หลายปีก่อนนู้น ตอนยังเรียนอยู่ราวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (ม.ศ.2 เทียบกับเดี๋ยวนี้ก็เป็นม.3) ได้เริ่มมีงานอดิเรกคือการซื้อชุดพลาสติคจำลองมาตราส่วน 1/35 มาประกอบและสะสม ท่ามกลางความไม่ค่อยเข้าใจของทางบ้านที่เห็นเป็นเพียงการ "เล่นตุ๊กตา" โดยส่วนตัวสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็น "ปัญหา" น่าจะเป็นเรื่องจุกจิกหลายประการของงานอดิเรกชนิดนี้ ที่นอกเหนือจากการซื้อจำลองแต่ละกล่องแล้ว ยังจะต้องมีกาว มีมีดคัตเตอร์ มีสีต่างๆ หลายสี มีแปรงพู่กัน ต้องอ่านคู่มือภาษาอังกฤษ ฯลฯ
แต่เมื่อ "ปัญหามา" ก็ "ปัญญามี" ครับ สิ่งดีๆ ที่การประกอบชุดพลาสติคช่วยพัฒนาเราทางอ้อม ได้แก่ การอ่านภาษาอังกฤษเพื่อจะทำความเข้าใจกับขั้นตอนของการประกอบและทาสี รวมถึงประวัติความเป็นมาของสิ่งที่จำลองมาเป็นชุดประกอบให้เราเล่น การได้ฝึกมือ การวางแผนการทำงาน การได้ศึกษาประวัติศาสตร์ทางอ้อมจากชุดประกอบ จนเป็นแรงกระตุ้นให้ศึกษาประวัติศาสตร์มากขึ้น ฯลฯ แต่แล้ว "ปัญหา" ที่แก้ไม่ตกจนต้องเลิกเล่นไปในที่สุด คงเป็นดังที่เคยโพสต์ไว้ในกระทู้หนึ่งในเว็บบอร์ด "ชุดจำลองประวัติศาสตร์" ว่า "ไม่มีเงิน" "ไม่มีเวลา" "ไม่มีที่เก็บ" และ "ไม่มีสังคม" ที่จริงปัญหา 3 ข้อแรกถ้าบริหารจัดการดีๆ ก็คงมีจนได้ แต่อันสุดท้าย คือการไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับคนที่มีงานอดิเรกแบบเดียวกันน่าจะเป็นต้นเหตุสำคัญในด้านแรงจูงใจได้มากที่สุด
หลายปีผ่านมาจนถึงวันที่ได้ทำเว็บไซต์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ความที่อยากจะนำชุดพลาสติคจำลองมาเป็นอีกประเด็นในการศึกษาประวัติศาสตร์แบบไม่วิชาการจัดจนถึงกับเปิดเป็นเว็บบอร์ดห้องหนึ่งต่างหาก แม้จะยังไม่มีโอกาสได้กลับมาทำงานอดิเรกนี้อีก แต่ก็พยายามหาความรู้ในเรื่องนี้มาบริการ โดยเริ่มจากการหาคลิปสอนการประกอบชุดจำลองจาก YouTube แล้วมาลองท่องไปตามเว็บไซต์ของผู้ผลิตรายต่างๆ แล้วก็ต้องมาสะดุดกับ "ชุดจำลอง" ที่แทบจะไม่ต้อง "ประกอบ" ที่เรียกว่า Action Figure มาตราส่วน 1/6 ที่จำลองตัวทหารในขนาดประมาณ 1 ฟุต พร้อมด้วยเครื่องแบบหลายหลากและอาวุธยุทโธปกรณ์ในขนาดที่ใหญ่กว่าและรายละเอียดที่มากกว่า 1/35 ที่เคยเล่นมาในวัยเยาว์ แขนขาของตัวทหารสามารถจัดท่าทางได้ตามต้องการ เครื่องแบบเป็นผ้าถอดเปลี่ยนได้ อุปกรณ์บางอย่างขยับได้คล้ายของจริง เช่นการขยับลูกเลื่อนปืนและถอดเปลี่ยนแมกกาซีน ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องต่อกาวทาสี ฯลฯ

ตัวทหารที่ซื้อมาทีแรกจะใส่กล่องใสมาคล้ายๆ อย่างนี้แหละครับ ไม่มียี่ห้อ กล่องกระดาษ หรือคู่มือใดๆ
จากราคาตัวทหารแต่ละตัวพร้อมอาวุธและอุปกรณ์ที่สูงในราวหลักพัน ทีแรกจึงบอกตัวเองว่า "อย่าเลย" แต่ก็มีเหตุให้ค่อยๆ ถลำเข้ามาจนได้ จากการไปเมียงมองเจ้าตัวทหารพวกนี้ที่ร้านในเซ็นทรัลลาดพร้าวชั้นใต้ดิน แล้วมาทดลองซื้อเฉพาะปืนจำลองสเกลนี้ที่ทำแยกขายจากแผนกของเล่นในห้างดังกล่าวในราคากระบอกละไม่กี่ร้อย แล้ววันดีคืนดีก็ไปเห็นตัวทหารเยอรมันขนาด 1/6 ที่เอามาใส่กล่องใสขายในราคาเพียงแปดร้อยกว่าบาท เทียบกับที่ใส่กล่องกระดาษพิมพ์อย่างดีในราคา 2-3 พันขึ้นไป ความที่หน้ามืดเห็นแต่ว่าราคาถูกและใส่หมวกเหล็กแบบทหารเยอรมันก็ซื้อมา โดยสังเกตความไม่ปกติเพียงแค่ว่า เจ้าตัวนี้ใช้ปืนยาวที่รูปร่างคล้าย KAR 98k แต่ดันคาดกระเป๋าแมกกาซีนปืนกลมือ MP40 แต่ก็คิดว่าเราเคยซื้อ MP40 มาไว้แล้ว คงไม่ใช่เรื่องใหญ่

ปืนพกในมือขวาที่ให้มาไม่ใช่ Walther หรือ Luger ที่ทหารเยอรมันใช้ ส่วน MP40 นั้นเป็นของ Dragon ที่ซื้อแยกมาก่อนครับ
ครั้นพอกลับมาที่บ้าน ได้พิจารณาสิ่งที่ซื้อมาแล้ว จึงพบว่าปัญหาประเด็นใหญ่คือ เครื่องแบบของเจ้าหมอนี่มันไม่ได้ตรงกับเครื่องแบบชนิดใดๆ ของทหารเยอรมันที่เราเคยศึกษามาเลย แทนที่จะเป็นเสื้อคอตั้งมีบ่ามีกระเป๋าเสื้อสวยๆ ทั้งที่หน้าอกและชายเสื้อ กลับเป็นเสื้อลักษณะคล้ายๆ เสื้อสูท มีกระดุมสีทองสองแถว ไม่มีกระเป๋าเสื้อที่หน้าอก นอกจากกระเป๋าแบบฝาปิดที่ชายเสื้อ ปัญหารองลงมาคือ ไม่มีเครื่องสนามใดๆ ให้มาด้วย พยายามจะคิดว่าคงเป็นเพราะตาคนนี้แกเป็นพลประจำปืนจู่โจมอัตตาจร (Sturmgeschutz) ที่ไม่จำเป็นต้องแบกอะไรมาก แต่ดูเครื่องแบบแล้วมันไม่ใช่ของทหารจำพวกนั้นอยู่ดี ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับผมได้แก่ เจ้าปืนยาวไม่ทราบชนิดดังที่กล่าว (ใช้ปืนอื่นที่ซื้อสะสมไว้ก่อนก็แล้วกัน) ปืนพกที่ให้มาก็เหมือนปืนของทหารอเมริกันมากกว่า (ติ๊งต่างว่ายึดมาจากข้าศึกก็แล้วกัน) กระเป๋าย่ามสะพายที่ให้มาทำมาอย่างหยาบๆ (แต่ก็ใส่ของจุกจิกบางอย่างได้ดี) และตราที่หมวกเหล็กข้างขวาหลุดหายไป (คิดว่ามันหลุดหายระหว่างทำศึกก็แล้วกัน ในภาพถ่ายจากสงครามจริงก็ไม่ค่อยจะมีตราติดทั้งสองข้างหรอก)

ถ่ายรูปกันจนเหนื่อยก็นั่งพักเปิดหมวกโชว์ทรงผมหน่อย ส่วนปืนกลมือรัสเซียนี่เป็นของ Dragon ที่ซื้อแยกไว้ก่อน
สรุปว่าคงเป็นของที่ผลิตจากโรงงานในจีนที่ยังรู้เรื่องเครื่องแบบและอาวุธของเยอรมันสมัยสงครามแบบงูๆปลาๆ จากทีแรกคิดว่าซื้อทีเดียวจบ แต่ในเมื่อยังติดปัญหาสำคัญเรื่องเครื่องแบบ ในที่สุดก็ต้องเสียตังค์สั่งซื้อเพิ่มเติมทางอินเตอร์เน็ตจนได้ ในราคาที่มากกว่าตอนซื้อตาคนนี้มาซะอีก ยังไม่ขอเปิดเผยว่าซื้ออะไรมาบ้างในราคาทั้งหมดเท่าไหร่ บอกได้แค่ว่าสั่งจากเว็บ monkeydepot.com ถ้าใครยังไม่แน่ใจหรือยังไม่อยากถลำตัวเข้ามาแบบผมแค่ดูเฉยๆ ก็พอครับ เว็บเขาเป็นตัวอย่างที่ดีของการขายของออนไลน์เอามากๆ ไว้เปลี่ยนเครื่องแบบให้ตาคนนี้แล้วค่อยถ่ายรูปมาให้ดูอีกทีครับ
หมายเหตุ : เปิดให้แสดงความคิดเห็นเฉพาะสมาชิกเว็บไซต์ที่ด้านล่างสุด หรือสมาชิก Facebook แสดงความเห็นได้ในกรอบข้างล่างนี้ครับ