จารึก ... อนุสรณ์สถานชาวจีน ณ ดอยแม่สะลอง
avatar
ปติตันขุนทด


คำจารึกการก่อสร้าง อนุสรณ์สถานชาวจีนอพยพ ภาคเหนือ ประเทศไทย

************************************************************************

วันที่  9  ธันวาคม  พ.ศ.2492  เกิดเหตุการณ์ทางการเมือง  ที่เมืองคุณหมิง  มณฑลยูนนาน  ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนแปลงการปกครอง  บรรดาชนชาวจีน  ที่ไม่ยินยอมใช้ชีวิตภายใต้ระบบลัทธิคอมมูนิสต์  ต่างพากันอพยพออกนอกประเทศ   บางส่วนพำนักชั่วคราวที่บริเวณชายแดนยูนนานกับพม่า  มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบากอย่างแสนสาหัส  เพื่ออุดมการณือันสูงส่ง  เป็นเวลาถึง  140  กว่าปี  เมื่อ  พ..ศ.  2495  และ  พ.ศ.  2504  ถูกกดดันจากสังคมสากลประเทศ  ให้อพยพไปไต้หวัน  สองครั้ง  การอพยพ  เมื่อ  พ.ศ.  2504  นั้น  ส่วนหนึ่งเนื่องจากได้รับ่คำสั่งลับจากเบื้องบน     อีกส่วนหนึ่งเนื่องจากเงื่นไขส่วนตัว   และสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม   จึงยังคงสู้อาศัยอยู่บริเวณชายแดนไทย  กับพม่า   ใช้ชีวิตสุดแสนลำเค็ญในป่าเขา   ต่อมาด้วยพระมหากรุณาธิคุณลช้นเกล้าแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล  และวิสัยทัศน์ที่ยาวไกลของผู้นำรัฐบาลไทยในยุคนั้น  จึงมีการหารือกับไต้หวันหลายครั้ง   และบรรลุข้อตำลง  เมื่อเดือนพฤศจิกายน   2512  ให้รัฐบาลไทยจัดการและดูแลชนกลุ่มนี้   ตาม่ความเหมาะสม   โดยวางนโยบายร่วมอาสาป้องกันการโอนสัญชาติ  และอบรมอาชีพการเกษตร   ตามลำดับ   ทั้งไทยและไต้หวันร่วมมือกันปฏิบัสติอย่างจริงจัง  จนนำมาซึ่งความสงบสุข   และความมั่นคงทางภาคเหนือของไทย  และชาวจีนอพยพที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นนี้  ได้มีโอกาสใช้ชีวิตที่อิสระเสรี  เป็นสุข  และร่วมพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของท้องถิ่นมานานถึง  40  กว่าปี   ๕ณ  วันนี้  แม้ว่าสถานการณ์ต่าง ๆของโลกยังคงผันแปรไปตามครรลอง   แต่ความรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ   และพระคุณของแผ่นดินไทยยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของชาวจีนอพยพกลุ่มนี้อย่างมิรู้ลืม   และเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้จดจำสืบต่อไป   ผู้อาวุโสสทั้งปวงต่างปรารถนาที่จะร่วมกันสร้างอนุสรณ์สถานขึ้น  เพื่อรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและเข้าใจความเป็นจริงต่อไป

ในอนุสรณ์สถานแห่งนี้   มีอนุสรณ์สถานวีรชน  ที่เสียสละในการสู้รบ  จักเป็นประโขชน์ต่อจิตสำนึกของชนรุ่นหลัง  ให้รู้จักรักชาติ  รักแผ่นดิน  เทิดทูนและสนองพระมหากรุณาธิคุณ  ร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาเพื่อความก้าวหน้ารุ่งเรือง  สุขสงบ  และความมั่นคงของชีวิต  และแผ่นดินไทย   อนุสรณ์สถานแห่งนี้  คงจะเป็นประโยชน์ต่อกิจการท่องเที่ยวของท้องถิ่นและส่วนรวม   ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่  และเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์ดังกล่าวนี้  จึงได้รับความเห็นชอบจากกองบัญชาการทหารสูงสุดของไทย  อนุญาตให้ใช้พื้นที่  6  ไร่  ที่แม่สะลอง  เพื่อทำการก่อสร้าง  และตั้งคณะกรรมการเตรียมงานการก่อสร้างอนุสรณ์สถานชาวจีนอพยพภาคเหนือของประเทศไทยขึ้น  โดยมีนายก่ง เฉิง เย่  หัวหน้าคณะทำงานภาคเหนือของไทย  แห่งสมาคมช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเล  เป็นผู้ประสานงาน

คณะกรรมการเตรียมงาน  ประกอบด้วย

นายพล  หลุย อี่ เถียน          เป็นประธานกรรมการ

นายพล  เฉิน  เม่า  ซิง

นาย  จาง  กั๋ว  จี

และนาย  จาง  เจ้า  ซิง        เป็นรองประธานกรรมการ

 

กรรมการ

มีนาย  ฉี  สู้  เฉิง

นาย  จาง  สู้  เหยา

นาย  หวัง  ซื่อ  จุ้น

นาย  หลี่  เหริน  เจี๋ย

นาย  เหริน  เจิ้น

นาย  หวง  เคอ

นาย  หลู่  ต้า  จัน

นาย  หลิว  ซือ  ซง

นาย  หลิว  เจีย  หลี่

นาย  เหริน  จื้อ  ฟาง

นาย  จาง  ไค   เฉิง

นาย  หลี่  ไท่  เจิง

นาย  หลี่  เหวิน  ถัน

และ นาง  เจิง  ฮั่ว  อี๋

 

สมาคมช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเล  นำโดย  นาย  กัว  เจ๋อ  นกายกสมาคม  ได้ทุ่มเทให้การช่วยเหลือโครงการนี้อย่างเต็มกำลัง    สมณเจ้าจิ้งซิน  ก็ให้การสนับสนุนด้วยมุทิตาจิต  นาย  เอี๋ยน  เจิ้น  จัง  วิศวกรไต้หวัน  ได้กรุณาออกแบบก่อสร้างให้เป็นการกุศล  และดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท  โชคชัยวิบูลย์  เริ่มดำเนินวิศวกรรมก่อสร้าง  เมื่อวันที่  28  มีนาคม  พ.ศ.  2546   รายละเอียดตกแต่งภายในก็แล้วเสร็จในปลายปี  ระหว่างการดำเนินการ  ได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีจิตศรัทธา   และชาวบ้านร่วมกันบริจาคสมทบทุน  จนสำเร็จสมความตั้งใจ   จึงจารึกไว้เป็นหลักฐาน  เพื่อเป็นที่ทราบโดยทั่วกันตลอดไป

 

คณะกรรมการเตรียมงานก่อสร้างอนุสรณ์สถานชาวจีนอพยพภาคเหนือ  ประเทศไทย

วันที่  1  เดือนกุมภาพันะ์  พ.ศ.  2547 

**************************************

การปฏิวัติของจีนเกิดขึ้น  2  ครั้ง

การปฏิวัติของจีนครั้งแรก  ค.ศ. 1911(พ.ศ.2454)    ผู้นำในการปฏิวัติคือ  ดร.ซุน   ยัดเซ็น

ดร.ซุน  เห็นว่าความอ่อนด้อยของจีนจะแก้ไขได้โดย

1.  ประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ  มีรัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุด  ใช้รักษาความเป็นธรรม  ความเสมอภาค  ของสังคม

2.  ชาตินิยม   ชาวจีนจักต้องขับไล่ชาวต่างชาติ  และอิทธิพลของชาติออกไปจากแผ่นดินจีน

3.  สังคมนิยม  ต้องปฏิรูปที่ดิน  จัดสรรที่ดินให้ราษฎร  เพื่อการเกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์

ฝ่ายปฏิวัติ  ทำการปฏิวัติโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ  เมื่อ  ค.ศ.  1911  และจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิงได้สละราชสมบัติ  เมื่อ  ปี  ค.ศ.  1912

 

การปฏิวัติครั้งที่สองของจีน    ค.ศ.  1949 (2455)

การปฏิวัติครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการปฏิวัติครั้งแรกไม่เป็นประชาธิปไตย นายพล  หยวน  ชื่อ  ไข    ผู้มีอำนาจทางทหารสูงสุด  ได้เป็นประธานาธิบดี  สืบต่อจาก  ดร.  ซุน   หยวน  ซื่อ  ไข  ไม่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยเฉกเช่น  ดร.ซุน  ยัดเซ้น    และคิดตั้งตนเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ  ดังนั้นจึงเกิดการแตกแยกของขุนศึก แม่ทัพนายกองทางทหาร  ถูกญี่ปุ่นคุกคามและแพร่อิทธิพลครอบงำจีน  ทั้งด้านเศรษฐกิจ  สังคม  และการเมือง  จึงทำให้พรรคคอมมูนิสต์จีน  ซึ่งนำพรรคโดย  เหมา  เจ๋อตง  ทำการปฏิวัติจีนสำเร็จ   เมื่อ  ค.ศ.1949  ทำให้จีนคณะชาติ  ซึ่งนำโดย  นายพล  เจียง  ไค  เช็ค  หนีไปอยู่เกาะไต้หวัน  และกองกำลังของฝ่ายจีนคณะชาติส่วนหนึ่งหนีร่นมาสู่ตอนใตของมณฑลยูนนาน  และติดชายแดนไทย  พม่า  กองพล  93  มาตั้งฐานอยู่ที่ดอยแม่สะลอง

ปัจจุบันชาวจีนที่อพยพมาอยู่ที่ภาคเหนือของไทย  ได้ตั้งหลักแหล่งอยู่ที่ดอยแม่สะลอง  ตำบลแม่สะลองนอก   และบ้านห้วยผึ้ง  ตำบลเทิดไทย  อำเภอแม่ฟ้าหลวง  จังหวัดเชียงราย   และอีกกลุ่มหนึ่งได้ไปตั้งหลักแหล่งที่บ้านผาตั้ง  อ. เวียงแก่น  จ.เชียงราย

***************

ดร. ซุน  ยัดเซ็น 

เกิด  พ.ศ.  2409

ตาย  พ.ศ.  2471

ซุน ยัตเซ็น เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1866 ที่อำเภอจงซาน ในครอบครัวชาวนาที่ยากจน   ซุนมีลักษณะนิสัยเหมือนกับมารดา คือเป็นคนที่ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยชอบพูดจา เป็นคนฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ชอบซื้อหนังสือ อ่านหนังสือเป็นพิเศษ โดยเฉพาะด้านที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ ปรัชญา แล้วยังชอบที่จะอ่านแผนที่อีกด้วย ตั้งแต่ตัวท่านไม่ค่อยพูดเกี่ยวกับความสนใจเท่าใดนัก และไม่ชอบฟังเพลง ทางด้านการทานอาหาร ท่านชอบทานผักเนื้อปลา ไม่ชอบทานเปรี้ยวและเผ็ด ผลไม้ที่ท่านชอบที่สุดคือส้มและสับปะรด

พอซุนอายุ 7 ปีท่านก็ได้เรียนหนังสือ ต่อมาก็ได้มีบาทหลวงมาเผยแผ่ศาสนาคริสต์ ท่านจึงได้คลุกคลีกับบาทหลวงเพื่อขอดูแผนที่และเกิดความสนใจในประวัติศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ต่อมาท่านก็ได้เดินทางไปเรียนที่ฮาวาย และอยู่ทำงานกับพี่ชายของท่านที่นั่น ทำให้ซุนเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนศาสนาขึ้นมา และเมื่อท่านกลับมาจีน ท่านก็เห็นว่าความเชื่อโบราณของจีนเป็นเรื่องงมงาย ถึงขั้นทำลายเทวรูปในหมู่บ้าน   หลังจากนั้นท่านก็ได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่ฮ่องกง และท่านก็ได้เรียนจบจากวิทยาลัยแพทย์ฮ่องกงด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง

 

ซุนได้เป็นแพทย์ที่มาเก๊าและกวางโจว บางครั้งท่านก็รักษาคนไข้ฟรีด้วย  แต่ทว่าท่านคิดว่าไม่ใช่เพียงร่างกายคนเท่านั้นที่ต้องการการรักษา แต่เรายังต้องรักษาความคิดและจิตใจของคนอีกด้วย ซึ่งประเทศจีนตอนนั้นก็เปรียบเสมือนคนป่วยคนหนึ่ง ดังนั้นท่านจึงพยายามที่จะรักษาประเทศของท่านเองด้วยวัยเพียง 18 ปี ท่านได้เขียนจดหมายถึงรัฐบาลจีน เพื่อขอร้องให้พวกท่านทำการปฏิรูป แต่รัฐบาลชิงไม่สนใจความคิดและความปรารถนาของท่าน ดังนั้นในปีเดียวกันท่านและสหายของท่านได้ก่อตั้งองค์การจัดตั้งการปฏิรูป ขึ้นมา และตั้งแต่นั้นมาซุนยัตเซ็นก็ได้เริ่มชีวิตที่เปลี่ยนไป ท่านได้ทำการต่อสู้กับรัฐบาลชิง โดยหวังว่าประเทศจีนจะสามารถกลายเป็นประเทศที่เป็นอิสระ เสมอภาค และมั่นคง

ต่อมาซุนถูกราชวงศ์ชิงตามล่า ท่านจึงได้หลบหนีไปยังประเทศต่างๆ ก่อนจะถูกควบคุมตัวที่อังกฤษโดยพลการ ทำให้อังกฤษประท้วงการจับกุมตัวซุน จนทำให้ท่านได้รับการปล่อยตัว หลังจากนั้นท่านก็ได้เดินทางไปยังญี่ปุ่น ดร.ซุน ยัตเซ็นได้พยายามทำการปฏิวัติหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1911 คณะปฏิวัติได้ทำการปฏิวัติที่เมืองบู๋เชียง จนสามารถโค่นล้มราชวงศ์ชิงได้สำเร็จ   ทำให้ ดร.ซุน ยัตเซ็น ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐจีน

แต่ต่อมา ท่านก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง และให้ หยวน ซื่อไข่ เป็นประธานาธิบดีแทน แต่หยวนกลับสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์เสียเอง ต่อมาหยวนก็ได้เสียชีวิต ทำให้ซุนกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง หลังจากนั้นท่านก็เสียชีวิตด้วยวัย 58 ปี เมื่อ 12 มีนาคม ค.ศ. 1925

*****************

เจียง  ไค  เช็ก

เกิด   พ.ศ.  2430

ตาย   พ.ศ.  2518

จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยญี่ปุ่น   ต่อต้านรัฐบาล  หยวน  ซื่อ  ไข  เข้าร่วมรัฐบาล  พรรคก๊กมินตั๋ง  ของ  ดร. ซุน   ยัดเซ็น   เมื่อ  ดร. ซุน  ยัดเซ็น  ถึงแก่กรรมก็ได้เป็นผู้นำพรรคแทน  มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลอเมริก  และญี่ปุ่น  ทำการต่อสู้กับพรรคคอมมูนิสต์จีน  ซึ่งนำโดย  เหมา  เจ๋อ  ตง    ค.ศ.  1945  เจียง  ไค  เช็ก  เป็นฝ่ายแพ้  ต้องอพยพไปตั้งรัฐบาลจีนคณะชาติที่ไต้หวัน  ในปี  ค.ศ.  1949 

*******************

เหมา  เจ๋อ  ตง

เกิด   พ.ศ   .2436

ตาย   พ.ศ.   2519

เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 มณฑลหูหนาน ประเทศจีน ในตระกูลชาวนาเจ้าของที่ดิน ท่านมีความสนใจในงานเขียนของคาร์ล มาร์กซ์ซึ่งมีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์   ในปี 1910 เหมา เริ่มเข้าเรียนในโรงเรียน แต่ไม่นานก็ต้องออกเนื่อง จากการปฎิวัติของ ซุนยัดเซน ปี 1913 ได้เข้าเรียนวิทยาลัยครูที่หูหนาน ท่านมีความสนใจในงานเขียนของคาร์ล มาร์กซ์ซึ่งมีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์

เหมา กับ เจียง

ขวา:เจียง ,กลาง:เฮอรี่ย์ ,ซ้าย:เหมา

เหมา เจ๋อตง กับ เจียงไคเช็กเป็นเพื่อนกัน แต่เนื่องจาก เจียงไคเช็กเป็นมือขวาสำคัญของ ซุน ยัตเซน และมีความใกล้ชิดกับ ซุน มาก ซึ่งซุนเองก็มีแนวคิดเป็นประชาธิปไตย เจียงจึงมีแนวคิดคล้ายๆกับ ซุน นั่นคือ ประเทศจีน ต้องปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ เหมาต้องการให้จีนปกครองแบบคอมมิวนิสต์ จึงเหตุให้ทั้งคู่ไม่ถูกกันและเป็นศัตรูกันจนถึงวันเสียของทั้งคู่

เหมา มี ประชาชนสนับสนุนเขามากโดยเฉพาะ ชาวนา ชาวไร่ และ คนจน จึงได้จัดเป็นกองกำลังขึ้น โดยมีโซเวียต สนับสนุนอยู่ เพื่อปฎิวัติจีนให้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่เจียงไคเช็กซึ่งกองทัพอยู่ในมือ จึงสามารถเล่นงาน เหมา ได้ง่าย แต่ปัญหาหลักคือ กองทัพญี่ปุ่น ที่รุกคืบมายึดจีน โดยเฉพาะในยุทธการนานกิงมีชาวจีนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เจียงไคเช็ก เห็นว่า คอมมิวนิสต์มีอันตรายกว่านั้นจึงส่งทัพหวังโจมตี กองทัพของเหมา ต่อมาในปี 1937-1945 กองทัพเหมาสามารถ ต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น ด้วย ยุทธวิธี “สงครามยืดเยื้อ” จนได้ชัย(ซึ่งในยุคนั้นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี จึงทำให้ญี่ปุ่นต้องล่าถอย ไปช่วยกองทัพต่อกรกับ อเมริกาที่จะรุกคืบเข้า ญี่ปุ่น) ในปี 1943 เหมาได้เป็นประธานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ปี 1946 เจียงส่งทัพมาโจมตี กองทัพเหมา แต่เหมาก็สามารถนำประชาชน ชนะทหารของเจียงได้ ถึง 3 ครั้งใหญ่ๆ และนำทัพประชาชน เข้า คุมอำนาจรัฐบาล เจียง จึงจำเป็นต้องลี้ภัยพร้อมกับคนเก่งๆในรัฐบาลหลายๆคนไป เกาะแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของ จีน ที่เรียกว่า "ไต้หวัน" เจียงจึงถือเป็นผู้ก่อตั้ง ไต้หวัน ทำให้ การปกครองระหว่างคอมมิวนิสต์ กับประชาธิปไตย แบ่งเป็น 2 ฝั่ง นั่นคือ จีนคอมมูนิสต์แผ่นดินใหญ่ กับ จีนประชาธิปไตยไต้หวัน

 

************************************************************************************************************************

ปติตันขุนทด  เที่ยวดอยแม่สะลอง  นำเสนอทางอินเตอร์เน็ต   13  พฤษภาคม  2555

 



ผู้ตั้งกระทู้ ปติตันขุนทด (suchati2495-at-yahoo-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2012-05-13 19:38:11 IP : 118.172.28.7


Copyright © 2010 All Rights Reserved.