(เผยแพร่ครั้งแรกที่ rojn.blogth.com/HistoryMovies/ Sat-6-May-2006 )

รวมพลก่อนเดินทางออกจากอิตาลี
โดยปกติ หนังสงครามโลกครั้งที่ 2 มักจะสร้างกันโดยผู้สร้างชาวฮอลลีวู้ด ซึ่งก็คือมุมมองของฝ่ายที่ชนะสงคราม แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างจากประเทศเยอรมันเมื่อหลายปีก่อน จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนั้นรวมประเทศเยอรมันหรือยัง แต่ครั้งแรกที่ผมซื้อภาพยนตร์เรื่องนี้มายังเป็นฉบับภาษาอังกฤษบรรยายนไทยที่เป็นม้วนวีดีโออยู่เลย ต่อมาจึงได้ซื้อฉบับ VCD พากย์ไทย ขณะนี้จะยังมีขายหรือเปล่าไม่ทราบได้
เหตุการณ์ในภาพยนตร์เป็นยุทธภูมิครั้งสำคัญในสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่เยอรมันนาซีกำลังรุกรานประเทศรัสเซีย ซึ่งเป็นสมรภูมิที่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของสงครามโลกครั้งนี้ในยุโรป กองทัพนาซีได้เริ่มการโจมตึรัสเซียแบบสายฟ้าแลบตั้งแต่ 22 มิถุนายน 1941 ในช่วงแรกก็ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่จากการวางแผนการรบที่ไม่ดีพอ (เคยมีคนกล่าวว่าจะเอาอะไรกันมากกับฮิตเลอร์ ซึ่งในชีวิตทหารจริงๆ เป็นแค่นายสิบ) ทำให้ไม่สามารถยึดกรุงมอสโคว์และจุดสำคัญๆ ในเวลาที่ควรจะเป็น กรณีเมืองสตาลินกราดก็เช่นกัน ว่ากันว่ากองทัพเยอรมันน่าจะยึดเมืองนี้ได้แต่แรก ในขณะที่ทางรัสเซียยังมีกำลังรักษาเมืองอยู่น้อย ก็กลับมีการสับเปลี่ยนโยกย้ายกำลังไปทางอื่น พึ่งคิดจะมาเริ่มโจมตีเมืองนี้ในราวเดือนสิงหาคม 1942 ซึ่งกำลังฝ่ายรัสเซียได้เข้มแข็งขึ้นแล้ว ในภาพรวมของการรบระหว่างเยอรมันกับรัสเซียนั้น มีเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้รัสเซียเข้มแข็งขึ้นมา เนื่องจากการเซ็นสัญญาไม่รุกรานกันระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ทำให้รัสเซียไม่ต้องทำศึกสองด้าน จึงสามารถนำกำลังเสริมจากไซบีเรียมารบกับเยอรมันได้เต็มที่

ฉากการรบเพื่อยึดโรงงานที่แสนดุเดือด
เริ่มเรื่องกล่าวถึงทหารเยอรมันหน่วยหนึ่งที่พึ่งผ่านการรบจากสมรภูมิทะเลทรายอาฟริกากำลังพักผ่อนริมทะเลในประเทศอิตาลี ขณะที่กำลังพักผ่อนอย่างมีความสุขก็ถูกเรียกแถวในทันทีทันใดเพื่อไปรู้จักกับผู้บังคับบัญชาคนใหม่ ร้อยโท ฮันส์ ฟอน วิตลันด์ นายทหารใหม่ที่เคร่งวินัย แต่ยังอ่อนต่อสงคราม จากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นรถไฟเพื่อไปทำสงครามในสมรภูมิสตาลินกราด บนรถไฟได้มีการพนันขันต่อกันระหว่างผู้หมวดคนใหม่กับผู้ใต้บังคับบัญชาว่าใครจะเป็นผู้อยู่รอดในสงคราม แต่ด้วยความมีมนุษยธรรมของผู้หมวดวิทลันด์และพรรคพวกซึ่งสวนทางอย่างสิ้นเชิงกับความโหดร้ายของสงครามที่นั่น ทำให้พวกเขาต้องประสบชะตากรรมต่างๆ อันเนื่องจากการเพ่งเล็งของทหารเยอรมันอื่นๆ จนในที่สุดก็ไม่มีผู้ใดเหลือรอด
<เรื่องย่อเขียนเพิ่มเติมเมื่อ 9 ตุลาคม 2553>
ภาพยนตร์เริ่มเรื่องที่ชายหาดประเทศอิตาลี ทหารเยอรมันกลุ่มหนึ่งกำลังพักผ่อนหลังจากผ่านการรบที่ทะเลทรายอาฟริกาเหนือ คนสำคัญได้แก่ ฟริตซ์ ไรเซอร์ (สังเกตง่ายๆ ว่าเป็นคนที่หูกาง) มันเฟร็ด โรห์เลเดอร์ หรือ รอลโล และ เกเก มึลเลอร์ เป็นต้น ขณะที่พวกเขากำลังสำราญอยู่กับสาวอิตาลีและเล่นไพ่กับนายร้อยอดีตผู้บังคับบัญชาที่ได้รับบาดเจ็บ โดยต่างก็ไม่รู้เวลาที่แท้จริงเนื่องจากนาฬิกาที่มีอยู่ไม่ได้ไขลานหรือชำรุดก็ไม่ทราบชัด ฉับพลันพวกเขาก็ได้ยินเสียงกลองเรียกรวมพลเพื่อประดับเหรียญตรา ซึ่งพวกเขาต้องรีบไปร่วมเข้าแถวอย่างทุลักทุเล และถูกตำหนิจากผู้บังคับหมวดคนใหม่ของพวกเขา ร้อยโทฟอนวิทซ์ลันด์ ( Leutnant von Witzland) ผู้บังคับหมวด 1 กองร้อย 2 กองพันจู่โจม (Storm Troopers Battalion) ที่ 336 เรียกว่าตัวเอกของเรื่องเจอกันในฉากแรกแบบเคืองกันนิดๆ แต่ภายหลังก็ไม่ใช่ปัญหาร้ายแรงอะไร หลังจากเสร็จพิธี กองพันทหารจู่โจมนี้ก็ถูกลำเลียงไปสู่แนวหน้ารัสเซีย ณ สมรภูมิเมืองสตาลินกราด แรกมาถึง ผู้หมวดวิทซ์ลันด์ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์การรบและออกจะเจ้าอุดมคติซักหน่อย เมื่อเห็นทหารอีกหน่วยกำลังคุมแถวเชลยอย่างไร้ความปรานีก็พยายามขัดขวาง แต่ถูกทำร้ายและถูกเยาะเย้ยถากถางจากร้อยเอกฮัลเลอร์ (Hauptmann Haller - Hauptmann = Captain) วันต่อมา หมวดของวิทซ์ลันด์ได้เข้าสู่การรบในบังคับบัญชาของร้อยเอกแฮร์มันน์ มุสก์ (Hauptmann Hermann Musk) เข้ายึดโรงงานแห่งหนึ่งได้สำเร็จโดยทั้งฝ่ายเยอรมันและรัสเซียต่างก็สูญเสียอย่างหนัก

มิตรภาพเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างพักรบ

อิรินา นางเอกของเรื่อง
วันถัดมา ผู้หมวดวิทซ์ลันด์กับทหารที่เหลือรอดจากการรบประจำการอยู่ในอาคารหลังหนึ่งประจัญหน้ากับทหารรัสเซียที่อยู่ข้างนอก โดยต่างฝ่ายได้แต่ยันกันเอาไว้โดยมีร่างของบรรดาผู้บาดเจ็บล้มตายของทั้งสองฝ่ายอยู่คั่นกลาง ผู้หมวดเจรจาของหยุดยิงกับฝ่ายรัสเซียเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนที่ไม่มีอาวุธออกมาหาทางช่วยเหลือคนเจ็บ ทางฝ่ายเยอรมันผู้หมวดนำลูกน้อง 2-3 คนออกมาเอง ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มมีท่าทีที่ดีต่อกัน ลูกน้องของผู้หมวดที่ไม่เห็นด้วยก็หาเรื่องยิงฝ่ายรัสเซีย ทำให้การช่วยเหลือคนเจ็บต้องล้มเหลว ต่อมาฝ่ายรัสเซียเริ่มบุกหนัก ผู้หมวดได้พาลูกน้องส่วนหนึ่งออกไปหาทางติดต่อหน่วยอื่นมาช่วยเหลือ โดยต้องเดินทางผ่านอุโมงค์ใต้ดินที่บางส่วนเป็นท่อระบายน้ำ ในระหว่างนี้ ผู้หมวดเกิดพลัดหลงกับลูกน้องไปพบกับทหารหญิงรัสเซียชื่อ อิริน่า ซึ่งเธอก็แสร้งทำเป็นว่าจะพาไปหาทางออก จนผู้หมวดเผลอก็ถูกผลักตกน้ำ พอดีลูกน้องคนหนึ่งมาพบและช่วยขึ้นมาได้ แต่ลูกน้องอีกคนหนึ่งขาขาดและได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทั้งหมดได้พาผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลสนามซึ่งเต็มไปด้วยคนเจ็บมากมากย ฟริตซ์ซึ่งใจร้อนไปหน่อยได้ใช้ปืนไปข่มขู่เจ้าหน้าที่การแพทย์คนหนึ่งให้มารักษาเพื่อน แต่คนเจ็บได้เสียชีวิตลงก่อน และผู้กองฮัลเลอร์ที่มาพบเหตุการณ์ได้สั่งให้จับกุมผู้หมวดวิทซ์มันน์กับพวกไว้เป็นนักโทษทันที สถานการณ์ขณะนั้น กองทัพที่ 6 ของเยอรมันเริ่มถูกปิดล้อมแล้ว

ใครเคยนึกอนาถกับโรงพยาบาลไหน ลองมาดูโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ดูบ้าง

หน่วยทหารนักโทษกำลังทำหน้าที่ค้นหาและเก็บกู้กับระเบิด
เดือนธันวาคม 1942/พ.ศ. 2485 หมวดวิทซ์ลันด์กับพวกซึ่งตกเป็นนักโทษของกองทัพตนเองต้องปฏิบัติหน้าที่ในการเก็บกู้กับระเบิดท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น แต่แล้วพวกเขาก็ได้รับโอกาสแก้ตัวโดยการเข้าร่วมรบกับผู้กองมุสก์อีกครั้ง คราวนี้พวกเขาต้องต้านทานการบุกของกำลังผสมรถถังและทหารราบของรัสเซียโดยมีปืนต่อสู้รถถังเพียงกระบอกเดียว นอกนั้นต้องใช้ระเบิดต่อสู้รถถังแบบต่างๆ ในระยะประชิด ซึ่งก็เป็นอีกฉากที่รบกันดุเดือดเลือดพล่าน ก่อนที่ฝ่ายเยอรมันจะชนะโดยเหลือรอดกันราวสิบกว่าคน แม้ผู้หมวดวิทซ์ลันด์กับพรรคพวกที่เหลือรอดจะได้พ้นโทษมารับหน้าที่ตามยศตำแหน่งเดิม ทางกองทัพยังไม่วายให้พิสูจน์ความจงรักภักดีโดยให้จัดการยิงเป้าพลเรือนรัสเซียที่กองทัพกล่าวหาว่ากระทำผิด ซึ่งในกลุ่มชาวบ้านนั้นมีเด็กรัสเซียที่ผู้หมวดกับพรรคพวกเคยจับตัวไว้โดยบังเอิญเมื่อตอนที่ขอหยุดยิงกับรัสเซียเพื่อช่วยคนเจ็บแล้วไม่สำเร็จนั้นเอง ผู้หมวดพยายามขอชีวิตเด็กจากผู้กองฮัลเลอร์แต่ไม่เป็นผล ทำให้ผู้หมวดกับพรรคพวกยิ่งรังเกียจสงครามมากขึ้น วิทซ์ลันด์ ไรเซอร์ และมึลเลอร์ พยายามหนีไปขึ้นเครื่องบินที่จะลำเลียงคนเจ็บออกจากสตาลินกราดเป็นเที่ยวสุดท้าย แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากมีคนไปแย่งกันขึ้นเป็นจำนวนมาก ในหนังระบุว่าวันที่เครื่องบินเที่ยวสุดท้ายออกจากสตาลินกราดนั้นคือวันที่ 23 มกราคม 1943/พ.ศ. 2486 ครับ

ฉากการต่อสู้ระหว่างทหารราบเยอรมันกับรถถังรัสเซีย ที่อยากให้สังเกตคือ 2 รูปข้างล่าง
ล่างซ้าย เป็นการใช้ระเบิดเพลิงบรรจุขวดที่เรียกว่า "Molotov Cocktail"
ล่างขวา ทหารเยอรมันที่โผล่ขึ้นมาจากหลุมบุคคลนำระเบิดแม่เหล็กมาติดท้ายรถถังคันที่กำลังจะวิ่งผ่านไป

ให้มายิงเป้าพลเรือนรัสเซีย เพื่อยำความจงรักภักดี
ผู้หมวดวิทซ์ลันด์พาไรเซอร์กับมึลเลอร์กลับมายังที่พัก พบว่าผู้กองมุสก์ถูกหิมะกัดเท้าอย่างหนัก พอสักครู่มีเครื่องบินทิ้งสัมภาระลงมา ผู้หมวดวิทซ์ลันด์กับพวกพากันไปรื้อหาของกิน ผู้กองฮัลเลอร์มาพบและเกิดการโต้แย้งกัน ระหว่างนั้นปืนของทั้งสองฝ่ายลั่นเป็นผลให้มึลเลอร์เสียชีวิตทันที ผู้กองฮัลเลอร์ยอมบอกว่าที่เก็บเสบียงของตนเพื่อแลกกับการขอชีวิต แต่พวกของผู้หมวดยังไม่หายแค้นจึงฆ่าผู้กองฮัลเลอร์ทิ้ง จากนั้นผู้หมวดกับพรรคพวกที่ยังเหลือกันไม่กี่คนจึงพากันไปยังที่เก็บเสบียงของผู้กองฮัลเลอร์ พบว่ามีเสบียงและสิ่งของต่างๆ เก็บไว้มากมาย รวมทั้งอิริน่า ทหารหญิงรัสเซียที่ผู้หมวดวิทซ์ลันด์เคยพบก็ถูกจับมัดไว้กับเตียง ผู้กองมุสก์ยังคงวางอำนาจในฐานะผู้บังคับกองร้อย ทำให้ออตโตซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของผู้กองยิงตัวตายประชด ส่วนผู้หมวดกับไรเซอร์ก็ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งใดๆ อีก รอลโลจึงหามผู้กองมุสก์ออกไปข้างนอกในขณะที่ทหารของกองทัพที่ 6 ของเยอรมันกำลังเดินตบเท้าออกไปยอมแพ้ต่อรัสเซียพอดี (ตามประวัติศาสตร์คือวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1943/พ.ศ.2486) ส่วนผู้หมวดวิทซ์ลันด์กับไรเซอร์และอิริน่าพากันออกเดินทางไปให้พ้นเขตการสู้รบ อิริน่าถูกทหารรัสเซียยิงตายกลางทาง ส่วนผู้หมวดกับไรเซอร์เดินทางต่อไปได้ไม่นานก็แข็งตายอยู่ด้วยกัน
<------------------>

แย่งกันขึ้นเครื่องบินลำสุดท้ายที่จะออกจากสตาลินกราด

ที่สุดของกองทัพที่ 6 ของเยอรมัน
จะว่าไปแล้ว ความมีมนุษยธรรมของตัวเอกในเรื่องดูเหมือนจะเกิดขึ้นจากมุมมองของผู้สร้างซึ่งเป็นชาวเยอรมันสมัยหลังที่รู้สึกผิดต่อสงครามของคนรุ่นก่อน ทำให้พฤติกรรมของผู้หมวดวิทลันด์มีความเป็นพระเอกคุณธรรมมากกว่าความสมเหตุสมผล
ในบทภาษาไทยก็มีส่วนที่ต้องท้วงติงเป็นข้อสังเกตบ้าง ได้แก่ คำว่าหน่วยทหารลาดตระเวณ ในภาษาอังกฤษจะทับศัพท์ภาษาเยอรมันว่า StormTruppe (Assault Troop) หรือนายทหารสองคนที่ค่อนข้างมีบทบาทมากในเรื่อง คนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของหมวดวิทล้นด์ อีกคนเป็นผู้ร้ายที่ตำหนิว่าวิทลันด์เห็นใจทหารรัสเซียตลอด ในภาษาไทยจะเรียกทั้งสองคนว่า "ผู้พัน" แต่ในภาษาอังกฤษจะเรียกสองคนนี้ทับศัพท์ภาษาเยอรมันว่า "Herr Hauptmann" ซึ่งเป็นเพียงร้อยเอก หรือผู้กองเท่านั้น
แม้ว่าตัวเอกของเรื่องจะดูมีมนุษยธรรมอย่างเหลือเชื่อ และการดำเนินเรื่องที่ยังดูเรียบๆ เกินไป แต่ฉากรบอย่างน้อยสองฉาก คือ ฉากโจมตีโรงงาน กับฉากต่อสู้กับหน่วยรถถังรัสเซีย ก็พอจะทำให้ดูหนังเรื่องนี้แบบเอามันพร้อมกับสาระทางประวัติศาสตร์ได้พอสมควร

ฉากสุดท้ายของภาพยนตร์
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาเยอรมัน/อังกฤษ : Stalingrad
ชื่อภาษาไทย : ยุทธภูมิเลือดสตาลินกราด
ผู้สร้าง : Hanno Huth, Günter Rohrbach
ผู้กำกำกับ : Joseph Vilsmaier
ผู้เขียนบท : Jürgen Büscher, Johannes Heide
ผู้แสดง :
- Dominique Horwitz as Obergefreiter Fritz Reiser
- Thomas Kretschmann as Lt. Hans von Witzland
- Jochen Nickel as Unteroffizier Manfred Rohleder
- Sebastian Rudolph as GeGe Müller
- Dana Vávrová as Irina
- Martin Benrath as Gen. Hentz
- Sylvester Groth as Otto
- Karel Heřmánek as Capt. Hermann Musk
- Heinz Emigholz as Edgar Emigholz
- etc.
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์