Countryboy
สวัสดีครับเพื่อน ๆ
iseehistory.com ทุก ๆ ท่าน หลังจากที่ต้องไปมีธุระกับโรงพยาบาลซะนานเลย ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ก็เลยมีเวลามาคุยกันเรื่องหนังที่พวกเราชอบกันได้แล้วครับ ซึ่งที่จริงแล้ว ตั้งใจว่าจะเขียนถึงเรื่องThe Sound of Music หรือ มนต์รักเพลงสวรรค์ แต่แผ่นของผมที่มีอยู่ดันเสียซะนี่ ทั้ง ๆ ที่จำเรื่องราวได้หมดแถมยังร้องเพลงที่ประกอบในหนังได้อีกต่างหาก แต่ความที่ต้องการรายละเอียดบางอย่างที่จะต้องเปิดดูอีกครั้งก็ทำไม่ได้ ขอติดไว้ก่อนนะครับ ตอนนี้กำลังให้เพื่อน ๆ หาให้อยู่ หรือว่าถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดมีอยู่ในครอบครองก็คงต้องขอรบกวนละครับ บอกผมบ้างนะถ้าใครมีอยู่
เมื่อเขียนถึงหนังรักไม่ได้ก็เลยต้องเป็นหนังรบแทน เป็นหนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริงที่เพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่ปีมานี่เองครับ นักประวัติศาสตร์บางท่านอาจบอกว่า ระยะเวลาขนาดนี้ไม่น่าจะเป็นประวัติศาสตร์นะ ก็ขออนุญาตเอามาคุยถึงกันในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่ที่บอร์ดนี้แล้วกันนะครับ อย่าไปซีเรียสหลายเลย เดี๋ยวโรคกระเพาะจะถามหา
Black Hawk Down เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาก็เพราะว่าเจ้าเฮลิคอปเตอร์รบแบบ แบล็คฮ็อค ที่จัดว่าเป็น ฮ.รบที่ทันสมัยของพี่กันเค้าดันถูกยิงตกซะ 2 ลำด้วยฝีมือของนักรบพื้นเมืองและด้วยอาวุธยิงทำลายธรรมดา ๆ ที่ไม่ได้มีเทคนิคที่ซับซ้อนแต่อย่างใดเลย และด้วยเหตุการณ์นั้น ทำให้เกิดวีรบุรุษขึ้นมาหลายคน ให้มีเรื่องราวเป็นหนังมาให้เราดูกันได้สนุกสนานละครับ
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) 16 ปีแห่งความหลังพอดีครับ ที่โซมาเลีย อัฟริกาตะวันออก ภายในประเทศได้เกิดสงครามชนเผ่าที่มีความแตกต่างกันทางด้านศาสนา ประชากรที่เดิมทีก็อดอยากยากแค้นอยู่แล้วต้องมาล้มตายลงเพราะสงครามนี้อีกร่วมสามแสนคน ผลพวงจากการก่อสงครามศาสนาของ Mohamed Farrah Aidid ผู้นำฝ่ายมุสลิมที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมือง โมกาดิสชู นั้นต่างถูกประณามจากนานาชาติ แต่เค้ากลับไม่ฟังเสียงใคร ยอมรับเพียงแค่การช่วยเหลือทางด้านอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และ ยารักษาโรคเท่านั้น แต่ทว่าสิ่งของต่าง ๆ ที่นานาชาติยื่นมือเข้าช่วยเหลือนั้น ไม่สามารถกระจายสู่มือของประชาชนได้ทั่วถึงกัน เพราะกองกำลังติดอาวุธของ ไอดิด ได้ใช้กำลังเข้าแย่งชิงมาสู่มือของพวกพ้องตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่ เพื่อเป็นการตัดกำลังของชนเผ่าอื่นที่มีความแตกต่างกันทางศาสนา ประชาคมโลก นำโดยหัวเรือใหญ่ตำรวจโลกเจ้าเก่าคือสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมกันตอบโต้ โดยสหรัฐฯได้ส่งนาวิกโยธิน 20,000 นายเข้าไปช่วยเหลือด้านการคุ้มครองการให้ความช่วยเหลือของนานาชาติ เพื่อให้สิ่งของบรรเทาทุกข์ต่าง ๆ ถึงมือประชาชนชาวโซมาเลียทั่วถึงกันทุกคน
การแจกจ่ายอาหาร
เดือน เมษายน 1993 นาวิกโยธินของสหรัฐฯ ถอนกำลังกลับ คงเหลือไว้แต่กองกำลังรักษาสันติภาพของUNหรือกองกำลังสหประชาชาติ นายพล ไอดิด ได้ประกาศสงครามกับ ยูเอ็นทันที
เดือน มิถุนายน 1993 กองกำลังติดอาวุธของ ไอดิด ได้ลอบโจมตีทหารปากีสถานที่สังกัด ยูเอ็น ตาย 24 คน และประกาศเป้าหมายในการสังหารเจ้าหน้าที่ทางทหารของสหรัฐฯ ทุกนายถ้าพบเห็น
เดือน สิงหาคม 1993 กองกำลังผสมของสหรัฐฯ ประกอบด้วยหน่วยรบ Delta Force กองกำลัง Army Rangers และกองกำลังผสมที่ 160 thSOAR (Special Operation Aviation Regiment) ได้สนธิกำลังกันเข้าสู่โซมาเลียภายใต้การบัญชาการของนายพล Garrison โดยมีเป้าหมายหลักในการกำจัดนายพล ไอดิด พร้อมทั้งการคุ้มครองความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ของตน และข้ออ้างอมตะคือ ฟื้นฟูสันติภาพในโซมาเลีย โดยตามแผนการที่วางไว้คือ จะต้องกำจัด ไอดิด ให้ได้ภายใน 3 สัปดาห์ แต่แผนการล้มเหลว
นายพลแกริสัน
ปลายเดือนตุลาคม 1993 ประธานาธิบดี คลินตัน สั่งถอนกำลังทั้งหมดออกจาก โมกาดิสชู โดยนายพลแกริสัน แถลงขอแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
และในวันที่ 2 สิงหาคม 1996 นายพล โมฮัมหมัด ฟาร์ราห์ ไอดิด ถูกฆ่าตายที่เมือง โมกาดิสชู อันเป็นถิ่นของเค้า พร้อมกันกับที่ในวันรุ่งขึ้น นายพลแกริสัน ประกาศขอลาออกจากราชการ
เหตุการณ์ในหนังเริ่มต้นเมื่อวันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม 1993 เฮลิคอปเตอร์ แบบ แบล็คฮ็อค รหัสเรียกขาน Supper Six Four มี Mike Durant เป็นนักบิน ได้ออกบินปฏิบัติภารกิจคุ้มกันการส่งเสบียงของหน่วยบรรเทาทุกข์ และได้เห็นการสังหารหมู่จากฝีมือของลูกน้อง ไอดิด ที่กระทำต่อประชาชนที่มารับอาหาร ดูแรนท์ ขออนุญาตต่อ บก. เพื่อเข้าทำการช่วยเหลือ แต่เนื่องจากกฎการปะทะได้กำหนดไว้แล้ว ทำให้ ซุปเปอร์ซิกโฟว์ของดูแรนท์ไม่สามารถใช้ปืนยิงช่วยเหลือได้ พวกเค้าต้องถอนตัวออกมาจากภาพที่น่าสลดใจนั้นด้วยความเสียใจที่ไม่อาจช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ได้
ไมค์ ดูแรนท์
กองกำลังติดอาวุธยิงประชาชนที่มารับอาหาร
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของ โมกาดิสชู ได้มีการจู่โจมจับตัว อัตโต ผู้ที่แหล่งข่าวระบุว่าเป็นผู้สนับสนุน ไอดิด ในด้านอาวุธต่าง ๆ โดยทีมปฏิบัติการประกอบด้วย ฮ.แบบ แบล็คฮ็อค และ ฮ. แบบ เอเอช. 60 ลิตเติลเบิร์ด ร่วมกับทหารหน่วยเดลต้าเป็นผู้เข้าจับกุมตัว อัตโต ไปให้นายพล แกริสัน สอบสวนถึงที่อยู่ของ ไอดิด ซึ่งทางการสหรัฐฯ ตั้งค่าหัวเอาไว้ถึง 25,000 ยูเอสดอลลาห์ แต่ อัตโต ไม่ยอมเปิดเผย ทำให้นายพล แกริสัน ต้องเปลี่ยนแผนการใหม่
อาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 1993 มีการวางแผนจำกุมตัวบุคคลสำคัญในคณะผู้ร่วมงานของ ไอดิด ที่สืบทราบมาว่าจะมีการประชุมกันที่บริเวณตลาด บาคารา ในเมือง โมกาดิสชู โดยมีสายลับชาวพื้นเมืองชื่อ แอ็บดี้ จะเป็นผู้ชี้เป้าให้โดยการแกล้งนำรถไปจอดเสียที่บริเวณหน้าอาคารที่จะมีการประชุมกัน เป้าหมายสำคัญคือหัวหน้าที่ปรึกษาทางการเมือง และ รมต.มหาดไทย ของ ไอดิด โดยมีแผนการจู่โจมเข้าจับตัวคร่าว ๆ ดังนี้
(บน) สายลับพื้นเมือง (ล่าง) รถชี้เป้า
เมื่อเครื่องบินตรวจการณ์แบบ โอไรออน จับภาพเป้าหมายจากภาคพื้นดินได้แล้ว ฮ. ลิตเติลเบิร์ดจะนำทีมเดลต้าบุกอาคารเข้าจู่โจมจับกุมเป้าหมาย ในขณะเดียวกันกับทีมเร็นเจอร์อีก 4 หมู่ที่มากับฮ. แบล็คฮ็อค จะทำหน้าที่คุ้มกันรอบ ๆ บริเวณเป้าหมาย เมื่อทีมเดลต้าปฏิบัติภารกิจสมบูรณ์ จะส่งวิทยุให้ขบวนลำเลียงที่ประกอบด้วยรถยนต์บรรทุกทหารที่คุ้มกันด้วยรถรบแบบ ฮัมวี่ เข้ามาลำเลียงเชลย และ หน่วยรบทุกทีมกลับยังกองบัญชาการ โดยมีฮ. แบล็คฮ็อค และฮ. ลิตเติลเบิร์ด คอยเป็นกำลังคุ้มกันทางอากาศในขณะถอนตัว การประสานงานกันระหว่างหน่วยรบจะผ่านศูนย์บัญชาการลอยฟ้าที่บินอยู่กับ ฮ. แบล็คฮ็อค อีกลำที่ในระยะสูงหนึ่ง ภารกิจครั้งนี้ แกริสันกำหนดเวลาไว้ว่าไม่น่าเกิน 30 นาที ในชื่อรหัสปฏิบัติการว่า Irene
(บน) แบล็คฮอว์ค (กลาง) ลิตเติ้ลเบิร์ด (ล่าง) ขบวนรถฮัมวี
ผมไม่รู้ว่าพลาดตรงไหนนะครับที่หาชื่อหัวหน้าทีมเดลต้าไม่เจอ ไม่แน่ใจว่าใช่ จ่าแซนด์เดอร์สัน หรือเปล่า แต่ทีมเร็นเจอร์จะควบคุมทีมโดยผู้กอง สตีล และมีผู้การ แม็คไนท์ เป็นผู้ควบคุมหน่วยขนส่งครับ ส่วนศูนย์บัญชาการลอยฟ้านั้นเป็นหน้าที่ของผู้การแมททิวส์ครับผม
จ่าแซนด์เดอร์สัน
แมคไนท์ และ สตีลล์
ระหว่างรอคอยคำสั่งจู่โจม นักรบทุกคนต่างเตรียมสัมภาระสำหรับภาระกิจนี้ เท่าที่ผมนั่งดูแล้วคิดเอาเองนะครับ ผมคิดว่าพวกเค้าประมาทมากไปหน่อย หลายคนไม่เตรียมเสบียงและน้ำดื่มติดตัวไปมากที่ควร รวมทั้งบางคนยังยอมที่จะถอดแผ่นเกราะกันกระสุนออกจากเสื้อเกราะอีกด้วยเพื่อลดน้ำหนัก และทุกคนไม่มีใครยอมเอาหน้ากากมองกลางคืนติดไปด้วยเลย อาจจะเป็นเพราะความเชื่อมั่นว่าแผนการจะต้องประสบผลสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้คือปฏิบัติการไม่เกิน 30 นาที กอร์ปทั้งในบทสนทนาหลายตอนที่พวกนักรบอาชีพอย่างพวกเค้าเรียกนักรบพื้นเมืองอย่างดูถูกว่า พวกสกินนี่ย์ (Skinny) ซึ่งในบทแปลภาษาไทยใช้คำว่า ไอ้ก้าง ผมยังคุยกับเพื่อน ๆ ที่นั่งดูด้วยกันเลยว่าแปลได้ดี แต่ถ้าเพิ่มเป็น ไอ้ขี้ก้าง หรือเปลี่ยนเป็น ไอ้กุ้งแห้ง ก็น่าจะดีไม่น้อย
ประมาณบ่ายสามโมง เครื่องโอไรออนได้ส่งภาพมายังกองบัญชาการของแกริสันให้รู้ว่า แอ็บดี้ สายลับพื้นเมืองได้แกล้งทำว่ารถเสียและจอดรถ(เบ็นซ์ซะด้วย)ไว้หน้าอาคารเป้าหมายซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมโอลิมปิค รหัส ไอรีน ถูกส่งไปยังทุกหน่วย นักรบทุกคนต่างกระตือรือร้นในการเคลื่อนพลด้วยความคึกคะนองและด้วยความมุ่งมั่นต่อภารกิจ แต่การเคลื่อนกำลังของพวกเค้ากลับถูกตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนภัยด้วยระบบง่าย ๆ ไปยังขุมกำลังนักรบพื้นเมืองให้เตรียมกำลังพลไว้ต่อต้านการรุกรานด้วยการให้เด็ก ๆ คอยสังเกตการณ์เคลื่อนกำลังของปรปักษ์ จากนั้น จึงรายงานการเคลื่อนกำลังด้วยโทรศัพท์มือถือธรรมดา ๆ นี่เอง ตรงนี้ผมเคยอ่านเจอมาในสมัยสงครามเวียดนาม พวกเวียตกงก็ใช้ระบบเครือข่ายแบบนี้แจ้งเตือนกองกำลังของพวกเค้าว่า กองทหารสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน จะหลบซ่อนหรือต่อสู้ก็สามารถวางแผนได้ทันล่วงหน้าครับ นักรบพื้นเมืองที่ภักดีต่อ ไอดิด ต่างก็ตระเตรียมอาวุธและสร้างสิ่งกีดขวางรวมทั้งการหาเชื้อเพลงเช่นยางรถยนต์มาเผาให้เกิดควันเพื่อลดทัศนวิสัยในการตรวจการทางอากาศได้ไว้ล่วงหน้าก่อนที่กองกำลังของสหรัฐฯ จะบุกเข้ามาถึงกลางเมือง
(บน) เด็กๆ ส่งข่าว (ล่าง) หัวหน้ารับข่าว
บ่ายสามโมงสี่สิบสองนาที ฝูง ฮ.ลิตเติลเบิร์ด นำทีมเดลต้าลงสู่อาคารเป้าหมาย มีการต่อต้านประปรายแต่ยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่ ฮ. แบล็คฮ็อค ส่งทีมเร็นแจอร์ลงสู่พื้นดินด้วยการโรยตัวลงจาก ฮ. ทั้งสี่จุดเพื่อทำการคุ้มกันในขณะที่การต่อต้านจากนักรบของ ไอดิด เริ่มรุนแรงขึ้น สามจุดไม่มีปัญหา แต่จุดที่สี่ ฮ. แบล็คฮ็อค รหัส ซุปเปอร์ซิกวัน ซึ่งมี คลิฟ วอลคอท ฉายา “เอลวิส” เป็นนักบินได้ถูกยิงด้วยจรวดแบบ อาร์พีจี. “เอลวิส” วอลคอท สามารถขยับเครื่องหลบได้ทัน แต่ก็ทำให้พลรบเร็นเจอร์ชื่อ แบล็คเบิร์น ซึ่งกำลังโรยตัวลงสู่พื้นพลัดหลุดมือจากเชือกตกลงไปยังพื้นดิน แบล็กเบิร์น ซึ่งมีอายุเพียง 18 ปี และเพิ่งได้รับการบรรจุเข้าร่วมกับหน่วยเร็นเจอร์เมื่อก่อนหน้าการบุกนี้เองต้องเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกจากปฏิบัติการครั้งนี้
ส่วนทางด้านทีมเดลต้าที่ทำหน้าที่จับกุม หลังจากจับเป้าหมายได้และแจ้งไปยังผู้การแม็คไนท์ให้ส่งขบวนคอนวอยเข้ามารับพัสดุ (เป็นแสลงที่หมายถึงเป้าหมายที่เข้าไปจับตัว) การต้านทานของนักรบพื้นเมืองเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ นักรบในทีมที่กระจัดกระจายกันอยู่ตามจุดต่าง ๆ ไม่สามารถฝ่าดงกระสุนมายังจุดนัดพบตามที่นัดหมายกันได้ บก.อนุญาตให้ผู้การแม็คไนท์แบ่งขบวนคอนวอยสายหนึ่งกลับสู่ฐานเพื่อนำคนเจ็บกลับมาก่อน จ่าพิลล่าร์ พลยิงปืน .50 ของฮัมวี่ที่ทำหน้าที่คุ้มกันถูกยิงเสียชีวิตอย่างบังเอิญด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวเท่านั้น ความสูญเสียของทีมผสมเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในขณะเดียวกัน เสียงจากการสื่อสารทางวิทยุที่ดังขึ้นได้ยินกันทุกข่าย ทำให้พลรบทุกทีมต้องตกตะลึงแทบทำอะไรไม่ถูก เมื่อ ฮ.ซุปเปอร์ ซิก วัน ของ “เอลวิส” วอลคอท ถูกยิงด้วยจรวด อาร์พีจี.เข้าที่โรเตอร์ท้ายหลังจากที่โชคดีครั้งแรกได้ผ่านไปแล้ว เสียงรายงานว่า ฮ.ซุปเปอร์ ซิก วัน ถูกยิงและกำลังจะตก ทำให้พลรบแทบทุกนายต้องแหงนหน้าขึ้นมองเพื่อจะพบภาพของ ฮ.ซุปเปอร์ ซิก วัน ที่กำลังหมุนตัวลงต่ำสู่พื้นพร้อมควันไฟที่พวงหาง และเสียงสุดท้ายที่พวกเค้าได้ยินซ้ำ ๆ กันเมื่อ ซุปเปอร์ ซิก วัน ลับหายไปกับความสูงของอาคารในสนามรบคือ "We got the Black Hawk Down"
ฝ่ายทหารพื้นเมืองยิงอาร์พีจี
ฮ.ซุปเปอร์ ซิก วัน หลังจากตกลงกระแทกพื้นทำให้นักบินทั้งสองนายตายคาที่ พลรบเดลต้าสองนายที่อยู่บนเครื่องด้วยกันบาดเจ็บสาหัสหนึ่งและบาดเจ็บอีกหนึ่ง นายพลแกริสัน สั่งการให้ทีมคอนวอยของแม็คไนท์ย้อนกลับไปรับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต พร้อมกับที่สั่งให้ สตาร์ โฟว์ วัน ซึ่งเป็นชื่อเรียกของ ฮ. คุ้มกันแบบ ลิตเติลเบิร์ด เข้าไปคุ้มกันผู้บาดเจ็บที่ซากเครื่อง ซุปเปอร์ ซิก วัน ที่ตก โดยทางภาคพื้นดิน ผู้กองสตีล หัวหน้าทีมเรนเจอร์ ก็วิทยุสั่งจ่าเอฟเวอรส์แมน ซึ่งเป็นหน่วยคุ้มกันภาคพื้นดินที่อยู่ใกล้จุดตกมากที่สุดแบ่งกำลังเข้าไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
จ่าเอฟ
ลิตเติลเบิร์ด รหัส สตาร์ โฟว์ วัน อาศัยความเล็กและคล่องตัวของเครื่องลงไปที่จุดตกและรับผู้บาดเจ็บออกมาได้หนึ่งคนในขณะที่ทีมของจ่าเอฟเวอร์ส์แมนนำทีมฝ่าดงกระสุนของนักรบผู้ภักดี ไอดิดเข้าไปช่วยคุ้มกันพอดี พร้อมกับ ฮ.ซุปเปอร์ ซิก เอท ได้ส่งทีมแพทย์สนามโรยตัวลงจากเครื่องเพื่อเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บที่เหลืออยู่ โชคร้ายของ ฮ.ซุปเปอร์ ซิก เอท ที่ถูกระดมยิงจนเครื่องเสียหายต้องถอนตัวออกจากการรบอีกหนึ่งลำหลังจากส่งทีมแพทย์สนามลงได้ ไมค์ ดูแรนท์ นักบินแบล็คฮ็อค รหัส ซุปเปอร์ ซิก โฟว์ ได้รับคำสั่งให้บินเข้าไปแทนตำแหน่งของ “เอลวิส” ซุปเปอร์ ซิก วัน ที่ตกไปแล้ว
เหมือนกับพระเจ้าสาปแช่ง ในขณะที่ ซุปเปอร์ ซิก โฟว์ ของ ดูแรนท์ลดระดับลงและกำลังบินเข้ารักษาตำแหน่งของ “เอลวิส” อาร์พีจี.ถูกยิงมาจากพื้นดิน 2 ลูกถูกเข้าที่โรเตอร์ท้าย ดูแรนท์พยายามนำเครื่องกลับฐานแต่ไม่สำเร็จ ซุปเปอร์ ซิก โฟว์ ต้องตกเป็นลำที่สอง และแถมจุดตกยังอยู่ห่างจากการรบที่จะมีพรรคพวกเค้ามาช่วยอีกต่างหาก ทุกคนตายหมด ยกเว้น ดูแรนท์ ที่บาดเจ็บที่หลังและที่ขาทำให้เคลื่อนตัวไม่ได้ ดูแรนท์ ต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวด้วยปืนกลมือแบบ เอ็มพี.ไฟว์ ประจำตัวเพียงกระบอกเดียวกับฝูงชนที่เริ่มเคลื่อนเข้ามารุมล้อมพร้อมอาวุธครบมือ
กอร์ดอน (บน) และชูการ์ต (ล่าง) ยิงต่อสู้จนตัวตาย
บนท้องฟ้า ซุปเปอร์ ซิก ทู ซึ่งตามมาคุ้มกันอยู่ข้างบนนั้น พลรบเดลต้าสองนาย คือ ชูการ์ต และ กอร์ดอน ได้ขออนุญาตลงไปเพื่อช่วยคุ้มกันสหายศึกของเค้าทั้งที่มีกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น นายพลแกริสัน อนุญาตให้ทั้งสองคนตัดสินใจเอง เพราะเป็นการเสี่ยงมากที่พลรบเพียงสองคนจะไปต้านทานนักรบชาวพื้นเมืองนับร้อยที่กำลังรายล้อมเข้าหา ซุปเปอร์ ซิก โฟว์ แต่ด้วยความกล้าหาญ ทั้งสองคนยืนยันที่จะลงไปช่วยเพื่อนของพวกเค้า ทว่า…น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ทั้งชูการ์ตและกอร์ดอนหลังจากที่ช่วยดูแรนท์ออกจากซากเครื่องแล้ว ทั้งสองคนออกไปวางแนวต้านทานด้านนอกอาคารที่นำดูแรนท์มาซ่อนไว้ ทั้งสองคนยิงต้านทานจนแทบกระสุนนัดสุดท้าย และต้องจบชีวิตลงจากการรุมล้อมเข้ามายิงของนักรบชาวพื้นเมืองนับร้อยคน แต่ที่แย่ไปกว่านั้น และเป็นการสร้างความเจ็บแค้นให้กับเพื่อนร่วมทีมคือ ศพของพวกเค้าถูกกระทำทารุณกรรมอย่างไม่มีการให้เกียรติกัน ภาพจากในหนังนะครับ ยังไม่โหดร้ายเท่ากับภาพข่าวจริงในตอนนั้นที่เผยแพร่ออกมา ที่พวกนักรบพื้นเมืองรุมถอดเสื้อผ้าออกจากศพและลากประจานไปทั่วจนศพเละแทบไม่มีชิ้นดี ซึ่งหลังจากเสร็จศึกครั้งนี้ ชูการ์ต และ กอร์ดอน ต่างได้รับเหรียญกล้าหาญเพื่อเป็นเกียรติแก่วงค์ตระกูลของเค้าด้วยครับ และนับเป็นนักรบสองรายแรกที่หลังจากเสร็จศึกเวียดนามเป็นต้นมาที่ได้รับเหรียญกล้าหาญขั้นสูงสุดนี้ กลับมาที่นักรบของ ไอดิด เมื่อได้ชัยชนะจากทีมเดลต้าทั้งสองแล้ว พวกเค้าก็เข้าไปในอาคารที่ดูแรนท์ซ่อนตัวอยู่และลงมือประชาทัณฑ์ด้วยความโหดร้าย โชคยังเป็นของดูแรนท์ ที่ ไอดิด ต้องการเชลยเป็น ๆ ไว้เพื่อการต่อรอง หัวหน้านักรบพื้นเมืองจึงได้เข้ามาห้ามปรามการทารุณกรรมต่อดูแรนท์จากชาวพื้นเมืองที่โหดร้ายได้ทัน ดูแรนท์ได้รับการนำตัวไปรักษาและให้อาหารประทังชีพอย่างพอสมควรตามอัตภาพจนกระทั่งได้รับการปล่อยตัวในอีก 11 วันหลังการรบสิ้นสุดลง แต่ในหนังออกจะดูโหดร้ายไปหน่อยที่ปล่อยให้นอนอยู่เฉย ๆ เท่านั้นเองครับ
ศพทหารอเมริกันถูกกระทำทารุณ
ที่กองบัญชาการของนายพลแกริสัน ข่าวการถูกยิงตกของ ดูแรนท์ ทำให้สหายศึกของเค้าหลายคนเตรียมตัวบุกเข้าไปในเมืองอีกเพื่อทำการช่วยเหลือทั้งทั้งที่เพิ่งหลบออกมาได้กับขบวนคอนวอยเที่ยวแรก หลายคนเริ่มสติแตกจะไม่ยอมกลับไปอีก แต่บางคนอย่างเช่น พลฯไซซ์มอร์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพลยิงปืนกลเบาแบบ เอ็ม. 60 ของทีมเร็นเจอร์ แต่ไม่ได้ออกปฏิบัติการด้วยในครั้งแรกเพราะอุบัติเหตุจากการเล่นปิงปองทำให้ต้องเข้าเฝือกมือข้างซ้าย ไซซ์มอร์ ในเครื่องแบบพร้อมรบเดินใช้มีดดาบปลายปืนตัดเฝือกที่มือเข้ามาหากลุ่มเพื่อนที่จะออกไปรบอีกรอบหนึ่ง ซึ่งก็เป็นการสร้างขวัญให้เพื่อนคนอื่น ๆ ที่เริ่มสติแตกให้กลับคืนมาเป็นพลรบผู้กล้าหาญอีกครั้งหนึ่งได้เหมือนกันครับ
หลังจากที่ต้องเสีย แบล็กฮ็อค ไปแล้วสองลำ อีกทั้งกองกำลังทั้งหมดได้รับความสูญเสียและยังรวบรวมกันเป็นกลุ่มไม่ได้ โดยทีมของผู้กองสตีลแห่งหน่วยเร็นเจอร์ต้องตั้งจุดรวมพลฉุกเฉินเพื่อดูแลคนเจ็บที่อาคารหลังหนึ่งไกล้โรงแรมโอลิมปิค จ่าเอฟเวอร์สแมน ก็ต้องตั้งจุดคุ้มกัน ฮ. ซุปเปอร์ ซิก วัน ที่ยังมีศพของ “เอลวิส” วอลคอท และลูกเรือที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ในเครื่องอีกจุดหนึ่ง ในขณะที่ทีมเดลต้านำโดยจ่าแซนด์เดอร์สัน ก็กำลังพาลูกทีมเข้าไปช่วยเหลือ โดยมีขบวนคอนวอยของผู้การแม็คไนท์วิ่งวนเป็นหนูติดกับอยู่กลางเมืองเพราะหาทางไปไหนไม่ถูก ตรงนี้นะครับ สาเหตุน่าจะมาจากข่ายการสื่อสารที่ซับซ้อนมากเกินไป เพราะกว่าที่ผู้การแม็ททิวซึ่งอยู่บนศูนย์อำนวยการลอยฟ้าจะรับสัญญาณจากเครื่องสอดแนมโอไรออนที่อยู่สูงขึ้นไปอีกแล้วส่งข่าวบอกเล้นทางให้ผู้การแม็คไนท์ได้รู้ ขบวนคอนวอยก็วิ่งผ่านจุดที่ต้องการมาแล้ว ทำให้ต้องเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งท่ามกลางการระดมยิงต่อต้านจากนักรบพื้นเมือง ในหนังนะครับ พวกเค้าใช้จรวดต่อสู้รถถังแบบ อาร์พีจี. ยิงกันปลิวว่อนร่วมร้อยนัดได้มั้ง ไม่รู้ว่าขนเอามาจากไหนมากมาย ยิงกันได้น่าหวาดเสียวมากเลย บางคนงี้นะครับ ถูกยิงตัวขาดเป็นสองท่อนตั้งแต่เอวลงมา ยังมีแรงเหลือสั่งเสียพรรคพวกได้อีกก่อนที่จะตาย ในขณะที่บางนัดที่ด้าน ก็เพียงแต่เสียบทะลุลำตัวโผล่หัวมาอีกข้างหนึ่งให้หวาดเสียวเล่นซะงั้นเอง ถึงตอนนี้ นายพลแกริสันนั่งไม่ติดเก้าอี้แล้วครับ สูญเสียมากเหลือเกิน เลยต้องยอมไปขอกำลังสนับสนุนจากกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็น.ที่กว่าจะยอมรวมพลส่งกำลังไปช่วยได้ก็ท่ามากซะเหลือเกินครับ ผมเดาเอาว่า แผนการรบของพวกเค้าคงจะได้มาจากประเทศอังกฤษที่เคยปกครองพวกเค้ามาก่อน เพราะกองกำลังของ ยูเอ็น.ที่ว่านี้ประกอบไปด้วยทหารปากีสถานและมาเลเซีย ที่ท่ามากรู้มากไม่ยอมออกรบถ้ารู้ว่าเสียเปรียบเหมือนการรบของนายพลมอนต์โกโมรี่ที่แก่งแย่งชิงดีกับนายพลแพตตันมาตลอดสงครามโลกครั้งที่สองนั่นแหละครับ สังเกตไหมครับไม่ว่าหนังเรื่องไหนถ้ามีบทบาทการรบของนายพลคนนี้ จะเห็นความเฉื่อยชาของทหารอังกฤษตลอดเวลา…แบบว่า ถึงใครจะตายก็ช่างมัน ให้กูอยู่ก็แล้วกัน …ประมาณนี้แหละครับ
กลับมาที่หนังของเราต่อนะครับ เกือบห้าโมงเย็น ขบวนคอนวอยของ แม็คไนท์ ที่ประสบความสูญเสียอย่างหนักได้รับคำสั่งอนุญาตให้ถอนตัวกลับที่ตั้งพร้อมพัสดุรวมทั้งทหารที่บาดเจ็บและอีกหลายร่างที่ไร้วิญญาณของนักรบผู้กล้าหาญเท่าที่รวบรวมได้ เพราะการที่จะให้ผู้การแม็คไนท์บุกฝ่าเข้าไปลำเลียงพลรบทุกทีมออกมานั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องพึ่งยานรบหุ้มเกราะของ ยูเอ็น. แทน จนกระทั่งค่ำลง ทีมเดลต้าที่นำโดยแซนด์เดอร์สัน จึงเข้าไปรวมกำลังกับเร็นเจอร์ของเอฟเวอรส์แมนบริเวณที่ ซุปเปอร์ ซิก วัน ตกอยู่ได้อย่างจวนเจียนเต็มที เพราะทีมของเอฟเวอรส์แมนกำลังถูกถล่มด้วยอาวุธหนักทั้งปืน ค. และปืน ปรส.อยู่พอดี แซนด์เดอร์สัน ที่เข้าไปถึงจึงตลบหลังจัดการกับอาวุธหนักดังกล่าวลงได้พอดีท่ามกลางความอ่อนล้าและขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำดื่ม และกระสุนปืนของทีม เร็นเจอร์
ตลอดคืนหฤโหดนั้น ฮ.แบบลิตเติลเบิร์ด ได้สับเปลี่ยนกันเข้ายิงคุ้มกันให้ตลอดเวลาที่ถูกร้องขอจากภาคพื้นดิน พร้อมกับบินกระจายเสียงประกาศให้ ไมค์ ดูแรนท์ มีความหวังว่า เค้าจะได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน
ห้าทุ่มครึ่งของคืนนั้น ขบวนยานต์ยนต์หุ้มเกราะของ ยูเอ็น. เริ่มเคลื่อนกำลัง โดยผู้การแม็คไนท์อาสาเข้าร่วมปฏิบัติการอีกครั้งหนึ่งทั้งที่ตัวเองก็ถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเข้าถึงที่หมายที่เป็นจุดรวมพลชั่วคราวทั้งสองจุดก็ร่วม ๆ ตีสองเข้าไปแล้ว การเคลื่อนย้ายคนเจ็บและศพคนที่ตายเป็นไปด้วยความยากลำบากจากการต่อต้านของสมุนนายพล ไอดิด และปัญหาที่ตามมาอีกคือ จำนวนคนที่บาดเจ็บและตายมีมากจนทำให้ไม่มีที่ว่างพอสำหรับพลรบที่เหลือจะโดยสารไปกับขบวนลำเลียงได้ ทำให้ต้องมีการวางแผนจัดกำลังส่วนหนึ่งเดินเท้าออกมาจากสนามรบ
ประมาณหกโมงเช้าของวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม การกู้ศพนักบินและนำคนเจ็บออกจากซากเครื่องบินทำได้สำเร็จ ซากฮ.ถูกทำลายเพื่อไม่ให้เกิดประโยชน์ต่อข้าศึก ขบวนยานยนต์หุ้มเกราะออกเดินทางจากโมกาดิสชูโดยมีเป้าหมายที่จุดรวมพลของกองกำลังยูเอ็น.ซึ่งเป็นสนามกีฬาแห่งหนึ่งที่อยู่นอกเมืองและอยู่นอกเขตอิทธิพลของไอดิด ทีมเดลต้าและเร็นเจอร์ที่ยังสมบูรณ์อยู่ต้องเดินทางด้วยเท้าตามขบวนออกมาท่ามกลางการยิงไล่ตามของเหล่านักรบพื้นเมือง แต่ยังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายเพิ่มเติมอีกครับ
ผลของการสู้รบครั้งนี้ กองกำลังผสมของสหรัฐฯ เสียชีวิต 19 นาย นักรบพื้นเมืองของ ไอดิด เสียชีวิตประมาณ 1,000 นาย นี่ยังไม่นับผู้บริสุทธิ์อื่น ๆ อีกนะเนี่ย นี่แหละครับ ผลของสงคราม ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลยนอกจากความสูญเสีย แต่ถ้าถามว่า แล้วพวกเค้ารบกันทำไม หรือ ทำไมต้องไปรบกัน คำตอบมีมาจากจ่าเอฟเวอรส์แมนที่ผู้สร้างเจาะจงให้ถ่ายทอดคำตอบนี้ออกมาในฉากต้น ๆ ของหนังตอนที่พวกเค้านั่งคุยกันอยู่ในยามพักผ่อนครับ เมื่อลูกทีมคุยกันถึงพวกชาวพื้นเมือง และถามความเห็นต่อจ่า ซึ่งคำตอบของจ่าเอฟเวอรส์แมนคือ พวกเค้าไม่มีงานทำ ขาดแคลนอาหาร ด้อยการศึกษาและไร้ซึ่งอนาคต มีสองทางที่พวกเราเลือกได้คือ 1. หาทางช่วยเหลือพวกเค้า หรือ 2. นั่งดูดายปล่อยพวกเค้าไปตามยถากรรมผ่านสื่อต่าง ๆ อยู่กับบ้านเฉย ๆ
กองกำลังฝ่ายต่อต้าน
หนังที่ผมดูอยู่และนำมาเล่าให้ฟังนี้เป็น ดีวีดี ความยาว 144 นาทีครับ เห็นบอกว่าถ่ายทำกันที่ มอร็อคโค จากหนังสือของ Mark Bowden โดย Ridley Scoll อำนวยการสร้างเมื่อปี 2001 คุณภาพสี่ดาวจากการโหวตของ USA TODAY กับอีก 2 รางวัลจาก Academy Awards บทภาษาไทยเยี่ยมครับ ดารามีทั้งที่ผมรู้จักดีและไม่ค่อยรู้จัก อย่างผู้การแม็คไนท์นี่ก็คือจ่าไมค์ จ่าคู่ใจของผู้กองมิลเลอร์ที่ร่วมรบกันตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองจนตายด้วยกันทั้งคู่ครับ (
Saving Private Ryan) ส่วนผู้กองสตีลนั้น อดีตชาติของแกเคยเป็นถึงพันเอกเลยนะครับ พันเอกแทรวิงตัน แห่งหน่วยทหารม้า กรีนดรากูน ที่ถูกผู้พันเบ็นจามิน มาร์ติน ฆ่าตายซะด้วยความแค้นที่ลูกชายทั้งสองคนต้องมาถูกฆ่าตาย (
The Patriot) จากพันเอกผมยาวประไหล่มาเป็นผู้กองเร็นเจอร์หัวโล้นเหม่งเลย ส่วนคนสุดท้ายที่ผมจำได้นี่ก็เป็นนักบินอาวกาศเก่าครับ ผู้การชาร์ป ที่ขับยานอาวกาศพา แฮรี่ สแตมเปอร์ นักขุดเจาะมือหนึ่งของโลกขึ้นไปเจาะและวางระเบิดดาวหางขนาดมหึมาที่จะโคจรมาทำลายโลกเรา (Armageddon) ไม่รู้ว่าทำอีท่าไหนถูกปลดจากนักบินอาวกาศมาเป็นจ่าแซนด์เดอร์สัน นักรบใจถึงของหน่วยรบเดลต้าไปได้ รู้จักอยู่แค่นี้เองครับผม
เบื้องหลังการถ่ายทำนั้น มีที่ปรึกษาทางทหารมาช่วยด้วยหลายคนเลยครับ รวมทั้งการกล้อนผมนักแสดงให้สั้นเหมือนทหารจริงและนำไปเข้าค่ายฝึกกันจริง ๆ ด้วยทั้งท่าทางการใช้อาวุธและการเคลื่อนตัว ก็สมจริงสมจังดีครับ ไม่เหมือนทหารในละครหรือหนังบ้านเราที่บางคนผมยาวประต้นคอหรือบางทีนายทหารระดับร้อยเอกหรือนายพันที่เอานักแสดงวัยรุ่นมารับบท หน้าอ่อนยิ่งกว่าก้นเด็กซะอีก ไม่รู้ว่าวางตัวละครเข้าไปได้อย่างไรกันครับ
เพลงประกอบภาพยนต์หลาย ๆ เพลงก็ถูกใจผมซะเหลือเกิน ส่วนใหญ่เป็นเพลงของ เอลวิส ซะด้วย คงเป็นเพราะวีรบุรุษตัวจริงคนหนึ่งที่เป็นนักบิน คือ คลิฟท์ วอลส์ควอท ใช้ชื่อ เอลวิส เป็นชื่อเรียกเล่น ๆ และระหว่างทำการบินก็คงจะเปิดเพลงพวกนี้แก้เหงาไปด้วยครับ ฟังแล้วก็คิดถึง เอลวิส นะครับ
พิมพ์ไปเรื่อย ๆ ได้มาตั้ง 7 หน้า ยาวกว่าทุกเรื่องที่ผมเคยคุยมาเลยมั้งเนี่ย webmaster คงไม่ว่าอะไรนะครับ อ้อ ! มีมาสะดุดตรงชื่อหนังในภาษาไทยนิดนึง เค้าตั้งชื่อว่า “ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ” แหม…ชื่อรหัสปฏิบัติการเค้าน่ารักออก Irene ถ้าเป็นสาว ๆ ชื่ออย่างนี้น่าจะเป็นคนน่ารักนะครับ สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อน ๆ
iseehistory.com ทุกท่านโชคดีมีความสุข สุขภาพแข็งแรงกันทุกท่านนะครับ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ Black Hawk Down ชื่อภาษาไทย ยุทธการฝ่ารหัสทมิฬ
ชนิดแผ่น ดีวีดี ความยาว 144 นาที สร้างโดย โคลัมเบียพิคเจอร์
ดารานำแสดง
· Jose Hartnett : Eversman
· Tom Sizemore : McNight
· Eric Bana : Hoot
· Williams Fichtner : Sanderson
· Jason Isaacs : Steels
· Sam Shepard : Garrison
· Ron Eldard : Durant
คำคมและข้อคิด
· Only the dead have seen the end of war / Plato
· พวกเค้าไม่มีงานทำ ขาดแคลนอาหาร ด้อยการศึกษาและไร้ซึ่งอนาคต มีสองทางที่ พวกเราเลือกได้คือ 1. หาทางช่วยเหลือพวกเค้า หรือ 2. นั่งดูดายปล่อยพวกเค้าไปตาม ยถากรรมผ่านสื่อต่าง ๆ อยู่กับบ้านเฉย ๆ
หมายเหตุ 1
ภาพยนต์เรื่องอื่นในแนวเดียวกันที่น่าสะสมได้แก่เรื่อง Tears Of The Sun ซึ่งนำแสดงโดยBruce Willis เป็นหนังแอ็คชั่นที่มีฉากและเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสงครามศาสนาในอัฟริกาเหมือนกันครับ
หมายเหตุ 2
มีคำถามครับ อยากทราบเรื่องธงชาติที่เป็นเครื่องหมายติดที่ไหล่ขวาของทหารในเรื่องน่ะครับ จากเดิมที่ผมเคยเห็นนั้น เครื่องหมายดาวทั้ง 50 ดวงจะอยู่ด้านบนซ้ายของแถบ 13 แถบ แต่ที่เห็นในหนังนั้น ดาว 50 ดวงกลับอยู่ที่ด้านบนขวาของแถบครับ เค้าเปลี่ยนกันตั้งแต่เมื่อไหร่รบกวนเพื่อน ๆ อธิบายให้ผมรู้ทีครับเป็นวิทยาทาน ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
หมายเหตุ 3
เรื่องที่เตรียม ๆ ไว้ว่าจะเขียนต่อไปนะครับนอกจาก The Sound of Music ที่ตอนนี้แผ่นเสียไปแล้วกำลังหาอยู่ ก็มี Das Boot ; Master and Commander ; K – 19 ; How the west was won ไม่ทราบว่าเพื่อน ๆ อยากให้คุยถึงเรื่องไหนก่อนครับ
เอ้า…ขอเสียงหน่อยยยยยยยยยยยยยยยยย
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์
วันที่ตอบ 2008-05-31 16:00:50
