โดย "นายพลไอเซนฮาวน์"
เรือ USS Salem ผู้รับบทเป็นเรือ Admiral Graf Spee
เกริ่นนำ
เรื่มโดยเยอรมันหาจุดอ่อนของอังกฤษแล้วไปเจอปัญหาเก่าๆ ในสงครามอังกฤษต้องใช้เรือเสบียงในการทำสงครามทางทะเล หากเยอรมันจมเรือเสบียงของอังกฤษได้ อังกฤษจะไม่มีเสบียง แล้วเยอรมันจะชนะโดยง่ายดาย
เพราะอย่างนี้เยอรมันต้องใช้อาวุธ3อย่าง นั้นคือ กับระเบิดแม่เหล็ก เรือดำน้ำ และเรือพิฆาต
เรือพิฆาตลำนึงของเยอรมันชื่อว่า Admiral Graf Spee ซึ่งมีอานุภาพสูง ความเร็ว อาวุธ เหมือนเสือแห่งท้องทะเล
10 วันก่อนประกาศสงคราม (21 ส.ค.1939/พ.ศ.2482, เยอรมันรุกรานโปแลนด์เมื่อ 1 ก.ย. - webmaster) เรือลำนี้ออกจากท่าลับๆ แล่นผ่านชายฝั่งนอร์เวย์กลางดึก ผ่านช่องแคบเดนมาร์ก ระหว่างกรีนแลนด์กับไอซ์แลนด์ และหายไปในทะเลแอดแลนติกตอนใต้ อันอุดมไปด้วยเรืองเสบียงอังกฤษ ผ่านไปหลายเดือนไม่มีใครสงใสว่าเรือพิฆาตรออยู่ จนกระทั่งมีเรือหายไปหลายลำ
และนี่คือเรื่องราว
วันพุธ ที่ 15 พฤศจิกายน 1939 เรือเสบียงลำหนึ่งชื่อว่า แอฟริกา เชลล์ แล่นอยู่ในน่านน้ำอาณานิคมของโปตุเกสแอฟริกาตะวันออก(มหาสมุทรอินเดีย) สามารถมองเห็นชายฝั่งได้ ถูกเรือกราฟ สเป ยึดและจมโดยการส่งเรือเล็กไปรับลูกเรืออังกฤษก่อน ปล่อยกะลาสีไปชายฝั่ง และจับตัวกัปตันเรือคือกับตันโดฟ ไปเป็นเชลย และยึดเอกสารสำคัญไว้ จากนั้น จึงยิงถล่ม แอฟริกา เชลล์ สู่ท้องทะเล
กับตันโดฟ ไม่พอใจอย่างยิ่งกับการกระทำของกราฟ สเป แต่ลูกเรือเยอรมันบอกว่าให้ไปประท้วงกัปตันเรือเอาเอง หลังจากขึ้นเรือแล้ว กับตันโดฟถูกนำตัวไปพบกัปตันเรือกราฟ สเป คือกัปตันแลงค์ดอฟ์ฟ ผู้สุภาพ เรียบร้อย เมื่อเจอแล้วทักทายกันแล้ว กับตันโดฟก็เรื่มประท้วงว่าเรื่อตนอยู่3ไมล์ห่างฝั่ง แล้วกัปตันแลงค์ดอฟ์ฟก็เสอให้เขียนคำประท้วง จากนั้นก็เล่าอวดเรือตนให้ฟังแล้วบอกเขาว่าจะลงใต้ แล้วให้กะลาสีพาไปชมเรือ แล้วพาไปห้องพักที่กว้างและสะอาด
กัปตันแลงส์ดอร์ฟพากัปตันโดฟชมวิธีการพรางเป็นเรือลำอื่น
วันต่อมา เรือเสบียงเยอรมันมาเพื่อให้เสบียง กัปตันแลงค์ดอฟ์ฟจึงพากัปตันโดฟ ไปดูเรือเสบียงแล้วสังเกตว่าลบชื่อเยอรมันไม่เนียน เพราะว่าชาติเป็นกลางมักรายงานสิ่งที่เห็นแล้วทำให้ดูสนใจว่าไม่ใช่เรือชื่อนี้แต่เป็นเรือชื่ออื่นๆ หลังจากนั้นเรือเสบียงจึงขนย้ายเชลย 29 คนมายังเรือกราฟ สเป เพราะว่ากราฟ สเป เสร็จภารกิจแล้วใน 3 เดือนและกลับเยอรมันก่อนคริสต์มาส
หลังจากขนเชลยมาแล้ว กัปตันโดฟจึงเข้าไปทักทายกับเพื่อนๆ เชลยคนอื่นๆหลังจากนั้น กราฟ สเป ก็ไปจมเรือเสบียงอีกลำคือเรือ ดอร์ริก สตาร์ คณะจมนั้นเรือลำนี้ได้ขอความช่วยเหลือไปฟอล์กแลนด์ และจับเชลยมาอีกนำโดยกัปตันสตัฟ วันที่ 12 ธันวาคม 1939 เรือกราฟ สเป ได้ฉลองวันคริสต์มาสล่วงหน้า มีของขวัญมาให้ และมีหนังสือพิมพ์ใหม่มาด้วย ได้ความว่าเรือลาดตระเวนหนัก 1 ลำ(เอ็กซีเตอร์)และเรือลาดตระเวนเบา 2 ลำ(อาแจ็ซ,อาคีลิส) ผู้บังคับบัญชาคือนาวาเอก เฮนรี่ ฮาร์วู้ด นำเรือเข้าลาดตระเวนในทะเลแอตแลนติกใต้ หลังจากนั้น เรือกราฟ สเป ได้เปลิ่ยนเส้นทางไปแอตแลนติกเหนือกลับเยอรมัน
กัปตันแลงส์ดอร์ฟให้คนนำสิ่งของสำหรับเตรียมฉลองคริสต์มาสมาให้เชลยอังกฤษ
หลังจากอังกฤษได้รับสัญญาณแล้ว ผู้การฮาร์วู้ดและกัปตันเบลล์แห่งเอ็กซีเตอร์,กัปตันวู้ดเฮ้าส์แห่งอาแจ็ซ และกัปตันปาร์ตี้แห่งอาคีลีส ได้วางแผนที่จะจัดการกับกราฟ สเป จึงได้จัดการว่าให้ลาดตระเวนพร้อมรบทั้งคืนแล้วให้การโจมตีแยกเป็น2ทาง เพื่อแบ่งการยิง อาแจ็ซ,อาคีลิส โจมตีคู่ เอ็กซีเตอร์โจมตีเดี่ยว ผู้การฮาร์วู้ดให้อาแจ็ซเป็นเรือธง และอยู่บังคับการกับกัปตันวู้ดเฮ้าส์บนเรืออาแจ็ซ
"นายพราน" ทั้ง 3 คือ เรือ Ajax, Achilles และ Exeter ทั้งที่เป็นลำจริงและผู้แสดงแทน
ทัพเรืออังกฤษประชุมก่อนออกศึก
เช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม 1939 เวลา 4.50 น. เรือ3ลำได้ลาดตระเวนอย่างละเอียด ไม่พบอะไร จึงพักการเฝ้ามอง 6.10 น.จึงทำการเฝ้ามองต่อ กะลาสีคนบนเรืออาแจ็ซหนึ่งอู้งาน ขึ้นไปเขตนายทหาร แล้วส่องกล้องเล่นเจอเรือกราฟ สเป เข้าอย่างจัง จึงแจ้งนายทหารให้ทราบ จากนั้น จึงส่งข่าวไปยังเรือลำอื่น เอ็กซีเตอร์เรื่มแปรขบวนตามแผนทันที หลังจากทราบแน่ชัดว่าเป็นเรือรบนั้น จึงชักธงรบทันที และดาหน้าเข้าประจัญบานทันที 6.18 น. ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดฉากยิงทันที อาแจ็ซปล่อยเครื่องบินลาดตระเวนในตอนนั้น ต่อมา กราฟ สเป โดนกระสุนรวมมิตรถล่มเต็มๆ ต่อมาเอ็กซีเตอร์โดนยิงเต็มๆ ที่หอบังคับการและป้อมหน้า กับหัวเรือ ควันกลบเต็มฟ้า คนเจ็บตายเป็นสิบๆ ไฟลุกเป็นหย่อมๆ เบลล์ต้องการถล่มกราฟ สเป ด้วยทุกอย่างที่มี โดยการตีขนาบข้างกราฟ สเป ต่อมา อาคีลิส โดน1 ลูกที่ป้อมหน้าเต็มๆ ฮารวู้ดมีความคิดดีๆ ในการถล่มด้วย "ก้อนหิมะ" แรงๆสัก 1-2 ชุด ส่วนเบลล์คิดจะใช้เอ็กซีเตอร์กามิกาเซ่ซะให้จบเรื่อง แต่ทำไม่ได้ "ก้อนหิมะ" ของฮาร์วู้ดจากอาแจ็ซและอาคีลีสโดนเต็มๆ อย่างจัง กราฟ สเปเสียหายหนัก สาดกระสุนมั่วโดนอาแจ็ซ 1 ลูก จากนั้นกราฟ สเป ก็แล่นหนีออกห่าง ฮาร์วู้ดออกคำสั่งให้เอ็กซีเตอร์หนีไปซ่อมที่เกาะฟอล์กแลนด์ทันที เป็นอันว่าเอ็กซีเตอร์แยกวงก่อนจากเพื่อน อาแจ็ซและอาคีลีสก็ไล่ตาม กราฟ สเปต่อไป จนถึงเย็นค่ำเรือกราฟ สเป หนีเข้าไปในน่านน้ำริเวอร์เพลตของอูรุกวัย แล่นเข้าอ่าวมอนเตวิเดโอ ชาติเป็นกลาง ตามกฎหมาย เชลยทุกคนเป็นอิสระเมื่อเข้าชาติเป็นกลาง

ความเสียหายบางส่วนของเรือ Exeter (สองภาพบน) และ Achilles (สองภาพล่าง)
สถานทูตอังกฤษและเยอรมันเปิดในกลางดึก นายแลงค์แมนรัฐมนตรีเยอรมันพากัปตันแลงค์ดอฟ์ฟไปพบประธานาธิบดีอูรุกวัยคือ ด.ร.วาร์นี่ และประธานาธิบดีได้ส่งผู้เชี่ยวชาญทางเรือขึ้นไปตรวจสอบกราฟ สเป เท่านั้น หลังจากนั้นนายมิเดตัน เดรก รัฐมนตรีอังกฤษและ นายเดกูลา รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสได้เข้าพบ ด.ร.วาร์นี่ พูดเรื่องการประชุมเฮกในข้อที่ 17 กล่าวว่าเรือรบของคู่สงคราม ไม่สามารถซ่อมในท่าของผู้เป็น กลางได้ และไม่อานุญาตโดยเด็ดขาดให้เพื่มประสิทธิภาพการรบ และขอให้ไล่กราฟ สเป ออกจาท่าทันที วันรุ่งขึ้นชาวอุรุกวัยเป็นพันคนแห่กันมาดูเรือเยอรมันลำนี้ หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวใหญ่ หน้าสถานทูตอังกฤษ มีอาสาสมัครขอให้ความช่วยเหลือ อังกฤษมีคนคอยดูเรือกราฟ สเป คือ เรย์ มาร์ติน ทูตทหารเรืออังกฤษประจำอูรุกวัย และกัปตันแมคคอลล์ ทูตทหารเรืออังกฤษประจำบัวโนสไอเรส เขาใช้กล้องส่องบนเรือ มีการจัดงานศพและมีการปล่อยเชลยสู่อิสระ นอกฝั่งอูรุกวัย มีอาแจ็ซ อาคีลีส ดักรออยู่และมีเพื่อนมาร่วมวงคือเรือเรือซัมเบอร์แลนด์มาหนุน วันต่อมา ด.ร.วาร์นี่ เรียกให้เข้าพบและให้ข้อกำหนดว่ามีเวลา 72 ชั่วโมงในการอยู่ในอ่าวคือวันที่ 17 ธันวาคม 1939 เวลา 2 ทุ่มแต่ข้อห้ามการการประชุมเฮกครั้งที่ 13 กล่าวว่าห้ามการซ่อมที่มีจุดประสงค์เพื่อเพื่มความสามารถในการรบ วันต่อมา แมคคอลล์ขึ้นเรือเล็กออกนอกฝั่งไปหาเรืออาแจ็ซแล้วเข้าพบฮาร์วู้ด และฮารวู้ดขอร้องให้แมคคอลล์ช่วยถ่วงเวลาให้กราฟ สเป อยู่ในฝั่งให้นานที่สุดเท่าที่ช่วยได้ จากนั้น แมคคอลล์ลงเรือเล็กกลับฝั่ง และต่อมาฮาร์วู้ดได้รับโทรเลขว่าตนนั้นได้รับเลื่อนยศเป็นพลเรือจัตวา เซอร์ เฮนรี่ ฮาร์วู้ด และวู้ดเฮ้าส์ได้เป็นนาวาเอก

ทูตอังกฤษและฝรั่งเศสเข้าพบประธานาธิบดีอุรุกวัย
เรือ Cumberland ที่กะจะมาร่วม "กินโต๊ะ" แทน Exeter
กลับมาบนฝั่ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำบัวโนสไอเรส อาเจนตินา ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากแมคคอลล์ ทั้งๆที่รู้ว่าโดนดักฟังอยู่ แต่เขาว่า เรื่องด่วนสำคัญกว่าความปลอดภัย แล้วบอกกับเอกอัครราชทูตว่าเรือรบหลวง 2 ลำจะมาเติมน้ำมันและมุ่งหน้าลงใต้เพื่อสิ่งนึง หลังจากวางหูแล้ว หนังสือพิมพ์ก่อนบ่ายออกวางแผงพาดหัวข่าวว่าครึ่งหนึ่งของกองทัพเรืออังกฤษจะมาที่พันทาเดเลสเต้ และมีเนื้อหาว่า คนเฝ้าประภาคารที่พันทาเดเลสเต้รายงานว่า เรือรบหลวงบาแฮมและหน่วยรบอื่นแห่งทัพเรืออังกฤษจะมาร่วมกับผ.บ.ฮาร์วู้ด ทั้งที่ความจริงบาแฮมอยู่บนบกที่ยิบรอลต้า
ด.ร.วาร์นี่ เรียกคุณเดรกเข้าพบและถามว่าทำไมถึงอยากให้กราฟ สเป ออกล่าช้ากว่ากำหนดเขาตอบว่า "มันเป็นกลยุทธ์"
บ่ายกว่าวันที่ 17 ธันวาคม 1939 เรือเสบียงฝรั่งเศสออกนอกอ่าวมอนเตวิเดโอ ตามกฎเรือเสบียงจะออก 24 ชั่วโมงก่อนหรือหลังเรือรบอีกฝ่ายตามไป ดังนั้นไม่ว่ากราฟ สเป จะออกหรือไม่ออกก็ผิดกฎหมายอยู่ดี
ถึงเวลา 19.50 น.เหลือเวลา 10 นาทีก็ถึงกำหนดเรือกราฟ สเป ก็ตัดสินใจออกจากท่า ประชาชนอูรุกวัยมาดูกันอย่างหนาแน่น ที่สถานทูตอังกฤษ รัฐมนตรีอังกฤษและฝรั่งเศสมาดูเรือออกจากท่า แล้วเห็นเรือเสบียงเยอรมันไปรับลูกเรือกราฟ สเป ออกจากเรือให้หมด แล้วระเบิดเรือทิ้ง ประชาชนอูรุกวัยดูอย่างตื่นเต้น เรือค่อยๆจมลงเรื่อยๆ แล้วเรือปืนอูรุกวัยเข้ามาจับกุมเรือสินค้าเยอรมันโทษฐานช่วยเหลือเรือรบในน่านน้ำอย่างเปิดเผย แล้วเจ้าหน้าที่อูรุกวัยขึ้นไปบนเรือพร้อมกับกัปตันโดฟ หากัปตันแลงค์ดอฟ์ฟ แล้วแสดงความเสียใจที่เขาถูกโดดเดี่ยว นักข่าวพูดในวิทยุว่า พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าเรื่องจบแล้ว เป็นเหมือนนิยายซึ่งคุณวางไม่ลงเมื่ออ่านหน้าสุดท้าย เสือแห่งท้องทะเล ได้ถูกล่า และโดนเผาเป็นชิ้นๆอยู่ตรงนั้น ขณะที่ผู้ล่าซึ่งได้ต่อสู้กัน จนจนผู้ถูกล่าถึงแก่ความตาย ได้กลับไปทำงานอีกครั้ง
เรือ Admiral Graf Spee ระเบิดตัวเองท่ามกลางความตกตะลึงของชาวอุรุกวัยและทูตอังกฤษ-ฝรั่งเศสที่เฝ้าดูอยู่
(เหตุการณ์ในภาพยนตร์จบเท่านี้ ถัดจากนี้คัดจากกระทู้เดิมของผู้เขียน - webmaster)
เพียงสามวันหลังจากที่เรือได้สิ้นสภาพลง..ผู้การเรือ นายพล Langsdorff ได้ปลิดชีวิตตัวเองด้วยกระสุนปืน ในชุดเครื่องแบบเต็มยศ และ ได้สิ้นลมลงบนธงชาติของเยอรมันที่ตัวเองปูรอเอาไว้(เขาตั้งใจใช้ธงไกเซอร์แบบเก่าที่ไม่มีเครื่องหมายสวัสดิกะ) อันเป็นการเลือกทางออกแบบชายชาตินาวี ที่ถือว่า สิ้นเรือก็สมควรสิ้นลม การเสียชีวิตของนายพล Langsdorff ครั้งนี้ ต่างได้รับการสดุดีในความกล้าหาญจากทหารเรือทุกฝ่ายแม้กระทั่ง ฝ่ายตรงข้าม พิธีศพได้จัดทำอย่างสมเกียรติ เพราะการสู้รบครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสู้รบกันอย่างชายชาติทหารที่มีการเคารพในกฎเกณฑ์และเต็มไปด้วยจริยธรรม
อันสมควรแก่การจารึกไว้ในประวัติศาสตร์..
หลัง สงคราม อาคีลีสของนิวซีแลนด์ขายให้อินเดีย ส่วนอาแจ๊ซขายให้ใครไม่ทราบ (เกือบโดนขายให้อินเดียเช่นกัน แต่เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ คัดค้าน - webmaster) แต่เอ็กซีเตอร์โดนเรือดำน้ำของยุ่นจมในแปซิฟิกตอนปี 1942 (พ.ศ.2485) ครับ
เรื่องนี้เราอาจมองภาพลักษณ์ของคู่สงครามคืออังกฤษกับเยอรมันและชาติเป็นกลางคืออุรุกวัย ได้ดังนี้
- ชาติไหนเก่งกว่ากัน? ค่อนข้างชัดเจนว่าฝ่ายเยอรมันคือเรือกราฟสเปนั้น สามารถสู้ข้าศึกได้ถึง 1 ต่อ 3 แม้เทียบกันลำต่อลำ เยอรมันจะได้เปรียบ (กราฟสเปมีอาวุธหลักคือปืน 11 นิ้ว 6 กระบอก ส่วนเรืออังกฤษทั้ง 3 มีอาวุธหลักคือปืนขนาด 8 นิ้ว ลำละ 6 กระบอก) แต่เมื่อโดนรุมแบบนี้ไม่ถือว่าได้เปรียบ เหมือนคนตัวโต 1 คน สู้กับคนปกติ 3 คน ฝ่ายอังกฤษค่อนข้างจะติดลบที่รบแบบรุมกินโต๊ะแล้วยังเสียหายหนัก ในตอนหลังยังมีความพยายามขนกองเรือมารุมกินโต๊ะกราฟสเปอีก แต่ในด้านหนึ่งก็ต้องชื่นชมความเป็นผู้นำของกัปตันทั้ง 3 ที่พยายามประคองสถานการณ์ไม่ให้เสียหายหนักไปกันใหญ่ หากไม่นิ่งจริงๆ แล้ว เรือเอ็กซีเตอร์มีสิทธิจมได้ และอีก 2 ลำ อาจเสียหายมากกว่านั้น
- แล้วด้านคุณธรรมล่ะ? เยอรมันคล้ายจะติดลบในตอนเริ่มต้น เมื่อ กัปตันเบลล์โวยวายว่าเรืออาฟริกาเชลล์ของเขาอยู่ในน่านน้ำชาติเป็นกลาง กราฟ สเป ไม่มีสิทธิไปยิงเขา แต่เมื่อกัปตันแลงส์ดอร์ฟใช้ความสุภาพเยือกเย็นในการรับฟังและชี้แจงเรื่อง ปัญหาแผนที่ที่ต่างกัน ตลอดจนให้การต้อนรับ "เชลย" อย่างกัปตันเชลล์ และคนอื่นๆ ในภายหลังอย่างเป็นมิตร ทำให้ภาพลักษณ์ทางเยอรมันพลิกกลับขึ้นมา (แม้ เชลยอังกฤษบางคนจะบ่นเรื่องกัปตันเรือเสบียง AltMark ก็ตาม) ส่วนเอกอัครราชทูตของทั้งสองฝ่าย คือ เยอรมันกับอังกฤษ(ที่มีฝรั่งเศสร่วมด้วย) ที่จริงคงจะกดดันประธานาธิบดีอุรุกวัยพอๆ กัน แต่ในหนังเหมือนฝ่ายหลังจะร้ายกว่าหน่อย ทางอุรุกวัยดูจะเป็นกลางได้เฉียบขาดดีจริงๆ
คำคมชวนคิด
- " ในประวัติศาสตร์ของเรา ประเทศเล็กๆ นี้ได้รอดจากการถูกคุกคามมาหลายครั้ง เราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เราถูกรุกรานประเทศของผมก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ประเทศเราเรียบง่าย มีประชากรแค่ 2 ล้าน เราเข้าใจแค่บางสิ่ง อย่างเช่น กฎหมาย ความยุติธรรม เราเข้าใจดี แต่เราไม่มีวันเข้าใจการคุกคาม เห็นไหม ตัวผมเล็ก แต่ผมมี 2 ล้านหัว" ดร.วาร์นี่ ประธานาธิบดีอุรุกวัย พูดกับเอกอัครราชทูตอังกฤษและฝรั่งเศส
- "ความคิดเราไม่ได้เปลี่ยน แต่เปลี่ยนกลยุทธ" นายมิเดตัน เดรก เอกอัครราชทูตอังกฤษ กล่าวกับ ดร.วาร์นี่ ประธานาธิบดีอุรุกวัย
- "ความปลอดภัยของลูกเรือต้องมาก่อน" และ "ผู้การเรือโดดเดี่ยวทุกคน" กัปตันแลงส์ดอร์ฟกล่าวกับกัปตันโดฟ
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ The Battle of the River Plate
ชื่อภาษาไทย เรือรบทะเลเดือด
ผู้กำกับ Michael powell และ Emeric Pressburger Production
นักแสดง
- John Gergson as Captain Bell
- Anthony Quayle as Commodore Sir Henry Harwood
- Ian Hunter as Captain Woodhouse
- Jack Gwillim as Captain Parry
- Bernard Lee as Captain Dove
- Perter Finch as Captain Langsdorff
นักแสดงทางเรือ
- HMS Sheffield as HMS Ajax
- INS Delhi as HMNZS Achilles (ลำเดิม คนละชื่อ)
- HMS Jamaica as HMS Exeter
- HMS Cumberland as HMS Cumberland (ตัวเอง)
- USS Salem as German Pocket Battleship Admiral Graf Spee