![](http://www.iseehistory.com/images/1177689181/CusterInOffice.jpg)
ใน ประวัติศาสตร์อเมริกัน ยุคแรกนั้น เรื่องราวการสู้รบที่เราคุ้นเคยกันดีอาจจะยิ่งกว่าการสู้รบเพื่อเอกราชจากอังกฤษด้วยซ้ำ คือการสู้รบกับ อินเดียนแดง ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ใน ทวีปอเมริกา มาก่อนที่พวกคนขาวชาวอเมริกันทั้งหลายจะเข้าไปบุกเบิก บรรดาหนังคาวบอย (ซึ่งจัดว่าเป็นหนังรุ่นเก่า เนื่องจากหลังๆ ฮอลลีวู้ดมักไปสร้างหนังแอคชั่นในแนวอื่นแทน) ย่อมขาดไม่ได้ที่จะต้องมี อินเดียนแดง เป็นตัวประกอบซึ่งมักจะเป็นผู้ร้ายนั่นเอง
หนังสือเล่มแรกที่ได้ให้มุมมองอีกด้านหนึ่งแก่ผมในเรื่องนี้ คือหนังสือแปลชื่อ "ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี" ไพรัช แสนสวัสดิ์ แปลจากเรื่อง Bury My Heart at Wounded Knee ของ Dee Brown กล่าวถึง ประวัติศาสตร์ของอินเดียนแดง ในทวีปอเมริกานับตั้งแต่การค้นพบทวีปอเมริกา ไปจนถึงสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างอเมริกันชนกับอินเดียนแดง โดยอาศัยการสัมภาษณ์ชาวอินเดียนแดงเท่าที่ยังหลงเหลือประกอบกับเอกสารของทางการสหรัฐฯ เอง ซึ่งจะไม่ขอกล่าวในรายละเอียดมาก แต่ขอบ่นสักหน่อยว่าเดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าหนังสือเล่มดังกล่าวไปอยู่ที่ไหนแล้ว เอาเป็นว่าความผิดถูกในเรื่องที่ชาวอเมริกันไปยึดครองดินแดนมาจากชาวอินเดียนแดงนั้น เป็นเรื่องที่อาจมองได้สองด้าน และยังคงถกเถียงกันอยู่ และภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปัญหาใน ประวัติศาสตร์อเมริกัน ตอนนี้ คือเรื่อง Custer of the West เริ่มฉายเมื่อปี 1968 (พ.ศ.2511) กล่าวถึงชีวิตของขุนพลผู้เกรียงไกรท่านหนึ่งในยุคนั้น คือ นายพลคัสเตอร์ (George Armstrong Custer) ผู้ที่รบกับอินเดียนแดงจนตัวตาย กลายเป็นตำนานสำคัญเรื่องหนึ่งของชาวอเมริกันมาจนทุกวันนี้
![](http://www.iseehistory.com/images/1177689181/CusterAndBentene.jpg)
เรื่องเริ่มขึ้นมาก็เป็นฉากคัสเตอร์ขี่ม้านำกองทหารม้าฝ่าห่ากระสุนปืนใหญ่ในสนามรบพร้อมกับขึ้นตัวเลข 1861 จนถึง 1865 อันเป็นปีที่เกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกานั่นเอง (ปี พ.ศ.2404 - 2409) แล้วก็มาเริ่มเรื่องจริงจังเมื่อสงครามกลางเมืองสงบ คัสเตอร์เข้าพบผู้บังคับบัญชา คือ นายพลเชอริแดน (Gen. Philip Sheridan) เพื่อหารือว่าจะมอบหมายให้คัสเตอร์ทำงานอะไรต่อไปในยามสงบ ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจนิดนึงนะครับว่า ยศนายพลของคัสเตอร์ที่ได้มาในระหว่างสงครามนั้น เป็นยศชั่วคราวในกองทหารอาสา (Militia) แต่เมื่อสงครามสงบ คัสเตอร์กลับต้องมากินยศนายพันโทในทหารกองประจำการธรรมดา (Regular Army) ในที่นี้ผมจึงขอเรียกท่านว่า "คัสเตอร์" เฉยๆ แทน "นายพลคัสเตอร์" นะครับ มาคุยกันต่อเรื่องงานที่นายพลเชอริแดนเสนอให้คัสเตอร์เลือก ล้วนแต่งานเจ็บๆ ทั้งนั้น ตั้งแต่คุมโรงเรียนสอนขี่ม้า เป็นผู้บัญชาการคุก เฝ้าคลังแสงที่ไม่ใช้งานแล้ว รวมถึงงานการรบกับ อินเดียนแดง ในเขตตะวันตก ซึ่งคัสเตอร์ก็ไม่ได้ชื่นชอบมากกว่างานอื่นสักเท่าไหร่นัก นอกจากข้อดีประการเดียวคือเป็นงานที่ได้ออกรบ หรือจะเรียกว่างานบู๊ก็ได้ (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า "Action") ทำให้ต้องตัดสินใจรับงานนี้ในที่สุด
คัสเตอร์ได้เดินทางไปรับตำแหน่งที่ค่ายของกรมทหารม้าที่ 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งควบคุมดูแลเขตอนุรักษ์อินเดียนแดงเผ่าไชแอน (Cheyennee) และซู (Sioux) ปัญหาเริ่มแรกก็คือการต้องบังคับบัญชาลูกน้องคนสำคัญสองคน คือ ผู้พัน มาร์คัส เรโน (Maj. Marcus Reno) ผู้ติดเหล้า และ นายร้อยเอก เบนทีน (Capt. Frederick Benteen) ผู้เห็นอกเห็นใจอินเดียนแดง โดยเฉพาะรายแรกที่ภาษาไทยคงต้องเรียกว่า "ศรศิลป์ไม่กินกัน" ตั้งแต่แรกพบ ครั้นพอมาดูทหารคนอื่นๆ ในกรม ไร้ระเบียบ อ้างว่าป่วยเพื่ออู้งาน จนต้องกำราบกันพักหนึ่ง (คัสเตอร์ใช้วิธีไหนดูจากภาพยนตร์นะครับ เล่ามากเดี๋ยวหนังเขาขายไม่ออก)
![](http://www.iseehistory.com/images/1177689181/AttackIndian.jpg)
ฉากการโจมตีอินเดียนแดงเผ่าไชแอน ที่ในหนังพยายามบอกว่าคัสเตอร์เองไม่ค่อยสบายใจนัก
ทางด้านอินเดียนแดงนั้นเล่า คัสเตอร์กลับพบว่าลำพังความป่าเถื่อนของคนเหล่านี้ ยังไม่ร้ายกาจเท่ากับนโยบายของรัฐบาลคนขาวเองที่กลับไปกลับมา ทำสัญญาสงบศึกกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ฉีกทิ้งไปรุกรานเขาต่อ เดี๋ยวบอกให้ส่งปืนให้อินเดียนไว้ล่าสัตว์ เดี๋ยวจะให้รบกันซะแล้ว เรื่องชวนปวดหัวขนาดหนักคือนโยบายการปล่อยให้คนขาวแห่เข้าไปขุดทอง และการสร้างทางรถไฟเพื่อเชื่อมฝั่งตะวันออกและตะวันตกของประเทศ จนกระทั่งรถไฟขบวนหนึ่งถูกโจมตีอย่างหนัก รถทั้งขบวนถอยไปตกรางตรงสะพานข้ามช่องเขาที่ถูกอินเดียนวางเพลิงดักไว้ คัสเตอร์จึงถูกเรียกตัวเข้าไปชี้แจงต่อสภาในกรุงวอชิงตัน
การชี้แจงของคัสเตอร์ในเชิงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลสร้างความไม่พอใจต่อส.ส.ในรัฐสภาเป็นอย่างมาก รวมถึงประธานาธิบดี แกรนท์ (Ulysses S. Grant) ที่น้องชายถูกคัสเตอร์กล่าวหาว่ามีส่วนในการคอร์รัปชัน อนาคตของคัสเตอร์ทำท่าว่าจะดับวูบลงด้วยการถูกพักงานยาวหรือส่งไปทำงานที่ไม่มีความสำคัญอะไรสักอย่าง แต่เมื่อคัสเตอร์ได้ข่าวว่ากรมทหารม้าที่ 7 ของเขากำลังถูกส่งไปทำศึกใหญ่ในสงครามปราบปรามอินเดียนแดงเผ่าไชแอน ซู และอื่นๆ ที่รวมกำลังกันเป็นกลุ่มใหญ่ คัสเตอร์ได้เขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีแกรนท์ ขอร้องให้เขาได้กลับไปร่วมเป็นร่วมตายกับทหารที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชา และนี่จึงเป็นวาระสุดท้ายของคัสเตอร์ในการศึกที่เรียกว่า การบที่แม่น้ำลิตเติลบิ๊กฮอร์น (Battle of the Little Bighorn) ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1876 (พ.ศ.2419)
![](http://www.iseehistory.com/images/1177689181/CusterUnderAttack.jpg)
คัสเตอร์กับพรรคพวกติดอยู่ในวงล้อมในการรบที่ลิตเติ้ลบิ๊กฮอร์น
ตามประวัติศาสตร์จากที่ผมเคยอ่านในหนังสือเรื่อง "ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี" นั้น บรรดาอินเดียนทั้งหลายไม่ได้เห็นคัสเตอร์ หรือ "คนผมยาว" ดีไปกว่าคนขาวคนอื่นสักเท่าไหร่ ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจรายหนึ่ง คนที่ควรได้รับการยกย่องกลับเป็นนายพลคนขาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว และคงยากที่จะค้นชื่อมาให้ได้ในเร็ววันเพราะหนังสือยังหาไม่เจอ เอาเป็นว่านายพลคนนี้เดิมก็เป็นทหารผิวขาวที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่ง แต่มากลับใจสำนึกบาปได้ในการรบอันโหดร้ายครั้งหนึ่ง (ทำนองเดียวกับพระเอก The last Samurai หรือ พระเจ้าอโศกนั่นแหละครับ) แล้วจึงหันมามีบทบาทในการเป็นตัวกลางในการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับอินเดียนแดง ผมนำมาเล่าเปรียบเทียบให้เห็นว่า ในหนังอาจจะสร้างภาพให้คัสเตอร์ดูดีเกินจริงไปบ้าง
ลูกน้องคนสำคัญอย่างผู้พันเรโนนั้น ตามประวัติกล่าวว่าเขาถูกกล่าวหาเรื่องเหล้าจริงๆ ส่วนผู้กองเบนทีนนั้น ไม่มีกล่าวถึงเรื่องทัศนคติต่ออินเดียนเลย และไม่รับประกันว่าสองคนนี้อยู่กับคัสเตอร์ในกรมทหารม้าที่ 7 มาแต่แรกหรือไม่ มีความเป็นไปได้ว่าผู้เขียนบทจะตกแต่งบทบาทของสองคนนี้ขึ้นมาใหม่ให้เรื่องสนุกขึ้นเท่านั้น
![](http://www.iseehistory.com/images/1177689181/KillingBogy.jpg)
คัสเตอร์กับภรรยาขณะมาเยี่ยมชม "อาวุธใหม่" เป็นโบกี้รถไฟหุ้มเกราะติดปืนกล คล้ายกับรถถังวิ่งบนราง
คัสเตอร์วิจารณ์ว่าอาวุธใหม่นี้จะทำลายสปิริตของสงครามที่มีมาแต่เดิม
ด้านการศึกที่แม่น้ำลิตเติลบิ๊กฮอร์นนั้น ในหนังเล่าไว้มีส่วนทั้งที่เหมือนและไม่เหมือนในบทความของวิกิพีเดีย กล่าวคือ คัสเตอร์ ได้รีบร้อนนำกรมทหารม้าเดินทางไปยังที่หมาย และรีบร้อนเข้าโจมตีอินเดียนแดงโดยไม่รอกองกำลังส่วนอื่นมาสมทบ และได้แบ่งกำลังของกรมทหารม้าที่ 7 ออกเป็น 3 ส่วน โดยตัวเองคุมส่วนหนึ่ง อีกสองส่วนให้ผู้พันเรโนและผู้กองเบนทีนเป็นผู้บังคับบัญชา ตามแผนคัสเตอร์จะอ้อมไปโจมตีข้าศึกจากทางด้านเหนือ เรโนโจมตีจากทางใต้ และเบนทีนโจมตีทางตะวันออก ไม่ใช่ให้รอเฉยๆ อย่างในหนัง จะด้วยการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนระหว่างดำเนินกลยุทธ หรือการทำงานที่ไม่เข้าขากันมาแต่เดิม หรืออะไรก็ตามแต่ ฝ่ายอินเดียนสามารถสกัดกองกำลังของเรโนและเบนทีมไว้ได้ และคัสเตอร์ต้องตกเข้ามาอยู่ในวงล้อมจนเสียชีวิตในที่สุด แน่นอนว่าพวกอินเดียนคงไม่บรรจงเก็บคัสเตอร์ไว้ฆ่าเป็นรายสุดท้ายอย่างในหนังหรอก อีกข้อมูลที่น่าสนใจแต่ในหนังไม่กล่าวถึงคือตระกูลคัสเตอร์ไม่ได้สูญเสียแต่เพียงท่านจอร์จ อาร์มสตรอง คัสเตอร์ เท่านั้น หากยังสูญเสีย นายร้อยเอก โทมัส คัสเตอร์ (Capt. Thomas Custer) แห่งกองร้อยซี และ บอสตัน คัสเตอร์ (Boston Custer) น้องคนสุดท้อง ซึ่งเป็นพลเรือนในกองทัพ และหลานผู้มีนามว่า เฮนรี อาร์มสตรง รีด (Henry Armstrong Reed) ไปอีกด้วย
ข้อสรุปโดยส่วนตัวของผมนั้น ยังไม่ค่อยเชื่อนักว่าคัสเตอร์ตัวจริงจะมีภาพลักษณ์ที่ดีอย่างที่ในหนังสร้างภาพไว้ แถมภาพตัวจริงยังหล่อสู้ โรเบิร์ต ชอว์ ผู้รับบทคัสเตอรในหนังไม่ได้อีกต่างหาก แต่คัสเตอร์ในหนังก็คล้ายๆ กับพระเอกหนังสงครามหลายๆ เรื่องของฮอลลีวู้ด ที่ต้องเผชิญปัญหาความขัดแย้งในใจต่อการทำตามคำสั่งที่ผันผวนไปมา แต่ด้วยความเป็นทหาร สุดท้ายก็ต้องพบจุดจบเพราะการเชื่อฟังในสิ่งที่ทั้งรักทั้งเกลียดนั่นเอง
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Custer of the West
ชื่อภาษาไทย : คัสเตอร์ ขุนพลประจัญบาน
ผู้กำกำกับ : Robert Siodmak
ผู้เขียนบท : Bernard Gordon and Julian Zimet
ผู้แสดง :
- Robert Shaw ... Gen. George Armstrong Custer
- Mary Ure ... Elizabeth Custer
- Ty Hardin ... Maj. Marcus Reno
- Jeffrey Hunter ... Capt. Benteen
- Lawrence Tierney ... Gen. Philip Sheridan
- Charles Stalmaker ... Lt. Howells
- Kieron Moore ... Chief Dull Knife
- etc.
คำคมชวนคิด
- อินเดียนที่ดีคืออินเดียนที่ตายไปแล้ว (The only good Indian is a dead Indian.) นายพลเชอริแดนพูดกับนายพลคัสเตอร์
- ไม่มีปัญหาของพวกอินเดียน มีแต่ปัญหาคนขาว (There is no Indian problem. There is only a White problem.) คำกล่าวตอนหนึ่งของคัสเตอร์ในรัฐสภา
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์