โดย Webmaster@iseehistory.com
แม้จะมีคำโบราณของจีนกล่าวไว้ว่า "ภาพหนึ่งภาพแทนคำพูดนับพันคำ" แต่ไม่ได้หมายความว่ารูปภาพจะมีความสำคัญถึงขั้นเป็นความจริงสูงสุด ในปัจจุบันแม้จะมีเทคโนโลยีการถ่ายภาพสีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่เหมือนจริง ที่อาจจะช่วยให้เราเข้าใจอะไรบางอย่างได้ชัดเจนขึ้น แต่บางภาพหากไม่รู้ที่มาที่ไปของมันเพียงพอแล้ว เราอาจจะเข้าใจภาพนั้นไปคนละเรื่องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้
ดังเช่นในสงครามโลกครั้งที่สอง ภาพถ่ายภาพหนึ่งของทหารกลุ่มเล็กๆ ที่กำลังปักธงชาติสหรัฐฯ เป็นภาพที่ประทับใจคนทั่วโลกเสมอมา แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีชายผู้หนึ่งกล่าวถึงภาพนี้ว่า
"ใครๆ ก็รู้จักภาพนี้ แต่น้อยคนจะรู้สภาพการณ์จริงในภาพ หรือเรื่องราวในภาพ และความจริงเบื้องหลังการเดินสายพันธบัตร"
เขาผู้นั้นคือ Benjamin Walker ผู้แสดงเป็น Harlon Block หนึ่งใน 6 ทหารกล้าผู้ปักธงชาติสหรัฐฯ ผืนนั้นบนยอดเขา Suribachi บนเกาะ Iwo Jima ในภาพยนตร์เรื่อง Flags of our Fathers ของ Clint Eastwood นั่นเอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกัน เขียนโดย James Bradley บุตรชายของ John Bradley หนึ่งในหกทหารที่ตั้งเสาธงในภาพดังกล่าว เป็นเรื่องเล่าถึงความยากลำบากของเหล่าทหารหาญของสหรัฐฯ บนเกาะอิโวจิมา สมรภูมิโหดแห่งหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่สองทางฟากเอเชียแปซิฟิก การศึกครั้งนี้อยู่ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อสหรัฐฯ เริ่มเป็นฝ่ายรุกตีโต้กำลังทหารญี่ปุ่นจนสามารถยึดดินแดนต่างๆ คืนมาเป็นลำดับ จนกระทั่งถึงเกาะอิโวจิมา สมรภูมิแรกที่เป็นดินแดนของญี่ปุ่นแท้ๆ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะยึดครองสนามบินบนเกาะแห่งนี้เพื่อใช้เป็นฐานในการโจมตีเกาะอื่นๆ ของญี่ปุ่นต่อไป ขณะที่ทางฝ่ายญี่ปุ่นนั้น ต้องการเพียงแค่การถ่วงเวลาและตัดกำลังฝ่ายสหรัฐฯ มากกว่าที่จะหวังชัยชนะประเภทตีข้าศึกตกทะเล สภาพภูมิประเทศของเกาะนี้ เต็มไปด้วยเถ้าภูเขาไฟ สภาพแห้งแล้ง ไม่ค่อยมีต้นไม้ใบหญ้า และทางญี่ปุ่นยังได้สร้างความได้เปรียบด้วยการสร้างอุโมงค์อันสลับซับซ้อน (Tunnel Network) และยาวเป็นกิโล ไว้สำหรับการตั้งรับและซุ่มโจมตีทหารอเมริกันแบบตีหัวแล้วหนีเข้าบ้าน เอ๊ย! หนีเข้าอุโมงค์ การศึกเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1945 (พ.ศ.2488) จนถึงวันที่ 26 มีนาคม ปีเดียวกัน รวมเวลาเดือนกว่า จากที่ตอนแรกฝ่ายบุกหลงนึกว่าคงจะหมูๆ แค่สี่ซ้าห้าวัน
ฉากการปักธงครั้งที่สอง ขณะที่ทหารทางขวากำลังเก็บเสาธงของผืนแรก
ส่วนการปักธงและการถ่ายภาพดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 1945 หลังจากขึ้นบกได้ 4 วัน ภายหลังการยึดเขาซูริบาชิซึ่งเป็นชัยภูมิสำคัญได้ ก็ต้องมีการปักธงเพื่อประกาศศักดาและเรียกขวัญกำลังใจพวกเดียวกันสักหน่อย บรรดาทหารที่ขึ้นไปปักธงนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แถมมีเหตุให้เซ็งกันนิดหน่อยเมื่ออุตส่าปักไว้ซะดิบดี เจ้านายเกิดบอกให้เก็บธงผืนแรกซะ แล้วให้ปักธงผืนใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม ในจังหวะที่กำลังปักธงผืนที่ 2 นี้เองที่ช่างภาพนามว่า Joe Rosenthal สามารถบันทึกภาพไว้ได้พอดี ในขณะที่เสาธงกำลังเอียงได้มุม ท่าทางผู้ที่ช่วยกันปักแต่ละคนดูแข็งขันขมักเขม้น ปักกันเสร็จก็ลงจากเขาไปเล่นน้ำกันอย่างกับเด็กๆ โดยไม่รู้เลยว่าชีวิตของพวกตนจะเป็นอย่างไรต่อไป บรรดาทหารกล้าทั้ง 6 คนที่ร่วมกันปักธงบนยอดเขาซูริบาชิ มีรายนามดังนี้
- John "Doc" Bradley (แถวล่างภาพแรก แสดงโดย Ryan Phillippe) คนเดียวที่ไม่ใช่นาวิกโยธิน แต่เป็นหน่วยแพทย์หรือเสนารักษ์ทหารเรือ มีหน้าที่ในการดูแลทหารนาวิกโยธินที่ได้รับบาดเจ็บจากการรบ และก็เป็นคนขยันขันแข็ง และมีความรักความเป็นห่วงเพื่อนฝูงสมกับหน้าที่นี้จริงๆ แต่หน้าที่นี้ก็ทำให้เขาต้องพบเห็นความเลวร้ายของสงครามมากกว่าคนอื่น คือขลุกอยู่กับคนเจ็บคนใกล้ตายตลอดเวลา เป็นคนไม่ค่อยแสดงออก แม้กระทั่งหลังสงครามก็ไม่เคยเล่าเหตุการณ์ในอิโวจิมาให้ใครฟังแม้กระทั่งคนในครอบครัว James Bradley ผู้เป็นบุตรต้องค้นคว้าเรื่องต่างๆ เองหลังจากเขาเสียชีวิต
- Ira Hayes (แถวบน ภาพกลาง แสดงโดย Adam Beach) เป็นอเมริกันอินเดียน ที่เป็นคนหัวเก่า จริงจัง อารณ์อ่อนไหว รู้สึกถึงความเลวร้ายของสงครามแทบจะไม่น้อยไปกว่า Bradley เลย แต่จะแสดงออกมากกว่าดังจะได้เล่าต่อไป
- Rene Gagnon (แถวล่างภาพกลาง แสดงโดย Jesse Bradford) ชาวนิวแฮมเชียร์ เป็นลูกโทน แม่เลิกกับพ่อตั้งแต่เขายังเด็ก เพราะพ่อมีหญิงอื่นโดยแม่จับได้ขณะกำลังเข็นรถเรนนี่อยู่นั่นเอง ชีวิตเขาอยู่ภายใต้การบงการของแม่มาตลอด เป็นคนเจ้าชู้ มีเสน่ห์ ในด้านการรบเป็นคนที่ท่าทางไม่ค่อยเก่งนัก จึงถูกกำหนดให้เป็นพลนำสาร ภายหลังเมื่อกลับสหรัฐฯ มาเดินสายประชาสัมพันธ์การขายพันธบัตร ได้ลงเอยกับหญิงที่ชื่อพอลลีน นัยว่าเพื่อให้พ้นการบงการของแม่ แต่ถ้าดูจากนิสัยของพอลลีนในหนัง ดูท่าจะเป็นแค่เปลี่ยนผู้หญิงที่บงการชีวิตซะมากกว่า
- Mike Strank (แถวบนภาพแรก แสดงโดย Barry Pepper) เป็นคนที่ยศสูงสุด คือจ่าสิบตรี อายุมากที่สุดคือ 23 ปี (อายุเฉลี่ยของทหารอเมริกันในช่วงนั้นคือ 19 ปี) และผ่านศึกมามากที่สุด เป็นเสมือนลูกพี่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับลูกน้อง และลูกน้องบางคนก็มักจะเอาเป็นแบบอย่างแม้กระทั่งในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการใส่หมวก ฯลฯ
- Harlon Block (แถวล่างภาพที่สาม แสดงโดย Benjamin Walker) เป็นชาวเท็กซัส ในเบื้องหลังภาพยนตร์เรียกเขาว่าเป็นกบฎในครอบครัวที่เคร่งศาสนา เช่น เลือกโรงเรียนมัธยมสามัญแทนโรงเรียนศาสนา และรักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจถึงกับไปเล่นฟุตบอลในวันหยุดทางศาสนา
- Franklin Sousley (แถวบนภาพที่สาม แสดงโดย Joseph Cross) เป็นคนอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม เป็นคนขี้เล่นเจ้าสำราญ ชอบสังคม ชอบแหย่คนอื่นไปทั่ว และก็โดนเพื่อนอำอยู่เป็นประจำ
อีกคนที่สำคัญคือ Hank Hansen ซึ่งเป็นผู้ร่วมปักธงผืนแรกซึ่งไม่ได้มีการบันทึกภาพไว้ และเมื่อไม่ได้ร่วมปักธงผืนที่สอง จึงไม่ได้อยู่ในภาพ แต่เกิดการเข้าใจผิดว่า ฮาร์ลอน บล็อก ซึ่งยืนย่อตัวหันหลังอยู่หน้าสุดในภาพเป็นตัวเขา ซึ่งจะกลายเป็นอีกประเด็นปัญหาหนึ่งในภายหลัง
หลังจากเหตุการณ์ปักธงแล้ว การสู้รบที่อิโวจิมายังดำเนินต่อมาอีกราวสามสิบวัน ความโหดร้ายของการรบที่นั่นได้พรากชีวิตของ สแตรงค์ บล็อก ซูสลี่ย์ และแฮนเซน รวมมถึงทหารอีกหลายนาย เช่น อิ๊กกี้ เพื่อนรักอีกคนของ แบรดลีย์ ระหว่างนั้น ภาพการปักธงของทหารทั้งหกที่ Rosenthal บันทึกไว้นั้นได้ถูกคัดเลือกให็เป็นภาพลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับในอเมริกา ความสวยงามของภาพได้สร้างความหวังให้กับชาวอเมริกันที่กำลังเบื่อหน่ายสงครามให้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ทางการอเมริกันเองก็หัวการค้าใช่เล่น เห็นเป็นโอกาสที่จะโฆษณาชวนเชื่อให้ประชาชนซื้อพันธบัตรมาเป็นทุนทำสงครามอีกสักครั้ง จึงได้มีคำสั่งเรียกตัวทหารที่อยู่ในภาพเท่าที่ยังเหลือรอดให้ออกจากสนามรบกลับมาบ้านเพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ (ขอใช้ศัพท์สมัยนี้เลยนะครับ) ในการโฆษณาพันธบัตรรุ่นที่ 7 (Mighty Seven) ระดมทุนเพื่อสู้ศึกต่อไป
ในตอนแรกทางการยังไม่สามารถระบุผู้อยู่ในภาพได้อย่างชัดเจน ทราบแต่เพียงว่ามีแบรดลีย์ แก๊กนอน กับใครอีกคนเป็นผู้ที่รอดชีวิต แก๊กนอนนำข่าวดีมาบอกกับเฮย์ส แต่เฮย์สกลับไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มกับเกียรติยศจอมปลอมดังกล่าวแต่แรก และขู่ไม่ให้แก๊กนอนเอ่ยชื่อเขา แต่ในที่สุด แก๊กนอนก็ต้องยอมบอกชื่อเฮย์สกับเจ้านาย ทำให้เฮย์สถูกนำตัวตามไปสมทบภายหลังจนได้ ทั้งสามถึงบ้านเกิดในราวเดือนเมษายน 1945 (พ.ศ.2488) นอกจากความไม่เต็มใจของเฮย์สแล้ว การที่เขาจำได้แม่นว่าผู้ที่หันหลังอยู่หน้าสุดในภาพคือ ฮาร์ลอน บล็อก ไม่ใช่ แฮงค์ แฮนเซน ทางผู้ใหญ่ที่ดำเนินการประชาสัมพันธ์พันธบัตรได้ขอให้ปิดเป็นความลับไว้
เดินสายปรากฏตัวท่ามกลางความคลั่งไคล้ของคนอเมริกัน
ตลอดเวลาของการเดินสายเป็นพรีเซ็นเตอร์ใหักับพันธบัตรที่ว่านี้ หน้าฉากเต็มไปด้วยเกียรติยศ ความสำเร็จ ด้วยคนอเมริกันที่กำลังคลั่งไคล้วีรบุรุษให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม แต่คนทั้งสามซึ่งพื้นเพเดิมก็เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ และพึ่งผ่านศึกมาอย่างโชกโชนไม่ค่อยจะมีความสุขเท่าไหร่นัก แก๊กนอนที่ดูเหมือนจะยิ้มรับสถานการณ์ได้มากที่สุด เมื่อต้องออกหน้าปราศรัยกับประชาชนก็ยังถ่อมตัวว่า "วีรบุรุษที่แท้จริงคือผู้ที่ตายอยู่บนเกาะ" ด้านแบรดลีย์นั้น แม้ไม่ค่อยจะแสดงออกอะไร แต่ในใจจะนึกย้อนไปถึงความทุกข์ยากที่ตนประสบบนเกาะเสมอ ด้านเฮย์สนั้น อ่อนไหวที่สุด และแสดงออกมากที่สุด ในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งไปเจอแม่ของของ ไมค์ แสตรงค์ ก็ได้แต่กอดเธอร่ำไห้ถึงความดีของไมค์ มาอีกวันที่เขาเตรียมการจะให้ทั้งสามวีรบุรุษปีนภูเขาจำลองกลางสนามกีฬาขึ้นไปปักธงโชว์ชาวบ้าน แกถึงกับเดินหนีออกไปหาเหล้ากินแล้วเมาอาละวาดจนคืนนั้นเกือบจะไม่ได้แสดง แล้วในที่สุดเขาก็ถูกส่งตัวกลับไปยังหน่วยรบโดยไม่ปรากฏว่าไปรบที่ไหนอีก แต่หลังสงครามเขาฝังใจกับปัญหานี้ตลอดชีวิต จนกลายเป็นคนเหลวแหลก และวันหนึ่งก็ตายอย่างไร้ค่าไปในที่สุด
"วีรบุรุษ" ทั้งสามแสดงการปักธงในสนามกีฬา โดย Hayes (คนกลาง) ยังอยู่ในสภาพเมามาย
ขอเล่าเรื่องเท่าที่จำเป็นแต่เพียงเท่านี้นะครับ ผิดพลาดขาดเกินอย่างไรขอให้ดูจากภาพยนตร์และค้นคว้าเพิ่มเติมเอานะครับ ภาพยนตร์เรื่องนี้ คนที่เคยชินกับหนังสงครามแบบแอคชั่นอาจจะผิดหวังกับเนื้อเรื่องแนวดรามาที่เล่าย้อนไปย้อนมาแบบนี้ แม้ว่าหนังเขาจะทุ่มทุนใหญ่โต แต่ไม่ใช่เพื่อสร้างหนังแอคชั่นดูเอาความมันนะครับ Concept ของเรื่องเขามีอยู่ว่าให้รำลึกถึงบรรดาทหารหาญในแบบที่เขาเป็น ไม่ใช่ยกย่องเขาเป็นวีรบุรุษซะจนเว่อ ไม่เป็นอันได้กินนอนสงบๆ อย่างสามัญชน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนแล้ว แนะนำให้ซื้อเป็น DVD เวอร์ชันที่เป็นสองแผ่นครับ แผ่นที่สองจะเป็นเบื้องหลังการสร้างที่จะกล่าวถึงเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์ และนิสัยใจคอของแต่ละคน ความเห็นของคุณปู่ Clint Eastwood ผู้สร้าง ดาราสำคัญ และผู้ร่วมงานแต่ละฝ่าย คนที่อารมณ์อ่อนไหวควรระวังสักนิด ดูบางตอนแล้วเศร้ายิ่งกว่าตัวหนังจริงจนอาจถึงขั้นร้องไห้เป็นเผาเต่าได้ครับ
และขอตบท้ายด้วยความเห็นส่วนตัวว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องทำสงครามจนเกือบจะถังแตกและต้องขายพันธบัตรกันเอาเป็นเอาตายนี้ อาจเป็นสาเหตุลึกๆ อีกประการหนึ่งที่นำไปสู่การตัดสินใจเผด็จศึกญี่ปุ่นด้วยระเบิดปรมาณู เท็จจริงอย่างไรลองนำไปคิดต่อดูนะครับ
คำคมชวนคิด
- วีรบุรุษที่แท้จริงคือผู้ที่ตายอยู่บนเกาะ คำกล่าวของ Rene Gagnon และ John Bradley ขณะเดินสายประชาสัมพันธ์พันธบัตร Mighty Seven
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Flags of our Fathers
ชื่อภาษาไทย : สมรภูมิศักดิ์ศรี ปฐพีวีรบุรุษ
เรื่องเดิม : หนังสือชื่อเดียวกัน เขียนโดย James Bradley บุตรชายของ John Bradley
ผู้สร้าง : Clint Eastwood, Steven Spielberg, Robert Lorenz
ผู้กำกำกับ : Clint Eastwood
ผู้เขียนบท : William Broyles, Jr. ; Paul Haggis
ผู้แสดง : Ryan Phillippe, Adam Beach, Jesse Bradford, Neal McDonough, Barry Pepper, Robert Patrick, Paul Walker, Jamie Bell, John Benjamin Hickey, John Slattery
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์