เมื่อตอนที่ผมอาจหาญไปเรียนปริญญาโทประวัติศาสตร์ทั้งที่มีพื้นฐานปริญญาตรีคนละสาขากันนั้น อาจารย์ท่านหนึ่งได้แนะนำว่าควรจะเน้นที่ประวัติศาสตร์ที่ยุคใหม่สักนิด จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
แต่เมื่อริอ่านมาทำเว็บเกี่ยวกับ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ โดยปรารถนาจะให้มีหนังในยุคโบราณสักหน่อยมาร่วมแจมด้วยแล้ว ภาพยนตร์เรื่อง El Cid ก็มีมนต์เสน่ห์หลายอย่างที่น่านำมากล่าวถึง แม้ว่าผมจะยังอ่อนเรื่องประวัติศาสตร์ยุโรปยุคกลางอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะประวัติศาสตร์สเปน
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สงครามยุคโบราณที่มีฉากสวยงามตระการตา และดูสนุกมาก แต่พอเริ่มลงมือเขียนก็ยากจะอธิบายในหลายประเด็น เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสเปนในสมัยกลางประมาณปี ค.ศ.หนึ่งพันกว่าๆ เป็นยุคที่สเปนยังแบ่งเป็นแว่นแคว้นต่างๆ และมีสงครามกับพวกอิสลามอยู่เนืองๆ พวกหนึ่งคือแขกมัวร์ (Moors) ที่อยู่ในบางแคว้นของสเปนเอง และที่ร้ายกว่านั้น คือชนเผ่าจากทางเหนือของทวีปอาฟริกา จะให้อธิบายตอนนี้ว่า สเปนแบ่งเป็นกี่แคว้น พวกมัวร์เป็นใคร มาอยู่ในสเปนได้ยังไง ฯลฯ คงทำให้บทความนี้ยาวและหนักเอามากๆ คนที่เคยเรียนประวัติศาสตร์และกำลังเคาะสนิมอย่างผมอาจพลาดได้ง่าย
สรุปตามเนื้อเรื่องว่า เบน ยูซุบ ผู้นำของชนเผ่าอิสลามในอาฟริกาเหนือ ได้มาประชุมกับผู้นำแขกมัวร์ เรื่องแผนการที่จะยึดครองสเปนและยุโรปไปโดยลำดับ โดยจะเริ่มจากการยุยงให้เกิดความแตกแยกในดินแดนสเปนก่อน จนเกิดความอ่อนแอ แล้วจึงจะใช้กองทัพเข้าจัดการ ฉากถัดมาจึงเปิดตัวพระเอก คือ Rodrigo Díaz de Vivar ซึ่งกำลังเดินทางไปเข้าพิธีวิวาห์ ได้เข้าไปช่วยเหลือหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ถูกพวกมัวร์โจมตี และจับเชลยที่เป็นผู้นำแขกมัวร์ได้ 5 คน แต่ได้ตัดสินใจปล่อยตัวทั้งหมดแลกกับคำสาบานว่าจะไม่รุกรานสเปนอีก โดยเจตนาที่จะไม่ให้เกิดเหตุบานปลาย หัวหน้าเผ่าอาเมียร์แห่งเซเรกอสซา หนึ่งในห้าของผู้นำมัวร์ ได้ให้สมญา โรดริโกว่า El Cid เพื่อเป็นการยกย่อง แต่เคาน์การ์เซีย ออร์โดเนส ซึ่งนำกำลังทหารมารับตัวเชลยทั้ง 5 ไม่พอใจและให้โรดริโกไปเข้าเฝ้า กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ แห่งคัสติล เพื่อไต่สวนข้อหาเป็นกบฎ ปัญหาดังกล่าวทำให้เคาน์โกร์เมซ (Count Gormaz) ขุนพลคู่ใจกษัตริย์เฟอร์ดินันด์ และเป็นบิดาของชีเมน (ตามเสียงพากย์ภาษาไทย แต่ในบทความที่เกี่ยวข้องเขียนว่า Jimena หรือ Ximena ในภาษาสเปนโบราณ) ว่าที่เจ้าสาวของโรดริโก ไม่พอใจโรดริโกเช่นกัน และเกิดการถกเถียงกับดิเอโกพ่อของโรดริโกจนถึงขั้นใช้ถุงมือตบหน้าพ่อของโรดริโกในท้องพระโรงที่กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ทรงเป็นประธานการไต่สวนอยู่
ฉากภายในท้องพระโรงขณะพิจารณาความผิดของโรดริโก
โรดริโกพยายามขอให้ว่าที่พ่อตาขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ไม่เป็นผล เกิดการถกเถียงจนถึงขั้นดวลดาบกัน จนเคาน์โกร์เมซถึงแก่ความตาย ชีเมนเสียใจและเริ่มตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับโรดริโก พอดีกษัตริย์รามิโรแห่งอารากอน ต้องการฉวยโอกาสที่กษัตริย์เฟอร์ดินันด์พึ่งสูญเสียทหารเอก เรียกร้องเมืองคาราฮอราจากแคว้นคัสติล โรดริโก อาสารับคำท้าประลองกับดอนมาร์ติน ทหารเอกของแคว้นอารากอน เพื่อลบคำครหาว่าเป็นผู้ทรยศ ผลการประลองแน่นอนว่าพระเอกของเราต้องชนะอยู่แล้ว กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ได้มอบหมายให้ โรดริโก ร่วมเดินทางไปเก็บภาษีพวกมัวร์ร่วมกับเจ้าชายซันโจ โรดริโกทูลขอแต่งงานกับชีเมนหลังเสร็จภารกิจ ชีเมนซึ่งยังต้องการแก้แค้นให้พ่อได้สมคบกับเคาน์ออร์โดเนสหาทางสังหารโรดริโก ออร์โดเนสพยายามลงมือขณะกองทหารของเจ้าชายซันโจถูกแขกมัวร์กลุ่มหนึ่งโจมตี แต่หัวหน้าเผ่าอาเมียร์ผู้ให้สมญาโรดริโกว่า "เอลซิด" มาช่วยเจ้าชายซันโจและเอลซิดไว้ได้ เสร็จภารกิจ โรดริโก ได้แต่งงานกับชีเมนตามที่กษัตริย์เฟอร์ดินันด์ทรงให้สัญญา แต่ชีเมนยังคงหมางเมินกับโรดริโก จนต้องหลบไปอยู่สำนักนางชีแห่งหนึ่ง
เมื่อกษัตริย์เฟอร์ดินันด์สวรรคต ได้เกิดการแตกแยกระหว่างเจ้าชายซันโจรัชทายาท กับทางฝ่ายเจ้าชายอันฟองโซพระอนุชา และเจ้าหญิงเออรากาพระกนิษฐา ที่สมคบกันหวังแยกดินแดนส่วนหนึ่งจากซันโจไปปกครอง โรดริโก ได้ช่วยให้อันฟองโซเสด็จหนีไปอยู่กับเออรากาที่ป้อมเมืองคาราฮอรา กษัตริย์ซันโจเสด็จนำทัพไปล้อมเมืองหวังจะจับอันฟองโซไปลงโทษ แต่ทรงเสียรู้ไส้ศึกที่ เบน ยูซุบ ส่งมาจนถูกสังหารสิ้นพระชนม์ อันฟองโซขึ้นครองราชย์ โดยที่โรดริโกระแวงว่าทรงรู้เห็นกับการปลงพระชนม์ซันโจ ในพิธีราชาภิเษก โรดริโกได้กดดันให้อันฟองโซทรงสาบาน แม้อันฟองโซจะทรงยอมแต่ด้วยความพิโรธ จึงมีรับสั่งให้ริบทรัพย์สินและเนรเทศโรดริโก ห้ามไม่ให้ผู้ใดติดต่อคบค้าด้วย
การถูกเนรเทศได้ทำให้ชีเมนกลับมาเห็นใจโรดริโก แต่ทั้งสองมีความสุขด้วยกันไม่นาน เนื่องจากได้มีนักรบจำนวนหนึ่งเดินทางมาขอติดตามโรดริโก โรดริโกจึงต้องนำชีเมนกลับมาฝากสำนักชีอีกครั้งหนึ่ง โรดริโกหรือเอลซิดจะพเนจรไปไหนหรือตั้งหลักที่ใดไม่ปรากฏชัด วันดีคืนดี กษัตริย์อันฟองโซได้โปรดฯ ให้โรดริโกเข้าเฝ้าและบัญชาให้โรดริโกนำกองทัพไปสมทบกับพระองค์ในการรบกับเบน ยูซุบ ที่ซากาด แต่เอลซิดไม่เห็นด้วย โดยเห็นว่าการยึดเมืองวาเลนเซียสำคัญกว่า อันฟองโซยังทรงพิโรธที่เอลซิดนำกษัตริย์มัวร์มาเข้าเฝ้า หลังจากนั้นต่างฝ่ายต่างก็ทำตามความเห็นของตัว คือ เอลซิด นำทัพไปล้อมเมืองวาเลนเซีย ส่วนอันฟองโซเสด็จไปรบกับเบน ยูซุบ จนพ่ายแพ้ แล้วเลยเสด็จมาจับชีเมนกับลูกสาวฝาแฝดมาขังไว้ แต่เคาน์กาเซีย ออร์โดเนส ได้ช่วยพาชีเมนกับลูกๆ หนีมาหาเอลซิด ทำให้เอลซิดไม่ต้องทิ้งเมืองวาเลนเซีย และสามารถยึดเมืองได้ในที่สุด พรรคพวกทั้งคริสเตียนและอิสลามต่างยุให้เอลซิดตั้งตัวเป็นกษัตริย์ แต่เอลซิดซึ่งยังภักดีต่อกษัตริย์สเปน ได้ปฏิเสธและส่งมงกุฏวาเลนเซียไปให้พระเจ้าอันฟองโซ
ฉากกองทัพของ เอลซิด กำลังเข้าตีเมืองวาเลนเซีย
คราวนี้ถึงทีพระเอกโดนล้อมเมืองบ้าง โดยกองทัพของ เบน ยูซุบ เจ้าเก่านั่นเอง เอลซิด ตัดสินใจยกกองทัพออกไปรบกับ เบน ยูซุบ ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะได้รับกำลังเสริมทางเรือ แต่ขณะที่กำลังรบกันดุเดือดเลือดพล่านอยู่นั้น กำลังเสริมทางเรือของ เบน ยูซุบ ได้ยกมาถึงพอดี และลูกธนูดอกหนึ่งจากกำลังเสริมนี้ได้พุ่งเข้าปักอกเอลซิด ได้รับบาดเจ็บ ต้องถอยหนีกลับเข้าเมืองวาเลนเซียทั้งกองทัพ คราวนี้ต่างฝ่ายต่างเล่นสงครามจิตวิทยากัน ทางฝ่าย เบน ยูซุบ ได้ประโคมข่าวไปทั่วว่า เอลซิด ตายแล้ว จนข่าวกระพือเข้ามาถึงในเมือง เอลซิดเองที่กำลังเจ็บหนักต้องฝืนสังขารออกมายืนประกาศว่าวันรุ่งขึ้นจะนำทัพออกรบอีกครั้ง แต่จริงๆ รู้ตัวว่าไม่รอดแล้ว ก็ได้สั่งเสียภรรยาเป็นนัยๆ ว่าเธอจะต้องช่วยให้ฉันได้ออกรบวันพรุ่งนี้ให้ได้ ด้านพระเจ้าอันฟองโซ ได้เสด็จมาดูใจเอลซิดได้สักครู่ เอลซิดก็สิ้นใจ แล้ววันรุ่งขึ้น พรรคพวกของเอลซิด ได้นำศพแม่ทัพของตนยึดติดกับอานม้า ทำทีเสมือนว่าเอลซิดยังมีชีวิตอยู่แล้วปล่อยม้านั้นออกมานำหน้ากองทัพออกทางประตูเมือง ทหารของเบนยูซุบตกใจนึกว่าเอลซิดยังมีชีวิตอยู่ ก็วิ่งหนีเตลิดไม่คิดต่อสู้ เบน ยูซุบ ถูกกองทัพม้าฝ่ายสเปนเหยียบตาย
ฉาก เอล ซิด ถูกยิงด้วยธนู
ฉากการรบสุดท้าย ศพของ เอลซิด ถูกนำมาผูกติดกับม้า เพื่อลวงทหารทั้งสองฝ่ายว่ายังมีชีวิตอยู่
กว่าจะเล่าจบได้ นับว่าเขียนบทได้สนุกสนานตลอดสามชั่วโมง จนผมหลวมตัวเล่าซะละเอียดกว่าหลายเรื่องที่ผ่านมา แต่แน่นอนว่าพล็อตเรื่องอันสนุกสนานนี้เป็นคนละเรื่องกับในประวัติศาสตร์ แต่ทั้งนี้ เรื่องของ เอลซิด ก็เต็มไปด้วยตำนานต่างๆ เท่าที่พอเทียบกับบทความในวิกิพีเดีย ความแตกต่างกัน ได้แก่ เรื่องราวการรบของเอลซิดที่มีมากมายหลายครั้ง ในสมัยพระเจ้าแผ่นดินทั้งสามองค์ คือ เฟอร์ดินันด์ (Ferdinand I the Great (1017–Le?n, 1065) ) ซันโจ (Sancho II (1040-1072), และ อันฟองโซ (Alfonso VI (before June 1040 – July 1, 1109), ) นั่นหมายความว่า พระเจ้าซันโจไม่ได้ครองราชย์แค่ประเดี๋ยวเดียวอย่างในหนัง เรื่องที่ เอลซิด กดดันให้พระเจ้าอันฟองโซ สาบานว่าไม่เกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของซันโจก็มีอยู่ในประวัติศาสตร์ ส่วน Jimena ภรรยาเอลซิด ก็เป็นมีศักดิ์เป็นพระญาติกับพระเจ้าอันฟองโซ การแต่งงานของเอลซิดกับชีเมน อาจเป็นตามพระประสงค์ของพระเจ้าอันฟองโซที่จะเชื่อมความสัมพันธ์กับเอลซิดที่ไม่ค่อยดีนัก ส่วนเรื่องวาระสุดท้ายของเอลซิดที่รบจนตายแล้วยังต้องเอาศพมาผูกติดหลังม้านำทัพต่อนั้น เป็นเพียงตำนาน รายละเอียดมากกว่านี้คงต้องรบกวนผู้ใฝ่รู้ทั้งหลายอ่านเองจากแหล่งข้อมูลอื่น ในที่นี้ต้องการสรุปเพียงว่า เรื่องราวในภาพยนตร์นั้นแต่งเติมขึ้นมาจากประวัติศาสตร์และตำนานเพื่อความบันเทิงเช่นเดียวกับภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง
เมื่อเป็นพล็อตเรื่องที่แต่งขึ้นมาใหม่ จึงมีอะไรๆ โดยส่วนตัวที่ดูแล้วสะดุดอยู่บ้าง เอาที่จังๆ ได้แก่ การไต่สวนความผิดของโรดริโก แทนที่จะให้โรดริโกกับเคาน์ออร์โดเนสมาเป็นผู้ให้การ กลับกลายเป็นการโต้เถียงกันระหว่างพ่อพระเอกกับพ่อนางเอก ซึ่งฝ่ายหลังไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่เอลซิดปล่อนตัวเชลยแขกมัวร์เลยด้วยซ้ำ โรดริโกกลับต้องรออยู่ข้างนอกตลอด และในที่สุดก็ไม่เห็นว่าพระเจ้าเฟอร์ดินันด์จะทรงตัดสินอะไรเป็นเรื่องเป็นราว หากแต่งเรื่องเพียงว่าเสด็จออกว่าราชการตามปกติแล้วพ่อนางเอกทูลฟ้องขึ้นมายังจะดูดีกว่า กับในตอนท้ายเรื่อง เอลซิดปฏิเสธที่จะให้ผ่าลูกธนูออก ทั้งที่ใครๆ ก็บอกว่าถ้าไม่ผ่าก็ไม่รอด ไม่ทราบว่าจะดื้อไปทำไม
จุดแข็งจุดขายประการหนึ่งของเรื่องนี้ ย่อมไม่พ้นความยิ่งใหญ่ตระการตาของฉากต่างๆ ทีมงานสมัยนั้นช่างกล้าลงทุนจริงๆ ทั้งการสร้างฉากต่างๆ จำนวนคนที่ใช้ทั้งในฉากรบ ฉากท้องพระโรง และฉากอื่นๆแทบจะทุกฉาก รวมไปถึงการจัดแจงเรื่องเสื้อผ้าสำหรับคนเหล่านี้ ที่ดูหลากหลายสวยงาม เรื่องเหล่านี้ไม่อาจใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกมาช่วยเหมือนสมัยหลังๆ เรียกว่าเนรมิตกันด้วยเงินและความพิถีพิถันของทีมงานล้วนๆ
อีกภาพตัวอย่างของฉากรบอันยิ่งใหญ่ กองทัพทหารราบของ เอลซิด ที่ออกมารบป้องกันเมือง
ด้านข้อคิดส่วนตัวผมเองนั้น ดูเหมือน เอลซิด ในเรื่องนี้ จะเป็นผู้นำที่ค่อนข้างจะดีเลิศจนเกินกว่ามนุษย์ทั่วไป ไม่ว่าฝีมือการรบที่เก่งกาจ คำพูดความคิดต่างๆ ที่พยายามสร้าง "ความสมานฉันท์" ระหว่างคริสเตียนกับมัวร์(อิสลาม) เพื่อการต่อสู้กับศัตรูอีกรายที่ร้ายกาจกว่า คือ กองทัพอของ เบน ยูซุบ จากอาฟริกาเหนือ (พูดแล้วนึกถึงหนังกำลังภายในเรื่องดาบมังกรหยก ที่ เตียบ่อกี้ ก็พยายามสร้างความ "สมานฉันท์" ระหว่างฝ่ายธรรมะกับพรรคเม้งก่า เพื่อต่อต้านมองโกล นี่แหละครับพล็อตเรื่องที่ยืมกันไปยืมกันมา) จนกระทั่งถึงตอนที่เอลซิดถูกยิงด้วยธนูนั่นแหละ จึงดูเหมือนคนขึ้นมาหน่อย แต่พอตายไปแล้วยังต้องเอาศพมาผูกติดม้านำทัพ ดูแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสังคมไทยบางช่วงที่มีการกล่าวอ้างว่า ถ้าคนนั้นคนนี้ไม่เป็นนายกฯ แล้วใครจะเป็น สังคมหรือองค์กรที่ดีน่าจะได้มีการพัฒนาความเป็นผู้นำให้คนระดับรองๆ ไว้เป็นตัวตายตัวแทนกันได้เสมอ แต่นี่เป็นมุมมองของคนสมัยใหม่นะครับ หากต้องย้อนเวลาไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจริงๆ ผมคงยึดติดกับเอลซิดไม่ต่างจากคนอื่นนัก
คำคมชวนคิด
- "เจ้าหาทางลัดเจอแล้วลูกชาย ไม่ใช่การแต่งงาน แต่เป็นเกียรติยศ" บาดหลวงที่โรดริโกช่วยไว้จากการโจมตีของพวกมัวร์ กล่าวยกย่องโรดริโกหลังจากโรดริโกปล่อยเชลยซึ่งเป็นหัวหน้าพวกมัวร์ ก่อนหน้านั้น โรดริโก บอกหลวงพ่อว่า ที่ผ่านมาพบเหตุการณ์เข้าเพราะคิดว่าเส้นทางที่ใช้เป็นทางลัด
- "ท่านซื้อเกียรติของท่านด้วยน้ำตาข้า" ชีเมนพูดกับโรดริโก หลังจากบิดาของเธอถูกโรดริโกสังหาร
- "ใครฆ่าใครไม่สำคัญ แต่กษัตริย์ต้องให้ชีวิต" โรดริโก ทูลเจ้าชายซันโจก่อนเปลี่ยนใจไม่สังหารเคาน์ออร์โดเนส
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : El Cid
ชื่อภาษาไทย : เอล ซิด วีรบุรุษสงครามครูเสด
ผู้สร้าง : Samuel Bronston
ผู้กำกำกับ : Anthony Mann
ผู้เขียนบท : Story: Frederic M. Frank; Screenplay:Philip Yordan
ผู้แสดง : Charlton Heston, Sophia Loren, Raf Vallone, Genevi?ve Page, John Fraser, Gary Raymond
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่างจาก www.youtube.com ตอน El Cid กดดันให้กษัตริย์ซันโจทรงสาบานว่าไม่ทรงเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของพระเชษฐา
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์