webmaster@iseehistory.com
คราวก่อนจบบทความแนะนำภาพยนตร์เจงกิสข่านเวอร์ชันญี่ปุ่นไว้ว่า ยังมีภาพยนตร์เกี่ยวกับเจงกิสข่านในเวอร์ชันรัสเซียอีกเรื่องหนึ่งที่พึ่งฉายเมื่อปี 2007/2550 เช่นกัน ในชื่อว่า Mongol 2007 หลังจากนั้นไม่นาน ก็สามารถหาแผ่นภาพยนตร์ดังกล่าวมาได้ ปรากฏว่าเข้าใจคลาดเคลื่อนนิดหน่อยครับ อย่างแรกคือ หนังเขาชื่อ Mongol เฉยๆ ครับ ถัดมาไม่ใช่ภาพยนตร์ที่รัสเซียสร้างตามลำพัง แต่เป็นความร่วมมือกับประเทศอื่น คือ เยอรมัน คาซัคสถาน และมองโกเลีย ไม่นับพระเอกที่มาจากญี่ปุ่น และตัวจามูคาที่เป็นดาราจีน และที่รู้สึกผิดหวังเป็นส่วนตัวคือ ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ ยังมีการคลาดเคลื่อนจากประวัติศาสตร์ในแบบที่ไม่ค่อยน่าศรัทธานักเลย

เตมูจิน (เด็กทางขวา) ตัดสินใจเลือกบอร์เต (เสื้อสีแดงทางซ้าย) แทนการไปที่เผ่า Merkit
เรื่องเริ่มที่อาณาจักรตังกุท (Tangut Kingdom - น่าจะหมายถึงอาณาจักรซีเซี่ย Xexia ของชาวตังกุทซึ่งเป็นเชื้อสายทิเบต) ปี 1192/พ.ศ.1735 มีเณรองค์หนึ่ง มาบอกกับผู้ที่ถูกคุมขังว่า หลวงจีนที่ถูกใช้ให้ไปตามหาภรรยานั้น มรณภาพไปแล้ว ผู้ที่ถูกขังอยู่ก็คือเตมูจิน หรือที่จะเป็นเจงกิสข่านในอนาคตนั่นเอง ทำไมเตมูจินมาถูกขังอยู่ที่นี่? เดี๋ยวก็จะทราบ เตมูจินนึกย้อนถึงอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน ขณะอายุเพียง 9 ขวบ เยซูไกผู้บิดากับผู้ติดตามอีก 3-4 คน นำเตมูจินน้อยไปยังเผ่าเมอร์กิตเพื่อเลือกคู่ เนื่องจากเยซูไกเป็นผู้แย่งแม่ของเตมูจินมาจากเผ่านี้ และขณะนี้ต้องการยุติความขัดแย้งดังกล่าวลง ระหว่างทางคณะของเยซูไกและเตมูจินได้พักที่กระโจมของไต้เซซาน เพื่อนของเยซูไก ที่นี่เตมูจินได้รู้จักกับเด็กหญิงบอร์เต อายุ 10 ขวบ จนตัดสินใจเลือกเธอเป็นคู่ การเดินทางไปเลือกคู่ที่เผ่าเมอร์กิตจึงต้งล้มเลิกไป โดยมีสัญญาว่าอีก 5 ปี เตมูจินจะกลับมาแต่งงานกับบอร์เต ระหว่างทางกลับบ้าน เยซูไกพบคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นชนเผ่าศัตรู แต่ด้วยความเกรงใจต้องการรักษาประเพณี จึงต้องถูกวางยาพิษและถึงแก่กรรมระหว่างทาง
เมื่อสิ้นเยซูไก ตาร์กูไตซึ่งเคยเป็นคนสนิทก็กวาดต้อนคนในเผ่าและทรัพย์สินต่างๆ ไปเป็นของตน ตาร์กูไตเกือบฆ่าเตมูจิน แต่ยอมละเว้นตามธรรมเนียมมองโกล แม้กระนั้นเตมูจินก็ต้องกระเสือกกระสนหลบหนีตาร์กูไตไปตามลำพัง จนได้รับความช่วยเหลือจากจามูคาและสาบานเป็นพี่น้องกัน จากนั้น เตมูจินถูกตาร์กูไตจับตัวไปได้ระยะหนึ่ง ก็หนีออกมาได้

เตมูจินน้อยถูกพันธนาการ โดยมีผู้เฒ่าประจำเผ่าดูแล
ปี 1186/พ.ศ.1729 เตมูจินซึ่งโตเป็นหนุ่มแล้วถูกคนของตาร์กูไตจับตัวได้ แต่ก็อุตส่าใช้เครื่องจองจำสังหารผู้คุมและหลบหนีไปได้อีก คราวนี้เตมูจินหนีไปหาบอร์เต และพาบอร์เตกลับมาหาครอบครัวได้ไม่ทันไร ชนเผ่าเมอร์กิตก็ยกกำลังมาแย่งชิงตัวนางบอร์เตไป

เตมูจินพาบอร์เต กลับมาหาครอบครัว
ขอพักการเล่าเรื่องไว้สักแป๊บหนึ่ง ในเวอร์ชันนี้จะต่างจากเวอร์ชันอื่นๆ ที่แนะนำมาแล้ว คือกล่าวว่าเตมูจินได้เคยถูกศัตรูจับตัวไปแล้วหนีออกมาได้ ซึ่งเป็นไปได้ แต่ไม่ได้รับการกล่าวถึงในเวอร์ชันอื่นๆ แต่ในภาพยนตร์ก็ดูพิลึกที่เหมือนกับว่าเตมูจินวิ่งหนีศัตรูอยู่คนเดียวในทุ่งกว้าง ไม่รู้ว่าครอบครัวไปไหน จนกระทั่งกลับไปหาบอร์เตตามสัญญาแล้ว จึงพากันกลับมาเจอครอบครัว ซึ่งในเวอร์ชันอื่นๆ เตมูจินอยู่กับครอบครัวมาตลอด และตอนที่ถูกเผ่าเมอร์คิตหรือเมอร์กิตมาชิงตัวบอร์เตไปนั้น เตมูจินเริ่มมีพรรคพวกเป็นเผ่าเล็กๆ แล้ว

เตมูจินกับจามูคารบกับเผ่าเมอร์กิตเพื่อชิงบอร์เตคืน
เตมูจินไปขอความช่วยเหลือจากจามูคาเพื่อไปแย่งชิงนางบอร์เตคืนจากเผ่าเมอร์กิต จามูคาไม่ค่อยเห็นด้วยกับการทำศึกเพื่อแย่งชิงสตรี แต่ก็ยอมช่วยเหลือโดยขอผลัดเป็นปีหน้า ทั้งสองร่วมกันโจมตีเผ่าเมอร์กิตจนได้ชัยชนะ และได้พบตัวบอร์เตซึ่งกำลังตั้งครรภ์และพึ่งสังหารสามีชาวเมอร์กิตในกระโจมหลังหนึ่ง ตกกลางคืนท่ามกลางการฉลองชัยชนะ รอยร้าวระหว่างเตมูจินกับจามูคาเริ่มขึ้น เมื่อน้องของจามูคาพบว่าเตมูจินแบ่งทรัพย์สินที่ได้ให้กับลูกน้องอย่างทั่วถึง ถึงตอนเช้า เตมูจินจากไปโดยไม่ลาจามูคา และยังมีลูกน้องจามูคาบางคนตามไปด้วย

สงครามครั้งแรกกับจามูคา
ต่อมามีโจรไปขโมยม้าของเผ่าเตมูจิน คนของเตมูจินออกไปตามม้าคืนและยิงโจร 1 ใน 2 คนตาย ปรากฏว่าโจรผู้นั้นคือน้องของจามูคาเอง จามูคานำกำลังมาโจมตีโดยมีตาร์กูไตมาร่วมสมทบ ทำให้มีกำลังคนมากกว่าเตมูจินถึง 10 เท่า เตมูจินไม่ยอมทิ้งครอบครัว สั่งให้เด็กและผู้หญิงเดินทางไปก่อน ตนเองกับนักรบได้รบสกัดกั้นจนพ่ายแพ้และถูกจับ จามูคาขายเตมูจินและลูกน้องที่เหลือให้กับพ่อค้ารายหนึ่งซึ่งนำพวกเขาไปขายเป็นทาสที่อาณาจักรตังกุท
ในอาณาจักรตังกุท มีชนชั้นสูงผู้หนึ่ง (ไม่ปรากฏชัดว่าเป็นใคร ตำแหน่งอะไร) มาพบเตมูจินที่กำลังถูกขายเป็นทาส พระรูปหนึ่งได้พยายามห้าม โดยบอกว่า "เห็น" ชนเผ่ามองโกลนำกำลังเข้าทำลายอาณาจักรแห่งนี้ในเวลาต่อมา แต่ชนชั้นสูงผู้นั้นกลับตัดสินใจซื้อเตมูจินไว้เพียงเพื่อจะนำไปขังประจานไว้ยังห้องขังในอาคารสูงแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีสะพานให้คนเดินผ่านไปมาหน้าห้องขังนั้น พระรูปนั้นได้มาขอร้องเตมูจินที่หน้าห้องขังว่า เมื่อถึงเวลาที่มองโกลรุกรานอาณาจักรแห่งนี้แล้ว ขอให้ละเว้นอย่าทำลายพระอารามซึ่งเป็นที่เก็บคัมภีร์ต่างๆ ทางศาสนา ที่สุดเตมูจินได้ให้กระดูกเหยี่ยวแก่พระเพื่อใช้ในการตามหาบอร์เตในเขตมองโกล เมื่อหลวงพ่อไม่สามารถหาพ่อค้าที่จะเดินทางไปยังมองโกลได้ จึงตัดสินใจเดินทางไปตามลำพัง ฝ่าความทุรกันดารจนกระทั่งไปมรณภาพอยู่ไม่ห่างจากที่อยู่ของบอร์เต ๆ พบศพของหลวงพ่อและกระดูกเหยี่ยวก็พอจะทราบเรื่อง พอดีจังหวะที่พ่อค้าคนเดียวกับที่นำเตมูจินไปขายผ่านมาพอดี เธอจึงต้องยอมเป็นภรรยาของพ่อค้าเพื่อติดตามเขาไปยังอาณาจักรตังกุท และช่วยเหลือเตมูจินออกจากที่คุมขังได้สำเร็จ ซึ่งคงจะใช้เวลาเป็นปี จากตอนออกเดินทางมีลูกชายเพียงคนเดียว แต่ตอนช่วยเตมูจินออกมาได้ เธอมีลูกสาวอีกคนซึ่งน่าจะเกิดจากพ่อค้าคนนั้น

ถูกขายเป็นทาสและถูกคุมขังในอาณาจักรตังกุท (ซีเซี่ย?)
ประเด็นนี้ จากที่ดูเรื่องของเจงกิสข่านมาหลายเวอร์ชัน และในหนังสือ/บทความต่างๆ ไม่เคยปรากฏเลยว่าเตมูจินจะถูกขายเป็นทาส มีปรากฏแต่ว่าเตมูจินรอดจากการสงครามครั้งแรกกับจามูคาไปได้ แต่ขุนศึกของเขาที่จามูคาจับได้ถูกนำไปต้มในหม้อน้ำร้อนอย่างทารุณ เรื่องที่แต่งใหม่จะทำให้บอร์เตมีบทบาทมากขึ้น แต่ผมเห็นว่าออกจะเป็นการทารุณต่อท่านเตมูจินและอาซ้อบอร์เตของผมเกินกว่าเหตุ และทำให้คนดูเข้าใจประวัติศาสตร์ผิดเพี้ยนไปอย่างไม่น่าให้อภัย ถ้าจะให้หาที่ชมกันจริงๆ คงต้องยกให้กับบทบาทของหลวงพ่อในพระอารามอาณาจักรตังกุทที่ลงทุนปกป้องภัยที่จะเกิดแก่พระศาสนาในอนาคตจนสุดชีวิต ต่างกันลิบลับกับคนไทยสมัยนี้บางคนที่อวดอ้างว่ามีญาณวิเศษเห็นว่าจะเกิดภัยพิบัติอย่างนั้นอย่างนี้เพียงเพื่อจะยกหางหาผลประโยชน์ใส่ตัวเท่านั้น
กลับมาที่เนื้อเรื่องภาพยนตร์กันดีกว่า เตมูจินกลับมาอยู่กับบอร์เตในทุ่งหญ้าได้ไม่นานก็ทิ้งครอบครัวไปเพื่อเตรียมทำศึกใหญ่ โดยเริ่มจากการไปภาวนาต่อเทพเตงกรี เริ่มบัญญัติกฎต่างๆ สำหรับชาวมองโกล เช่น ไม่ฆ่าเด็กและผู้หญิง ไม่ทรยศข่าน ฯลฯ และแล้ว ในปี 1196/พ.ศ.1739 ก็ถึงคราวรบแตกหักกันระหว่างเตมูจินกับจามูคา กองทัพของทั้งสองฝ่ายประจัญหน้ากันโดยที่จามูคายังคงมีกำลังมากกว่า แน่นอนว่าทางเตมูจินได้เตรียมกลยุทธที่จะพิชิตศึกไว้ ฉากรบอันมโหฬารนี้ย่อมเป็นความตั้งใจของผู้สร้างที่จะให้เป็นไฮไลท์ของภาพยนตร์ แต่โดยส่วนตัวผมค่อนข้างจะผิดหวังกับฉากนี้

เผด็จศึกกับจามูคา
เริ่มแรกเตมูจินส่งหน่วยทหารม้าใส่เกราะปิดหน้าปิดตาใช้ดาบคู่เป็นอาวุธส่งไปปะทะกับกองหน้าของข้าศึก ทหารหน่วยนี้บางคนก็ประอาวุธกับข้าศึกดีอยู่หรอก แต่บางคนก็มักง่าย กางแขนที่ถือดาบอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ทหารม้าข้าศึกวิ่งมาชนดาบเอง ไม่รู้ใครมักง่ายกันแน่ พอรบกันไปได้สักพัก เจ้าพวกนี้ก็จะวิ่งหนีกลับไ เมื่อกองหน้าของจามูคาไล่ตามไปจนจะถึงกองทัพส่วนใหญ่ของเตมูจิน พลธนูที่หลบซ่อนอยู่ก็โผล่พรวดขึ้นมายิงทหารทุกคนที่อยู่ตรงหน้า ทั้งข้าศึกและทหารม้าชุดเกราะที่เป็นพวกเดียวกัน มีม้าเหลือรอดวิ่งกลับไปยังกองทัพของจามูคาเพียงตัวเดียว
เป็นยุทธวิธีที่เหมือนจะเอาความมันของหนังเข้าว่า ปกติการล่อข้าศึกเข้าสู่พื้นที่สังหารนั้น เขาจะจัดวางกำลังให้หน่วยที่ซุ่มโจมตีอยู่ทางด้านข้าง รอให้พวกเดียวกันผ่านไปก่อน ถึงจะโผล่ออกมาโจมตี แล้วพวกที่ออกไปล่ออาจจะย้อนกลับมากระหนาบข้าศึกหรือไม่ก็แล้วแต่สถานการณ์หรืออาวุธที่ใช้ เล่นซุ่มโจมตีจากด้านหน้าแล้วยิงพวกเดียวกันเข้าไปด้วยอย่างนี้ใครจะอยากออกไปล่อข้าศึกล่ะครับ ยิ่งดูจากนิสัยของเตมูจินหรือเจงกิสข่านไม่ว่าในเรื่องนี้หรือเรื่องไหนๆ คงไม่คิดยุทธวิธีที่จะทำให้พวกเดียวกันต้องสละชีพกันยกหน่วยยกกองแบบนี้หรอก
มาถึงตอนที่ที่กองทัพใหญ่สองฝ่ายจะต้องรบแตกหักกัน ก็ไม่ได้ดูฉากรบที่ดุเดือดสมใจ คือระหว่างที่กองทัพสองฝ่ายเคลื่อนเข้าหากัน จู่ๆ ก็มีเมฆฝนขนาดมหึมาเคลื่อนมาปกคลุมสนามรบทั้งหมด แล้วก็บังเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าเป็นการใหญ่ ทหารทั้งสองฝ่ายต่างหวาดผวาไม่เป็นอันรบกัน ยกเว้นแม่ทัพสูงสุดทั้งสองฝ่าย ทางจามูคานั้นพยายามใช้อำนาจขู่บังคับให้ทหารออกไปรบ แต่ไม่เป็นผล ส่วนพระเอกของเรานั้น ยังคงเดินม้านำทัพอย่างสง่างาม เมื่อลูกน้องเห็นเตมูจินไม่กลัวฟ้าผ่าและไม่ใช้อำนาจ ก็ลุกขึ้นรุกไล่กองทัพข้าศึกแตกพ่ายไป
ข้อดีของการสร้างเรื่องแบบนี้ คือลดความหฤโหดของภาพยนตร์ลงไปได้เยอะ (ฉากรบแต่ละฉากก่อนหน้านี้ไม่ถึงกับสยอง แต่ก็ดุดันและเลือดกระเซ็นแทบจะเปื้อนกล้องกันเลยครับ) แต่ข้อเสียคือไม่สะใจคนชอบฉากบู๊ และไม่ได้แพ้ชนะกันด้วยความสามารถจริงๆ

ยอมปล่อยจามูคาเพราะเห็นว่าเป็น "พี่ใหญ่" (???)
หลังจากนั้นยังสร้างภาพให้เตมูจินด้วยการสั่งปล่อยจามูคาไปซะอีก เตมูจินในหนังเวอร์ชันอื่นเขายอมประหารจามูคากันทั้งนั้น จากนั้นภาพยนตร์จบลงโดยเล่าเรื่องผ่านคำบรรยายว่าในปี 1206/พ.ศ.1749 เตมูจินสถาปนาตนเป็นเจงกิสข่านปกครองชนเผ่ามองโกลทั้งหมด และอาณาจักรตังกุทถูกทำลายลง เหลือไว้แต่วัดหรือพระอารามของหลวงพ่อที่ได้มีส่วนช่วยเตมูจินไว้นั่นเอง
โดยสรุป หากจะเทียบภาพยนตร์เรื่องนี้กับภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับเจงกิสข่านในเวอร์ชันอื่นๆ แล้ว มีความน่าสนใจเพียงแค่ความน่าจะเป็นที่ว่าเจงกิสข่านในวัยเด็กและวัยหนุ่มน่าจะเคยถูกศัตรูคือตาร์กูไตตามจับไปได้บ้าง แต่ในส่วนอื่นๆ การเขียนบทเพื่อจะหาทางให้บอร์เตมีบทบาทมากขึ้น กลับทำให้เธอต้องลำบากลำบนมากกว่าที่ปรากฏในประวัติศาสตร์หรือในหนังเวอร์ชันอื่นๆ ข้อดีอื่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ คงจะเป็นเนื้อเรื่องที่ตื่นเต้น และการถ่ายทำที่ได้ภาพที่สวยงาม ฯลฯ เรียกว่าสอบผ่านแต่ในด้านการสร้างภาพยนตร์ แต่ตกวิชาประวัติศาสตร์อีกแล้วครับท่าน
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ : Mongol
ชื่อภาษาไทย : มองโกล
ผู้กำกำกับ : Sergei Bodrov
ผู้สร้าง : Sergei Selyanov, Sergei Bodrov, Anton Melnik
ผู้เขียนบท : Arif Aliyev, Sergei Bodrov
ผู้แสดง :
- Tadanobu Asano - Genghis Khan
- Sun Honglei - Jamukha
- Khulan Chuluun - Borte
- Sun Ben Hou - Monk
- Ba Sen - Esugei
- Sai Xing Ga - Chiledu
- Aliya - Oelun
- Amadu Mamadakov - Targutai
- He Qi - Dai-Sechen
- Bao Di - Todoen
- Odnyam Odsuren - Young Genghis Khan
- Bayertsetseg Erdenebat - Young Borte
- Amarbold Tuvshinbayar - Young Jamukha
- You Er - Sorgan-Shira
- Zhang Jiong - Tangut Garrison Chief
ควรอ่านเพิ่มเติม
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
เรียนเชิญสมาชิกร่วมแสดงความคิดเห็นที่ด้านล่างสุดของหน้าเว็บ (ต้องสมัครและ Login ก่อน) ผู้ชมทั่วไปหรือสมาชิกที่ต้องการโพสต์รูป เชิญร่วมแสดงความเห็นได้ที่เว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" ในกระทู้ที่มีอยู่แล้ว หรือ สร้างกระทู้ใหม่ (คลิกที่นี่) ครับ
หากเป็นสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในฟอร์มข้างล่างนี้ครับ
ภาพยนตร์ตัวอย่าง (Trailer) จาก www.youtube.com
ทางเว็บไม่มีนโยบายนำภาพยนตร์ฉบับ เต็มมาให้ดูออนไลน์หรือให้ดาวน์โหลดเนื่องจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และไม่ มีพื้นที่สำหรับเก็บไฟล์ภาพยนตร์