ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม 2551 บังเอิญมีเหตุให้ต้องไปราชการต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต ณ ประเทศที่นับว่าไม่ใกล้ไม่ไกลหากเทียบกับอีกหลายๆ ประเทศ อันเป็นประเทศเพื่อนบ้านแห่งหนึ่งที่ประชาชนมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับชาวไทยมากๆ นั่นคือ ฟิลิปปินส์ ครับ แต่ปลายทางที่จะไปฝึกอบรมนั้นไม่ใช่มนิลาอันเป็นเมืองหลวงของเขา แต่เป็นเมืองดาเวา (Davao City) ในเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของประเทศเขา ซึ่งมีระดับแลตติจูดในแนวที่น่าจะใกล้เคียงกับจังหวัดตรังและนครศรีธรรมราชของเราครับ
สภาพตัวเมืองของเมืองดาเวานั้น ว่าไปก็คล้ายกับเอาตัวเมืองในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยมาสลับเลนถนนจากชิดซ้ายเป็นชิดขวาแล้วเอาป้ายภาษาไทยออก ยังไงยังงั้นเลยครับ ส่วนมนิลานั้น ผมอยู่แต่ในสนามบินเพื่อรอต่อเครื่องบิน เลยไม่ทราบว่าเมืองหลวงเขาจะต่างจากกรุงเทพฯ ของเราแค่ไหน
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองดาเวานั้น น่าจะมีหลายแห่งด้วยกัน แต่ที่ท่านเจ้าภาพได้พาไปเที่ยวนั้น แค่ 2 แห่ง (ไม่นับแหล่งช้อปปิ้ง) คือ Crocodile Park กับ Jack's Ridge แห่งแรกนั้นเป็นฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์ขนาดย่อม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับประวัติศาสตร์เหมือนแห่งที่ 2 ครับ
ตั้งแต่ตอนไปจนกลับมาใหม่ๆ ผมยังงงๆ ว่า Jack's Ridge เป็นชื่อเนินเขาหรือชื่อของอะไรกันแน่ ก่อนจะเขียนบทความนี้ลอง search เพิ่มเติมจนพอจับต้นชนปลายได้ความว่า เป็นชื่อสันเขาบน Matina Hills ซึ่งได้กลายมาเป็นชื่อของภัตตาคารและรีสอร์ทที่ไปตั้งอยู่ตรงนั้นด้วย ที่หน้าภัตตาคารเขาได้จัดทำกำแพงจารึกความเป็นมาไว้ดังภาพครับ
ถ่ายรูปมาแล้วผมก็หลงลอกข้อความลงใน NotePad อยู่ตั้งนาน ปรากฏว่าเขามีข้อความเดียวกันนี้อยู่ในเว็บไซต์ของเขาแล้ว ข้อความมีดังนี้ครับ
JACK'S RIDGE: Making History in Davao City
The land on which Jack's Ridge now stands once formed part of the headquarters of the retreating Japanese forces towards the end of the World War II. The Americans had landed in Davao on May 1, 1945, forcing the Japanese to beat a path to Matina Hills where they had a commanding view of the Davao Gulf where the American ships were anchored. Fierce fighting soon erupted between the two forces, and as history shows us, the Japanese lost. Today, more than half centery later, Jacks Ridge is filled with reminders of its Historic past. Caves dug by the Japanese pockmark the area, and once in a while people still find bullets and other war material in the rocky soil. There is also a talk that hidden somewhere in the caves are gold bullions and other treasure that the Japanese had taken from other countries and brought to Davao.
Whatever the truth is about the treasure, Jack's Ridge maitains the feature that made it an important outpost for the retreating Japanese forces, a commanding view of Davao City and the Gulf, the same view within the premises is also refreshing, since the owner has made it as a mission to preserve the natural beaty of the place.
Jack's Ridge was built to offer a completely new experience to diners, and it's not over yet, more developements are under way to make it the premier dining resort in Davao City. Indeed, Jack's Ridge is making its own mark in Davao City's history.
ใจความโดยสรุปคือ ที่สันเขาแห่งนี้เป็นที่ๆ กองทหารญี่ปุ่นถอยมาตั้งมั่นในการต่อสู้กับทหารอเมริกันในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากเป็นที่ๆ ชัยภูมิดี สามารถมองเห็นภูมิประเทศด้านล่างโดยเฉพาะที่อ่าวดาเวาซึ่งกองเรืออเมริกันเข้ามาจอดอยู่ แต่ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ต่อกองทัพอเมริกันไปตามระเบียบ ภาพถัดมาเป็นภาพที่ผมถ่ายมาได้ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน จึงเห็นแต่แสงไฟสว่างไสวจากบ้านเรือนในท่ามกลางความมืดมิด
ส่วนรายนี้จะเป็น The Last Man Standing of the Japanese Army ได้หรือไม่?
เทียบกับเมืองไทยแล้ว คงคล้ายกับที่เราได้นำฐานปฏิบัติการของอดีตผกค.มาทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่างกันตรงที่ของเราเป็นการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิม แต่ของเขาสร้างเป็นรีสอร์ท ภัตตาคาร และจุดชมวิว
เว็บไซต์ของ Jack's Ridge นั้นอยู่ที่ http://www.jacksridgedavao.com/ ส่วนท่านที่สนใจภาพถ่ายจากเมืองดาเวาทั้งหมดของผม แวะชมได้ที่ http://picasaweb.google.co.th/rojnchin/Davao2829October2008 ครับ
หมายเหตุ : เปิดให้แสดงความคิดเห็นเฉพาะสมาชิกเว็บไซต์ที่ด้านล่างสุด หรือสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในกรอบข้างล่างนี้ครับ