
เมื่อวานพึ่งนินทาท่านเจงกิสข่านเรื่องผู้หญิงแล้วทิ้งท้ายเรื่องสารคดีที่จะฉายทางไทยพีบีเอสไว้ ปรากฏว่ามาฉายเอาวันนี้ตอนหลังข่าวแบบม้วนเดียวชั่วโมงเดียวจบ รู้สึกว่าผู้สร้างจะเป็นเยอรมัน เนื้อหาในสารคดีก็ถือว่าเป็นอีกเวอร์ชันที่มีทั้งประเด็นที่เหมือนและแตกต่างจากเวอร์ชันอื่น ถ้าเทียบกันจริงๆ โดยเฉพาะกับเวอร์ชันของบีบีซีที่เป็นสารคดีเหมือนกัน ผมว่าบีบีซีทำได้ดีกว่า
ประเด็นที่น่าสนใจได้แก่
- เมื่อตอนที่เตมูจินไปเลือกคู่ตอนอายุ 9 ขวบ เขาบอกว่าโดยธรรมเนียมแล้ว เตมูจินจะต้องพักอยู่กับครอบครัวของว่าที่เจ้าสาว ในหลายเวอร์ชันเราจึงเห็นเตมูจินน้อยควบม้าไปดูใจท่านข่านเยซูไกผู้เป็นพ่อ ซึ่งบางเวอร์ชันก็ทัน บางเวอร์ชันก็ไม่ทัน แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเตมูจินถึงไม่อยู่ด้วยกันตอนพ่อโดนวางยา
- ตอนที่พวกเมอร์คิตมาชิงตัวบอร์เตไปนั้น เขาอธิบายว่าเตมูจินไม่มีกำลังจะต่อสู้ จึงต้องให้คนในเผ่าหนี แต่ม้ามีไม่พอกับทุกคน ต้องเอาม้าให้ญาติผู้ใหญ่ ส่วนบอร์เตนั้นต้องเสี่ยงดวงโดยเอาไปซ่อนในเกวียนแล้วให้สาวใช้ดูแล จึงทำให้หนีไม่รอด
- ฯลฯ
ประเด็นที่ต่างกันในแต่ละเวอร์ชันทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ในหนังสือ The Secret History of Mongol ที่ท่านข่านผู้ไม่รู้หนังสืออุตส่าบัญชาการให้อาลักษณ์จดบันทึกไว้นั้น เล่าอะไรไว้แค่ไหนกันแน่ ถ้าใน Amazon มีคงต้องลองสั่งซื้อมาอ่านดูบ้างกระมัง?
พูดถึงตรงนี้อดคิดไม่ได้ว่า ท่านเจงกิสข่าน ผู้นำยุคโบราณ ผู้ไม่รู้หนังสือ กลับเห็นคุณค่าของการจดบันทึก เช่น สั่งให้จดประวัติศาสตร์ดังที่กล่าว สั่งให้บันทึกกฎหมายต่างๆ ไว้ ฯลฯ แต่กับคนยุคปัจจุบันบางคนที่ผมรู้จัก เห็นเอาแต่พูดวิจารณ์คนอื่นบ้าง วิจารณ์องค์กร การเมือง หรืออะไรต่ออะไรสารพัดสารเพ จะวิจารณ์ผิดบ้างถูกบ้างเราไม่ว่ากัน แต่เห็นเอาแต่พูดๆๆ แล้วอะไรต่อมิอะไรมันก็หายไปในอากาศ ทำไมไม่คิดจะเขียนเผยแพร่ให้คนที่สนใจอ่านบ้าง
ตอนนี้มี Blog เปิดอยู่หลายที่ รวมถึงที่ IseeHistory แห่งนี้ก็พึ่งเปิด Blog ให้ท่านได้พัฒนาศักยภาพกัน แล้วจะปล่อยให้ความรู้ความคิดดีๆ ของท่านฝังอยู่แต่ในสมองหรือพูดแล้วหายไปในอากาศเพียงเท่านั้นหรือครับ
หมายเหตุ : เปิดให้แสดงความคิดเห็นเฉพาะสมาชิกเว็บไซต์ที่ด้านล่างสุด หรือสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในกรอบข้างล่างนี้ครับ