
โดย คนเล่าเรื่อง
หลังจากเซี่ยงไฮ้ถูกตีแตกในปี 1937 (พ.ศ.2480) เชงเสียน ได้พา เรโกะ ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ชาวญี่ปุ่น กับลูกสาว ฮารูโกะ และลูกชาย เสี้ยวหลิง เดินทางกลับบ้านที่เมืองนานกิง เมื่อกลับไปถึง เขาพบว่าบ้านของเขาถูกระเบิดทำลายพังพินาศ เขาปฏิเสธที่จะอพยพเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งจัดไว้โดยเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชนนานาชาติ เชงเสียน ตัดสินใจไปพักอยู่กับเพื่อนในวัยเด็กที่ชื่อ เจิ้นฟา แทน แม้ว่าจะไม่ชอบหน้าเรโกะ แต่เจิ้นฟาก็รับพวกเขาทั้งหมดเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน

เชงเสียนพาครอบครัวมายังบ้านที่นานกิง แต่พบว่าบ้านถูกระเบิดทำลายหมดแล้ว
ขณะเดียวกัน กองทัพแห่งชาติก็กำลังตรึงการรุกราน ของกองทัพต่างชาติอย่างกล้าหาญ เทียนหยวน ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่กองทัพ ได้รับมอบหมาย ให้พานักข่าวต่างชาติ สังเกตการณ์สถานการณ์ทางชายแดน เมื่อไปถึงที่นั่นพวกเขาก็พบว่า ผู้บัญชาการของหน่วยฆ่าตัวตายเสียแล้ว
ที่นานกิง เชงเสียนได้พาลูกไปเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมือง แต่ ซูถิง ครูประจำชั้นของเขาไม่ค่อยมีกำลังใจที่จะสอนเท่าใดนัก เพราะคนรักของเธอซึ่งก็คือ เทียนหยวน กำลังอยู่ที่แนวหน้า

เทียนหยวนกับซูถิง
กองทัพญี่ปุ่น ภายใต้การบัญชาของนายพลมัทซูอิ ประสบความสำเร็จในการรุกเข้านานกิงอย่างรวดเร็ว เขาสั่งให้กวาดล้างทหารจีนจนหมดสิ้น ขณะที่เครื่องบินญี่ปุ่นกำลังทิ้งระเบิดเมืองอยู่นั้น เจิ้นฟาพาเรโกะและลูกสาวของเขา ไปหลบภัยระเบิดในหลุมหลบภัย อย่างไรก็ตาม เขาได้ขึ้นมาข้างบนในภายหลัง ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น เชงเสียนซึ่งเป็นหมอ กำลังช่วยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลอยู่ ข้างฝ่ายซูถิงได้ไปพบเทียนหยวนที่แนวหน้า บริเวณกำแพงเมืองจงหัว เทียนหยวนแนะนำให้ซูถิงอพยพและเด็กๆ ออกนอกเมือง แต่ซูถิงไม่ยอม เพราะอดเป็นห่วงในความปลอดภัยของเทียนหยวนไม่ได้ ต่อมาขณะที่ซูถิงพาเด็กๆ กลับบ้าน เธอพบว่าท้องถนนเต็มไปด้วยความโกลาหล ขณะที่ชาวบ้านก็ออกตามล่าสายลับญี่ปุ่นอย่างกระชั้นชิด เชงสียนสั่งให้เรโกะอยู่แต่ในหลุมหลบภัย ถึงตอนนี้ เรโกะกลายเป็นแกะดำของชาวเมืองไปแล้ว
เมื่อรู้ว่าจุดสิ้นสุดของนานกิงเริ่มใกล้เข้ามา ซูถิงตัดสินใจพาเด็กๆ ไปยังสถานพักพิงของหน่วยองค์กรสิทธิมนุษย์ชน แล้วสอนหนังสือพวกเขาที่นั่นแทน และแล้วไม่นาน สิ่งที่ซูถิงคาดคิดก็เป็นจริง เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดนานกิงอย่างสิ้นเชิง ในวันที่ 10 ธันวาคมปี 1937 สามวันหลังจากนั้น ทหารญี่ปุ่นก็เปิดฉากกระทำการป่าเถื่อน ฆ่าชาวบ้านอย่างเลือดเย็น และข่มขืนสตรีหลายพันคน

ฉากรถถังญี่ปุ่นและทหารราบเข้าตีเมืองนานกิง
ข้างฝ่ายทหารแนวหน้า ผลจากชัยชนะของทหารญี่ปุ่น ทำให้พวกเขาต้องสังเวยชีวิตไปหลายแสนคน อย่างไรก็ตามชัยชนะอย่างเดียว ยังไม่เป็นที่หนำใจของนายพลมัทซูอิ เขาต้องการปราบเสี้ยนหนามให้สิ้นซากด้วย ดังนั้นไม่นานนัก เหตุการณ์สังหารหมู่ที่หุบเขาเกาสีก็เกิดขึ้น เฉพาะวันนั้น มีเชลยศึกชาวจีนถูกสังหารไป 5 หมื่นคน อย่างไรก็ตาม โชคดีที่เทียนหยวนรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด
เมื่อสิ้นทางออก เชงเสียนตัดสินใจพาครอบครัว อพยพเข้าไปในพื้นที่ปลอดภัย แต่ระหว่างทาง เขาถูกทหารญี่ปุ่นจับตัวไว้ แต่ภรรยาและลูกๆ ของเขาสามารถหนีไปได้ แต่กระนั้นโชคชะตาของเชงเสนยังไม่เลวร้ายเกินไป เมื่อไม่นานนักเขาถูกปล่อยตัว และได้กลับมาพบกับครอบครัวที่แคมป์ในที่สุด แต่โชคดีก็เกิดขึ้นครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อต่อมาทหารญี่ปุ่นได้ทำการบุกเข้าไปในเขตปลอดภัย สังหารเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ชาวต่างประเทศจนตายหมด แล้วทำการข่มขืน และฆ่าสตรีและเด็กในแค้มพ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเหยื่อในเหตุการณ์ครั้งนั้นก็รวมถึงซูถิงด้วย ส่วนเรโกะก็โดนทำร้าย จนต้องให้กำเนิดบุตรก่อนกำหนด ก่อนตาย เรโกะขอให้เชงเสียนตั้งชื่อลูกชายของพวกเขาว่า นานกิง

ค่ายผู้ลี้ภัยซึ่งอยู่ในสภาพแออัด
เทียนหยวนมาถึงค่าย ตอนที่ทุกอย่างจบลงแล้ว แม้ว่าจะเสียใจเป็นอย่างมาก ที่เขาไม่สามารถช่วยเหลือคนรักได้ แต่เขาก็ตัดสินใจไถ่บาปที่ค้างคา ด้วยการพาซูถิงที่บอบช้ำ และเด็กๆ ที่รอดชีวิต ออกเดินทางจากนานกิง เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
Don't Cry, Nanking เป็นภาพยนตร์ที่ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1995 (พ.ศ.2538) เป็นการร่วมทุนสร้างครั้งสำคัญ ระหว่างจีนและไต้หวัน กำกับโดย Ziniu Wu หรือ อู๋จื้อหนิว ผู้กำกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่รุ่น 5 รุ่นเดียวกับผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จในฮอลลีวู้ดอย่าง จางอวี้โหมว (The Road Home), เฉินไข่เก๋อ (Farewell to My Concubine) และ เทียนจวงจง (The Blue Kite) เขาเคยได้รับรางวัล Silver Berlin Bear จากภาพยนตร์เรื่อง Evening Bell ในงาน Berlin International Film Festival เมื่อปี 1989 (พ.ศ.2532) และรางวัล Golden Precolumbian Circle ใน Bogota Film Festival สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันเมื่อปี 1990 (พ.ศ.2533)

ทหารญี่ปุ่นฉุดคร่าสตรีขึ้นรถบรรทุกไป...
ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ได้เน้นที่ประเด็นความอำมหิตของกองทัพ ญี่ปุ่นที่กระทำต่อชาวนานกิงในปี ค.ศ. 1937 ซึ่งก็เป็นความจริงอันเป็นรอยด่างทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นที่ว่า ในช่วงทศวรรษที่ 30 ญี่ปุ่นได้ถูกอิทธิพลทางทหารครอบงำ กลายเป็นรัฐบาลโชกุนรูปแบบใหม่ที่กลายเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และนำพาญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามที่เต็มไปด้วยความน่าขยะแขยงจากพฤติกรรมอันโหด ร้ายป่าเถื่อนที่ทหารญี่ปุ่นได้กระทำในนานกิงเมื่อปี ค.ศ. 1937 กับประเทศจีน รายละเอียดพอสรุปได้สั้น ๆ ว่า ญี่ปุ่นส่งทหารเข้าสู่เมืองนานกิงของจีน (ธันวาคม 1937 ถึง มีนาคม 1938) การมาของทหารญี่ปุ่นครั้งนั้นทำให้พลเมืองและเชลยศึกเมืองนานกิงกว่า 300,000 คน ต้องสังเวยชีวิต ผู้หญิงกว่า 80,000 คนถูกข่มขืน ว่ากันว่าครั้งนั้นผู้หญิงถูกข่มขืนมากที่สุดในโลก เด็ก คนแก่ ผู้หญิงท้องก็ไม่เว้น นี่ยังมีการทารุณกรรมอีกมากมายที่ไม่อาจนำมาเล่า ณ ที่นี้ได้ นับได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อตอกย้ำความเจ็บปวด เคียดแค้น ของชาวจีนต่อชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ความรุนแรงในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองถูกถ่ายทอดลงในหนังอย่างไม่ปรานี ปราศรัย
ส่วนประเด็นเรื่องราวของตัวละครต่างๆ ที่เดินเรื่องนับว่าเป็นรอง แม้ว่าจะเป็นตัวเดินเรื่องมาแต่ต้น แต่เมื่อหนังเข้าสู่ช่วงสำคัญบทบาทของตัวละครเหล่านี้จึงเป็นรองไปอย่างมาก ปล่อยให้หนังดำเนินเรื่องไปตามข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์การฆ่าล้างเมือง นานกิง จากนั้น จึงมามีบทเด่นอีกครั้งในช่วงท้ายเรื่องตอนที่ค่ายลี้ภัยถูกทำลาย

การสังหารหมู่เชลยศึกจีนที่หุบเขาเกาสี
เนื้อหาที่ว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าชาวนานกิงนั้นถูกถ่ายทอดมาจากเหตุการณ์จริงๆ ที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ความโหดเหี้ยม อำมหิตที่ทหารญี่ปุ่นได้กระทำในหนังนั้นไม่เกินเลยจากความเป็นจริงแต่อย่าง ใดตามประวัติศาสตร์จริง ทั้งการกวาดต้อนเชลยมาเพื่อล้อมยิงให้ตายหมดด้วยอาวุธนานาชนิด การแข่งขันฆ่าชาวจีนของนายทหารญี่ปุ่น 2 คน มีการกระทำที่โหดร้ายกว่านี้อีกมากที่ไม่ได้ถ่ายทอดในหนัง คงเพราะด้วยเวลาที่จำกัดและจะทำให้หนังมีแต่ความสยดสยองมากเกินไป ถ้าใครอยากทราบ ก็ไปหาอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ “หลั่งเลือดที่นานกิง” เขียนโดยไอริส จาง แปลโดยคุณฉัตรนคร องคสิงห์นะครับ
แต่เรื่องหนึ่งที่ตัวหนังไม่ได้เน้นและสร้างได้ไม่ตรงกับประวัติศาสตร์ นั่นคือ การที่จอห์น ราเบ้ และกลุ่มชาวตะวันตกที่ช่วยกันปกป้องชาวนานกิงไว้ในเขตปลอดภัยสากล พวกเขาเหล่านี้มีบทบาทเป็นอย่างมากในการช่วยชีวิตชาวนานกิงไว้เป็นจำนวนมาก มาย โดยเฉพาะราเบ้ซึ่งได้รับสมญาว่าเป็น ออสการ์ ชินด์เลอร์แห่งเอเชีย แต่ในหนังเรื่องนี้ เขาและกลุ่มชาวตะวันตกเหล่านั้นกลับมีบทบาทเพียง 2 ฉากเท่านั้น นอกจากนี้ ตัวเขตปลอดภัยก็ไม่ได้ถูกบุกรุกตลอดการรุกรานของญี่ปุ่น ราเบ้กับชาวตะวันตกคนอื่นๆ ไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด ชาวจีนทุกคนในค่ายลี้ภัยต่างปลอดภัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวหนังคงต้องการแสดงถึงความรู้สึกหมดสิ้นความหวัง และไร้ที่พึ่งต่อสถานการณ์และชีวิตในนานกิงและเสริมความเป็นผู้ร้ายของทหาร ญี่ปุ่น จึงกำหนดบทหนังให้ค่ายลี้ภัยถูกบุกรุก กลุ่มชาวต่างชาติถูกฆ่าตาย และสตรีชาวจีนในค่ายถูกย่ำยี ดังนั้น การที่เทียนหยวนแอบพาซูถิงและเด็กๆ หนีออกจากนานกิงโดยทางเรือซึ่งมีบรรดาผู้เฒ่ามาส่งนั้น คงเป็นไปไม่ได้ในเหตุการณ์จริง แต่เป็นการสื่อถึงความสิ้นสุดของชีวิตอันบอบช้ำในนานกิงและการออกไปเริ่ม ต้นชีวิตใหม่ใหม่แบบมีความหวังในสภาพที่สิ้นหวัง

จอห์น ราเบ้ กับผู้ช่วยต้อนรับผู้ลี้ภัย ในภาพยนตร์ระบุว่าทางการญี่ปุ่นเองก็มีส่วนในการจัดตั้งเขตปลอดภัยนี้ด้วย
สำหรับตัวหนังนั้น นับว่าผ่านมาตรฐานหนังฟอร์มใหญ่แบบเอเชียครับ การกำกับศิลป์ในทุกเรื่องนับว่า เป็นจริงเป็นจังมาก ฉากใหญ่ๆ เกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าชาวนานกิงนั้นดูแล้วให้ความรู้สึกสยดสยองและสลดหด หู่แก่คนดูเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ถึงกับชวนให้คลื่นเหียนจนต้องแหวะออกมา
บทบาทของดาราแต่ละคนนับว่าทำการบ้านมาอย่างถูกต้อง ฉินฮั่นซึ่งในปีที่แสดงหนังเรื่องนี้นับแก่ไปมาก (คือพี่แกเป็นแบบทุ่งหมาหลงไปแล้วครับ) แต่ก็ยังสวมบทบาทตัวเอกได้เป็นอย่างดี แต่ดาราคนที่รับบทเรโกะ เธอแสดงได้สมบทบาทที่ต้องสมบุกสมบันอย่างมากในตอนท้ายเรื่อง ซึ่งเธอมีบทที่เด่นสุดซึ่งสร้างความสะเทือนใจแก่คนดูในชะตากรรมของเธอได้ ไม่แพ้ซูถิง ส่วนเด็กๆ ในค่ายลี้ภัยนับว่าช่วยเติมเต็มความสะเทือนอารมณ์ของหนังได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากผมได้ดูเวอร์ชั่นทั้งพากษ์ไทยและเสียงในฟิล์ม มีข้อสังเกตว่าการที่ตัวละครในชาติต่างๆ พูดภาษาประจำชาติของตนเองในทุกฉาก ซึ่งแสดงว่าผู้กำกับและทีมงานทำงานได้ละเอียดดีมาก ซึ่งคนที่ผ่านงานด้านการถ่ายทำภาพยนตร์มาบ้างก็คงเข้าใจดีนะครับว่า เป็นงานกำกับที่ยากขนาดไหน
สุดท้าย ประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมได้รับจากหนังเรื่องนี้คือ การที่ชาวจีนยังไม่ลืมเลือนความเลวร้ายที่ทหารญี่ปุ่น (ขอใช้คำว่าทหารญี่ปุ่นนะครับ ไม่ได้หมายถึงชาวญี่ปุ่น) กระทำต่อคนในชาติตน ยังคงเป็นประเด็นที่พร้อมจะสร้างความร้าวฉานได้ทุกเมื่อตามวาระและโอกาส
ความเห็นจาก webmaster@iseehistory.com
-
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มไหนก็ไม่ทราบที่ยกกรณีสงครามที่ญี่ปุ่นรุกรานจีนว่า เราควรจะถือว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นเมื่อไหร่แน่ หากจะนับว่าญี่ปุ่นเป็นฝ่ายอักษะ และสงครามโลกครั้งนี้ก็จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสงครามในจีนที่เริ่มมาก่อนจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้มหาอำนาจที่เป็นประเทศที่สามเข้ามาร่วมสงครามได้เหมือนตอนที่เยอรมันรุกรานโปแลนด์ สำหรับในเว็บนี้ คงต้องขอฝากบทความนี้ไว้กับหมวด "สงครามโลกครั้งที่ 2 - เอเชีย/แปซิฟิก" ไปพลางก่อน
-
การสร้างตัวละครอย่างเรโกะและฮารูโกะ ฉากนายพลมัทซูอิไปเยือนโบราณสถานที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นในอดีต และการระบุว่าทางการญี่ปุ่นมีส่วนในการจัดตั้งเขตปลอดภัยในนานกิง ดูเหมือนจะฟ้องอยู่กลายๆ ว่าการกระทำของกองทัพญี่ปุ่นขัดต่อความเป็นมนุษย์และความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติที่เคยเป็นไปด้วยดีมาก่อน
-
เห็นด้วยว่า จอห์น ราเบ้ มีบทน้อยไปหน่อยจริงๆ ครับ ถ้าผมใจเร็วรีบเขียนแนะนำเรื่องนี้ซะเองก่อนที่จะได้รู้จักกับคุณคนเล่าเรื่องแล้ว มีหวังตกประเด็นบทบาทของจอห์น ราเบ้ ไปแน่ๆ เพราะความรู้เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พอจะมีก็หนักไปทางด้านสงครามในยุโรป และยังไม่เคยอ่าน “หลั่งเลือดที่นานกิง” เลย
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Don't Cry Nanking หรือ NanKing 1937
ชื่อภาษาไทย : สงครามอำมหิตปิดตาโลก หรือ เพลิงนรกแผ่นดินเลือด
ผู้กำกำกับ : Ziniu Wu หรือ อู๋จื้อหนิว
ผู้แสดง :
- ฉิน ฮั่น : เชงเสียน
- เรเน่ เหลา : ซูถิง
- ชานหยาต๊ะ
- ถิวชัคเย่
- หว่องซื่อปัก
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์