
โดย Webmaster@iseehistory.com
ในเรื่องอลาโม ทั้งในเวอร์ชัน 1960 (พ.ศ.2503) และเวอร์ชัน 2004 (พ.ศ.2547) เคยกล่าวเปรียบเทียบชาวอลาโมไว้ว่าเป็นเสมือน "บางระจันฝรั่ง" คราวนี้ถึงเวลากล่าวถึงบางระจันของไทยเองบ้างแล้ว
ชาวบ้านบางระจันเป็นวีรกรรมระดับชาวบ้านที่เกิดขึ้นก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเสียแก่พม่าเป็นครั้งที่สอง มูลเหตุโดยย่อเกิดขึ้นเมื่อพระเจ้ามังระขึ้นครองราชบัลลังก์พม่า ในปีพ.ศ.2306 แล้ว แล้วไม่พอใจที่ทางกรุงศรีอยุธยาให้ความช่วยเหลือกบฎมอญอยู่เนืองๆ จึงต้องการยกทัพมาทำลายกรุงศรีอยุธยาไม่ให้ตั้งหลักเป็นราชอาณาจักรได้อีก ในปีพ.ศ.2308 จึงได้แต่งทัพยกมาสองทาง ทางเหนือให้เนเมียวสีหบดีเป็นแม่ทัพ ทางใต้ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพ คุมพลทัพละเป็นแสนให้มาบรรจบกันกระหนาบตีกรุงศรีอยุธยา ตลอดทางทั้งสองทัพได้ดำเนินการปล้นสดมเอาทรัพย์สินและกวาดต้อนเชลย สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านชาวเมืองอย่างหนักหนาสากรรจ์ ทัพทางใต้สามารถเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยาได้ตามกำหนด แต่ทัพเหนือกลับต้องมาเจออุปสรรคสำคัญ เนื่องจากชาวบ้านบริเวณสิงห์บุรี อ่างทอง วิเศษชัยชาญ ที่ไม่สามารถทนต่อการกดขี่ข่มเหงของพม่าได้รวมตัวกันต่อต้านพม่าที่หมู่บ้านบางระจัน เขตจังหวัดสิงห์บุรีในปัจจุบัน สามารถต่อต้านกองทัพพม่าได้นานถึง 5 เดือน คือ ตั้งแต่เดือน 3 ปีระกา จนถึงเดือน 8 ปีจอ พ.ศ.2309

วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันนับเป็นกรณีพิเศษที่ได้รับการจารึกในพระราชพงศาวดารฉบับต่างๆ ทั้งที่เอกสารดังกล่าวโดยปกติจะกล่าวถึงพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์เป็นส่วนใหญ่ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับการกล่าวขานตั้งแต่หนังสือ "ไทยรบพม่า" อันเป็นพระนิพนธ์ในสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ บิดาแห่งประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของไทย งานประวัติศาสตร์ชาตินิยมของหลวงวิจิตรวาทการ และอมตนิยายของ "ไม้ เมืองเดิม" มีการสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ หลายครั้ง ซึ่งผมยังไม่มีเวลาจะค้นโดยละเอียด แต่ในครั้งนี้จะได้กล่าวถึงการสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งล่าสุดโดย ธนิตย์ จิตนุกูล เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่แจ้งเกิดให้กับดาราดังๆ ในปัจจุบันหลายท่าน
ภาพยนตร์เรื่อง บางระจัน ในเวอร์ชันนี้ เท่าที่สังเกต ได้พยายามสร้างความเป็นตัวของตัวเอง คือนอกจากจะไม่ยึดกับบทประพันธ์ของ ไม้ เมืองเดิม ดังที่เคยสร้างเป็นภาพยนตร์หรือละครทีวีเรื่องก่อนๆ แล้ว ยังไม่เน้นการเดินเรื่องตามพระราชพงศาวดาร และมีการสอดใส่จินตนาการตามแบบของตน ซึ่งอาจเป็นความพยายามสร้างในสิ่งที่เข้าถึงคนยุคปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็มีบางจุดที่ดูเหมือนจะมีปัญหากระทั่งความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่ปรากฏในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว ซึ่งผมจะขอตั้งข้อสังเกตส่วนตัวประกอบการเปรียบเทียบบทภาพยนตร์กับเรื่องราวในประวัติศาสตร์เท่าที่พอจะทราบมาบ้าง ดังนี้
ชาวบ้านบางระจันระดับหัวหน้า
ในพระราชพงศาวดารได้จารึกชื่อชาวบ้านบางระจันระดับหัวหน้าไว้หลายท่าน ได้แก่ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ชาวบ้านศรีบัวทอง (หรือ สีบัวทอง) แขวงเมืองสิงห์ นายดอก ชาวบ้านกรับ และนายทองแก้ว บ้านโพธิทะเล แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ขุนสรรค์ (หรือ ขุนสัน) พันเรืองกำนัน นายทองเหม็น นายจันทร์หนวดเขี้ยว และนายทองแสงใหญ่ โดยนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติ วัดเขานางบวช มาเป็นขวัญกำลังใจ

ในนวนิยายของ ไม้ เมืองเดิม ผู้ประพันธ์เลี่ยงที่จะแตะต้องบรรดาผู้มีชื่อในพระราชพงศาวดารเหล่านี้ มาสร้างเป็นตัวละครในจินตนาการ อันได้แก่ ไอ้ทัพ อีแฟง ไอ้สังข์ ไอ้ขาบ ฯลฯ ขึ้นมาเป็นตัวเดินเรื่องภายในค่ายบางระจัน และกล่าวถึงบุคคลระดับหัวหน้าดังกล่าวเป็นบุคคลที่สาม ทั้งนี้ ไม้ เมืองเดิม อาจมองว่าบรรพบุรุษจริงในประวัติศาสตร์อยู่สูงเกินกว่าจะไปแตะต้อง แต่สำหรับภาพยนตร์ชุดนี้ ผู้เขียนบทกล้าหาญชาญชัยพอที่จะสร้างหัวหน้าชาวบางระจันแต่ละคนตามจินตนาการ แล้วใช้เป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่หมิ่นเหม่ต่อภาพลักษณ์ของชาวบางระจันแต่ละท่าน เช่น ภาพของนายทองเหม็นระยะแรกอยู่ในสภาพเมาหยำเป หรือกรณีนายอินที่แอบทิ้งหน้าที่เวรยามพาพลพรรคส่วนหนึ่งไปลอบฆ่าแม่ทัพพม่า ทำให้ทหารพม่าอีกส่วนบุกมาโจมตีค่ายจนเสียหายหนัก โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบวิธีของ ไม้ เมืองเดิม ที่เลือกจะไม่แตะต้องภาพลักษณ์ของบรรพบุรุษที่มีชื่อในประวัติศาสตร์มากกว่า
ห้าเดือนกับแปดนายทัพพม่า
ตอนแรกๆ ที่พม่าถูกชาวบางระจันโจมตีนั้น ทางพม่ายังเข้าใจว่าคงเป็นแค่กองโจรเล็กๆ ประมาณว่า "โจรกระจอก" หรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ครั้นแล้วปราบไปปราบมาไม่สำเร็จสักที มีแต่จะสูญเสียหนักขึ้น จนการเดินทัพไปกรุงศรีอยุธยาต้องล่าช้าลง ต้องใช้นายทัพสำคัญนำกำลังเข้าปราบปรามถึง 8 ครั้งด้วยกันจึงสำเร็จ ดังปรากฏชื่อนายทัพในพระราชพงศาวดาร ดังนี้
- งาจุนหวุ่น กำลังพล 500
- เยกิหวุ่น กำลังพล 700
- ติงจาโบ กำลังพล 900
- สุรินทจอข้อง กำลังพล 1,000 เศษ ม้าหกสิบม้า
- แยจออากา กำลังพล 1,000 เศษ
- จิกแก ปลัดเมืองทวาย กำลังพล 100 เศษ (ทำไมน้อยจัง)
- อากาปันคยี กำลังพล 1,000 เศษ
- สุกี้พระนายกอง หรือ สุคยี กำลังพลประมาณ 2,000

ในครั้งที่ 4 เป็นครั้งที่มีการกล่าวในรายละเอียด ว่าสุรินทจอข้องท่านเล่นยืนม้ากั้นร่มเป็นสง่าในกองทัพ ชาวบางระจันของเราเห็นชัดดังนั้นก็ลุยเข้าใส่ตรงที่ท่านอยู่แบบไม่คิดชีวิต จนพม่าต้องเสียแม่ทัพในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ทำให้นายแท่น หัวหน้าคนสำคัญคนหนึ่งถูกยิงที่เข่าได้รับบาดเจ็บจนออกรบไม่ได้อีก ทั้งสองฝ่ายรบกันตั้งแต่เช้ายันเที่ยง ต่างฝ่ายต่างหิวข้าวก็แยกย้ายกันไปเอง ฝ่ายบางระจันได้ผู้หญิงหุงหาอาหารที่เตรียมไว้แล้ว นำมาให้ผู้ชายกินได้ทันที อิ่มกันแล้วก็ลุยต่อสิครับ แต่ทางพม่ายังหุงข้าวไม่ทันสุกเลย ถูกพี่ไทยเราโจมตียับเยิน ผู้เขียนบทภาพยนตร์เวอร์ชันนี้คงประทับใจการรบครั้งนี้มาก ถึงกับนำมาสร้างเป็นฉากเปิดเรื่อง แล้วมาตอนไปขอปืนใหญ่ที่กรุงศรีอยุธยาถึงมาแต่งเรื่องให้มีการเล่าย้อนให้ชาวกรุงฟังถึงมูลเหตุของการตั้งค่าย
ใน 7 ครั้งแรกนั้น ฝ่ายไทยได้ชัยชนะอย่างงดงามมาตลอด แต่ในภาพยนตร์กลับไปแต่งเรื่องว่าในครั้งที่ 7 (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) เกิดกรณีนายอินเล่นอ๊อฟไซต์ทิ้งเวรยามไปลอบฆ่าแม่ทัพพม่าดังที่กล่าวในหัวข้อก่อน เหมือนกลัวคนดูจะมีลุ้นน้อยไปหรือไงไม่ทราบ เอาเป็นว่าตามพระราชพงศาวดารนั้น ชาวบางระจันพึ่งจะเจอศึกหนักเอาเมื่อครั้งที่ 8 ซึ่งผมจะกล่าวรายละเอียดในตอนท้าย
พี่หม่องต้องเป็นผู้ร้ายตลอดศก?

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าความโหดร้ายของกองทัพพม่าในคราวที่ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 นี้ เป็นเรื่องที่ฝังใจคนไทยเป็นอย่างมาก จากการเขียนประวัติศาสตร์ในแนวชาตินิยม และย่อมจะมีมูลความจริงอยู่ไม่น้อยด้วย แต่ปัญหาโลกแตกตลอดกาลคือ อย่างไรเสีย พม่าก็เป็นเพื่อนบ้านไทยมานมนานจนถึงปัจจุบัน แล้วในการสร้างภาพยนตร์ประวัติศาสตร์สงครามระหว่างไทยกับพม่า โดยเฉพาะในยุคเสียกรุงครั้งที่สองนี้ ควรจะกล่าวถึงความโหดร้ายของทหารพม่าขนาดไหน ถึงจะพอดีๆ ในกรณีชาวบ้านบางระจันนี้ หากเกรงใจพี่หม่องมากเกินไป จนเหมือนกับพม่าไม่ได้โหดร้ายอะไรนัก การรวมตัวขึ้นสู้ของชาวบ้านบางระจันก็จะอ่อนเหตุผลลง แต่ถ้ามากเกินไป ก็จะเป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ ความพอดีอยู่ตรงไหนยากจะบอกได้เหมือนกันครับ
สำหรับ บางระจัน เวอร์ชันนี้ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าสร้างความโหดร้ายของพม่ามากกว่าที่เคยอ่านหรือเคยฟังจากในประวัติศาสตร์ ลำพังฉากพม่าปล้นฆ่าชาวบ้านก็พอทำเนา มาดูฉากพม่ากับเชลยไทยในค่ายแล้ว จะเห็นพม่าเตะถีบเชลยไทยแทบจะตลอดเวลา การฆ่าคนจนกองเป็นภูเขาเลากา จนกระทั่งฉากสุดท้ายเอาหัวคนไทยมาเสียบไม้ชูข่มขวัญชาวบางระจัน ฯลฯ แม้จะไม่คำนึงถึงเรื่องความสัมพันธ์กับพี่หม่องก็ยังรู้สึกว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทั้งโหดและสยดสยองจนไม่อยากให้ลูกเด็กเล็กแดงดูเลย ขอฝากให้ผู้สนใจสร้างภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ไทยได้พิจารณาต่อไปนะครับ ว่าความพอดีควรอยู่ที่ตรงไหน
การขอปืนใหญ่กับเรื่องของพระยารัตนาธิเบศ

หัวข้อนี้เป็นปัญหาในเรื่องลำดับเวลาตามด้วยเรื่องของตัวบุคคล เป็นความจริงที่บันทึกไว้ว่าชาวบางระจันได้ส่งคนไปขอปืนใหญ่จากกรุงศรีอยุธยา แต่เป็นช่วงที่สุกี้เริ่มรุกคืบเข้าหาค่ายบางระจันจนต้องสูญเสียหัวหน้าคนสำคัญ เช่น นายทองเหม็น นายแท่น ขุนสัน และนายจันทร์หนวดเขี้ยวไปแล้ว ไม่ใช่หลังจากศึกครั้งที่สี่อย่างในภาพยนตร์ และการรวบยอดให้หัวหน้าชาวบ้านมาตายในฉากสุดท้ายก็ไม่เป็นความจริง ส่วนกรณีพระยารัตนาธิเบศที่มาช่วยหล่อปืนใหญ่ให้ชาวบ้านนั้น มีประเด็นฝากให้คิดต่อตรงที่ หลวงวิจิตรวาทการเคยตีความพฤติกรรมหลายๆ อย่างของท่านนอกเหนือจากในเหตุการณ์บางระจันว่า เป็นคนที่ดีแต่หนีเอาตัวรอดหลายครั้งหลายคราว แต่จะจริงหรือไม่ ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือกที่จะไม่แตะต้องนอกจากกล่าวตามพงศาวดาร ซึ่งก็เป็นสิทธิของเขา ไม่ว่ากัน แต่ฝากนักค้นคว้าทั้งหลายลองคิดเป็นการบ้านว่าคนที่อุตส่าลงทุนไปช่วยหล่อปืนใหญ่ให้ชาวบางระจันนั้น เป็นคนอย่างไรกันแน่ เป็นความเสียสละ หรือรู้ไม่จริงจนชาวบ้านได้ปืนร้าว แล้วไม่รับผิดชอบ หรือ ฯลฯ ?
สุกี้กับความปราชัยของบางระจัน

นายทัพคนสุดท้ายที่พิชิตชาวบางระจันได้นี้ เป็นอีกผู้หนึ่งที่ตกเป็นผู้ร้ายตลอดของประวัติศาสตร์ไทย และในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกเติมสี ตั้งแต่เปิดตัวด้วยการนำเศียรพระพุทธรูปเข้ามาในค่ายเนเมียวสีหบดี การเป็นเจ้าของความคิดในการส่งพระปลอมไปกำจัดพระอาจารย์ธรรมโชติ การเอาเชลยที่เป็นผู้หญิงและเด็กมาฆ่าแขวนที่ต้นไม้ ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่ไม่มีกล่าวในพงศาวดารเลย ชัยชนะของสุกี้หรือสุคยีนั้น ความจริงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาในแง่ยุทธวิธีอย่างมาก เขาเห็นว่าชาวบางระจันตั้งค่ายอยู่ในที่ที่ชัยภูมิดี เดินทัพเข้าถึงยาก ทำให้กองทัพพม่าแต่ละครั้งถูกลอบโจมตีก่อนจะเข้าถึง จึงใช้วิธีการตั้งค่ายสลับกันรุกคืบเข้าไป ดังที่ในพงศาวดารอธิบายว่า
"...และพระนายกองยกทัพไปตีค่ายบางระจันครั้งนั้นมิได้ตั้งทัพกลางแปลง ให้ตั้งค่ายรายไปตามทางทีละสามค่าย แล้วให้รื้อค่ายหลังผ่อนไปตั้งข้างหน้าอีก แต่เดินค่ายไปตามทางทีละสามค่าย ดังนี้ถึงกึ่งเดือนจึงไปเกือบจะใกล้ค่ายบ้านระจัน พวกตัวนายค่ายบ้านระจันคุมพลทหารยกออกตีค่ายพระนายกองเป็นหลายครั้งไม่แตกฉาน และพระนายกองตั้งมั่นรับอยู่แต่ในค่ายมิได้ออกรบนอกค่าย พวกบ้านระจันเสียคนล้มตายเป็นอันมาก..."

อยากจะเห็นใจเหมือนกันว่า การจะสร้างหนังให้ได้อย่างที่อธิบายในพงศาวดารนี้คงไม่ง่ายเหมือนกัน แต่นึกไม่ออกว่าในหนังเวอร์ชันเก่าที่เคยดูตอนเด็กๆ เขาถ่ายทอดตรงนี้ไว้อย่างไร เอาเป็นว่ากลยุทธที่แท้จริงของสุกี้คือการค่อยๆ ตั้งค่ายสลับกันเข้าประชิด ไม่ผลีผลามออกมารบนอกค่าย ส่วนเรื่องปืนใหญ่หรือความโหดร้ายอะไรต่างๆ นั้นเป็นประเด็นรอง แต่ถ่ายทอดลงแผ่นฟิล์มง่ายกว่า
โดยสรุปภาพรวมของภาพยนตร์ก็คงคล้ายกับภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อีกหลายเรื่อง ที่ต้องยกย่องความปรารถนาดีในการนำเรื่องราวในประวัติศาสตร์มาแนะนำให้เรารู้จัก แต่ความที่ผู้เขียนบทแต่งเติมเรื่องเพื่อให้ได้อรรถรสภาพยนตร์บันเทิงในทัศนะของท่าน ทำให้เกิดปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูล ที่บรรดาผู้ชมไม่ควรด่วนสรุปตามสิ่งที่ภาพยนตร์เสนอ แต่จะต้องค้นหาข้อเท็จจริงมาประกอบเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาไทย : บางระจัน
ชื่อภาษาอังกฤษ : Bang-Rajan. The Legend of the Village Warriors.
ผู้สร้าง : UNCLE
ผู้กำกำกับ : ธนิตย์ จิตนุกูล
ผู้เขียนบท : ธนิตย์ จิตนุกูล และคณะ
ผู้แสดง : วินัย ไกรบุตร, บิณฑ์ บันลือฤทธิ์, จรัญ งามดี, ชุมพร เทพพิทักษ์, บงกช คงมาลัย, ฯลฯ
(เนื่องจากวีซีดีที่ใช้ดูแสดงชื่อผู้แสดงและผู้เกี่ยวข้อง เป็นภาษาอังกฤษ จึงขอแสดงชื่อเท่าที่ผมพอจะทราบเท่านั้น)
ควรอ่านเพิ่มเติม
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับต่างๆ
- นวนิยาย "บางระจัน" ของ ไม้ เมืองเดิม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์