สายๆ วันนี้ (2 ก.พ.2552) พึ่งจะได้เห็นคอมเม้นต์ของคุณ "เบนจามิน" (ขออนุญาตเอ่ยชื่อเลยนะครับ เพราะเรื่องที่จะเขียนต่อจากนี้ไม่ใช่การโต้ตอบหรือแก้ตัวใดๆ) ในตอนท้ายบทความวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่อง Pearl Habor ว่าผมไม่ควรกล่าวว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ "บิดเบือน" ด้วยเหตุผลว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเพื่อความบันเทิง ไม่ใช่สารคดี อะไรทำนองนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ สมาชิกอีกท่านหนึ่ง คือ "คนเล่าเรื่อง" เคยทักท้วงผมในทำนองนี้มาแล้ว
เมื่อตอนที่ผมเริ่มเขียน "ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์" ไว้เป็นคอลัมน์หนึ่งใน rojn.blogth.com นั้น ก็ด้วยความต้องการจะให้ Blog มีความหลากหลาย แล้วก็เกิดความคิดดังที่เขียนไว้ในหน้าบทนำเว็บแห่งนี้ว่า ในเมื่อตัวเราเคยเรียนปริญญาโทประวัติศาสตร์มา แถมมีหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ตั้งหลายเรื่อง ก็น่าจะนำมาพูดคุยกันบ้าง
การ "พูดคุย" ดังที่ว่าจึงยังไม่ค่อยจะมีทฤษฎีอะไรมากนัก ด้วยความที่เป็นคนอาจจะเถนตรงอยู่บ้าง เมื่อเห็นหนังบางเรื่องไม่ค่อยจะตรงกับความเป็นไปตามเรื่องในประวัติศาสตร์ที่รู้มา ก็อาจจะวิจารณ์หนักไปบ้าง บทความในรุ่นที่เขียนไว้ใน Blog รวมถึงเรื่องที่มาเขียนตอนเปิดเว็บแห่งนี้ใหม่ๆ จะมีลักษณะจริงจังทำนองนี้
แต่เมื่อได้รับการทักท้วงจาก "คนเล่าเรื่อง" ผมก็ยินดีรับฟัง และได้พยายามพัฒนาการวิจารณ์ โดยหลีกเลี่ยงการพิพากษา หันมาพยายามอธิบายถึงเหตุผลในการสร้างเรื่องที่แตกต่างไปจากประวัติศาสตร์ รวมถึงผลดีผลเสียของการแต่งเติมเรื่องดังกล่าว ความพยายามของผมนี้จะสำเร็จเพียงใด ก็ยังไม่ทราบได้
ในข้อทักท้วงของ "คนเล่าเรื่อง" ในกระทู้หัวข้อ "ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ และภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์" ถือว่าภาพยนตร์ประวัติศาสตร์แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
ภาพยนตร์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์นั้น แบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ และภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ แบบเดียวกับนิยายนั่นแหละครับมีทั้งนิยายประวัติศาสตร์ และนิยายอิงประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์นั้นเดินเรื่องตามเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สมชื่อ เรื่องราว บุคคล เหตุการณ์ ทุกอย่างจะเป็นไปตามประวัติศาสตร์อย่างเต็มที่ อาจไม่ถึงขั้น 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็จะแทบไม่มีสิ่งใดผิดแผกหรือแต่งเติมไปจากประวัติศาสตร์เลยแม้แต่น้อย โดยทั่วไป ภาพยนตร์ประเภทนี้ มักจะถูกสร้างขึ้นด้วยพล็อตที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ถ้าเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นั้นไม่ซับซ้อน อย่างภาพยนตร์เรื่องสุริโยทัย ที่กว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นไปตามประวัติศาสตร์หมด ผู้กำกับ คนเขียนบทจะแต่งเติมสิ่งต่างๆ ลงไปแต่น้อย เพื่อคงเรื่องจริงให้มากที่สุด
ส่วนภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์นั้นเป็นไปตามชื่อครับ คือ ว่าเอาเหตุการณ์หลักๆ หรือสิ่งที่ปรากฎในประวัติศาสตร์มาสร้างเรื่องราว บุคคล และอื่นๆ เพิ่มเติมให้เกิดสีสัน ความสนุกสนาน และอาจแทรกความคิดหรือจินตนาการบางอย่างลงไปในภาพยนตร์ จนหลายครั้งเรื่องราว เหตุการณ์และบุคคลนั้นเกินเลยความเป็นจริงไปมาก ภาพยนตร์ประเภทนี้จะถูกสร้างออกมาค่อนข้างเยอะ เพราะสามารถดำเนินเรื่องได้อย่างสนุกสนานกว่าและถูกตีกรอบน้อยกว่า อย่างภาพยนตร์เรื่องบางระจันก็เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ ที่เอาเฉพาะพล็อตหลักๆ ของเหตุการณ์ในค่ายบางระจันมาเป็นหลัก และสร้างเรื่องราวให้เป็นไปอย่างมีสีสันตามจินตนาการของผู้กำกับและคนเขียนบท
ดังนั้น ต้องยอมรับครับว่าภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เขาทำเพียงอ้างอิงประวัติศาสตร์ เอาเฉพาะพล็อตของเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาใช้ เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่องจะไม่ผูกมัดกับเรื่องราวในประวัติศาสตร์มากนัก เน้นไปที่ความสนุกสนาน ความบันเทิง ซึ่งนับเป็นจุดขายที่สำคัญของพาณิชย์ศิลป์ชนิดนี้ ส่วนการที่จะแยกว่าเรื่องไหนเป็นประวัติศาสตร์เรื่องไหนอิงประวัติศาสตร์ คงไม่ยากที่ท่านผู้วิจารณ์จะแยกออกนะครับ
เป็นคำอธิบายที่คงเข้าใจกันได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตาม จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผมอยากจะลองต่อยอดการจำแนกภาพยนตร์ประวัติศาสตร์เพิ่มขึ้นเป็น 4 ประเภท ดังนี้ครับ
1. ภาพยนตร์สารคดีแท้ เป็นภาพยนตร์ที่อาศัยการค้นคว้าข้อมูลในเชิงวิชาการ และนำเสนอโดยเน้นการบรรยาย มีการตามรอยไปยังสถานที่จริง การบรรยายประกอบโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้อยู่ในเหตุการณ์ อาจมีเทคนิคประกอบบ้าง เช่น Animation การตัดต่อภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องมาประกอบบ้าง หรือแม้กระทั่งมีผู้แสดงเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์บ้าง แต่ไม่มีบทพูดหรือการเดินเรื่องแบบภาพยนตร์บันเทิง ดังเช่น ภาพยนตร์สารคดีของ National Geographic หรือ สารคดี 100 ปี ไกลบ้านฯ เป็นต้น
2. ภาพยนตร์สารคดีเชิงละคร เห็นได้ในภาพยนตร์สารคดีของ BBC หลายเรื่อง เช่น Hannibal, Ghenghis Khan, The Warriors เป็นต้น คือ เป็นภาพยนตร์ที่อาศัยการค้นคว้าข้อมูลในเชิงวิชาการ แต่นำเสนอโดยมีตัวละคร บทพูด การสร้างฉาก การดำเนินเรื่อง ฯลฯ ในลักษณะคล้ายกับภาพยนตร์บันเทิง ประกอบกับคำบรรยายในเชิงวิชาการ
3. ภาพยนตร์จากบันทึกประวัติศาสตร์ เป็นภาพยนตร์ที่คล้ายสารคดีตรงที่มีพื้นฐานจากเรื่องจริง แต่ไม่ได้ถึงขั้นของการรวบรวมข้อมูลในเชิงวิชาการอย่างลึกซึ้ง อาจจะนำบันทึกของบุคคลในประวัติศาสตร์/ผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงคนหนึ่งหรือหลายๆ คน ซึ่งมักเป็นหนังสือประเภท Non-Fiction มาก่อน เช่น The Longest Day, A Bridge too far, Der Untergang, Flags of our Fathers เป็นต้น
4. และสุดท้ายย่อมเป็น ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ ซึ่งผมขออนุโลมตามคำอธิบายของ "คนเล่าเรื่อง" ดังกล่าวข้างต้น คือการนำเอาเหตุการณ์ส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ มาใส่ตัวละคร ใส่พล็อตเรื่อง ให้เป็นภาพยนตร์มุ่งเน้นความบันเทิงเป็นหลัก
ย้ำอีกทีครับว่านี่เป็นการทดลองเสนอ โดยหวังว่าจะนำไปสู่แนวทางทั้งในการเขียนบทความเรื่องต่อๆ ไปของตัวผมเอง และผู้ร่วมเขียนบทความท่านอื่นๆ ตลอดจนถึงการทำความเข้าใจให้ตรงกันระหว่างผู้เขียนและผู้ชมเว็บไซต์ครับ หากข้อเสนอนี้ยังมีอะไรขาดเกิน ก็ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมแสดงความเห็นได้ครับ ท่านสมาชิกสามารถแสดงความเห็นท้ายบทความได้เลย ส่วนผู้ชมทั่วไปขอเรียนเชิญที่เว็บบอร์ดครับ
หมายเหตุ : เปิดให้แสดงความคิดเห็นเฉพาะสมาชิกเว็บไซต์ที่ด้านล่างสุด หรือสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในกรอบข้างล่างนี้ครับ