โดย webmaster@iseehistory.com
เมื่อปีก่อน คือ เมษายน 2550 คุณ countryboy ได้กรุณาเขียนเรื่อง 633 ฝูงบินมัจจุราช (633 Squadron ) อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝูงบิน Mosquito เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธวิธีของอังกฤษมาร่วมแจมกับทางเว็บแห่งนี้ ปรากฏว่ามี Blogger ละอ่อนจอมมักง่ายรายหนึ่งลอกไปลงใน Blog ตัวเองหน้าตาเฉย จนบัดนี้ยังไม่ยอมลบ ครั้นจะเอาเรื่องท่าทางจะไม่คุ้ม จนทุกวันนี้เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์แห่งนี้ก็มีแต่ความก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ มากว่า Blog ของเด็กไร้สมองเป็นไหนๆ เปลี่ยนมาเกริ่นนำในเชิงสร้างสรรค์ดีกว่า อันที่จริงแล้วยังมีภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเครื่องบิน Mosquito นี้ คือเรื่อง Mosquito Squadron ที่ผมกำลังจะนำมาคุยกันในคราวนี้ โดยมีผู้ให้ข้อสังเกตว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีอะไรที่คล้ายๆ กับ 633 Squadron ราวกับลอก เอ๊ย! ราวกับเป็นฝาแฝดกันมา เท่าที่ตรวจสอบดูคร่าวๆ แล้ว Mosquito Squadron สร้างทีหลัง 633 Squadron คือออกฉายในปี 1969/พ.ศ.2512 (633 Squadron เริ่มฉายในปี 1964/พ.ศ.2507) แม้จะมีเนื้อเรื่องบางตอนบางฉากที่คล้ายกันมากจริงๆ แต่ Mosquito Squadron ก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอยู่อย่างหนึ่ง คือ เรื่องความรักระหว่างพระเอกนักบินกับนางเอกที่เป็นภรรยาหม้ายของเพื่อนพระเอก ที่ดูกินใจกว่าคู่พระคู่นางใน 633 Squadron จนรู้สึกว่าบางประเด็นน่าจะนำไปเปรียบเทียบกับ D-Day the Sixth of June ด้วยซ้ำไป

เริ่มเรื่องด้วยการทำลายฐานจรวดวี1
มาดูเนื้อเรื่องในภาพยนตร์กันก่อนดีกว่า เริ่มขึ้นมาก็เป็นฉากการยิงจรวด วี 1 จำนวนหนึ่งออกจากฐานตรงไปยังเกาะอังกฤษ แล้วก็ถูกปตอ.และเครื่องบินอังกฤษยิงสกัดไว้ได้บ้าง เหลือลูกหนึ่งหลุดรอดเข้าไปโดนอาคารหลังหนึ่งเข้าอย่างจัง ถัดมาก็มีเครื่องบิน Mosquito จำนวน 3 ลำออกปฏิบัติภารกิจค้นหาและทำลายฐานจรวดของเยอรมัน ผู้นำฝูงบินนี้คือ Sqn. Ldr. David 'Scotty' Scott (คงใช่เรืออากาศเอกนะครับ) และนักบินอีกคนหนึ่งคือพระเอกของเรา นามว่า Quint Munroe (ส่วนนักบินลำที่ 3 คงไม่ต้องกล่าวถึงนะครับ) ฝูงบินนี้ได้ค้นพบฐานจรวดจำนวน 3 แท่น และสามารถทำลายได้สำเร็จ แต่ขณะที่กำลังจะบินกลับกันนั้น ได้มี "โจร" หรือเครื่องบินขับไล่ Messerschmit ของพี่ Kraus (ไม่ใช่พี่คล้าวในเรื่องมนต์รักลูกทุ่งนะครับ) โผล่ออกมาสกัดและยิงเครื่องของผู้ฝูงสก็อตตี้ตกลงสู่พื้นและระเบิดลงต่อหน้าต่อตาควินท์ สร้างความสลดใจแก่เขาอย่างมาก เรื่องที่ออกจากปากควินท์เมื่อเขาลงสู่พื้นดินแล้วคือตัวควินท์นั้นเป็นลูกกำพร้าที่เติบโตมาพร้อมกับสก็อตตี้ นับถือคุณพ่อคุณแม่ของสก็อตตี้เสมือนพ่อแม่ตนเอง ควินท์ได้นำข่าวร้ายนี้ไปแจ้งกับเบ็ธ ภรรยาของสก็อตตี้ ซึ่งเธอสามารถเดาได้โดยควินท์ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก และได้ซักถามเพิ่มเติมนิดหน่อย นอกจากนี้ ควินท์ยังได้เจอกับดักกลาส พี่ชายของเบ็ธ ซึ่งเป็นนักบิน Mosquito เหมือนกัน ผู้กำลังหมดอาลัยกับความพิการแขนขวาของตน ควินท์ได้สนับสนุนให้ดักกลาสยอมใส่แขนเทียมที่มีมือเป็นตะขอเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่นักบินต่อไปได้
เรื่องต่อไปนี้ท่านคงพอเดาออกว่า ความรักระหว่างพระเอกของเรากับนางเอกแม่หม้ายได้เริ่มก่อตัวขึ้น ท่ามกลางการเตรียมการสู่ภารกิจใหม่ที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม นั่นคือฝ่ายข่าวกรองระแคะระคายว่า เยอรมันกำลังพัฒนาจรวดวี 3 - วี 4 ที่ยิงได้ไกลและมีอานุภาพร้ายแรงกว่าวี 1 - วี 2 ที่มีอยู่แล้ว ในขั้นแรก ควินท์จะต้องพาผู้พันนามว่าเคมเบิลไปถ่ายภาพที่บริเวณปราสาทชาโตเดอชาร์ลอง (château de Charlon) ซึ่งคาดว่าฝ่ายเยอรมันกำลังพัฒนาจรวดอยู่ในบริเวณนั้น ระหว่างรอปฏิบัติการ ควินท์ได้พาเบ็ธไปพบคุณพ่อคุณแม่ของสก็อตตี้ เพื่อแจ้งข่าวร้าย จากนั้น ควินท์ได้นำผู้พันเคมเบิลไปปฏิบัติภารกิจถ่ายภาพที่ชาโตเดอชาร์ลองได้สำเร็จ แต่เครื่องบินถูกยิงเสียหายต้องร่อนลงอย่างทุลักทุเล ตัวผู้พันได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ควินท์กำลังพักผ่อนจากภารกิจดังกล่าว เบ็ธได้มาที่ห้องของควินท์ซึ่งเป็นห้องผู้ฝูงที่เขาได้รับสืบทอดจากสก็อตตี้ เพื่อนำสิ่งของของสก็อตตี้กลับบ้าน จีงเป็นหน้าที่ของควินท์ที่ต้องพาเบ็ธไปส่ง จากการพูดคุยของทั้งสองดูคล้ายกับว่าเบ็ธอาจจะนึกชอบควินท์อยู่ก่อน แต่จะด้วยความขี้อายหรือความเสียสละของควินท์ก็ไม่แน่นัก ทำให้เขาปล่อยโอกาสให้สก็อตตี้ได้เธอไป

ฉากรักระหว่างควินท์กับเบ็ธ
กลับมาที่เรื่องภารกิจการรบกันต่อ จากภาพถ่ายและข้อมูลต่างๆ ชี้ว่าฝ่ายเยอรมันได้มีการพัฒนาจรวดอยู่ในอุโมงค์ในบริเวณใกล้ๆ กับชาโตเดอชาร์ลองนั้นเอง (คล้ายๆว่า ชาร์ลองเป็นที่วิจัย อุโมงค์เป็นคลังเก็บ อะไรทำนองนั้น) จึงได้เตรียมภารกิจที่จะทำลายทั้้งอุโมงค์ และปราสาทในคราวเดียวกัน และการที่จะทำลายอุโมงค์นั้น เมื่อไม่อาจทำได้โดยการทิ้งระเบิดธรรมดา ฝ่ายอังกฤษได้ประดิษฐ์ระเบิดชนิดพิเศษขึ้นมา เรียกว่า Highball หรือ Bouncing Bomb ซึ่งเป็นอาวุธที่มีการประดิษฐ์ขึ้นมาจริงๆ เจ้าไฮบอลล์นี้พอถูกทิ้งลงมากระทบพื้นแล้วจะไม่ระเบิดทันที และแต่เด้งบนพื้นไปข้างหน้าในระยะห่างประมาณ 60 ฟุต ผู้บัญชาการได้มอบหมายให้ฝูงบิน Mosquito ของควินท์เป็นผู้ทำหน้าที่ทิ้งระเบิดดังกล่าว โดยจะมีการซ้อมกับเป้าจำลองในเวลาเพียง 10 วัน ในวันปฏิบัติการจริงได้กำหนดว่า เมื่อฝูงบินของควินท์ทำลายอุโมงค์ได้แล้ว อีก 10 นาทีถัดมา ฝูงบิน Mosquito อีกฝูงใหญ่จะเข้าทำลายล้างชาโตเดอชาร์ลองให้ราบคาบ หลังจากได้รับมอบภารกิจแล้ว ด้านหนึ่ง ควินท์กับลูกฝูงต้องฝึกการทิ้งระเบิดไฮบอลล์กับเป้าจำลองที่ดูคล้ายกับการยิงประตูฟุตบอลจากกลางอากาศ ซึ่งก็ไม่หมูอย่างที่คิด หลังจากฝึกอยู่ตั้งนานขนาดไม่มีปตอ.เป็นผู้รักษาประตูยังทำได้แค่ 1 ใน 10 แต่เครื่องบิน 3 ลำ บรรทุกระเบิดไฮบอลล์ได้แค่ลำละ 2 ลูกรวม 6 ลูกเท่านั้น ท่านผบ.ยังว่าไม่เป็นไร ขอให้เข้าอุโมงค์ซักลูกก็พอแล้ว ด้านของความรักนั้น เมื่อว่างจากการฝึกควินท์ก็ต้องมาพบกับเบ็ธอยู่เสมอๆ เพื่อจะมาปลอบใจหรืออะไรก็ตามแต่ บางครั้งก็ได้มาพบกับดักกลาสที่ใส่แขนเทียมพร้อมที่จะบินแล้วควงคู่มากับพยาบาลสาวนามซูซาน

ควินท์นำผู้พันเคมเบิลไปถ่ายภาพเป้าหมาย จนสามารถจำลองสถานที่ และการฝึกซ้อม "ยิงประตู" ด้วย Highball
หลังจากฝึกกันไปจู๋จี๋กันไปจนใกล้เวลาปฏิบัติการเข้าไปทุกที พี่เคร้าส์ก็ส่งเครื่องบินรบสองลำมาโจมตีฐานบินของพระเอกเรา หลังจากทิ้งระเบิดและยิงกราดอะไรต่อมิอะไรพอหอมปากหอมคอแล้ว พี่แกก็ทิ้งกล่องกลมๆ ลงมาอันหนึ่ง บรรดาสมาชิกฝูงบิน Mosquito ของเราเปิดดูพบว่าเป็นฟิล์มหนังม้วนหนึ่ง แน่นอนล่ะว่าพี่แกไม่ได้ใจดีขนาดจะส่งหนังอะไรสนุกๆ มาให้ดู ภาพในหนังเป็นการลำเลียงเชลยศึกที่เป็นนักบินเข้ามากักขังยังชาโตเดอชาร์ลอง เป้าหมายของฝูงบิน Mosquito นั่นเอง เป็นการขู่กลายๆ ว่า ถ้าพวกเอ็งมาถล่มข้าละก็จะต้องเป็นฆาตกรฆ่าพวกเดียวกันไปด้วย ที่สำคัญคือควินท์และดักกลาสได้เห็นว่ามีสก็อตตี้รวมอยู่ในกลุ่มเชลยศึกนักบินเหล่านั้นด้วย ทางผู้บัญชาการแม้จะหนักใจ แต่ก็เห็นว่านี่เป็นการคอนเฟิร์มว่าที่ชาร์ลองและอุโมงค์นั้นมีซัมติ้งรองตามข่าวที่ได้มาจริงๆ จึงมีคำสั่งห้ามทุกคนแพร่งพรายสิ่งที่เห็นในภาพยนตร์ให้คนอื่นรู้ แต่ก็นั่นแหละครับ เจ้าหนังม้วนนี้ได้สร้างความกดดันปั่นป่วนให้กับบรรดานักบินที่เห็น ควินท์พยายามต่อรองขอให้ใช้วิธีอื่นที่จะโจมตีเป้าหมายพร้อมกับช่วยเหลือเพื่อนๆ ที่เป็นเชลยแต่ไม่เป็นผล ทางาผู้บัญชาการอ้างว่าเชลยคงจะอยู่กระจัดกระจายกัน หากใช้กำลังทางบกเข้าไปที่ชาร์ลองอาจต้องใช้กำลังมาก ฯลฯ ระหว่างการต่อรองกันนี้ดักกลาสได้เมาเหล้าจนหลุดปากพูดเรื่องเชลยในชาร์โตในสโมสรนายทหารจนถูกกักบริเวณ ควินท์กับบรรดานักบินยังคงต่อรองกับผู้บังคับบัญชาจนในที่สุดมาลงตัวว่า จะโจมตีในเช้าวันอาทิตย์เพื่อให้บรรดาเชลยศึกไปรวมตัวกันในโบสถ์ และในระหว่างการโจมตีอุโมงค์ ฝูงบินของควินท์จะใช้ระเบิดลูกหนึ่งทำลายกำแพงชาร์ลอง และให้หน่วยใต้ดินฝรั่งเศสเข้าไปช่วยนำเชลยศึกออกมาก่อนที่ฝูงบินอีก 3 ฝูงจะเข้าถล่มชาร์ลอง

ถึงเวลาจริงแล้ว "ยิงประตู" ไม่เข้า นักบินที่บาดเจ็บต้องเสียสละพุ่งชน
เช้าวันอาทิตย์ บรรดาเชลยได้ทยอยเข้าสู่โบสถ์ตามที่หลวงพ่อเบลลาร์แกซึ่งเป็นสายของขบวนการใต้ดินนัดแนะไว้ก่อนแล้ว แต่ผู้หมวดชัคของเยอรมันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเชลยทุกคนถึงได้เกิดเคร่างศาสนาขึ้นมาพร้อมกัน รวมถึงสก็อตตี้ที่จำชื่อตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ำ หลวงพ่อก็เอาหูทวนลมทำพิธีกรรมไปเรื่อยๆ กระทั่งมีสัญญาณเตือนภัยเนื่องจากฝูงบินของควินท์เข้ามาใกล้แล้ว ผู้หมวดชัคเข้ามาออกคำสั่งให้เชลยออกจากโบสถ์ให้หมดก็ไม่มีใครสนใจ ผู้หมวดจึงรัวปืนใส่หลวงพ่อถึงแก่ความตาย บรรดาเชลยพากันผลักดันผู้หมวดกับลูกน้องออกจากโบสถ์ไป และปิดประตูโบสถ์ไว้โดยไม่แคร์ต่อห่างกระสุนของเยอรมันที่ยิงเข้ามา ด้านเครื่องบิน Mosquito ทั้ง 3 ลำของควินท์เมื่อมาถึงเป้าหมาย ควินท์ทิ้งระเบิดลูกแรกไม่เข้าเป้า ลำที่สองทิ้งระเบิดลูกแรกก็ไม่เข้าเป้าอีก ลำที่สามยังไม่ทันทำอะไรก็พอดี "โจร" หรือเครื่องบิน Messerschmit ของเยอรมัน 1 ลำโผล่มาสอยร่วงลงไปซะก่อน แม้ควินท์จะล้างแค้นพี่เคร้าส์ลำนั้นลงไปได้ แต่ความกดดันเพิ่มขึ้นเนื่องจากเหลือระเบิดเพียง 2 ลูกสำหรับทำลายอุโมงค์และกำแพงชาร์ลองอย่างละลูก นักบินลำที่สองพยายามเข้าสู่เป้าหมาย แต่ถูกปตอ.ยิงสกัดจนเสียหายหนัก จึงตัดสินใจเสียสละพุ่งเข้าใส่อุโมงค์แหลกพินาศไป ควินท์จึงทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายทำลายกำแพงชาร์ลองตามแผน แล้วควินท์เองก็ต้องร่อนลงสู่พื้นเนื่องจากเครื่องบินถูกยิงหนักเช่นกัน ช่วงนี้บรรดาพลพรรคขบวนการใต้ดินฝรั่งเศสสามารถช่วยเชลยศึกทั้งหมดออกมาได้ทัน ก่อนที่ฝูงบิน Mosquito อีก 12 ลำ จะมาถล่มชาโตเดอชาร์ลองจนราบเป็นหน้ากลอง แต่ระหว่างที่หน่วยใต้ดินกำลังพาบรรดาเชลยรวมทั้งควินท์และไวลีย์นักบินผู้ช่วย หนีไปตามชายป่า ก็ถูกรถถังเยอรมันคันหนึ่งสกัดไว้่ที่ถนน ทำให้ฝ่ายพระเอกเราต้องสูญเสียไปหลายคน รวมทั้งไวลีย์ผู้ช่วยนักบินของควินท์ ระหว่างที่กำลังวุ่นวายนี้ ควินท์ได้พบกับสก็อตตี้ซึ่งยังจำตัวเองและควินท์ไม่ได้ แต่ยังอุตส่าคิดจะหาทางช่วยเพื่อนๆ ต่อสู้ทำลายรถถัง โดยไม่สนใจคำห้ามปรามของควินท์ แล้วสก็อตตี้ก็เสียชีวิตเนื่องจากถูกรถถังทับขณะพยายามยิงบาซูก้า แล้วเกิดระเบิดทำลายรถถังไปพร้อมกัน แล้วควินท์ก็ได้รอดชีวิตกลับไปครองรักกับเบ็ธตามระเบียบ โดยยังเข้าใจว่าสก็อตตี้ได้ตายไปตั้งแต่ถูกยิงตกเมื่อตอนต้นเรื่อง

หน่วยใต้ดินช่วยเชลยศึกออกมาก่อนชาโตเดอชาร์ลองถูกถล่ม
เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่าง Mosquito Squadron กับ 633 Squadron แล้ว จะเห็นความเหมือนและความต่างกันดังนี้
- เป็นปฏิบัติการของฝูงบิน Mosquito ที่เกี่ยวข้องกับจรวดของเยอรมันเช่นกัน ต่างกันที่ 633 Squadron เป็นภารกิจทำลายโรงงานเชื้อเพลิงจรวดในนอร์เวย์ แต่ Mosquito Squadron เป็นการทำลายการพัฒนาจรวดในฝรั่งเศส
- พระเอกมีความจำเป็นต้องบินไปยังบริเวณเป้าหมายก่อนปฏิบัติการจริง กรณี 633 Squadron นั้น รอย แกร้นท์ต้องไปสังหาร อีริค เบอร์กมาน เพื่อรักษาความลับของแผนปฏิบัติการ ส่วน Mosquito Squadron นั้น ควินท์ต้องพาผู้พันเคมเบิลไปถ่ายภาพเป้าหมายเพื่อประกอบการวางแผน ซึ่งดูจะสมเหตุผลกว่า และเหมือนกันตรงที่เครื่องบินพระเอกถูกยิง ผู้ที่โดยสารไปกับพระเอกต่างได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน
- มีฉากเครื่องบินข้าศึกบินมาโจมตีฐานบินของพระเอก ในเรื่อง 633 Squadron ดูคล้ายจะเป็นความบังเอิญ แต่ใน Mosquito Squadron เป็นความจงใจของเยอรมันที่จะมาส่งฟิล์มหนังเพื่อข่มขวัญกัน
- มีเรื่องรักระหว่างรบระคนความเศร้าคล้ายๆ กัน ต่างกันที่ 633 Squadron รอย แกร้นท์ รักกับ ฮิลเด น้องสาวของอีริค เบอร์กมาน แล้วแกร้นท์ต้องไปทิ้งระเบิดสังหารเบอร์กมานเพื่อรักษาความลับ ส่วน Mosquito Squadron เป็นความรักระหว่างควินท์กับเบ็ธ ภรรยาของสก็อตตี้ เนื่องจากความเข้าใจว่าสก็อตตี้ตายไปตั้งแต่แรก เมื่อควินท์มาทราบภายหลังว่าสก็อตตี้ตกเป็นเชลยอยู่ในชาร์ลอง จึงกลายมาเป็นผมปัญาความรักขึ้นมา ตรงนี้จะมีส่วนคล้ายกับเรื่อง D-Day the Sixth of June ที่ผู้กองพาร์คเกอร์มีความรักกับ วัลเลอรี โดยเข้าใจว่าผู้พันวินเทอร์คนรักของวัลเลอรีอาจตายไปแล้ว แต่ตอนหลังวินเทอร์รอดชีวิตกลับมาเป็นผู้บังคับบัญชาของพาร์คเกอร์
- มีการประสานงานกับหน่วยใต้ดินในประเทศเป้าหมาย ใน 633 Squadron ฝ่ายอังกฤษขอให้หน่วยใต้ดินนอร์เวย์ช่วยจัดการปตอ.เยอรมันก่อนปฏิบัติการ แต่แผนแตกซะก่อน ทำให้ฝูงบิน 633 ทั้งฝูงต้องเอาชีวิตเข้าแลกกับความสำเร็จ ส่วนใน Mosquito Squadron หน่วยใต้ดินฝรั่งเศสประสบความสำเร็จในการเข้าช่วยเหลือเชลยศึกได้ทันเวลา
- ตรงนี้อาจเป็นประเด็นเล็กๆ คือ การมีตัวละครที่ใส่แขนเทียมเป็นมือตะขอ เรื่อง 633 Squadron นี่ผมจำชื่อไม่ได้ เป็นนักบินลูกฝูงของพระเอกที่ใส่มาตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนดักกลาสในเรื่องนี้ ตัดสินใจใช้แขนเทียมตามคำแนะนำของพระเอก แต่ดักกลาสไม่ได้ร่วมรบกับพระเอกในตอนสุดท้าย

ควินท์ไม่สามารถยับยั้งสก็อตตี้ในการต่อสู้กับรถถังได้
ส่วนที่คล้ายกันดังกล่าว ถึงขนาดที่ copy ฉากรบบางฉากมาเลยนั้น ถือซะว่าน้องขอยืมของพี่มาใช้ก็แล้วกัน คงไม่ต้องซีเรียสอะไรมาก สำหรับในภาพรวมแล้ว ผมเห็นว่าในเรื่อง 633 Squadron ฉากธรรมชาติของเทือกเขาในสก็อตแลนด์และนอร์เวย์ดูแปลกตาโดดเด่นกว่ามาก ส่วน Mosquito Squadron นั้น พล็อตความรักของพระเอกนางเอกจะดูเด่นกว่า รองลงมาก็คือการ "ยิงประตู" ด้วยเจ้าไฮบอลล์นี่แหละครับ
ประเด็นที่ผมยังงงอยู่คือมีอยู่ฉากหนึ่งที่เห็นชัดว่าตรงไหล่เสื้อของพระเอกมีคำว่า "Canada" ติดอยู่ชัดเจน ซึ่งคงไม่แปลกที่จะมีนักบินแคนาดาอยู่ในกองบินอังกฤษ แต่คนอื่นในกองบินโดยเฉพาะสก็อตตี้และครอบครัวล่ะ ทำไมถึงขนมาอยู่อังกฤษกันทั้งภรรยาและคุณพ่อคุณแม่ได้ ตลอดทั้งเรื่องนี้ไม่ได้ยินคำว่าแคนาดาหรือแคนาเดี้ยนแม้แต่ครั้งเดียว ใครรู้ช่วยบอกทีครับ
แม้ว่าจะมีการ Copy บางฉากมาจาก 633 Squadron ก็เพียงส่วนน้อยนิด โดยส่วนใหญ่เขาทำการบ้านเองได้อย่างดีมาก เช่น ฉากชาโตเดอชาร์ลองที่สวยงาม การทิ้งระเบิดไฮบอลล์ให้กระเด้งไปมา ฉากการโจมตีชาร์ลองและอุโมงค์ที่ดูยิ่งใหญ่ และฉากวิวทิวทัศน์ต่างๆ การเดินเรื่องค่อนข้างจะมีความบังเอิญและสูตรสำเร็จแฝงอยู่ แต่ก็ไม่สะดุดอะไร โดยรวมแล้วก็เป็นหนังสงครามเครื่องบินรบอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านสมควรเก็บสะสมไว้ครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Mosquito Squadron
ชื่อภาษาไทย : ฝูงบินเพชฌฆาต
ผู้กำกำกับ : Boris Sagal
ผู้เขียนบท : Joyce Perry, Donald S. Sanford
ผู้แสดง :
- David McCallum ... Quint Munroe
- Suzanne Neve ... Beth Scott
- Charles Gray ... Air Commodore Hufford
- David Buck ... Sqn. Ldr. David 'Scotty' Scott
- David Dundas ... Flt. Lieut. Douglas Shelton
- Dinsdale Landen ... Wing Commander Clyde Penrose
- Nicky Henson ... Flt. Sgt. Wiley Bunce
- Bryan Marshall ... Sqn. Ldr. Neale
- Michael Anthony ... Father Bellague
- Peggy Thorpe-Bates ... Mrs. Scott
- Peter Copley ... Mr. Scott
- Vladek Sheybal ... Lieutenant Schack
- Michael McGovern ... Flt. Lieutenant Bannister
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์