(เผยแพร่ครั้งแรกที่ rojn.blogth.com/HistoryMovies/ Sat-2-Dec-2006)

(หมายเหตุ 31 ส.ค.2552 เพื่อให้บทความนี้เน้นไปที่การให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องแทน การวิจารณ์เชิงตำหนิ จึงขอปรับแก้ โดยข้อความเดิมจะใช้การขีดฆ่าในลักษณะนี้แทนการลบออกเพื่อเป็นการยอมรับว่าเคยเขียนเอาไว้อย่างไร ถึงได้มีผู้แสดงความเห็นดังปรากฏข้างท้าย ส่วนข้อความที่แก้ไขเพิ่มเติมจะใช้ตัวอักษรสีน้ำเงินพื้นเหลืองครับ)
ในการเขียนนวนิยาย อิงประวัติศาสตร์แต่ละเรื่อง หรือสร้าง ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ที่เราเรียกกันเคยปากว่า "หนังพีเรียด" นั้น เป็นธรรมดาที่อาจมีการแต่งเติมตัวละครและเรื่องราวบางอย่างเข้าไปแต่งแต้ม สีสันของนิยายหรือภาพยนตร์ดังกล่าวให้ดูมีสีสันเร้าใจมากขึ้น หากนักประพันธ์หรือผู้เขียนบทรู้จักจุดของความพอดีก็จะทำให้ผู้คนได้สัมผัส ประวัติศาสตร์อย่างมีชีวิตชีวา แต่หากกระทำจนเกินเลยแล้ว ย่อมกลายเป็นหมิ่นเหม่ต่อการบิดเบือนประวัติศาสตร์ที่อาจจะให้อภัยยอมรับได้ยาก ขึ้นอยู่กับว่าได้แต่งเติมอะไรไปมากน้อยแค่ไหน
เหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ วันที่ 7 ธันวาคม 1941 (พ.ศ.2484) นั้น นอกจากจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกันที่ถูกต่างชาติโจมตีดินแดนของตนอันเนื่องจากความผิดพลาดในการตีความข้อมูลข่าวสารแล้ว ยังมีเหตุการณ์เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกมากมายที่เป็นบทเรียนอันสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั้งต่ออเมริกัน ญี่ปุ่น และมนุษยชาติเลยทีเดียว ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง Tora!Tora!Tora! และ ยามาโมโต้ นายพลใจเพชร ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดประวัติศาสตร์บทนี้ไว้ได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว
แต่แล้วในปี 2001 (พ.ศ.2544) ก่อนจะครบรอบ 60 ปีของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนั้นไม่กี่เดือน ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Pearl Harbor ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ ซึ่งอ้างเจตนาในการรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว กลับกลายเป็นผู้บิดเบือนเหตุการณ์นั้นอย่างไม่น่าให้อภัยเรื่องที่ต่างจากประวัติศาสตร์จริงค่อนข้างมาก

ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ช่วงแรกที่ใช้เวลาไปกับสงครามเวหาที่อังกฤษ (Battle of Britain)
เพียงแค่เริ่มฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักหนาสากรรจ์ จากนักวิจารณ์ชาวอเมริกันเอง เช่นว่า เป็นหนังสองชั่วโมงที่ถูกยืดออกเป็นสามชั่วโมง หรือควรเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Bora!Bora!Bora! (คงหมายถึงว่าสร้างวัดรอยเท้า Tora!Tora!Tora! ได้อย่างน่าเบื่อ-Bore-อะไรประมาณนั้น) แม้ในไทยเอง บรรดาผู้ชมหนังทั้งหลายก็ไม่ได้ชื่นชมภาพยนตร์เรื่องนี้แต่อย่างใด มีเสียงบ่นมาเข้าหูอยู่ประปราย ทำให้ผมไม่ได้นึกอยากดูหนังเรื่องนี้มาเป็นปีๆ จนกระทั่งเมื่อนึกอยากเขียนเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ที่นี่ และได้เขียนถึงภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ทั้งสองเรื่องที่กล่าวข้างต้นไปแล้วนั่นแหละ จึงได้รู้สึกว่าควรจะกล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ครบชุดกันไป ความที่ยังฝังใจกับคำวิจารณ์ต่างๆนานา ก็เลยตัดสินใจหาหนังที่เป็น VCD มาดูแทนที่จะยอมเสียเงินเพิ่มอีกนิดเพื่อซื้อ DVD
ถ้าหากจะดูหนังแบบผ่านๆ ไม่ต้องคำนึงถึงแบ็คกรานด์ทางประวัติศาสตร์อะไรมากนัก สิ่งที่น่าผิดหวังอาจเป็นเพียงแค่เนื้อเรื่องที่เยิ่นเย้อเกินชื่อเรื่อง ในเมื่อตั้งชื่อเรื่องว่า Pearl Harbor เนื้อเรื่องก็น่าจะเทให้กับการโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์สัก 70-80 เปอร์เซนต์ขึ้นไป แต่นี่ในช่วงแรกมัวแต่ไปโม้ว่ายอดชายนายเรฟแกไปสร้างวีรกรรมที่อังกฤษในการศึก Battle of Britain แล้วกลายเป็นรักสามเส้าเมื่อนายเรฟเครื่องบินตกในขณะรบจนนายแดนนี่เพื่อนเกลอกับเอเวอลีนแฟนสาวนึกว่าตายไปแล้ว แล้วพอสองคนนี้มารักกันจนเอเวอลีนเริ่มท้อง พ่อยอดชายนายเรฟก็โผล่กลับมาเป็นปัญหารักสามเส้า พอกล่าวถึงการโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ในช่วงที่สองเรียบร้อยแล้ว แทนที่จะจบเรื่องเลยกลับไปแต่งเรื่องให้บรรดานักบินที่เพิร์ลฮาร์เบอร์รวมทั้งนายเรฟกับนายแดนนี่โดนเปลี่ยนหน้าที่จากนักบินขับไล่มาทำหน้าที่นักบินทิ้งระเบิดเพื่อไปปฏิบัติการทิ้งระเบิดแก้แค้นที่โตเกียว

ฝ่ายญี่ปุ่นได้ปรับปรุงตอร์ปิโดด้วยการเสริมไม้ เพื่อให้ไม่จมไปลึกกว่าระดับน้ำที่เพิร์ลฮาเบอร์
เรื่องนักบินอเมริกันใน Battle of Britain กับการทิ้งระเบิดในญี่ปุ่นเพื่อเอาคืนหลังการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์นั้น จะว่าไปเป็นเรื่องจริงทางประวัติศาสตร์ที่ภาพยนตร์เรื่องอื่นยังไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าไหร่ จะแยกไปสร้างเป็นหนังอีกเหตุการณ์ละเรื่องก็ยังได้ แต่เรื่อง Pearl Harbor กล่าวถึงสองเหตุการณ์นี้อย่างยาวเกินจน ใน VCD เห็นได้ชัดเลยว่าในแผ่นแรกเป็นเรื่อง Battle of Britain แผ่นสองถึงจะเป็น Pearl Harbor แล้วแผ่นสามมาเป็นการทิ้งระเบิดที่โตเกียว เปรียบไปแล้ว เหมือนซื้อทัวร์ที่บอกเราว่าไปเชียงใหม่สามวัน แต่เอาเข้าจริงๆ วันแรกไปแวะลำปางก่อน วันที่สองถึงมาอยู่เชียงใหม่วันเดียว แล้ววันที่สามดันพาเราไปเชียงรายซะนี่
เพิ่มเติมนิดนึงครับว่าการทิ้งระเบิดโตเกียวที่กล่าวถึงนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 1942/พ.ศ.2485 ตอนนั้นต้องถือว่าญี่ปุ่นยังครองน่านฟ้าและน่านน้ำประเทศตัวเองอยู่ สหรัฐฯ ยังไม่มีฐานทัพที่จะส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดไปปฏิบัติการได้ ต้องใส่เรือบรรทุกเครื่องบินลักลอบเข้าไปใกล้ๆ อย่างในหนังนั่นแหละครับ ดูรายละเอียดได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Doolittle_Raid และ http://en.wikipedia.org/wiki/Bombing_of_Tokyo ครับ
พอจะดูว่าเรื่องนี้ตรงตามข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์แค่ไหน ปรากฏว่าบทความในวิกิพีเดีย http://en.wikipedia.org/wiki/Pearl_Harbor_%28film%29 เขาบรรยายไว้ให้เสร็จสรรพแล้วเป็นลิสต์ที่ยาวเหยียดเลยครับท่าน อ่านกันแทบไม่หวาดไม่ไหว อนาถใจจริงๆ ว่าพี่แกสร้างหนังที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ขนาดนี้ได้ยังไง สรุปได้ว่ามันต่างจากประวัติศาสตร์จริงหลายประเด็นเหลือเกิน จะให้ผมแปลทุกๆ ประเด็นที่เขาให้ข้อสังเกตไว้คงไม่ไหวเหมือนกัน ขอพูดถึงแต่ประเด็นที่ผมติดใจมากๆ ก็แล้วกันครับ

ส่วนหนึ่งของฉากถล่มเพิร์ลฮาเบอร์
ประเด็นแรก ในเหตุการณ์ถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์นั้น มีนักบินอเมริกันสองคนที่เป็นฮีโร่สามารถเอาเครื่องบินขึ้นไปยิงเครื่องบิน ญี่ปุ่นร่วงได้จำนวนหนึ่งจริงๆ แต่ไม่ได้ชื่อเรฟกับแดนนี่หรอกครับ ทั้งสองมีนามว่า George Welch กับ Kenneth M. Taylor ซึ่ง ต่างก็ไม่เคยมีประวัติว่าไปรบที่ Battle of Britain หรือไปทิ้งระเบิดที่ญี่ปุ่นแต่อย่างใด การสร้างหนังโดยอ้างว่าเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ แต่ดันกลับมาแต่งเรื่องรักสามเส้าขึ้นมาบดบังวีรบุรุษตัวจริงกันแบบนี้ ถ้าคิดแบบซีเรียสหน่อยแล้วก็น่าเสียดายแทนลูกหลานของทั้งสองท่านเหลือเกินอยู่บ้างเหมือนกันครับ
อีกประเด็นคือเรื่องพยาบาลเพื่อนอของเอเวอลีนที่ชื่อเบ๊ตตี้ ในเรื่องบอกว่าเบ๊ตตี้อายุเพียง 17 ปี แต่ได้โกงอายุมาเพื่อจะได้มาทำหน้าที่พยาบาล แล้วได้มาเป็นแฟนกับนักบินติดอ่างซึ่งเป็นเพื่อนของเรฟกับแดนนี่จนถึงขั้นขอแต่งงานกัน แต่เธอได้เสียชีวิตจากการโจมตีเพิร์ลฮาเบอร์ ต่อมานายติดอ่างคนนั้นได้ร่วมไปในปฏิบัติการทิ้งระเบิดแก้แค้นญี่ปุ่นด้วย โดยแกได้ทาสีลูกระเบิดลูกหนึ่งของเครื่องบินแกว่า "For Betty" บทความที่วิกิพีเดียบอกว่า ไม่มีพยาบาลทหารเรือรายใดที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติการของข้าศึกเลย และการจะเป็นพยาบาลทหารเรือในยุคนั้น เขาต้องผ่านการฝึกกันมาไม่ใช่น้อย โดยอายุขั้นต่ำของผู้ที่จะเป็นพยาบาลคือ 22 ปี ผมเข้าใจว่าคนเขียนบทคงเคยเห็นตัวอย่างจากในหนังหลายเรื่องหรือในประวัติศาสตร์จริงที่มีหนุ่มอเมริกันบางคนที่อายุ 16-17 แล้วมาโกงอายุเพื่อจะได้ไปออกรบ แล้วเลยคิดเอาเองว่าถ้าผู้ชายโกงอายุเพื่ออาสาไปรบได้ ผู้หญิงก็คงโกงอายุไปเป็นพยาบาลได้ให้มันเสมอภาคทางเพศหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ

ตอนท้ายเรื่องแถมการแก้แค้นของฝ่ายพระเอกด้วยการทิ้งระเบิดโตเกียว
หากจะนำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปเปรียบเทียบกับ Tora!Tora!Tora! แล้ว คล้ายกับว่าคนรุ่นพ่ออุตส่าบรรจงหาข้อมูลมาเรียบเรียงอย่างดิบดีว่าคนรุ่น ก่อนๆ เขาลำบากกันมาอย่างไร มีวีรกรรมและโศกนาฏกรรมอย่างไรกันมาบ้าง และเกิดขึ้นด้วยสาเหตุใด แต่แล้วคนรุ่นลูกรุ่นหลานกลับเอาเรื่องของบรรพบุรุษมาโม้ใส่สีใส่ไข่กันใหม่ จนเละเทะไปหมด จนกลายเป็นอีกเรื่องไปเลย หรือถ้าจะพูดกันตามหลักการจำแนกภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ที่ในเว็บแห่งนี้ได้ถกกันมาในระดับหนึ่งแล้ว Tora!Tora!Tora! จัดเป็นภาพยนตร์ประเภทบันทึกประวัติศาสตร์ในทำนอง Non-Fiction หรือพอจะใช้อ้้างอิงได้กึ่งๆ ตำรากันเลย ส่วน Pearl Harbor นี้ จัดเป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ที่เน้นความบันเทิงเป็นหลักครับ
น่าสังเกตด้วยว่าในปีเดียวกับที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้นกับอาคารเวิร์ลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งบ่อยครั้งที่นักวิจารณ์เปรียบเทียบเหตุการณ์นี้เสมือนเป็นเพิร์ลฮาร์เบอร์ครั้งที่สอง ไม่ว่าในแง่ของการที่อเมริกันถูกข้าศึกโจมตีถึงในบ้าน และปฏิบัติการเอาคืนของอเมริกา แต่การ "เอาคืน" ครั้งนี้ไแทนที่จะสวยงามเหมือนครั้งที่อเมริกาได้เข้ามาช่วยให้สัมพันธมิตรชนะสงครามโลก แต่กลับก่อให้เกิดปัญหาศึกยืดเยื้อเรื้อรังเป็นปัญหากับสันติภาพของโลกตลอดมา 60 ปี เพิร์ลฮาร์เบอร์ช่างมีแต่ปัญหาซะจริง
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Pearl Harbor (ชื่อเดิมขณะถ่ายทำว่า Tennessee)
ชื่อภาษาไทย : เพิร์ลฮาเบอร์ (ทับศัพท์)
ผู้สร้าง : Michael Bay, Jerry Bruckheimer
ผู้กำกำกับ : Michael Bay
ผู้เขียนบท : Randall Wallace
ผู้แสดง : Ben Affleck, Josh Hartnett, Kate Beckinsale, Cuba Gooding, Jr., Jon Voight, Alec Baldwin, Jennifer Garner
บทความควรอ่านที่วิกิพีเดีย
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์