
Countryboy
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว
iseehistory.com ทุกท่าน เมื่อตอนที่ผมจบเรื่องที่แล้วนั้น (
Black Hawk Down) อุตส่าห์ขอเสียงเชียร์ว่าอยากให้คุยกันถึงเรื่องอะไรกันต่อก็เงียบเชียบเสียเหลือเกิน ก็เลยตกลงใจเองว่าเอาเรื่องนี้ดีกว่า
Das Boot ครับ ตามที่อ่านจากกระทู้ของเพื่อน ๆ ว่าเป็นหนังสงครามที่น่าดูอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
Das Boot U- 96 เป็นเรื่องเล่าถึงการต่อสู้ของเรือดำน้ำเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการเกริ่นนำในเรื่องว่า ปี 1941 ที่ฐานทัพเรือดำน้ำของเยอรมันที่ La Rochelle ในฝรั่งเศส ซึ่งตอนนั้นยังถูกยึดครองโดยเยอรมัน ฮิตเลอร์หวังว่า กองเรือดำน้ำของเขาที่นี่ จะสามารถปิดล้อมมหาสมุทรแอตแลนติก และสามารถปิดกั้นการลำเลียงเพื่อส่งกำลังบำรุงต่าง ๆ ของพันธมิตรที่มายังประเทศอังกฤษซึ่งเป็นคู่สงครามกันได้
แต่ความเป็นเจ้าทะเลของอังกฤษตั้งแต่อดีตนั้นก็ยังคงอยู่ กองเรือลำเลียงยังสามารถฝ่าการปิดล้อมของเรือดำน้ำได้อยู่ตลอดเวลาด้วยการใช้เรือพิฆาตเป็นอาวุธสำคัญในการคุ้มกัน เรือดำน้ำของเยอรมันถูกทำลายลงเป็นจำนวนมาก แม้ว่าเยอรมันจะทุ่มกำลังเข้าไปมากเท่าใดก็ตาม ก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชัยต่อกองเรือของอังกฤษไปได้ เรือลำแล้วลำเล่า นักรบหนุ่มคนแล้วคนเล่า ที่ต้องสูญหายไปกับทะเลลึกอันเป็นสมรภูมิของพวกเค้า จากจำนวนทหารเรือของกองเรือดำน้ำร่วม 40,000 คนนั้น 30,000 คน ไม่ได้กลับมา
หนังเปิดฉากที่สโมสรนายทหาร เป็นการเปิดตัวผู้การเรือ ต้นกล รอง 1 และ รอง 2 รวมทั้งหมวด เวอร์นเนอร์ ซึ่งเป็นนายทหารประชาสัมพันธ์ที่จะร่วมเดินทางไปกับเรือดำน้ำ U – 96 เพื่อที่จะกลับมาเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้แนวหลังฟังเป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้กับชาวเยอรมันที่มีความนิยมในตัวท่านผู้นำของเค้า
ในสโมสร เราจะได้เห็นถึงอาการปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันต่าง ๆ ในสมรภูมิของเหล่านักรบทั้งหลาย ซึ่งก็หนีไม่พ้นเหล้านั่นเอง หลายคนที่จัดว่าเป็น เฒ่าทะเล ออกอาการด่าว่าผู้นำของพวกเค้าที่สั่งให้พวกเค้ามารบ ท่ามกลางสายตาของนักรบหนุ่มบางคนที่มีความชื่นชมในตัวของท่านผู้นำอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนสนุกสนานกันเต็มที่ เพราะต่างรู้ดีว่า พวกเค้า อาจไม่มีโอกาสที่จะกลับมาสนุกอย่างนี้ได้อีก ซึ่งในขณะเดียวกันกับที่ต้นกลเรืออู – 96 ก็กำลังเครียดเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของเค้าที่ป่วยอยู่ที่แผ่นดินแม่ โดยมีผู้การเรือคอยปลอบใจอยู่ด้วย
เมื่อถึงเวลาออกเรือ เหล่าลูกนาวีหนุ่ม ๆ ต่างแสดงความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่ที่จะได้ออกทะเลครั้งนี้ ทุกคนดูสดชื่นและมีขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยม เมื่อเรือออกจากท่า มีผู้คนมาส่งมากมาย รวมทั้งมีวงดุริยางค์มาร่วมบรรเลงอีกด้วย
บรรดาลูกเรือตั้งแถวก่อนออกทะเล
ภายในเรือ หมวดเวอร์นเนอร์ ได้รับการพาทัวร์ทั่วลำเรือเพื่อให้รู้สภาพต่าง ๆ ซึ่งเหมือนกับพาเราเข้าทัวร์ด้วยละครับ เราจะได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แสนจะคับแคบ แออัด ที่นอนก็มีเพียงครึ่งเดียวของจำนวนคน โดยต่างก็เปลี่ยนกันใช้ที่นอนที่ว่านี้ระหว่างพวกที่เข้าเวรกับพวกที่พัก ในเรือเต็มไปด้วยอาหารที่พวกเค้าพยายามขนมาให้มากที่สุด เราจะเห็นอาหารเหล่านี้แขวนเต็มไปทั่วเท่าที่จะแขวนเก็บได้แม้แต่ในห้องยุทธการ ในขณะที่เรือทั้งลำ มีห้องส้วมเพียงห้องเดียวที่ใช้กันตั้งแต่ผู้บังคับการเรือลงมาจนถึงกลาสีคนสุดท้าย
อาหารแต่ละมื้อนั้นจะมีโต๊ะแคบ ๆ สำหรับนายทหารเท่านั้น แคบขนาดที่ใครจะผ่านไปมาต้องขออนุญาตให้นายทหารคนใดคนหนึ่งลุกหลีกทางให้ ในขณะที่ลูกเรือจะต้องนั่งกินกันบนพื้นเรือด้วยถาดอาหารในบริเวณที่ที่พวกเค้าอยู่กันอย่างคับแคบนั่นเอง ลำบากขนาดนี้ ยังอยากออกรบกันเลยครับ
สภาพความเป็นอยู่ในเรือที่แสนจะคับแคบ
ระหว่างการเดินทาง มีการฝึกดำฉุกเฉินในสถานการณ์ถูกโจมตี เหมือนอย่างที่เคยอ่านหรือเคยดูมานั่นแหละครับ ดำฉุกเฉินที ลูกเรือก็วิ่งไปหัวเรือที เพื่อเป็นการช่วยกดหัวเรือให้ดำลงได้เร็วขึ้น ทุกคนทำได้ดีมากครับ ดูจากที่ตอนเค้าแถมท้ายมาเป็นเบื้องหลังการถ่ายทำนั้น ได้ยินแว่ว ๆ ว่าทุกคนต้องฝึกกันเหมือนทหารเรือดำน้ำจริง ๆ เลย เวลาภาพที่ออกมาดูไม่สับสนวุ่นวายเลยครับ
20 วันผ่านไปท่ามกลางทะเลที่คลั่งตลอดเวลา รวมทั้งหมอกที่ลงจัดอีกด้วย ผู้การเรือเริ่มเครียดแล้วครับ ยังหาข้าศึกไม่เจอเลยซักลำ ได้แต่ดักฟังข่าวของเพื่อนร่วมรบ เช่น อู – 37 ที่กำลังไล่ล่าคอนวอยของอังกฤษอยู่ แต่ อู – 96 อยู่ห่างเกินกว่าที่จะเข้าร่วมขบวนการล่าได้ทัน ทำให้ผู้การหัวเสียมาก
ผู้การ - ต้นกล
เวอร์เนอร์ - รอง2 - รอง1
ต่อมามีข่าวจาก อู – 36 ว่าเจอขบวนเรือลำเลียงของอังกฤษร่วม 30 ลำ ผู้การสั่งลอยลำขึ้นผิวน้ำเพื่อให้ใช้เครื่องจักรทำความเร็วสูงสุดเข้าไปช่วย ตรงนี้ ขอขยายความนิดนึงนะครับสำหรับท่านที่สงสัย คือเรือดำน้ำนั้น เมื่ออยู่ใต้น้ำ จะใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านะครับ ซึ่งทำความเร็วได้ระดับนึง อาจจะประมาณ 10 น๊อต มากน้อยกว่านั้นแล้วแต่แบบของเรือนะครับ แต่ถ้าอยู่บนผิวน้ำ สามารถใช้เครื่องจักรใหญ่ที่สามารถทำความเร็วได้สูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว ขออภัยสำหรับท่านที่ทราบเรื่องนี้แล้วด้วยนะครับ
ต่อกันนะครับ เริ่มรบกันแล้ว แต่เป็นการถูกกระทำข้างเดียว เพราะระหว่างนั้น อู – 96 สามารถตรวจพบเรือพิฆาตของอังกฤษที่กำลังตั้งเข็มเข้าหาเรือ อู ที่ถูกตรวจพบก่อนพอดี ผู้การสั่งดำฉุกเฉินและประจำสถานีรบ แต่ไม่ทันที่จะใช้ ตอร์ปิโดร์ต่อสู้ได้ เรือพิฆาตซึ่งมีความเร็วสูงกว่ามากก็มาอยู่บนหัวซะแล้ว ผู้การต้องสั่งดำหนีการโจมตีด้วย Depth Charge หรือระเบิดน้ำลึกจากเรือพิฆาตอย่างหัวซุกหัวซุน การไล่ล่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นครับ เรือพิฆาตใช้ โซนาร์ เป็นเครื่องมือในการค้นหา ฝ่ายเรือ อู ก็มีเครื่องฟังเสียงใต้น้ำไว้คอยตรวจสอบตำแหน่งเรือพิฆาต ผู้การต้องใช้ไหวพริบและความชาญฉลาดในการนำเรือหลบหนีข้าศึกที่หย่อนระเบิดน้ำลึกใส่หัวอยู่โครม ๆ มีทั้งการเปลี่ยนระดับความลึกและทิศทางเรือเพื่อให้เรือพิฆาตหลงทาง ทุกคนต้องอยู่ในความเงียบ ขนาดเดินยังต้องย่องเลยครับ
หลบหลีกเรือพิฆาตที่มีระเบิดน้ำลึกเป็นอาวุธ
หลังจากการสลัดหลุดจากการไล่ล่าของเรือพิฆาตมาได้ อู – 96 ก็พยายามที่จะตามหากองเรืออังกฤษต่อไปท่ามกลางความบ้าคลั่งของทะเลในมหาสมุทรแลตแลนติคในช่วงปลายปี คนในเรือหนวดเคราเริ่มรุงรัง อาหารเริ่มจะขาดแคลน ขนมปังมีราขึ้น อันนี้ผมเคยอ่านเจอเรื่องของสงครามเรือดำน้ำที่ผู้การประเทือง ศรีสุข เคยเขียนเอาไว้เหมือนกันครับ เมื่ออยู่ในเรือนาน ๆ ขนมปังเริ่มขึ้นรา แต่พวกเค้าไม่ทิ้งไปเลยนะครับ เค้าจะค่อย ๆ เฉือนราดำ ๆ นั่นออกไปทำซุปอีกที ในหนังก็เห็นนั่งเฉือนออกอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เห็นว่าเอาไปทำอะไรต่อ เห็นแต่อารมณ์ขันของรอง 2 อารมณ์ดีที่ยังบอกว่า อย่างน้อย ๆ ในเรือลำนี้ ก็ยังมีราขึ้นงอกงามออกมาได้
ในระหว่างลาดตระเวน อู – 96 เกือบจะโดนกับเรือของ ทอมเซ็น ผู้การขี้เมาที่เจอกันเมื่อตอนต้นเรื่อง ทำให้ผู้การเรือ อู – 96 โมโหมากที่ไม่เจอเรือข้าศึกเจอแต่เรือพวกเดียวกัน บรรยากาศในเรือตรึงเครียดเพิ่มขึ้น ต้นกลก็คิดถึงเมียที่ป่วยอยู่ที่บ้าน กลาสีหนุ่มบางคนก็คิดถึงแฟนที่ฝรั่งเศส เฝ้าแต่เขียนจดหมายทุกวันทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าจะได้ส่งเมื่อไหร่ ที่น่าขำก็คือมี โลน ระบาดในเรือ เหล่ากะลาสีติดโลนกันหลายคน ไม่เว้นแม้แต่ รอง 1 ผู้เคร่งครัดและเนี๊ยบไปหมดแม้เวลากินอาหารก็ตาม นอกจากนั้น ผู้การยังกลัวว่าจะออกนอกเส้นทางเดินเรือทั่วไปที่คอนวอยของอังกฤษใช้กัน เพราะสภาพอากาศที่ปิดตลอดเวลาทำให้หาตำแหน่งเรือจากการวัดมุมแดดไม่ได้เลยมาสิบกว่าวันแล้ว
และแล้ว ในที่สุดเวลาที่พวกเค้าเฝ้าคอยก็มาถึง เมื่ออากาศเปิด คลื่นลมสงบ อู – 96 สามารถตรวจพบคอนวอยขบวนหนึ่ง ผู้การสั่งนำเรือเข้ารบทันทีที่ระยะประมาณ 2,000 หลา อู – 96 ยิงตอร์ปิโดไป 4 ลูกก่อนที่เรือพิฆาตที่คุ้มกันคอนวอยมาจะตรวจพบและแล่นเข้าโจมตี ผู้การสั่งดำหนีการไล่ล่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ไม่ได้หนีการไล่ล่าเพียงอย่างเดียว แต่พวกเค้าเฝ้าฟังเสียงระเบิดจากตอร์ปิโดทั้ง 4 ลูกที่ยิงออกไปด้วยว่าจะถูกเป้าหรือไม่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ตอร์ปิโด 3 ใน 4 ลูกถูกเป้าหมาย ในขณะที่เรือพิฆาตก็เข้าทำการโจมตีด้วยระเบิดน้ำลึกอย่างรุนแรง ไม่ใช่ลำเดียวนะครับ มากันถึง 2 ลำด้วยกัน ผู้การต้องใช้ฝีมืออย่างเต็มที่ในการนำเรือหลบหนีออกมาจากการโจมตีนั้นท่ามกลางความเสียหายที่ได้รับ และท่ามกลางความขวัญเสียของลูกเรือบางคนรวมทั้ง หมวดเวอร์นเนอร์ ที่กลัวจนหนีไปนอน ไม่รู้ว่าแกหลับลงไปได้ยังไงตั้งหลายชั่วโมง สู้รอง 2 ไม่ได้ครับ ระหว่างหลบหนีการไล่ล่าอยู่นั้น แกปวดฉี่ขึ้นมาก็ไม่ยอมยกมือขออนุญาตผู้การลาไปปัสสาวะ แกยืนฉี่ใส่กระป๋องตรงตำแหน่งประจำสถานีรบของแกนั่นเองครับ
ยิงตอร์ปิโดจมเรือในคอนวอย
แต่ที่แย่ที่สุดคือ โยฮัน ช่างเครื่องที่กรำศึกมาแล้วกับเรือดำน้ำถึง 9 ครั้ง แต่ครั้งนี้แกกลัวจนสติแตก จะพยายามหนีออกจากเรือทั้ง ๆ ที่ยังดำอยู่ใต้น้ำ ผู้การสั่งยังไงก็ไม่เชื่อ สติแตกแล้วนี่ครับ ผู้การต้องเข้าไปคว้า วอลเธอร์ พี – 38 จะเอามายิงทิ้ง ดีว่าต้นกลและพรรคพวกช่วยกันจับยัดไปไว้ที่ห้องเครื่องได้ทันซะก่อน เลยรอดตายไป
6 ชั่วโมงผ่านไป อู – 96 สามารถหลบหลีกการไล่ล่าของเรือพิฆาตทั้งสองลำออกมาได้ และขึ้นสู่ผิวน้ำอีกครั้งหนึ่งเพื่อดูผลงานจากตอร์ปิโดของเค้าซึ่งยังเหลือลอยลำติดไฟอยู่อีก 1 ลำ ตอนนี้เรือพิฆาตอังกฤษไปแล้วนะครับ ตั้ง 6 ชั่วโมงแล้วนี่นา คงคิดว่าเรือ อู จมไปแล้วมั๊ง แถมตอนไปดันไปเฉย ๆ ซะอีก ลูกเรือสินค้าที่รอดตายยังติดอยู่ในเรือที่ไฟโหมไหม้คึ่ก ๆ อยู่อีกตั้งหลายคนไม่ยอมช่วยรับไปด้วย ผู้การเรือ อู – 96 ไม่ทันเห็นนี่ครับ สั่งยิงตอร์ ฯ ไปอีกลูกเพื่อจะได้จม ๆ ไปซะจะได้ลงปูมเรือได้อย่างภูมิใจว่ายิงเรือจมไปแล้วกี่ลำกี่ตัน พอสั่งยิงไปลูกนึงที่ระยะไม่ถึงกิโลถึงได้รู้ว่ายังมีลูกเรือสินค้าติดอยู่ตอนที่เรือระเบิดจะจมลงนี่เอง พวกเค้าพากันเสียใจนะครับที่ไม่อาจช่วยเหลือรับลูกเรือเหล่านั้นขึ้นมาบนเรือเค้าได้ คงเพราะเคยมีเหตุการณ์ที่เรือดำน้ำเยอรมันหลังจากยิงเรือข้าศึกจมลงแล้ว และในขณะที่อยู่ในระหว่างช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตขึ้นมานั้นปรากฏว่าถูกโจมตีจากฝ่ายข้าศึกอีกต่างหากทั้ง ๆ ที่ทางเรือ อู ได้ส่งสัญญาณทุกอย่างให้รู้แล้วด้วย
เรื่องนี้ผมอ่านเจอมาจากหนังสือของผู้การประเทือง ศรีสุข เช่นกันครับ ขออนุญาตนำมาเล่าย่อ ๆ นะครับ เรือลำนั้นคือเรือ อู – 156 ของผู้การ ฮาร์ทเทนสไตน์ ได้ยิงเรือ ลาโคเนีย ของสายการเดินเรือ คิวนาร์ด ไว้ท์สตาร์ (จำชื่อบริษัทเดินเรือบริษัทนี้ได้หรือเปล่าครับ คุ้น ๆ กันหรือเปล่า) ระวางขับน้ำเกือบสองหมื่นตันจมลงโดยมีคนบนเรือทั้งหมด 2,000 กว่าคน เรือ อู – 156 ได้เข้าไปช่วยผู้รอดชีวิต และออกอากาศทางวิทยุเป็นภาษาอังกฤษซ้ำ ๆ กันอีกต่างหากว่า “ถ้าเรือลำใดที่จะเข้ามาช่วยเหลือผู้รอดชีวิต จะไม่ถูกโจมตีจากเรือ อู และ เรือ อู จะต้องไม่ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน” รวมทั้งการทำธงกาชาดขึงไว้บนเรือเพื่อให้เครื่องบินได้เห็นอีกด้วย แต่เรือ อู – 156 ยังถูกโจมตีด้วยเครื่องบินแบบ ลิเบอร์เลเตอร์ ติดเครื่องหมายธงอเมริกัน (???) อีกจนได้ แม้ว่าจะมีนักบินอังกฤษที่ทางเรือ อู ช่วยชีวิตขึ้นมาขออนุญาตผู้การเรือ อู – 156 ส่งสัญญาณไฟแจ้งข่าวแก่นักบินแล้วก็ตาม เครื่องบินลำนั้นทิ้งระเบิดลงมาถึง 5 ลูกทำให้เรือได้รับความเสียหาย กัปตัน ฮาร์ทเทนสไตน์ ต้องสั่งตัดเชือกเรือชูชีพและให้คนที่ช่วยเหลือขึ้นมาจากทะเลต้องโดดลงทะเลไปอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับสั่งดำฉุกเฉินโดยเรือได้รับความเสียหายหลายจุดด้วยกัน โชคยังดีที่นักบินได้พาเครื่องจากไปเสียก่อนหรือว่าระเบิดหมดก็ไม่รู้ซีครับ เรือ อู – 156 เลยยังไม่จมและพวกเค้าช่วยกันซ่อมจนเรือกลับมารบได้เหมือนเดิม ตอนนั้น เดอนิทซ์ แม่ทัพเรือเยอรมันยั๊วมาก เลยสั่งห้ามเรือดำน้ำของตัวทุกลำว่า ไม่ต้องช่วยเหลือลูกเรือของเรือทุกลำที่ยิงได้ แต่…เหตุการณ์นี้เกิดเมื่อวันที่ 12 กันยายน 1942 นี่นา แล้วมาเกี่ยวอะไรกับเรือ อู – 96 วุ๊ย
เอาเป็นว่า อู – 96 ไม่ยอมช่วยลูกเรือเหล่านั้นก็แล้วกันนะครับ ด้วยเหตุผลที่ผู้การบอกว่า เรือเราเต็มแล้ว ตอนนี้ ลูกเรือเริ่มเหนื่อยกับทะเลและต้องการกลับบ้าน ผู้การตัดสินใจเดินทางกลับ แต่ได้รับคำสั่งใหม่ให้ไปรับอาวุธ อาหาร น้ำมันเพิ่มเติมจากเรือลำเลียงของเยอรมันที่ วิโก้ ประเทศสเปน จากนั้นให้นำเรือผ่านช่องแคบ ยิบรัลต้า เพื่อไปยังฐานทัพเรือ ลา สเปเซีย ด้านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เจ้าช่องแคบนี้กว้างเพียง 7 ไมล์เท่านั้นและเรือรบอังกฤษอยู่เต็มไปหมด ผู้การรู้ว่าเสี่ยงมากที่จะนำเรือผ่านออกไปจึงวางแผนให้ต้นกลกลับบ้านไปหาเมียที่ป่วยพร้อมกับ หมวดเวอร์นเนอร์ ที่ไม่ใช่ลูกเรือโดยตรง
ชมภาพวิวทะเลบ้าง ทั้งยามสงบและยามปั่นป่วน
ที่เรือสินค้าซึ่งมาส่งสัมภาระให้นั้นมีเรื่องขำ ๆ เมื่อรอง 1 ซึ่งเนี๊ยบตลอดเวลาแต่งชุดเต็มยศขึ้นเรือในขณะที่นายทหารคนอื่น ๆ มอมแมมกันทั้งนั้น ผู้การเรือสินค้าเข้าใจผิดเข้าไปทักทายอย่างดีเลยละครับ และที่นี่เองที่หน่วยเหนือมีคำสั่งระงับการขึ้นบกของต้นกลและหมวดเวอร์นเนอร์ ทั้งสองคนต้องผจญภัยไปกับ อู – 96 อีกครั้ง
หลังจากรับเสบียงเสร็จ อู – 96 เริ่มออกเดินทางเพื่อผ่านช่องแคบ ยิบรัลต้า ที่เต็มไปด้วยอันตรายจากกองเรือฝ่ายข้าศึกที่เฝ้าช่องแคบนี้อยู่ ผู้การใช้แผนปลอบใจลูกเรือโดยบอกว่า จะเดินทางเวลากลางคืน เมื่อถึงเวลาผ่านช่องแคบ จะดำน้ำและค่อย ๆ ปล่อยให้เรือไหลไปตามกระแสน้ำเพื่อลดการตรวจจับจากฝ่ายอังกฤษ แผนนี้ มีแต่พวกเฒ่าทะเลที่กรำศึกมานานแล้วถึงรู้ว่าเป็นแค่แผนปลอบใจเท่านั้น แต่ทุกคนก็ยินดีที่จะติดตามผู้การของเขาไปทุกแห่งทุกที่ด้วยความเชื่อมั่นในฝีมือ
22.15 น. ขณะที่กำลังนำเรือบนผิวน้ำเพื่อจะหาจุดผ่านช่องแคบ เรือถูกโจมตีจากเครื่องบิน คริชบัม ต้นเรือบาดเจ็บสาหัส เรืออังกฤษที่อยู่รอบ ๆ บริเวณนั้นต่างแห่กันมารุมกินโต๊ะ อู – 96 เรือเสียหายมาก ต้องจมลงถึงก้นช่องแคบที่ความลึกประมาณ 280 เมตร หางเสือติด ระบบควบคุมการดำเสียหาย เรือทะลุรั่วหลายแห่ง ห้องแบตเตอร์รี่รั่ว เครื่องจักรใหญ่เสียหาย แต่ลูกเรือทุกคนยังมีขวัญและกำลังใจที่ดีเยี่ยม พวกเค้าใช้ความสามารถที่มีอยู่พยายามช่วยกันกู้ซ่อมเรือของพวกเค้า
ถูกเครื่องบินโจมตี
โยฮัน ทหารพรรคกลิน (ช่างเครื่อง) ที่เคยสติแตกตอนถูกโจมตีครั้งแรก ๆ นั้น ถึงเวลานี้กลับเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม จุดต่าง ๆ รวมทั้งท่อทางเดินที่รั่วทำให้น้ำเข้าท่วมเรือนั้น โยฮันได้ใช้ความสามารถพาลูกทีมเข้าจัดการอุดได้ทั้งหมด ทำให้เรือปลอดภัยขึ้นมาระดับหนึ่ง จากนั้น ทีมพรรคกลินที่เหลือนำโดยต้นกลฝีมือดีก็เข้าแก้ไขสถานการณ์เป็นจุด ๆ ไป ในขณะที่อากาศในเรือเริ่มจะน้อยลง ลูกเรือที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ถูกสั่งให้อยู่นิ่งและใช้เครื่องฟอกอากาศในการหายใจ การซ่อมดำเนินไปท่ามกลางความตรึงเครียดของทุกคน แต่ทุกคนเก็บอาการไว้ได้ดี
15 ชั่วโมงผ่านไป จากฝีมือของเหล่าพรรคกลินและลูกเรือทุกคน ความเสียหายต่าง ๆ กลับคืนสู่สภาพเกือบปกติ ต้นกลเข้ามารายงานผู้การถึงสภาพของเรือในขณะที่ตัวผู้การเองก็เริ่มท้อแล้ว ทุกคนดีใจที่จะได้กลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง ก่อนสั่งลอยลำขึ้น ผู้การได้ซักซ้อมแผนการต่าง ๆ รวมทั้งให้เตรียมการสละเรือถ้ามีการโจมตีจากเรือข้าศึก เพราะขณะนี้ เรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมรบกับใครเลย
โยฮัน ทหารพรรคกลิน ขณะกำลังฟังเสียงเครื่อง
และแล้ว เหมือนกับพระเจ้ายังปราณีไม่ให้พวกเค้าต้องฝังร่างตายอยู่ใต้ท้องทะเลทั้งเป็น เรือสามารถลอยลำขึ้นมาได้และไม่ปรากฎว่าจะมีเรือข้าศึกอยู่ในบริเวณนั้นอีกด้วย ข้าศึกคงคิดว่าได้ฝังพวกเค้าไว้ใต้ท้องทะเลไปแล้ว เรือเริ่มเดินเครื่องด้วยความเร็วเต็มฝีจักรกลับสู่ฐานทัพที่ ลา โรเชลล์ ท่ามกลางความดีใจของทุก ๆ คนในสภาพที่เรือโทรมเต็มที่
เมื่อถึงท่าเรือที่ ลา โรเชลล์ คริชบัม ถูกนำตัวขึ้นไปเป็นคนแรกเพื่อนำส่งโรงพยาบาลในทันที และในขณะที่ลูกเรืออื่น ๆ กำลังมีความสุขในการที่ได้กลับมาถึงฐานทัพของพวกเค้านั้น เครื่องบินข้าศึกนับสิบลำได้เข้าทำการโจมตีฐานทัพ ทุกคนรีบขึ้นจากเรือพากันหาที่หลบภัย หลายคนบาดเจ็บ และหลายคนต้องตายไป เช่น โยฮัน ช่างเครื่องฝีมือดีผู้ผ่านมาแล้ว 9 สมรภูมิ รอง 2 ผู้มีอารมณ์ดีตลอดเวลา พิลกริม ต้นหนคู่ใจของผู้การ ยังมีเจ้าหนุ่มน้อยหัวใจสีชมพูที่เฝ้าเขียนจดหมายถึงแฟนสาวทุกครั้งที่มีเวลาว่าง และ รวมทั้งผู้บังคับการเรือที่ก่อนจะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย ยังเฝ้ามองเรือคู่ใจของเค้าที่ค่อย ๆ จมลงไปจนหมดลำ คงจะสงสัยก่อนตายมั๊งว่า ทำไม เราอุตส่าห์นำเรือมาได้ขนาดนี้ ฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ นานามาได้ กลับมาล่มเมื่อจอดซะนี่เอง
อุตส่าดั้นด้นมาถึงบ้าน กลับถูกโจมตีจน "เรือล่มเมื่อจอด"
เป็นหนังดูสนุกครับ ได้ความรู้เกี่ยวกับเรือดำน้ำหลาย ๆ อย่าง ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ ได้เห็นความสามัคคีกัน มีฉากที่ชวนให้ตื่นเต้นหวาดเสียวหลายฉาก โดยเฉพาะตอนเสียง โซนาร์ ข้าศึกดังปิ้ง ๆ อยู่บนหัว แล้วก็ตามมาด้วยระเบิดน้ำลึกตูมตามมาอีก ให้อารมณ์ร่วมมันดีครับ เป็นหนังสงครามเรื่องหนึ่งที่ทหารในหนังไม่ได้ยิงกันซักโป้งเดียว ยกเว้นตอนเมาเหล้าในสโมสรตอนต้นเรื่องนะครับ ตอนนั้นยิงเพราะความเมา แถมแม่นอีกต่างหาก ใครมีหนังเรื่องนี้อยู่ลองเปิดดูอีกทีซีครับ ยิงแม่นซะ…ไม่มี
ผมชอบฉากสุดท้ายครับ ตอนที่ผู้การมองเรือแกค่อย ๆ จมลงไป ผมว่าเหมือนกับในเพลงพระราชนิพนธ์ของกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บิดาของทหารเรือไทยเลยครับ ตอนที่ว่า “ถึงเรือจะจมในน้ำธงไม่ต่ำลงมา” เพลง “ดอกประดู่” ไงครับ จำได้ไหม เหมือนในหนังเลยครับ เรือ อู – 96 ค่อย ๆ จมลงไปโดยที่ในขณะนั้น ธงสวัสดิกะ ก็ยังพริ้วอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งจมไปกับเรือ ใครชอบเพลงนี้บ้างครับ ผมมีเป็นรุ่นเก่าแก่มากเลยครับ ได้อารมณ์ไปอีกแบบจากที่ขับร้องและบรรเลงโดยวงดุริยางค์ทหารเรือ เพลงนี้ เคยคึกคักล่าสุดก็สมัยพลเรือเอกสงัด ชลออยู่ เป็นนายกรัฐมนตรี และก็ตอน วีรกรรมดอนแตง อีกครั้ง จากนั้นก็แทบไม่เคยได้ยินจากสื่ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ของกองทัพเรืออีกเลย เป็นเพลงที่ฟังไปแล้วเห็นภาพตามได้อย่างชัดเจนเลยครับ รวมถึงเพลง “หนักแผ่นดิน” ที่ตอนนี้ ปัจจุบันนี้ น่าจะเอามาเปิดให้หลาย ๆ คนรู้ว่า “คนแบบไหน เป็นคนหนักแผ่นดิน”
"ถึงเรือจะจมในน้ำ ธงไม่ต่ำลงมา"
สุดท้าย ขอขอบคุณ คุณสุรพล แห่งร้าน “โมเดลเวิลด์” สนามเป้า ที่กรุณามอบหนังเรื่องนี้ให้ผมได้มาดู และผมก็เอาเขียนคุยกันกับพวกเรา ขอขอบคุณอีกครั้งครับผม
สำหรับเรื่องต่อไป ไหน ๆ เราก็ลงทัวร์เรือดำน้ำกันแล้ว เมื่อ อู – 96 จมลง เราย้ายเรือใหม่กันดีไหมครับ ผมว่าจะพาท่านลงเรือของอังกฤษบ้าง เรื่องต่อไปขอคุยกันถึงเรื่องเรือชื่อ Surprise จากหนังเรื่อง Master and Commander กันนะครับ แล้วค่อยขึ้นบก ไปดูกันว่า ตะวันตกถูกพิชิตได้อย่างไร จากเรื่อง How the West Was Won ตามที่ webmaster คุยไว้ว่า…อยากได้ครับ เพื่อน ๆ สมาชิกท่านอื่น ๆ ว่าอย่างไรบ้างครับ…อืม…ไม่ขอเสียงดีกว่า…ขอไป…เก้อ…ทุกที
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่อง : Das Boot (The Boat)
ชนิดแผ่น : DVD Soundtrack ความยาว 3 ชั่วโมง 27 นาที
ผู้จัดจำหน่าย : Columbia Pictures ปี 1982
อำนวยการสร้าง : Wolfgang Peterson
บทประพันธ์ : Lothar – Gunther Buchheim
ดารานำแสดง
- Jurgen Prochnow
- Herbert Gronemeyer
- Klaus Wennemann
- Hubertus Bengsch
- Martin Semmelrogge
หนังสืออ้างอิง : “ฉลามเหล็ก” แปลโดย นาวาเอกประเทือง ศรีสุข สำนักพิมพ์ บงกช พ.ศ. 2523
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์