dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



Marco Polo ฉบับบู๊ลิ้ม
วันที่ 19/05/2013   19:15:27

webmaster@iseehistory.com

เคยนำสารคดีเกี่ยวกับการเดินทางของ มาร์โค โปโล จากยุโรปไปยังเมืองจีน ในยุคที่มองโกลปกครอง (เดินทางระหว่างปี 1271-1295/พ.ศ.1814-1838) มาแล้ว แม้ในปัจจุบันจะเริ่มมีเสียงแสดงข้อกังขาว่าเขาอาจจะไม่ได้ไปเมืองจีนจริงๆ หรือแม้กระทั่งอาจไม่มีตัวตนจริงๆ ก็ว่ากันไปในส่วนของวิชาการปัจจุบัน ความเชื่อเดิมเกี่ยวกับการเดินทางของเขานั้น ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาพยนตร์ขึ้นหลายเรื่อง แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นของฝรั่ง แต่สำหรับเรื่องแรกที่จะนำมาเสนอนี้ เป็นของผู้สร้างชาวจีนที่คอหนังกำลังภายในรุ่นเก่ารู้จักดี คือ บริษัท ชอว์ บราเดอร์ส (Shaw Brothers) ซึ่งมีผู้กำกับคนดัง คือ จางเชอะ อยู่ในสังกัด ภาพยนตร์ออกฉายเมื่อปี 1975 (พ.ศ.2518) ตัวละคร มาร์โค โปโล ในเรื่องนี้ ซึ่งได้ Richard Harrison มาแสดง ไม่ได้ถึงขั้นไปเรียนวรยุทธที่วัดเส้าหลินหรือบู๊ตึ๊งหรอกนะครับ แค่เป็นสักขีพยานในการต่อสู้ล้างแค้นระหว่างจอมยุทธ์ชาวฮั่นกับยอดฝีมือในราชสำนักมองโกล ที่คงความดุเดือดเลือดพล่านตามแบบฉบับหนังกำลังภายในครับ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ มาร์โค โปโล กำลังตามพ่อค้าชาวเปอร์เซียไปเข้าเฝ้ากุบไลข่าน ก่อนถึงวังมีฉาก มาร์โค โปโลแวะชมตลาดชาวจีนนิดหน่อย จากนั้นพอถึงท้องพระโรง กุบไลข่าน กับ มาร์โค โปโล พูดคุยกันไม่กี่คำ ท่านข่านก็ตรัสชวนให้ไปร่วมงานเลี้ยงในตอนกลางคืน พอถึงฉากงานเลี้ยงดังกล่าว ภาพยนตร์ก็เปิดตัวละครสำคัญ 3 คน (ที่ในภาษาหนังกำลังภายในรู้สึกจะเรียกว่าเป็นผู้ร้ายระดับอ๋องอะไรทำนองนั้น) โดยให้ท่านข่านประกาศจัดการประลองยุทธระหว่างผู้กล้าชาวมองโกลเผ่าต่างๆ ผู้ชนะทั้งสามคน ได้แก่ นักมวยปล้ำ นาม ตูลี่ตัน (Dulidan) นักดาบคู่ นาม อาปู้ลาฮัว (Abulahua) และที่เก่งที่สุดคือ ไฉต้าหลู (Caidalu) วิชาเอกฝ่ามือโลหิต (ในซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษใช้ว่า Big Palm) แต่ก็สามารถปล้ำสู้กับตูลี่ตัน และฟันดาบเดี่ยวสู้กับอาปู้ลาฮัวได้อย่างดุเดือด ท่านข่านได้แต่งตั้งให้ทั้งสามเป็นองครักษ์ประจำตัว และหันมาตรัสสั่งให้ มาร์โค โปโล ไปสำรวจดินแดนต่างๆ เป็น เวลา 3 ปี (อยู่ดีๆ ก็มอบหมายงานซะเฉยๆ หรือว่าได้คุยอะไรกันไว้ก่อนการประลองยุทธ แล้วไม่บอกเรา?)

เรื่องกระโดดมาถึงตอนครบ 3 ปี มาร์โค โปโล ส่งรายงานให้ท่านข่านนั่งอ่านรายงานอยู่ 1 เดือน จึงเรียกมาเข้าเฝ้า คุยกันยังไม่ทันได้เรื่อง พอดีมีคนร้ายชาวฮั่นสองคนบุกเข้ามาหมายจะสังหารท่านข่าน เกิดการต่อสู้กันระหว่างผู้บุกรุกทั้งสอง กับ 3 องครักษ์ยอดฝีมือมองโกล+ทหารลิ่วล้อช่วยรุมอีกเป็นโหล แล้วก็ตายไปเป็นโหลตามฟอร์ม แต่คนร้ายรายหนึ่ง (ทราบนามภายหลังว่า "จิน" หรือ Jin) เสียชีวิตอยู่ภายในวัง แต่ก่อนขาดใจยังอุตส่าบอกให้อีกคนหนึ่ง (ทราบภายหลังว่าชื่อ "เจียน เจียหมิน" หรือ Jian Jiamin) กลับไปเมืองหยางโจว เพื่อรวบรวมพี่น้องกลับมาแก้แค้น เจียหมินซึ่งได้รับบาดเจ็บมากแล้วก็ทำตาม โดยท่านข่านซึ่งได้ยินเข้าเหมือนกันได้สั่งให้องครักษ์ทั้งสามไม่ต้องติดตาม แล้วกลับมาสั่งการให้ มาร์โค โปโล รับตำแหน่งผู้ตรวจการณ์เมืองหยางโจว นำองครักษ์ทั้งสามและกำลังทหารตามเจียหมินไป โดยหวังว่าจะเข้าไปถึงผู้ร่วมก่อการรายอื่นๆ ขอย้อนไปนิดนึงว่าในระหว่างการต่อสู้นั้น สามองครักษ์พบว่า เจียหมิน ฟันแทงไม่เข้า เนื่องจากฝึกวิชาระฆังทองคุ้มครองร่าง (Cover Bell) แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก คาดว่าเป็นเพราะพิษสงของวิชาฝ่ามือโลหิตของไฉต้าหลูหรือเป็นเพราะเจียหมินยังฝึกวิชาไม่สำเร็จขั้นสูง จึงยังมีจุดอ่อนอยู่

เจียน เจียหมิน ซมซานมาจนถึงที่ซ่อนของน้องคนเล็กและภรรยา เจียหมิน สั่งเสียให้น้องเล็กพาอาซ้อหนีไปหาพี่น้องร่วมสาบานอีก 4 คน แต่ มาร์โค โปโล พาทหารมองโกลและ 3 องครักษ์มาถึงเสียก่อน เกิดการต่อสู้กันจนเจียหมินและน้องเล็กถูกฆ่าตาย ส่วนอาซ้อนั้น มาร์โค โปโล ห้ามทหารมองโกลแตะต้องและช่วยห้ามไม่ให้เธอฆ่าตัวตาย มาร์โค โปโล กับ 3 องครักษ์ และทหารมองโกลลิ่วล้อที่เหลือเพียง 3 คน เดินทางมาเจอกับชายหนุ่ม 4 คน กำลังเข็นรถนำกระสอบเกลือมา จึงสั่งให้เอาตัวทั้งหมดเดินทางไปด้วยกัน เพื่อให้อาซ้อนั่งไปในรถเข็นคันหนึ่ง อาซ้อแอบส่งซิกกับชายที่เข็นรถให้เธอว่า "ถ้านำเกลือไปส่งที่หมู่ตึกเทียนเต้า จะได้ราคาดีมาก" ตกเย็นคณะของ มาร์โค โปโล เข้าพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ตรงนี้ในหนังมีแทรกมุกตลกไว้หน่อยหนึ่ง โดยให้เจ้าหนุ่มคนที่เข็นรถให้อาซ้อแอบฉี่ใส่ข้าวต้มในชามใหญ่ที่จะนำไปเสิร์ฟให้ มาร์โค โปโล กับพวก เจ้า 3 องครักษ์ก็ตักกินกันโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว มาร์โค โปโล เองยังไม่ทันจะกิน ด้วยความหวังดีจึงตักข้าวต้มไปให้อาซ้อ แต่อาซ้อไม่ยอมกินปัดถ้วยตกจากโต๊ะไป เลยรอดจากการกินฉี่ในข้าวต้มไปได้ เจ้าหนุ่มที่ฉี่ใส่ชามข้าวต้มเห็นเหตุการณ์ตลอด กลับไปปรึกษากับเพื่อนๆ จนชักเอะใจว่า เธออาจจะเป็นภรรยาของ เจียน เจียหมิน พี่น้องร่วมสาบาน และเป็นบุตรสาวของเจ้าบ้านหมู่ตึกเทียนเต้า ตกดึกจึงพยายามช่วยเธอโดยใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ ซึ่งมาร์โค โปโลกับพวกก็รู้ทัน แต่จงใจซ้อนแผนปล่อยให้ทั้งสี่พาเธอหนีไปได้ เพื่อจะติดตามหาเบาะแสต่อไป

สี่หนุ่มพาอาซ้อมาจนถึงหมู่ตึกเทียนเต้า โดยมีมาร์โค โปโล กับพวกลอบตามมาจนถึงที่ สี่หนุ่ม (ซึ่งตลอดเรื่องแทบไม่รู้ว่าชื่ออะไรกันบ้าง ในซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษมีอยู่แว้บนึงที่บอกว่าคนที่เป็นพี่ใหญ่ชื่อ Zhou ส่วนอีกคนชื่อ Huang ส่วนเจ้าคนที่ฉี่ใส่ข้าวต้มกับคนที่ขี้เหร่ที่สุดไม่รู้ชื่ออะไร) ได้ขอให้เจ้าบ้าน (Chief Wang) ถ่ายทอดวิชาไว้ให้ ทางเจ้าบ้านก็ทำฟอร์มบอกปฏิเสธว่าตนเองลืมวรยุทธหมดแล้ว และทางการห้ามฝึกสอนวิชาเหล่านี้ด้วย แต่ถ้าจะอยู่ต่อก็ขอให้อยู่ช่วยงาน 4 อย่าง อย่างละ 1 คน ซึ่งที่จริงแล้วเป็นการฝึกสอนวรยุทธ 4 สาขาวิชานั่นเอง ได้แก่

งานตักน้ำปุ๋ยจากบ่อไปรดสวนผัก มอบให้คนที่ขี้เหร่ที่สุดทำ แท้ที่จริงคือการฝึกวิชาตัวเบา (Qinggong) ผู้เฒ่าที่สอนวิชานี้แกล้งผลักตาขี้เหร่ตกลงไปในบ่อน้ำปุ๋ยซึ่งลึกเกือบถึงไหล่ แล้วให้กระโดดขี้นมาเองแทนการปีนขึ้นมา รูปที่แสดงนี้เป็นตอนที่เริ่มกระโดดได้คล่องแล้วครับ

งานขนหินที่เหมืองหิน คนชื่อ Huang เป็นผู้ฝึก แรกๆ อาจารย์ก็แกล้งให้ขนหินย้ายไปย้ายมา ต่อมากลับเป็นการสอนให้ใช้กำลังภายในยกและทุ่มของหนัก เมื่อฝึกคล่องก็กลายเป็น Samson เมืองจีนไปเลย

งานโม่แป้งในห้องครัว รับหน้าที่โดยเจ้าคนที่เข็นรถให้อาซ้อและฉี่ใส่ข้าวต้มให้มองโกลกิน นอกจากโม่แป้งแล้วยังต้องคั่วถั่วร้อนๆ ด้วยมือเปล่า อาจารย์ที่สอนอ้างว่าทางการห้ามแม้กระทั่งตะหลิวเพราะกลัวจะใช้เป็นอาวุธ แท้จริงเป็นการสอนวิชาหมัดทรายเหล็ก (Iron Palm) อาจารย์วิชานี้นอกจากจะแกล้งลูกศิษย์ได้ไม่แพ้คนอื่นแล้ว ยังชอบขากถุยพร่ำเพรื่อด้วย พอเจ้าลูกศิษย์หน้าทะเล้นแซวหนักเข้าชักถุยไม่ออกเหมือนกัน

งานตัดไม้ไผ่ ผู้รับงานคือพี่ใหญ่ หรือ Zhou ควบคุมดูแลโดยท่านเจ้าบ้านเอง ท่านอ้างว่าทางการห้ามใช้มีดใช้ขวาน ต้องหักด้วยมือเปล่า หรือที่เห็นจริงๆ ในหนังคือต้องใช้แรงโน้มต้นไผ่ลงมาม้วนรอบเอว ผลการฝึกช่วงแรกๆ โดนเสี้ยนไม้ไผ่แทงรอบเอวรอบต้นขาไปหมด แต่เนื้อแท้คือการฝึกวิชาระฆังทองคุ้มครองร่างเพื่อให้อยู่ยงคงกระพันนั่นเองครับ แต่พอถึงขั้นสูงก็ยังยากที่จะคงกระพันไปทั้งร่าง ยังเหลือจุดตายอยู่นิดหน่อยแถวบั้นเอว

ผ่านไป 7 วัน มาร์โค โปโล มาพบเจ้าบ้านขอเข้ามาตรวจดูภายในบริเวณหมู่ตึกเทียนเต้า แต่เจ้าบ้านคงจะไหวตัวทัน มาร์โค โปโล จึงไม่พบอะไรผิดสังเกต จนเวลาผ่านไปอีกราว 2-3 เดือน เมื่อท่านข่านเร่งให้ มาร์โค โปโล รีบเช็คบิลกรณีนี้ซะที มาร์โค โปโล จึงแจ้งกับเจ้าเมืองและลูกน้องของตนว่า ตนเองจะแอบเข้าไปในหมู่ตึกเทียนเต้า และรุ่งเช้าให้นำกำลังทหารเข้าโจมตี เมื่อ มาร์โค โปโล ลอบเข้ามาคราวนี้ จึงได้เห็นการฝึกวรยุทธของคนทั้งสี่ และมาพบอาซ้อฆ่าตัวตายต่อหน้าป้ายวิญญาณสามี มาร์โค โปโล ห้ามไว้ไม่ทัน พอดีจังหวะเจ้าบ้านเข้ามาพบ มาร์โค โปโล ต่อว่าที่เจ้าบ้านไม่ห้ามลูกสาวฆ่าตัวตาย และคิดลอบฆ่าท่านข่านซึ่งเป็นไปไม่ได้ เจ้าบ้านตอบเรื่องลูกสาวว่าเป็นประเพณี ส่วนเรื่องการพยายามต่อต้านมองโกลนั้น เจ้าบ้านกล่าวว่าอีกหน่อยมองโกลก็จะรุกรานยุโรปซึ่งอาจไปถึงเวนิซบ้านเกิดของ มาร์โค โปโล เองด้วย และหากคนรุ่นเขาทำการไม่สำเร็จ คนรุ่นลูกรุ่นหลานก็จะทำการจนสำเร็จได้ หากพ่ายแพ้แล้วท้อถอยจะไม่มีวันเป็นอิสระได้

มาร์โค โปโล ได้บอกให้เจ้าบ้านพาคนหนีไปก่อนที่ทหารมองโกลจะบุกเข้ามาในตอนฟ้าสาง คงเหลือแต่ 4 พระเอกของเราที่ยืนยันจะอยู่ล้างแค้นให้พี่ร่วมสาบานสองคนที่ตายไปก่อนหน้านี้ จากการปรึกษากัน กำหนดจะให้คนฝึกฝ่ามือทรายเหล็กต่อสู้กับฝ่ามือโลหิตของไฉต้าหลู คนขี้เหร่ที่ฝึกวิชาตัวเบาเป็นผู้ปราบวิชามวยปล้ำของตูลี่ตัน ให้พี่ใหญ่ Zhou ที่ฝึกวิชาระฆังทองพา มาร์โค โปโล เป็นตัวประกันไปต่อสู้กับวิชาดาบคู่ของอาปู้ลาฮัว ส่วน Huang ผู้ทรงพลังจะสกัดทหารมองโกลอยู่ด้านนอก ผลการต่อสู้โดยสรุปคือ องครักษ์มองโกลทั้ง 3 พ่ายแพ้ไปตามคาด พร้อมกับทหารลิ่วล้ออีกเป็นโหลๆ แต่ฝ่ายพระเอกก็ต้องพลีชีพไป 2 ดังนี้

ฝ่ามือทรายเหล็กปะทะฝ่ามือโลหิต คู่นี้อาจจะดูธรรมดาสำหรับคนที่ดูหนังกำลังภายในบ่อยๆ ดูกันเอาเองในหนังนะครับ

วิชาตัวเบาปะทะมวยปล้ำมองโกล นายขี้เหร่ของเราต่อสู้ได้อย่างผาดโผน กระโดดหลบไปหลบมาจนคู่ต่อสู้ไม่สามารถจับตัวหักกระดูกตามที่ถนัดได้ จนพ่ายแพ้ไปในที่สุด ภาพเคลื่อนไหวในหนังนั้นน่าดูมาก แต่ตอนจะ Capture ภาพเดี่ยวมาประกอบบทความนี่เลือกค่อนข้างยากจริงๆ ครับ

 

แซมซันเมืองจีนปะทะทหารมองโกลทั้งกอง เรียกได้ว่าโม้แหลกแต่ก็มันสะใจมาก แม้ Huang จะได้รับบาดเจ็บจากการรุมจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ก็แลกด้วยชีวิตลิ่วล้อมองโกลทั้งที่ถูกกองหินทับตายและถูกคมหอกคมดาบตายไปไม่น้อย

วิชาระฆังทองคุ้มครองร่างปะทะดาบคู่ คู่นี้ดูแล้วบางทีอยากเปลี่ยนใจไปเชียร์อาปู้ลาฮัวแทนด้วยความเห็นใจที่อุตส่าฟันโดน Zhou ตั้งไม่รู้กี่ทีก็ยังไม่เข้า รู้สึกคนแต่งเรื่องจะลำเอียงไปหน่อย จนอาปู้ลาฮัวตายแล้ว Zhou ยังต้องรับศึกสู้กับทหารลิ่วล้อที่เหลือ แม้เจ้าพวกนี้จะเจอแล้ว่า Zhou มีจุดอ่อนที่เอว อุตส่าแทงทวนก็แล้ว ยิงธนูใส่เป็นโหลก็แล้ว ก็ยังไม่ยอมตาย กลับถูกฆ่าฟันล้มตายเป็นเบือ จนพวกที่รอดตายต้องเผ่นหนีเตลิดไปหมด จนได้ Shake Hand กับ มาร์โค โปโล เรียบร้อยแล้วนั่นแหละ ถึงยอมขาดใจตายลงได้

ท้ายเรื่อง มาร์โค โปโล แยกทางกับคนของหมู่ตึกเทียนเต้าและพระเอกสองคนที่เหลือ ลืมบอกไปครับว่าตอนวางแผนกับ 4 พระเอกนั้น มาร์โค โปโล บอกว่าจะไม่กลับไปหาท่านข่านอีกและจะออกจากเมืองจีนไป

เนื้อเรื่องที่เล่ามานี้ ไม่บอกก็คงทราบว่าไม่ได้มีปรากฏอยู่ในหนังสือของ มาร์โค โปโล เลย ถ้าวรยุทธเหล่านี้มีจริง มาร์โค โปโล น่าจะแอบฝึกวิชาอะไรสักอย่างสองอย่างกลับไปตั้งสำนักที่เมืองฝรั่งเป็นแน่ การที่ ชอว์ บราเดอร์ส สร้างหนังเรื่องนี้ โดยลงทุนจ้างดาราฮอลลีวู้ด (แม้จะไม่ถึงขั้นพระเอกเกรดเอ) อย่าง Richard Harrison มารับบท มาร์โค โปโล เพื่อเป็นตัวเล่าเรื่องกำลังภายในแทนการเล่าข้อเท็จจริงของนักเดินทางผู้นี้ น่าจะเป็นความพยายามของผู้สร้างที่จะยกระดับหนังจีนกำลังภายในเข้าสู่ตลาดโลก ซึ่งไม่ใช่แต่ผลทางการค้าเท่านั้น เนื้อเรื่องที่แฝงไปด้วยประวัติศาสตร์ ปรัชญา และวัฒนธรรมต่างๆ ได้มีโอกาสเผยแพร่ไปสู่ชาวโลกด้วย ในยุคที่หนังฉายนั้นจะประสบความสำเร็จแค่ไหนไม่ทราบได้ แต่ผลในปัจจุบันนี้ บางทีอาจจะเป็นอย่างที่เจ้าบ้านเทียนเต้าพูดก็ได้ คือความพยายามของผู้สร้างหนังจีนจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้วันนี้สถานะของหนังจีนในตลาดโลกเป็นอย่างที่เราเห็นๆ กัน จนแทบไม่ต้องสาธยายใดๆ อีก

หากจะเอาแนวคิดของ Fraces Wood ที่ว่า มาร์โค โปโล อาจจะไม่ได้ไปเมืองจีนจริงๆ หรือแม้กระทั่งไม่มีตัวตนจริงมาวิจารณ์หนังเรื่องนี้ คงจะใจร้ายไปหน่อย หากเทียบกับเรื่องของ มาร์โค โปโล เท่าที่มีปรากฏอยู่ ตัวเขาไม่ได้มาเมืองจีนตามลำพัง แต่เดินทางตามพ่อและลุง คือ นิโคโล และ มัฟเฟโอ (Niccolo and Maffeo Polo) มาด้วยกัน แต่สองท่านนี้คงไม่มีความจำเป็นกับเนื้อเรื่องในหนังเท่าไหร่นัก

แล้วทำไมกุบไลข่านถึงมอบหมายงานสำคัญให้ มาร์โค โปโล? ในประวัติศาสตร์มีผู้อธิบายว่ามันเป็นกุศโลบายของกุบไลข่านที่จงใจใช้คนจากต่างชาติต่างวัฒนธรรมในการเป็นหูเป็นตาให้กับตน แต่สำหรับในภาพยนตร์แล้ว การเดินเรื่องอย่างรวบรัดในตอนต้นๆ มุ่งเน้นการปูเรื่องการล้างแค้นแบบกำลังภายในมากกว่าความสมเหตุสมผลในความสัมพันธ์ระหว่างท่านข่านกับมาร์โค จนต้องเดาเอาเองว่า ท่านข่านคงแอบคุยอะไรกับมาร์โคในงานเลี้ยงก่อนการประลองยุทธ (มั๊ง?) และที่ตั้งให้เป็นผู้ตรวจการเมืองหยางโจวเพราะเห็นผลงานจากรายงานการสำรวจดินแดน 3 ปี (มั๊ง?) ฯลฯ

ประเด็นที่ว่า ทำไม มาร์โค โปโล ถึงเห็นใจผู้ก่อการชาวฮั่นมากกว่าทางการมองโกลที่ตนเองรับใช้อยู่ นี่ก็ไม่เห็นเหตุผลชัดเจนมากนัก อาจมาจากความเห็นใจต่อ อาซ้อ ที่ได้ช่วยไว้จากทหารมองโกลและช่วยไม่ให้ฆ่าตัวตาย หรือจะว่าเห็นลูกน้องชาวมองโกลข่มเหงชาวฮั่น มันก็ไม่ชัดอีก จนกระทั่งตอนที่ได้โต้เถียงกับเจ้าบ้านหมู่ตึกเทียนเต้าในตอนท้าย ถึงค่อยมีความชัดเจนขึ้นมาหน่อย แต่ก็ขาดการปูเรื่องที่ดีมาแต่แรก

โดยภาพรวมก็จัดได้ว่าเป็นภาพยนตร์จีนกำลังภายในยุคบุกเบิกที่น่าศึกษาในหลายแง่เหมือนกันครับ

คำคมชวนคิด

"ถึงรุ่นข้าไม่สำเร็จ คนรุ่นลูกของข้าจะสู้ต่อไป รุ่นลูกของข้าทำไม่สำเร็จ รุ่นหลานของข้าก็จะสู้ต่อไป ขอเพียงพวกเราไม่เลิกคิดสู้ สักวันต้องทำสำเร็จแน่ หากพ่ายแพ้แล้วท้อถอยยอมเป็นทาส ก็จะไม่มีวันเป็นไทตลอดกาล" เจ้าบ้านหมู่ตึกเทียนเต้า พูดกับ มาร์โค โปโล

เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด  หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Marco Polo หรือ Ma Ko Po Lo

ชื่อภาษาไทย : มาร์โคโปโล

ผู้กำกำกับ : Cheh Chang (จางเชอะ)

ผู้สร้าง : Shaw Brothers

ผู้เขียนบท : Kuang I, Cheh Chang

ผู้แสดง :

  • Sheng Fu (ฟู่เซิง)
  • Kuan-Chun Chi (ชิกวนชุน)
  • Szu Shih (ซือซือ)
  • Richard Harrison ... Marco Polo
  • Yan Tsan Tang
  • Philip Kwok
  • Ka-Yan Leung (as John Liang)
  • Lung Wei Wang
  • Chia Hui Liu
  • Carter Wong

ควรอ่านเพิ่มเติม

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

  • (ยังไม่มี)

 
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ

หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ

Bookmark and Share

ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก Youtube

ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์

 



ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ

1911 ใหญ่ผ่าใหญ่ การปฏิวัติซินไฮ่อันนำมาซึ่งการสิ้นสุดของระบอบศักดินา 3,000 ปีของจีน วันที่ 19/05/2013   18:35:25
สะดุดเลิฟ ที่เมืองรัก (Letters to Juliet) วันที่ 19/05/2013   18:36:43
เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ 1980 (คลาสสิค) วันที่ 19/05/2013   18:40:30
5 พยัคฆ์พิทักษ์ซุนยัดเซ็น เมื่อการปฏิวัติ คือ การหลั่งเลือด วันที่ 19/05/2013   18:39:13
Kingdom of Heaven มหาศึกกู้แผ่นดิน วันที่ 19/05/2013   18:41:31
Chariots of Fire เกียรติยศแห่งชัยชนะ ชัยชนะแห่งไฟในหัวใจอันลุกโชน วันที่ 19/05/2013   18:43:04
Master and Commander วันที่ 19/05/2013   18:43:58
FIRST KNIGHT (สุภาพบุรุษยอดอัศวิน) วันที่ 19/05/2013   18:45:00
Legionnaire คนอึดเดือดไม่ใช่คน วันที่ 19/05/2013   18:46:18
ไททานิค ภาพยนตร์ที่ลงตัวทั้งประวัติศาสตร์และนิยายโรแมนติก วันที่ 19/05/2013   18:47:27
Napoleon ศึกรบ ศึกรัก และศึกการเมือง ในชีวิตนโปเลียน วันที่ 19/05/2013   18:48:31
Waterloo ความมโหฬารของสงครามปราบจักรพรรดิ์นโปเลียน วันที่ 19/05/2013   18:49:19
เอลซิด (El Cid) : ประวัติศาสตร์ หรือ ตำนาน วันที่ 19/05/2013   18:50:07
Fearless -> Truthless? วันที่ 19/05/2013   18:50:53
Veer จอมวีรอหังการ์ (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   18:51:25 article
The Last Samurai (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   18:52:09 article
Nomad: The Warrior (ยังไม่มีบทวิจารณ์) วันที่ 19/05/2013   18:52:53 article



1

ความคิดเห็นที่ 1 (243)
avatar
คนเล่าเรื่อง

หนังเรื่องนี้จัดเป็นขวัญใจคอหนังกลางแปลงในอดีตเลยครับ สมัยก่อน ตามงานวัดหรืองานกินเจตามศาลเจ้าไหนๆ ก็จะหาหนังเรื่องนี้มาฉายกันบ่อยๆ พระเอกฟู่เซิงในยุคนั้นก็คล้ายๆ กับเฉินหลงในยุคนี้ คือ เป็นดาวเด่นของคอหนังจีนกำลังภายในด้วยหน้าตาที่คมคายมีเสน่ห์และมีความทะเล้นปนอยู่นิดๆ (ดูให้ดี จะเห็นว่าเขาดูคล้ายเฉินหลงเหมือนกัน) แต่เวลาเขาเก๊กหล่อก็ดูดีมากๆ อย่างในบทเล็กเซียวหง ส่วนดาวร้ายในเรื่องคนหนึ่งก็คือ เหลียงเจียเหยิน (คนที่แสดงเป็นไฉต้าหลู) ก็นับเป็นดาวร้ายอมตะคนหนึ่งเช่นกัน (คล้ายๆ กับลุงดามพ์ อาสุเชาว์ของเรานั่นแหละครับ)

การเดินเรื่องก็อิงประวัติศาสตร์แต่น้อย เน้นเอามันในการต่อสู้มากกว่า  คงไม่ต้องยึดติดอะไรมากมาย  แล้วก็นับเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องหนึ่งในยุคหนังศิลปะป้องกันตัวของฮ่องกงครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น คนเล่าเรื่อง (danai-at-buu-dot-ac-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2008-05-03 13:14:48


ความคิดเห็นที่ 2 (245)
avatar
โรจน์ (Webmaster)

เห็นด้วยครับว่าฟู่เซิง (คนที่ 2 จากซ้ายในภาพที่ 3 ) แกคล้ายเฉินหลง หรือ (เฉินหลงคล้ายฟู่เซิง) จริงๆ ครับ ความทะเล้นนิดๆ ทำให้สองคนนี้ดูมีชีวิตชีวากว่าพระเอกบู๊คนอื่นอย่าง บรู๊ซลี เจ็ทลี หรือจาพนม ฯลฯ ที่ดูจะเป็น Fighting Machine เกินไป

ส่วนดารานำคนอื่นๆ รบกวนสมาชิกที่ทราบข้อมูลช่วยระบุด้วยนะครับว่าใครเป็นใครบ้าง

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ (Webmaster) (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2008-05-03 16:28:54



1


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker