกว่าแก้ โซนปานามานี้...ไม่มีทหารที่ไหนอยากจะไปอยู่ เพราะมันไม่สบาย อากาศร้อน อบอ้าว ยุงและสัตว์เลื้อยคลานเยอะ...และ ไม่มีสิ่งบันเทิงใดๆ อยู่ในสภาพเหมือนติดเกาะ แต่ถ้าต้องยอมรับสภาพ...พวกที่อยู่เก่าๆก็อยู่กันแบบขี้เกียจ ไม่หยิบจับอะไรทั้งสิ้น.. แต่นี่ไม่ใช่วิสัยของฟ็อกซ์ ทหารหาญที่เคยไปสู้รบเป็นหน่วยจู่โจมที่ฝรั่งเศสเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง..และ เป็นทหารทั้งร่างกายและวิญญาณที่ถือว่าหน้าที่สำคัญกว่าชีวิต...
ฟ็อกซ์ได้รับตำแหน่งผบ.ที่ปานามา ด้วยการบอกทหารทุกคนว่า...เขาไม่ต้องการฟังคำแก้ตัวทุกชนิด ทุกคนจะต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ ถึงไม่มีการสู้รบแต่การพัฒนาค่ายจะต้องเป็นสิ่งสำคัญรองลงไป การระวังยามจะต้องมีตลอด 24 ชั่วโมง แบะด้วยความแข็งขัน...สนามหญ้าจะต้องถูกตัดและดูแลให้เขียวขจี ถนนจะต้องเนี๊ยบ กั้นสองข้างทางด้วยอิฐที่ทาสีขาวสะอาดตา...อะไรเสียจะต้องรีบซ่อม ทุกอย่างไม่มีรอดสายตาของเขาไปได้เลย ไอค์มองเห็นการทำงานแบบละเอียดยิบแบบนั้น เขานึกทึ่งในใจ เมื่อก่อนอาจจะได้สนทนากันบ่อยๆก็จริง แต่เมื่อทำงานด้วยกัน จึงได้รู้ว่า นี่คือทหารที่มีประสิทธิภาพอย่างหาตัวจับยาก เพราะไม่ใช่งานดูแลค่ายเท่านั้น...หากแต่เมื่อได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เขาจึงรู้ว่าฟ็อกซ์มีความรู้กว้างไกลมากถึงยุทธวิธีและกลศึกต่างๆ เช่น... ฟ็อกซ์ได้บอกเขาว่า...อย่าได้วางใจหรือไว้ใจกองทัพญี่ปุ่น เพราะวันหนึ่งข้างหน้าจะเป็นพิษเป็นภัยให้กับอเมริกา และ เขาบอกอีกว่า...ปัญหาใหญ่ต่อไปคือข้อตกลงในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ที่กดดันเยอรมันจนหายใจไม่ออก รวมถึงชาติอื่นๆและชาติที่เกิดขึ้นใหม่ๆที่กำลังขัดแย้งกันอยู่ ภายในไม่เกินสองทศวรรษข้างหน้า อเมริกาคงจะต้องเข้าร่วมทำศึกอีก... ทุกอย่างที่เขาพูดมามันสอดคล้องและมีเหตุผลกำกับในทุกเรื่อง จนไอค์ต้องกลับไปกวาดหนังสือนิยายคาวบอย ขี่ม้ายิงปืนที่ชอบอ่านหนักหนานั้น...ลงขยะไปทั้งหมด เขารีบสรรหาหนังสือวิชาการและความขัดแย้งระหว่างประเทศมาอ่านทันที
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 15 (4373698) | |
![]() WWIWANDA | General Fox Connor
แผนที่การตัดคลองปานามา...เพื่อเชื่อมต่อสองมหาสมุทร แอตแลนติค และ แปซิฟิค
ชีวิตการทำงานของไอค์ที่ปานามา...ถือว่าเป็นนิมิตรดีเพราะเขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากฟ็อกซ์ ทั้งทฤษฎิและตรรกะ หากแต่....แมมี่ไม่ค่อยชอบปานามา จนกระทั่งเธอเริ่มตั้งครรภ์ที่สอง จึงได้กลับไปอยู่กับครอบครัวเพื่อเตรียมตัวคลอดที่อเมริกา คราวนี้ก็เป็นบุตรชายเหมือนคนที่แล้ว..ได้ถูกตั้งชื่อว่า John
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในปานามาสองปี ไอค์ได้ถูกเสนอชื่อให้ไปเข้าโรงเรียนเสนาธิการ ที่ Ford Leavenworth, Kansas ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการผลักดันครั้งนี้ก็คือฟ็อกซ์ อันว่าโรงเรียนเสนาธิการ นี้..ก็ประหนึ่งคือโรงเรียนเตรียมนายพล. ที่ได้ชื่อว่าสุดหิน และไม่ใช่ว่าทหารคนไหนนึกอยากจะไปเรียนก็เรียนได้ ต้องผ่านการคัดเลือกจากผู้บังคับบัญชาว่ามีคุณสมบัติและความรู้พร้อม เพื่อที่จะเข้าไปประลองให้ผ่านหลักสูตรที่แสนยากเย็นนี้ การเรียนการสอบนั้น ได้สร้างความกดดันให้กับนักเรียนทุกผู้ หลายคนเริ่มมีอาการเครียดทางประสาท เคยมีบางคนบอกว่าอยากจะตายให้พ้นๆ ไอค์ก็รู้สึกว่ายากพอสมควร แต่เขาไม่มีปัญหาอะไรมากนักกับการเรียน เพราะเขาได้ผ่านการทำงานและได้เรียนรู้มากมายจากฟ็อกซ์ตลอดระยะที่อยู่ด้วยกันที่ปานามาถึงสองปี เขาผ่านหลักสูตรด้วยคะแนนนำของห้อง และนั่นหมายถึงอนาคตการทำงานข้างหน้ากำลังใสสว่าง
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 16 (4373699) | |
![]() WWIWANDA | ![]() General Fox Connor
|
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 17 (4373700) | |
![]() WWIWANDA | ภาพที่เอาลงมา...หายจ้อยไปหมดเลยค่ะ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 18 (4373701) | |
![]() WWIWANDA | ภาพที่เอาลงมา...หายจ้อยไปหมดเลยค่ะ... |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 19 (4375174) | |
![]() โรจน์-เว็บมาสเตอร์ | เรื่องภาพถ้าพี่หวานติดขัดแก้ไม่ได้เดี๋ยวผมจะหาทาง save รูปที่ pantip.com มาซ่อมให้ครับ สำหรับท่านผู้ชมเว็บทั่วไปขอให้ดูบทความเดิมที่ https://pantip.com/topic/35996601 ไปพลางครับ |
ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์-เว็บมาสเตอร์ (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ![]() |
ความคิดเห็นที่ 20 (4375568) | |
![]() WWIWANDA | ขอบคุณมากค่า พี่จะพยายามจัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง..ยังงงๆอยู่ค่าาา |
ผู้แสดงความคิดเห็น WWIWANDA (wwiwanda-at-me-dot-com) ![]() |
1 |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 1188011 |