
ในช่วงวันแห่งความวุ่นวายทางการเมืองนี้ ไม่อยากจะเติมความเครียดให้กับตัวเองและท่านผู้อ่านด้วยการไปวิพากย์วิจารณ์อะไรมากไปกว่าที่เคยเขียนระบายอารมณ์ไว้ใน Diary ที่ Banlek.com เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ว่าเราจะรู้สึกว่าฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูก หรือว่าผิดพอๆ กัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นเหตุการณ์สำคัญที่กำลังจะพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศอย่างแน่นอน
แม้ว่าเราจะไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวใดๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในที่สุดเราก็จะต้องรับผลกระทบทางใดทางหนึ่ง
กว่าผมมีชีวิตมาถึงวันอันวุ่นวายทางการเมืองในช่วงนี้ได้ ก็เคยผ่านเหตุการณ์ความวุ่นวายอื่นๆ มาก่อน จะเรียกว่า "ผ่าน" ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบ เพราะไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไรกับเขาเลย แต่ที่สุดก็ต้องรับผลกระทบจากเหตุการณ์เหล่านั้นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของสังคม
ปี 2516 ขณะนั้นอายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.6 คุณพ่อผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวตัดสินใจย้ายบ้านจากบ้านเช่าที่ฝั่งธนบุรีมาอยู่ที่ลาดพร้าว ในซอยโชคชัย 4
และฤกษ์ที่ได้สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในครอบครัว คือ วันที่ 14 ตุลาคม!!!
กว่าจะผ่านเสียงปืนมายังบ้านใหม่ได้ก็ไม่ทันฤกษ์ แต่ก็ได้ปักหลักอยู่ที่บ้านแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งกำลังจะครบ 35 ปี ในวันที่ 14 ตุลาคม 2551 นี้
อีก 3 ปีต่อมา เมื่อเกิดโศกนาฏกรรมและรัฐประหารในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 วันนั้นคลับคล้ายคลับคลาว่าปิดเทอมอยู่กับบ้าน กว่าจะถึงวันนั้นได้ ได้เห็นได้ฟังข่าวสารจากฝ่ายต่างๆ ที่ขัดแย้งกันจนเป็นปกติ ตอนสายๆ วันนั้นได้เห็นภาพข่าวเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษา ก็รู้สึกสะใจตามประสาเด็กๆ ที่ยังโง่พอจะเชื่อรัฐบาลฝ่ายเดียว
แต่ก็แปลกที่อีก 4 ปีถัดมาได้เลือกเอ็นจนติดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็ได้ทราบข้อเท็จจริงอันน่าเศร้าหลายๆ อย่างที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นเหตุให้ไม่ค่อยจะเชื่อสื่อมวลชนโดยเฉพาะข่าวการเมืองจากสื่อของรัฐมาตั้งแต่นั้น ทั้งที่ไม่ได้เอียงซ้ายอะไรนัก
ปี 2535 เดือนพฤษภาคม ได้บรรจุเป็นข้าราชการที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติยังไม่ถึงปี เมื่อพลตรีจำลอง ศรีเมือง เริ่มการประท้วงรัฐบาลสุจินดาอีกครั้งหลังวันวิสาขบูชาไม่กี่วัน ผมต้องนอนเวรในที่ทำงานตามระเบียบเชยๆ ของราชการ ก่อนนอนได้เปิดวิทยุไว้เป็นเพื่อน ตื่นขึ้นมากลางคืนด้วยความสลึมสลือ ก็ได้ยินข่าวประกาศว่า เกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายผู้ชุมนุมกับฝ่ายรัฐบาลแล้ว
เช้าตื่นขึ้นมา บริเวณท่าวาสุกรี ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ รถติดเป็นบ้าเป็นหลัง ณ เวลานั้นไม่รู้จะไปทำอะไรที่ไหนที่จะดีไปกว่าการกลับบ้าน ก่อนจะขึ้นรถเมล์ยังได้เจอเพื่อนผู้หญิงสมัยเรียนธรรมศาสตร์รายหนึ่ง ได้คุยกันไม่กี่คำก็ต้องตัดสินใจขึ้นรถเมล์สายหนึ่งที่ปกติไม่ได้ใช้กลับบ้าน แต่ก็ต้องไปเพื่อออกจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด
ถึงบ้านก็ได้แต่อยู่กับบ้านจนเหตุการณ์สงบ ถ้าจำไม่ผิด ได้เขียนโปรแกรมโหราศาสตร์โปรแกรมแรกๆ สำเร็จในช่วงนั้นเอง
ผ่านมาอีกหลายปีจนถึง 2549 ตอนนี้มาอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในกลุ่มงานข้อมูลสารสนเทศ เดือนกันยายนปีนั้น ได้นัดให้บริษัทแห่งหนึ่งเข้ามาทดลองติดตั้งอุปกรณ์ Firewall ในวันที่ 20 กันยายน แต่ก่อนถึงวันนัดไม่กี่วัน ทางบริษัทขอเลื่อน
คืนวันที่ 19 ขณะกำลังอัพเดทเว็บไซต์โหราศาสตร์ยุคไอทีตามปกติ จู่ๆ มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาจะขอสายคุณแม่ แต่ผมบอกว่าท่านคงหลับไปแล้ว เธอฝากบอกว่าขณะนี้ได้เกิดการปฏิวัติขึ้นแล้ว แล้วก็วางหูไป เปิดดูโทรทัศน์ได้สักประเดี๋ยวก็ปรากฏว่าจริง วันรุ่งขึ้นราชการหยุดงาน 1 วัน
วันต่อมาได้คุยกับบริษัทที่จะมาทดลอง Firewall ที่ว่า ยังแซวเลยว่าที่ขอเลื่อนนี่รู้ล่วงหน้าหรือว่าจะมีปฏิวัติ
(ความจริงที่ไม่อยากบอกคือ จนถึงวันนี้ ที่ทำงานยังซื้อ Firewall ไม่สำเร็จซักที)
มาถึงวันนี้ เดือนสิงหาคม 2551 วันที่กำลังเกิดเหตุสารพัดทางการเมือง ผมก็ยังใช้ชีวิตค่อนข้างจะตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือสภาพอารมณ์ที่คงไม่ต่างจากคนไทยอีกหลายล้านคนที่กำลังกังวลว่าเหตุการณ์จะยุติลงอย่างไร?
หมายเหตุ : เปิดให้แสดงความคิดเห็นเฉพาะสมาชิกเว็บไซต์ที่ด้านล่างสุด หรือสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในกรอบข้างล่างนี้ครับ