(เผยแพร่ครั้งแรกที่ rojn.blogth.com/HistoryMovies/ Sat-23-Dec-2006)

ครั้งก่อนที่ได้รับปากว่าจะนำเรื่อง Band of Brothers (หนัง DVD และ VCD ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "กองรบวีรบุรุษ" แต่ในหนังสือฉบับแปลโดย นพดล เวชสวัสดิ์ ใช้ชื่อว่า "เพื่อนตาย สหายศึก") ได้เล่าไว้แล้วว่าในการทำงานกับคอลัมน์ "ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์" ของผมนั้น แม้จะเป็นเรื่องที่เคยดูจบมาแล้ว ก็จะต้องนำมาดูทบทวนอีกรอบ แล้วจึงจะเขียน กรณีของ Band of Brothers ซึ่งเป็นหนังซีรี่ส์หลายตอนที่ผมเคยดูจบมาสองรอบนั้นคงใช้เวลาดูทบทวนเป็นอาทิตย์
และเมื่อตัดสินใจนำภาพยนตร์มาดูทบทวน ก็ปรากฏว่าต้องใช้เวลามากจริงๆ ไหนจะต้องทำงานทำการปกติ ดูแลทั้งเว็บไซต์หลักและเขียนเรื่องที่ Blog นี้ในคอลัมน์อื่นๆ ด้วย ในที่สุดก็ขอตัดสินใจเริ่มเขียนโดยไม่รอดูทบทวนจนจบทุกตอนก่อน เพราะคิดว่าได้ประเด็นสำคัญที่พอจะนำมาพูดคุยกันได้สักครั้งหนึ่งก่อนได้แล้ว นั่นคือเรื่องของ "ภาวะผู้นำ" หากมีเวลาดูจนจบชุดแล้วเห็นว่ามีประเด็นไหนน่านำมาคุยเพิ่มเติมแล้วจะพิจารณาเขียนภาคสองครับ
ก่อนจะเข้าประเด็นหลักที่ว่า ขอกล่าวถึงหนังในภาพรวมสักหน่อย นะครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เดิมเป็นหนังสือของ Stephen Ambrose ที่เขียนเล่าเรื่องราวของ ทหารพลร่ม กองร้อยอีซี่ (Easy Company) อันเป็นกองร้อยที่ 5 ของกองพัน 506 กองพลพลร่มที่ 101ของสหรัฐอเมริกา (U.S. 101st Airborne Division) ที่ได้ปฏิบัติการรบในสงครามโลกครั้งที่สองอย่างห้าวหาญในหลายสมรภูมิ นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ในปี 2001 (พ.ศ.2544) โดย Steven Spielberg และ Tom Hanks
หนังสือและภาพยนตร์เล่าเรื่องนับตั้งแต่การจัดตั้งหน่วยพลร่มและการฝึกในค่ายทหาร ณ เชิงเขาคูราฮี การเคลื่อนพลไปฝึกฝนและเตรียมตัวในประเทศอังกฤษ การกระโดดร่มในสมรภูมิแรกที่นอร์มังดี ปฏิบัติการรบที่คาเรนแทน เข้าร่วมยุทธการ MarketGarden ในประเทศฮอลแลนด์ การป้องกันเมือง Bastogne ใน Battle of the Bulge ฯลฯ เรื่อยไปจนถึงวันที่สัมพันธมิตรมีชัยเหนือกองทัพนาซีแล้วก็ยังต้องดูแลรักษาความสงบอยู่ที่เยอรมันอยู่อีกระยะหนึ่ง

การวิ่งขึ้นเขา Curahee เป็นกิจวัตร ณ ที่ตั้งในสหรัฐฯ
เมื่อมีการนำหนังสือมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เป็นธรรมดาที่ในภาพยนตร์จะต้องมีทั้งสิ่งที่ "ขาด" และ "เกิน" ขึ้นมา "ขาด" เนื่องจากการชมภาพยนตร์ย่อมมีข้อจำกัดที่ไม่อาจถ่ายทอดทุกตัวอักษรในหนังสือได้ครบ (เช่น ความขัดแย้งระหว่างผู้กองโซเบิลกับผู้หมวดวินเทอร์กรณีเวรตรวจห้องสุขา คงยากจะเข้าใจหากไม่อ่านหนังสือประกอบ) และ "เกิน" เนื่องจากผู้สร้างย่อมอดไม่ได้ที่จะแต่งเติมบางอย่างให้มีรสชาดบ้าง (เช่น ตัวละครพยาบาลหญิงชาวเบลเยียมในศึกป้องกันเมือง Bastogne)
แต่ที่ผมรู้สึกงงๆ เป็นส่วนตัว ได้แก่
- การที่หมู่อีแวนที่หนังสือกล่าวว่าเป็นลูกสมุนคนโปรดของผู้กองโซเบิลแทบไม่ได้รับการกล่าวถึงเลย
- กรณีเชลยนาซีคนหนึ่งบอกว่าตนเองเป็นคนอเมริกันเชื้อสายเยอรมันทีอาสามารบ ซึ่งในหนังสือไม่เคยพูดถึงเลย
- การใช้เสนารักษ์ยูจีนเป็นตัวเล่าเรื่องในตอนที่ 6 หรือศึกป้องกันเมือง Bastogne ในศึก Battle of the Bulge ที่อาจสมเหตุผลตรงที่เสนารักษ์เป็นผู้เห็นเลือดเห็นการบาดเจ็บทุกข์ทรมานของทหารส่วนใหญ่ แต่ในตอนก่อนๆ ยูจีนไม่เคยมีตัวตนมาก่อน แล้วพอจบตอนที่ 6 ก็เหมือนกับหายไปเฉยๆ
- บทบาทของทหารที่ชื่อ Albert Blithe ในช่วงแรกของตอนที่ 3 กลายเป็นคนขี้ขลาดเกินกว่าในหนังสือ เพียงเพื่อจะเสริมบทบาทของหมวดวินเทอร์สว่าเป็นผู้นำที่สามารถเปลี่ยนตาคนนี้ให้กลายเป็นทหารกล้าได้ และที่ตอนท้ายของตอนที่ 3 บอกว่านายคนนี้ทรมานกับบาดแผลถูกยิงที่คอจนไปตายในปี 1948 (พ.ศ.2491) นั้น ในวิกิพีเดีย (http://en.wikipedia.org/wiki/Band_of_brothers) แย้งว่า นายคนนี้แกตายในปี 1967 (พ.ศ.2510) โดยก่อนตายยังมีลูกตั้งสองคน มีงานมีการทำแล้วยังได้ไปรบในสงครามเกาหลีจนได้ยศเป็นจ่าสิบเอกอีกต่างหาก ซึ่งผมรู้สึกว่าจะเป็นกรณีที่ซีเรียสที่สุดสำหรับปัญหาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในหนังเรื่องนี้
ในส่วนที่ประทับใจนั้นย่อมมีอยู่มาก นอกจากข้อมูลรายละเอียดของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ การแต่งกาย และอาวุธยุทธภัณฑ์ไม่ว่ารถถัง ปืนใหญ่ เครื่องบิน ฯลฯ ของแต่ละฝ่ายที่เหมือนของจริง ชีวิตทหารที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันในยามที่ชีวิตมีแต่ความเสี่ยง
และในประเด็นหลักที่ต้องเข้าเรื่องซะที คือ บทเรียนเรื่อง "ภาวะผู้นำ" (จาก 7 ตอนแรกของซีรี่ส์) ตามที่จั่วหัวเรื่องไว้ครับ

ขวาคือผู้กองโซเบล ผบ.ร้อย คนแรก ซ้ายคือ หมวดวินเทอร์ส ผู้รับตำแหน่งผบ.ร้อยตั้งแต่วันดีเดย์ จนได้เลื่อนยศเป็นพันตรี
กองร้อยอีซี่กลายเป็นหน่วยทหารชั้นนำขึ้นมาได้โดยเริ่มจากผู้นำสองคนในยุคก่อตั้ง อันได้แก่ ผู้กองโซเบิล จอมเฮี้ยบทั้งระเบียบวินัย และการฝึกฝนทหารอย่างหนัก ที่เป็นเสมือนตัวแทนของ "พระเดช" และผู้หมวดวินเทอร์ส ผู้คอยให้กำลังใจทุกคนในหน่วยว่า "นายทำได้" จนเป็นเสมือนตัวแทนของ "พระคุณ"
คุณลักษณะของทั้งสองแม้จะเป็นสิ่งหล่อหลอมให้กองร้อยอีซี่แกร่งขึ้นมาได้ แต่ปัญหาคือความสัมพันธ์ระหว่างผู้กองโซเบิลกับหมวดวินเทอร์สและสมาชิกคนอื่นในกองร้อยอันเนื่องจากความบกพร่องต่างๆ ของโซเบิลเอง ที่ดีแต่กดขี่ข่มเหงลูกน้อง ขาดคุณสมบัติที่จะทำให้ลูกน้องเชื่อถือศรัทธา ได้แก่ การอ่านแผนที่ไม่เป็นจนพาหน่วยหลงประจำ ไม่มีความรู้เรื่องยุทธวิธีเลย และที่ร้ายที่สุดคือไม่มีความรักลูกน้องเลย จนถึงขั้นอิจฉาริษยาผู้หมวดวินเทอร์ส
และแล้วผู้กองโซเบิลก็แพ้ภัยตัวเองจนถูกย้ายไปทำหน้าที่ฝึกสอนทหารพลร่มที่ไม่ใช่หน่วยรบ และฝ่ายพลาธิการตามลำดับ ไม่ได้เป็นผู้นำกองร้อยอีซี่อีกเลยตลอดช่วงสงคราม แม้ว่าผู้หมวดวินเทอร์สจะไม่ได้เป็นผู้กองแทนโซเบิลในทันที แต่จากการเสียชีวิตของผู้หมวดมีแฮน ทำให้วินเทอร์สได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้บังคับกองร้อยที่เก่งกล้าสามารถ นับตั้งแต่ศึกวันดีเดย์ไปจนถึงวีรกรรมในฮอลแลนด์

การเข้าทำลายฐานปืนใหญ่ในวันดีเดย์ ผลงานชิ้นเอกในการรบครั้งแรก

การรบที่ Carentan กองร้อยอีซี่ยันข้าศึกทั้งทหารราบและรถถังอย่างเหนียวแน่น จนรถถังฝ่ายเดียวกันมาช่วยไว้ได้

การรบในฮอลแลนด์ กองร้อยอีซี่ปราชัยครั้งแรกร่วมกับกองทัพสัมพันธมิตรเนื่องจากเบื้องบนวางแผนผิดพลาด
ความเก่งกล้าสามารถของวินเทอร์สคงมีมากเกินไปและได้รับผลตอบแทนเร็วเกินไป เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปเป็นรองผู้บังคับการกองพัน เคราะห์กรรมซ้ำเติมกองร้อยอีซี่เมื่อหมวดเฮลิเกอร์ผู้ถูกวางตัวให้เป็นผบ.ร้อยแทนวินเทอร์สถูกทหารยามพวกเดียวกันยิงบาดเจ็บ เป็นช่องให้หน่วยเหนือส่ง "เด็กเส้น" นามว่าผู้หมวดไดค์มาเป็นผบ.กองร้อยอีซี่ ในยามที่จะต้องเผชิญศึกหนัก ณ เมือง Bastogne ในศึก Battle of the Bulge และการยึดเมืองฟอยคืนจากเยอรมัน

ป้องกันเมือง Bastogne ใน Battle of the Bulge
ในยามที่ผบ.ร้อย(ผู้หมดวไดค์)ไม่เอาไหน ผบ.หมวดก็ไม่มีใครโดดเด่น กองร้อยอีซี่ก็ยังสามารถยืนหยัดต่อสู้ในศึกสงครามที่แสนหฤโหดได้ ด้วยบรรดานายทหารชั้นประทวน (นายสิบและจ่า) โดยเฉพาะจ่าสิบเอกลิปตัน จ่ากองร้อย ที่ได้พยายามปลุกปลอบขวัญของเพื่อนทหารให้สามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ตลอด
และเมื่อการรบเพื่อยึดเมืองฟอยถึงจุดที่คับขันที่สุด วินเทอร์ส อดีตผู้บังคับกองร้อยอีซี่ ก็ได้ตัดสินใจช่วยลูกน้องของตนด้วยการสั่งปลดไดค์กลางสนามรบ แล้วส่งผู้หมวดเสปียร์ จากกองร้อยดีผู้ถูกร่ำลือว่าเป็นจอมโหดในการสังหารลูกน้องและเชลยศึกที่นอร์มังดีมาเป็นผู้บังคับกองร้อยแทน จนกองร้อยรอดพ้นสถานการณ์เลวร้าย สามารถยึดที่หมายได้ตามภารกิจ

การยึดเมืองฟอยที่วินเทอร์สต้องออกคำสั่งกับเสปียร์ "ไปปลดไดค์ออกแล้วสั่งการแทน"
เสปียร์นอกจากจะได้พิสูจน์ตนเองว่าเป็นนายทหารที่เก่งกล้าสามารถแล้ว ยังได้สารภาพกับลิปตันโดยอ้อมในภายหลังว่า ที่แกล้งทำเฉยต่อข่าวลือเรื่องความโหดร้ายของตนเองไม่เคยยอมรับหรือปฏิเสธอะไรนั้น เพื่อที่จะให้ลูกน้องรู้สึกยำเกรง (คล้ายๆ เป็นการใช้จิตวิทยาพลิกวิกฤตเป็นโอกาสอะไรทำนองนั้นละมัง) และยังได้กล่าวชมเชยลิปตันว่า ในช่วงที่ไดค์เป็นผบ.ร้อยนั้น อีซี่ไม่ได้ขาดผู้นำเลย เพราะลิปตันเองนั่นแหละที่ได้ช่วยประคับประคองขวัญและกำลังใจของเพื่อนทหารมาตลอด ทำให้ลิปตันกำลังจะได้รับการเลื่อนยศเป็นนายทหารในเร็วๆ นี้
ใครที่มีภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ในมือ ลองเอาตอนที่ 7 (The Breaking Point) มาชมอีกครั้ง โดยเฉพาะตอนท้ายเรื่องที่กองร้อยอีซี่ได้พักรบในคอนแวนด์ บทสนทนาระหว่างผู้หมวดเสปียร์กับจ่าสิบเอกลิปตัน น่าจะเป็นข้อคิดที่ดีสำหรับลูกจ้างหรือมนุษย์เงินเดือนที่กำลังคิดว่าเจ้านายหรือหัวหน้าของคุณไม่เป็นผู้นำที่ดี

เสร็จศึกเมืองฟอย จ่าลิปตัน (ซ้าย) และ เสปียร์ส (ขวา) ยกย่องความเป็นผู้นำของกันและกัน
หากคุณอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นจริงๆ คุณจะรอให้ใครมาเปลี่ยนเจ้านายให้คุณ หรือคุณจะแสดงบทบาทผู้นำในเชิงสร้างสรรค์เพื่อต่อสู้อุปสรรคต่างๆ ดังเช่นจ่าลิปตัน
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Band of Brothers
ชื่อภาษาไทย : กองรบวีรบุรุษ หรือ เพื่อนตาย สหายศึก
เรื่องเดิม : Band of Brothers by Stephen Ambrose
ผู้สร้าง : Steven Spielberg, Tom Hanks, Erik Jendresen and Stephen Ambrose
ผู้กำกำกับ และเขียนบท : Tom Hanks และคนอื่นๆ (แบ่งกันเป็นตอนๆ รายละเอียดใน http://en.wikipedia.org/wiki/Band_of_brothers
ผู้แสดง :
- Damian Lewis as Major Richard Winters
- Ron Livingston as Captain Lewis Nixon
- Matthew Settle as Captain Ronald Speirs
- David Schwimmer as Captain Herbert Sobel
- Rick Warden as First Lieutenant Harry Welsh
- Neal McDonough as First Lieutenant Lynn "Buck" Compton
- Donnie Wahlberg as Second Lieutenant C. Carwood Lipton
- etc.
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์