ช่วงนี้หากสังเกตตามแผนก VCD ของห้างใหญ่ๆ จะมี VCD ถูกๆ วางขายเลหลังในกระบะจำนวนมากมาย ในจำนวนนี้มี ภาพยนตร์สารคดี หลายเรื่อง ของ National Geographic รวมอยู่ด้วย มองในแง่หนึ่งเหมือนกับว่าทำไมหนังที่มีค่าเหล่านี้ไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้าทั่วไปหรืออย่างไรถึงได้นำมาขายล้างสต๊อกแบบนี้ อีกด้านหนึ่งก็เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ใฝ่รู้ทั้งหลาย รวมถึงคนที่เคยเมินหนังเหล่านี้เมื่อตอนขายราคาเต็มอาจจะเปลี่ยนใจมาซื้อได้บ้าง
เรื่อง Russia's last Tsar หรือที่ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "พระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย" นับเป็นบทเรียนสำคัญอันหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ในด้านการเมืองการปกครอง รวมถึงความเป็นอนิจจังของกาลเวลาด้วย
ครั้งหนึ่ง รัสเซีย เคยเป็นจักรวรรดิ์ที่ยิ่งใหญ่แทบจะไม่เป็นรองประเทศหรืออาณาจักรใดๆ กระทั่งนโปเลียนผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่สามารถพิชิตได้ ใน ประวัติศาสตร์ไทย เองก็เคยเป็นพันธมิตรอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระปิยมหาราชทรงวางกุศโลบายเจริญพระราชสัมพันธไมตรีเพื่อคานกับมหาอำนาจอื่นๆ ที่หมายครอบครองประเทศ
แต่แล้ว ราชอาณาจักร หรือ จักรวรรดิ์ แห่งนี้กลับต้องล่มสลายลงด้วยเหตุใด และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ประชาชนรัสเซียก็เริ่มกลับมาสนใจ ให้ความเห็นอกเห็นใจต่อ จักรพรรดิ์ พระองค์สุดท้ายที่บรรพบุรุษของตนเมื่อไม่กี่ชั่วคนโค่นล้มลงไป หลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เริ่มปรากฏขึ้นมาใหม่หลังจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์รัสเซียเสื่อมความนิยมนี้ คือที่มาของสารคดีเรื่องนี้
ซาร์ หรือ จักรพรรดิ์ องค์สุดท้ายของ รัสเซีย นี้ ทรงมีพระนามเต็มว่า Nikolay Aleksandrovich Romanov หรือเรียกโดยทั่วไปว่า ซาร์นิโคลัสที่สองแห่งรัสเซีย (Tsar Nicholas II of Russia - May 18, 1868–July 17, 1918) และยังทรงดำรงตำแหน่งกษัตริย์แห่งโปแลนด์และฟินแลนด์อีกด้วย ประสูติที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบอร์ก (Saint Petersburg) ทรงเป็นพระโอรสของ จักรพรรดิ อะเล็กซานเดอร์ที่สาม กับพระนาง ฟยอดอรอฟนา (Fyodorovna) แห่งเดนมาร์ก อภิเษกกับ เจ้าหญิงอลิกซ์ หรือ อะเล็กซานดรา พระธิดาของหลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดุ๊กแห่งเฮสเส กับเจ้าหญิงอลิซแห่งอังกฤษ เรื่องความเป็นญาติเกี่ยวโยงกันของกษัตริย์ในยุโรปนี่อาจชวนปวดเศียรเวียนเกล้าสักนิด ซึ่งในภาพยนตร์ก็ไม่ได้กล่าวถึงละเอียดนัก
กลับมาดูการดำเนินเรื่องของ สารคดี นี้ มีการสลับไปสลับมาระหว่างพระราชประวัติและพระจริยาวัตรของพระเจ้าซาร์องค์สุดท้ายนี้และพระราชวงศ์กับเรื่องราวการพยายามหาหลักฐานเรื่องราวของพระองค์โดยชาวรัสเซียในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ทำให้งง
พระราชประวัติตามที่ปรากฏในเรื่องโดยสังเขปคือ ทรงอภิเษกับเจ้าหญิงอะเล็กซิส และทรงครองราชสมบัติในปี 1894 (พ.ศ.2437) โดยทรงรู้สึกว่าพระองค์ไม่พร้อมแต่ประการใด ทรงมีความสง่างามในงานพิธีต่างๆ แต่ในชีวิตส่วนพระองค์ทรงผ่อนคลาย เป็นผู้นำครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ค่อยทรงโปรดงานว่าราชการมากนัก แต่ก็สามารถวางพระองค์ในการออกงานพิธีต่างๆ ได้ดี ขณะที่พระจักรพรรดินีไม่ทรางชอบงานสมาคมเอาเลย เหตุหนึ่งคือความวิตกพระทัยต่อโรคประจำพระองค์ของพระโอรส เจ้าชายอะเล็กซี คือ hemophilia หรืออาการที่พระโลหิตไม่แข็งตัว เมื่อทรงเป็นแผลจะมีเลือดไหลไม่หยุด
หากไม่นับพระเคราะห์ที่เกิดแก่พระราชโอรสแล้ว ชีวิตของ พระเจ้าซาร์นิโคลัส และ พระราชวงศ์ นับว่าเป็นชีวิตที่หรูหราสุขสบาย ราวกับว่าประสูติมาเพื่อเสวยบุญญาบารมีที่ทรงสั่งสมมาแต่ชาติปางก่อนเท่านั้น โดยมีวาระสุดท้ายอันแสนเศร้าและสยดสยองของทุกข์พระองค์รออยู่ ยามที่ทรงปกครองจักรวรรดิ์รัสเซียนั้น ชาวรัสเซียได้ทนทุกข์ทรมานเนื่องจากเศรษฐกิจและการปกครองเดิมๆ มาเป็นเวลานานแล้ว ในรัชสมัยของพระองค์ยังได้เกิดเหตุซ้ำเติมความศรัทธาต่อระบอบกษัตริย์เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ได้แก่ การพ่ายแพ้สงครามแก่ญี่ปุ่น (Russo-Japanese War) ในปี 1904-1905 (พ.ศ.2447-2448) เหตุการณ์การปราบปรามฝูงชนที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี 1905 (พ.ศ. 2448 - เรียกว่า Bloody Sunday เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ทรงได้รับฉายาว่า "นิโคลัสเลือด") การที่ทรงปล่อยให้ รัสปูติน (Grigori Rasputin) เข้ามามีบทบาทในราชสำนัก และท้ายที่สุดคือ การเข้าร่วมใน สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในปี 1914-1918 (พ.ศ.2457-2461)
(ภาพจำลองเหตุการ์ Bloody Sunday)
กรณี รัสปูติน ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์กระฉ่อนโลกนั้น ในส่วนหนึ่งน่าเห็นพระทัยทั้งสองพระองค์ทั้งในฐานะพ่อและแม่ของลูกชายคนเดียวในจำนวนห้าคน และในฐานะที่เจ้าชายอะเล็กซีทรงเป็นรัชทายาทของ จักรวรรดิ์ อันยิ่งใหญ่ ในเมื่อ รัสปูติน เป็นบุคคลเดียวที่สามารถบรรเทาพระอาการขององค์รัชทายาทได้ดีที่สุด ก็สมควรสงเคราะห์เขาในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาคือควรจะเป็นระดับไหน ควรจะถึงขั้นปล่อยให้เข้ามาก้าวก่ายราชการงานเมืองหรือไม่ และเมื่อ รัสปูติน มีความประพฤติส่วนตัวที่เละเทะเหลวแหลก จึงกลายเป็นเหตุให้คนทั่วไปเสื่อมศรัทธาต่อระบอบกษัตริย์ยิ่งขึ้น และเมื่อพระจักรพรรดิ์เสด็จไปทรงบัญชาการรบในแนวหน้า ปล่อยให้พระจักรพรรดินีว่าราชการโดยมี รัสปูติน อยู่เบื้องหลัง จึงทำให้ราชสำนักอ่อนแอลงจนสุดที่จะเยียวยา แม้จะมีขุนนางออกมากำจัด รัสปูติน ได้ ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมากนัก
ในที่สุด ความทุกข์ยากใน สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้ซ้ำเติมรัสเซียจนถึงที่สุด จนเกิดการจลาจลกดดันให้ พระจักรพรรดิ์ ทรงสละราชสมบัติไปในที่สุด เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 1917 (พ.ศ.2460) พระองค์และพระราชวงศ์ถูกนำไปกักบริเวณ และต่อมาเมื่อเกิดการปฏิวัติโดยพวกบอลเชวิคในเดือนตุลาคม ทั้งหมดได้ถูกย้ายไปยังสถานที่ที่เรียกว่า บ้านอิมพาเทียฟ พระจักรพรรดิ์และพระราชวงศ์ทั้งหมดได้ถูกพวกบอลเชวิคปลงพระชนม์ที่นี่ ในวันที่ 17 กรกฎาคม 1918 (พ.ศ.2461)
(ภาพจำลองการฝังพระศพ ซาร์นิโคลัส และพระราชวงศ์)
ในทัศนะของผมเห็นว่าวาระสุดท้ายของพระองค์นั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากพระจริยาวัตรส่วนพระองค์ที่ก่อให้เกิดความห่างเหิน ไม่เอาพระทัยใส่ต่อความทุกข์ยากของราษฎรนั่นเอง กระบวนการในการรื้อฟื้นประวัติศาสตร์ตอนนี้ของชาวรัสเซียเองดังที่ปรากฏในสารคดีนั้น ในส่วนหนึ่งก็จะเป็นคุณูปการต่อการศึกษาให้ทราบถึงเรื่องราวอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่ถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์ปิดบังมานาน แต่หากกระทำกันโดยเอาเหตุความเบื่อหน่ายต่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์เป็นที่ตั้ง ก็จะกลายเป็นนำพระองค์ขึ้นมายกย่องกันเกินกว่าความเป็นจริง โศกนาฏกรรมของพระองค์และพระราชวงศ์นั้นอาจทำให้เกิดความรู้สึกน่าเห็นใจ แต่เมื่อวิเคราะห์ต้นสายปลายเหตุแล้ว เป็นผลจากบริหารราชการแผ่นดินที่ผิดพลาดมาตลอดนั่นเอง
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Russia's last Tsar
ชื่อภาษาไทย : พระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย
ผู้สร้าง : National Geographic
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์