(เผยแพร่ครั้งแรกที่ rojn.blogth.com/HistoryMovies/ Sat-30-Sep-2006)

เคยเกริ่นถึงป้ายโฆษณาหนังเรื่อง Yamato หรือในชื่อภาษาไทยว่า "ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ" ไว้บ้าง โดยไม่ทราบว่ามีการฉายในโรงภาพยนตร์ใดเมื่อไหร่ จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนจึงพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กลายมาเป็น "หนังแผ่น" ทั้ง VCD และ DVD ตามแผงทั่วไปเรียบร้อยแล้ว ก็เลยได้ซื้อ DVD มาเพื่อพูดคุยกับท่านในครั้งนี้
สมัยเด็กๆ เคยทราบอย่างงูๆ ปลาๆ มาบ้างว่า Yamato (จะเขียนเป็นไทยว่า ยามาโต โดยไม่ใส่วรรณยุกต์ตามเกณฑ์การถอดคำต่างประเทศของราชบัณฑิต หรือ ยามาโต้ ตามเสียงพูดอย่างในหน้าปกภาพยนตร์ หรือจะเป็น ยามาโตะ หรืออะไรอื่นๆ คงต้องให้ผู้รู้ช่วยชี้แนะด้วยครับ) เป็นชื่อเรือรบประเภทเรือประจัญบาน (Battle Ship) ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นในช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากเป็นเรือรบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ เวลานั้น และถ้าเข้าใจไม่ผิด ดูเหมือนว่าจนถึงปัจจุบันจะยังไม่มีเรือรบใดทำลายสถิติได้ในเวลานี้

ประชุมทหารบนดาดฟ้าเรือ
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลของเรือตั้งแต่แรกสร้าง แต่กลับไปเริ่มเรื่องที่ปี 2005 หรือ พ.ศ.2548 นี่เอง เมื่อมีการสำรวจซากเรือยามาโตที่จมใต้ท้องทะเล แล้วมีสุภาพสตรีท่าทางลึกลับคนหนึ่งมาเยี่ยมชมนิทรรศการสิ่งของที่นำขึ้นจากซากเรือ แล้วเธอก็เดินทางไปยังท่าเรือแห่งหนึ่งเพื่อจะเดินทางไปยังจุดที่เรือจมโดยไม่บอกจุดประสงค์แต่แรก แล้วคุณปู่นาม คามิโอะ ทหารเรือผู้หนึ่งที่รอดชีวิตจากเรือยามาโตในครั้งนั้นก็ได้ยินยอมรับจ้างขับเรือประมงนำเธอไปส่งยังจุดหมาย โดยทราบเพิ่มเติมขึ้นมาว่าเธอเป็นบุตรบุญธรรมของ อุชิดะ อดีตทหารประจำเรือยามาโตอีกคนหนึ่งที่คามิโอะเคยเข้าใจว่าเสียชีวิตไปพร้อมกับเรือ ระหว่างทางที่ต้องใช้เวลาเดินทาง 12 ชั่วโมงจึงได้มีการฟื้นความหลังกันตามธรรมเนียม

ภาพห้องต่างๆ จากบนลงล่าง ห้องประชุมนายทหาร ห้องบัญชาการหรือสะพานเดินเรือ และห้องครัวขนาดใหญ่
เนื้อหาของภาพยนตร์จึงเน้นไปที่ชีวิตของบรรดาทหารบนเรือ โดยคามิโอะเป็นหนึ่งในบรรดาลูกเรือกลุ่มสุดท้ายที่ขึ้นไปประจำการบนเรือยามาโต ซึ่งยังมีอายุน้อยประมาณ 15-16 เท่านั้น และกล่าวถึงการรบครั้งสำคัญของยามาโตเพียงสองครั้ง คือ ที่หมู่เกาเลเต้ กับครั้งสุดท้ายในระหว่างการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่เกาะโอกินาวาก่อนจะพบจุดจบ โดยปราศจากฝูงบินคุ้มกัน!

ในสงครามโลกครั้งที่สองสมรภูมิแปซิฟิกนั้น ความยากลำบากที่สัมพันธิมิตรประสบนั้น มีสาเหตุใหญ่มาจากการที่กองทัพญี่ปุ่นถืออุดมคติชนิดยอมตายแต่ไม่แพ้ ถึงขนาดเอาชีวิตเข้าแลก ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการของฝูงบิน คามิคาเซ ที่มีชื่อเสียง การรบบนบกตามเกาะต่างๆ ในปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของเรือรบยามาโตก็เช่นกัน เป็นการออกรบแบบเดินหน้าไปหาความตายสถานเดียวทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางชนะ อย่าว่าแต่คนรุ่นหลังอย่างเราจะสงสัยเลย ในภาพยนตร์ก็มีฉากหนึ่งที่นายทหารบนเรือได้ถกเถียงกันว่า การไปยอมตายเช่นนี้ เป็นเกียรติยศอันยิ่งใหญ่หรือเป็นการตายที่ไร้ค่าที่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย การถกเถียงรุนแรงจนถึงขั้นเริ่มชกต่อยกัน พอดีมีนายทหาร (เข้าใจว่าเป็นกัปตันเรือ ขออภัยว่าพึ่งดูได้รอบเดียว และไม่ค่อยคุ้นกับชื่อญีปุ่นนัก) เข้ามาห้ามไว้ตามฟอร์ม และชี้แจงถึงเหตุผลในการที่เรือยามาโตจะต้องเดินไปสู่ปฏิบัติการที่มีแต่ตายสถานเดียว่า
"ญี่ปุ่นไม่สนใจความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ ญี่ปุ่นเทิดทูนจิตวิญญาณเหนือสิ่งอื่นใด เมื่อความเจริญขาดหายก็ไร้ความรุ่งโรจน์ ดูได้จาประวัติศาสตร์ผ่านมา ชาวซัตซูมิกับโชซูพ่ายแพ้ต่ออาวุธสมัยใหม่ พวกเขาต้องยอมยกเลิกการโดดเดี่ยวตัวเอง ซื้อปืนและอาวุธแบบใหม่และยอมรับความเจริญเพื่อที่จะเอาชนะชาวโชกุนาเตะ ความพ่ายแพ้ทำให้เข้าใจ นั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยชาติญี่ปุ่นได้ จงเข้าใจซะแต่วันนี้แล้วญี่ปุ่นจะรอด เรากำลังจะเป็นผู้บุกเบิกการเกิดใหม่ของประเทศญี่ปุ่น ให้กำเนิดขึ้นมาใหม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเหรอ"

วาระสุดท้าย ต่อสู้กับฝูงบินอเมริกันอย่างห้าวหาญ
ด้านการถ่ายทำ การที่ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถ "เนรมิต" ให้เรือยามาโต กลับมามีชีวิตบนแผ่นฟิล์มได้ จะโดยเทคนิคใดก็ตาม ต้องยอมรับว่า "นายแน่มาก" ภาพเรือรบที่ดูจากภายนอกแล้วยิ่งใหญ่ตระการตา ภาพห้องต่างๆ ในเรือ ไม่ว่าห้องบัญชาการ ห้องนอนทหาร ห้องครัว ฯลฯ แทบจะเรียกว่าเป็น ไททานิคฉบับบู๊ กันเลยทีเดียว รวมถึงฝูงเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่มากันมืดฟ้ามัวดินเพื่อรุมกันโต๊ะเรือยามาโตในฉากสุดท้าย นั่นก็ไม่รู้เนรมิตรขึ้นมายังไง น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เบื้องหลังการถ่ายทำที่มีอยู่ในแผ่น DVD ไม่มีการแปลเป็นภาษาไทยเลย
ด้านการเขียนบทและดำเนินเรื่อง หลายจุดที่ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดบางเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ไททานิค (ความเชื่อที่เคยมีว่าเป็นเรือที่ไม่มีวันจมเช่นเดียวกัน และการดำเนินเรื่องแบบเริ่มจากปัจจุบันแล้วเล่าย้อนไปในอดีตโดยผู้รอดชีวิตจากเรือ) Saving Private Ryan (จ่าตรีอุชิดะได้บอกให้คามิโอะสละเรือ "นายต้องรอด" ซึ่งคามิโอะมาเข้าใจเหตุผลก็ต่อเมื่อได้กลับมาถึงจุดที่เรือจมอีกครั้งหลังเรือจมไปแล้ว 60 ปี คล้ายๆ กับที่พลทหารไรอันได้รับการช่วยเหลือ) และ The Last Samurai (ปรัชญาในเรื่องความเจริญทางวัตถุและจิตใจ กับการยอมสู้จนตัวตายแม้รู้ว่าจะแพ้) ซึ่งไม่ถือว่าเป็นการเลียนแบบที่น่าเกลียดอะไร แต่ก็มีความไม่แนบเนียนที่เห็นชัดๆ จากตัวลูกบุญธรรมของจ่าตรีอุชิดะ ที่ยังดูเป็นสาวสวยอยู่ อย่างแก่ที่สุดก็น่าจะประมาณ 40 กว่า ณ ปีที่เรือจมไปแล้ว 60 ปี เธอจึงไม่น่าจะเป็นเด็กกำพร้าจากสงครามอย่างที่กล่าวในเรื่อง ซึ่งจะต้องมีอายุราว 50-60 ปี ถ้าเธอเป็นเด็กรุ่นหลาน หรือหากเธอปรากฏตัวเมื่อ 1995 หรือ 1985 (พ.ศ. 2538 หรือ 2528) จะดูสมจริงกว่า

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดูสนุก ได้ทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์และปรัชญา ที่สำคัญเป็นหนังที่พึ่งสร้าง มีจำหน่ายในท้องตลาด ไม่เหมือนภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่ผมเคยนำมาคุยกันที่หลายเรื่องเป็นหนังเก่าที่ไม่มีขาย แต่ไม่ว่าหนังเก่าหนังใหม่ ผมก็ไม่ได้เปอร์เซนต์อะไรด้วยนะครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Yamato
ชื่อภาษาไทย : ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ
เรื่องเดิม : นวนิยาย จากบทประพันธ์ของ Jun Henmi
ผู้สร้าง : Noriko Koyanagi
ผู้กำกำกับ : Junya Sato
ผู้เขียนบท : Junya Sato
ผู้แสดง : Takashi Sorimachi, Shido Nakamura, Yû Aoi, Ken'ichi Matsuyama, Junichi Haruta
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์