(เผยแพร่ครั้งแรกที่ rojn.blogth.com/HistoryMovies/ Sat-28-Oct-2006)
คอลัมน์ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ กล่าวถึงหนังสงครามมาค่อนข้างหลายเรื่อง จนพรรคพวกในวงการโหราศาสตร์ยูรเนียนออกปากอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมถึงสนใจเรื่องสงครามนักหนา ทั้งที่ในดวงผมก็มีบอกอยู่ถ้าตั้งใจหาสักหน่อย เอาเป็นว่าคราวนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์เกี่ยวกับตัวสงครามหรือการรบราฆ่าฟันโดยตรง คือเรื่องของขบวนการต่อต้าน พรรคนาซี ในเยอรมันช่วง สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีอยู่น้อยมาก และที่ผ่านมาไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงมากนัก
ขบวนการดังกล่าว คือ ขบวนการกุหลายขาว (The White Rose หรือในภาษาเยอรมันว่า die Weiße Rose) และภาพยนตร์ที่จะนำมาคุยกันวันนี้เป็นภาพยนตร์เยอรมันที่สร้างเมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ.2548 หรือ ค.ศ.2005) ในชื่อว่า Sophie Scholl - The Final Days มีดีกรีเป็นถึงภาพยนตร์รางวัลออสการ์สาขาภาพยตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมเลยทีเดียว
ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องโดยตัวนางเอกซึ่งเป็นสมาชิกนักศึกษาสาวของขบวนการกุหลาบขาว เดินทางไปพบพรรคพวกเพื่อร่วมกันจัดทำใบปลิวต่อต้านพรรคนาซีเพื่อจัดส่งไปยังบุคคลต่างๆ ทางไปรษณีย์ แล้วปรากฏว่าซองและแสตมป์หมดแล้ว แต่ยังมีใบปลิวเหลืออีกจำนวนมาก ฮันส์ พี่ชายของเธอได้ตัดสินใจที่จะนำใบปลิวที่เหลือดังกล่าวไปวางแจกจ่ายในมหาวิทยาลัยในเช้าวันถัดมา แม้ว่าเพื่อนสมาชิกจะคัดค้านว่าเสี่ยงเกินไป แต่เขาก็ยังยืนกราน โดยมีโซฟีอาสาที่จะไปช่วยเหลือด้วย และแล้วปฏิบัติการของสองพี่น้องก็ถูกจับได้ เขาทั้งสองถูกจับตัวไปสอบสวนและถูกตัดสินประหารชีวิตพร้อมกับเพื่อนในขบวนการอีกคนที่ถูกจับได้ภายหลัง
เป็นการดำเนินเรื่องแบบตามลำดับเวลา ไม่มีการย้อนไปย้อนอย่างหนังบางเรื่อง เนื้อหาอันเข้มข้นส่วนใหญ่ของเรื่องจึงอยู่ในช่วงที่โซฟีเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่สอบสวนและผู้พิพากษาในศาลนั่นเอง
ที่ผิดคาดอันดับแรก คือตลอดเวลาที่สอบสวนนั้น เจ้าหน้าที่กลับไม่ได้ใช้กำลังกระทำทารุณระหว่างการสอบสวนเลย ทั้งที่หน่วยเกสตาโปสมัยนั้นขึ้นชื่อลือชาในเรื่องโหดเหี้ยมเป็นอันมาก โซฟีซึ่งเป็นผู้ร้ายปากแข็ง (ในมุมมองของพวกนาซี ซึ่งเราจะเรียกว่า "นางเอกปากแข็ง" ก็ได้) ในช่วงแรก ต้องยอมสารภาพบ้างในบางส่วนเพราะการจำนนต่อหลักฐาน ความใจเด็ดของเธออยู่ตรงที่การไม่ยอมซัดทอดไปถึงผู้ร่วมขบวนการ แม้จะถูกกดดันจากข้อมูลเพิ่มเติมและคำพูดขอร้องแกมบังคับ เธอก็ยังเก็บความลับและโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่สอบสวนอย่างองอาจ โดยไม่เคยถูกโต้ตอบด้วยกำลังแม้แต่ครั้งเดียว
ที่ผิดคาดถัดมาคือเมื่อถึงวันที่โซฟีกับพี่ชายและเพื่อนขึ้นศาล สิ่งที่ผู้พิพากษานาซีดำเนินการนั้นไม่อาจเรียกว่าเป็นการ "พิจารณาคดี" ได้เลย กลับกลายเป็นการด่าว่าโต้เถียงจำเลยด้วยตัวเองทีละคนจนครบ โดยที่อัยการและทนายจำเลยไม่ได้พูดอะไรเลย ลงท้ายให้จำเลยกล่าวสรุปคดีเองทีละคน คงกะจะให้รับผิดหรือไงก็ไม่ทราบ แต่เมื่อจำเลยตอกกลับเอาเจ็บๆ ก็เลยตัดสินประหารชีวิตทั้งสามคน
ผมอดไม่ได้ที่จะนำเรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับเรื่อง Hitler The Rise of Evil ในกรณีที่นายฟริตซ์ แกร์ฮาร์ด นักหนังสือพิมพ์ที่พยายามเปิดโปงฮิตเลอร์ ต้องพบกับจุดจบในค่ายกักกันโดยไม่มีการขึ้นศาล มาเรื่องนี้ในกรณี โซฟี โชลล์ กับขบวนการกุหลาบขาว ทางการนาซีกลับเห็นว่าเป็นสถานการณ์ที่ต้องเชือดไก่ให้ลิงดู จึงได้มีการพิจารณาคดีดังที่กล่าว ที่เซอร์ไพรส์ผมอีกอย่างคือวิธีการประหารชีวิต ซึ่งไม่ได้ใช้การแขวนคออย่างที่ฝรั่งนิยมใช้มาแต่โบราณ หรือการยิงเป้า ฉีดยาพิษ กลับกลายเป็นการที่สยดสยอง แต่ออกจะโบราณหน่อยๆ ขออนุญาตไม่เฉลยในที่นี้ ขอให้ชมภาพยนตร์ให้จบ หรือถ้าใจร้อนจริงๆ อ่านบทความประวัติของเธอในวิกิพีเดียก็จะทราบตั้งแต่บรรทัดแรกๆ เลย
ส่วนประเด็นที่ติดใจอยู่หน่อยๆ ก็ตรงที่ทำไมภาพยนตร์เน้นที่ตัวเธอซึ่งเป็นหญิง ในเมื่อเธอถูกจับพร้อมพี่ชาย และถูกประหารพร้อมกับเพื่อนชายในขบวนการอีกคน อย่างนี้จะลำเอียงทางเพศหรือเปล่า แต่ถ้าเรื่องจะขยายไปถึงขบวนการกุหลาบขาวทั้งหมด ซึ่งมีสมาชิกอยู่พอประมาณเหมือนกัน เรื่องคงยาวออกไปไม่น้อยเหมือนกัน เป็นอันว่าหยวนๆ ยกให้ผู้หญิงเพศแม่เป็นตัวแทนขบวนการไปก็แล้วกัน
อีกประเด็นเล็กๆ ที่น่าพูดถึง คือการที่หนังเรื่องนี้สร้างในประเทศเยอรมัน ใช้ดาราเยอรมัน และซาวด์แทร็กในดีวีดีก็เป็นภาษาเยอรมัน ทำให้ได้ความสมจริงมากกว่าหนังฮอลลีวู้ดที่บางเรื่องที่ต้องติ๊งต่างว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาเยอรมัน แต่ก็เสียดายที่ทางผู้ผลิตจำหน่ายในไทยคงคิดแล้วว่าไม่คุ้มที่จะทำซับไตเติ้ลเป็นภาษาเยอรมัน คนที่กำลังเรียนหรือเคยเรียนภาษานี้อย่างผมก็เลยต้องหัดฟังอย่างเดียว
คำคมชวนคิด
เรื่องนี้มีคำคมอยู่เยอะ เนื่องจากการดำเนินเรื่องส่วนใหญ่เป็นสงครามปากหรือสงครามความคิดระหว่างโซฟีกับพวกนาซี ขอยกตัวอย่างมาสักสองข้อความดังนี้ครับ (ข้อความอาจไม่ตามนี้เป๊ะ เพราะต้องเขียนจากความจำ จะรีเพลย์หนังจากดีวีดีเพื่ออ่านซับไตเติ้ลก็ค่อนข้างมีปัญหา)
- "ฮิตเลอร์ไม่มีวันขนะสงคราม เขาทำได้แค่ยืดเวลามันออกไป" ข้อความในใบปลิวของกุหลาบขาว
- "พ่อเคยสอนว่าให้ช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น แม้ตัวเองจะต้องลำบากบ้าง" โซฟีพูดกับผู้คม
- "ชาติที่ยิ่งใหญ่ของท่านต้องการสันติภาพ" และ "อีกไม่นานคุณจะต้องยืนตรงจุดที่เรายืนอยู่ตอนนี้" โซฟีพูดกับผู้พิพากษา
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาเยอรมัน : Sophie Scholl – Die letzten Tage
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Sophie Scholl - The Final Days
ชื่อภาษาไทย : โซฟี โชลล์
ผู้สร้าง : Fred Breinersdorfer, Sven Burgemeister, Christoph Müller, Marc Rothemund
ผู้กำกำกับ : Marc Rothemund
ผู้เขียนบท : Fred Breinersdorfer
ผู้แสดง : Julia Jentsch, Fabian Hinrichs
รางวัลต่างๆ
- Berlin Film Festival, 2005
- "Silver Bear: Best Director" - Marc Rothemund
- "Silver Bear: Best Actress" - Julia Jentsch
- European Film Awards, 2005
- "Best European Actress" - Julia Jentsch
- German Film Awards ("Lolas")
- "Best Actress" - Julia Jentsch
- "Audience Award"
- German Film Prize, 2005
- "Best Film," Silver Prize
- "Best acting performance (female main role)" - Julia Jentsch
- 78th Academy Awards
- Nominated for "Best Foreign Language Film"
บทความเกี่ยวข้องที่วิกิพีเดีย
บทวิจารณ์อื่นๆ
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์