* * *
เสด็จประพาสยุโรป ร.ศ.๑๒๖
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Durang.jpg)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเพื่อรักษาพระองค์เป็นสำคัญ จัดกระบวนเสด็จเป็นอย่างไปรเวต โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรี เสด็จจากท่าราชวรดิษฐ์ ในวันพุธ ที่ ๒๗ มีนาคม ร.ศ.๑๒๖ พ.ศ.๒๔๕๐
ความเป็นมา . . .
เมื่อเสด็จยุโรปคราว ร.ศ.๑๑๖ พ.ศ.๒๔๔๐ เป็นครั้งแรกที่ได้เสด็จไปเจริญทางพระราชไมตรีถึงราชสำนักในนานาประเทศ โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรี จากท่าราชวรดิษฐ์ ในวันพุธ ที่ ๗ เมษายน
วันที่ ๑๖ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๖ เสด็จฯ ถึงกรุงเทพพระมหานครฯ รวมระยะเวลาที่เสด็จประพาสยุโรป ๒๕๓ วัน . . .
ในที่สุด ทางฝรั่งเศสยอมแลกเปลี่ยนการปล่อยตัวพระยอดเมืองขวางให้พ้นโทษก่อนกำหนด
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปล่อยตัวพระยอดเมืองขวางออกจากเรือนจำกองมหันตโทษ พร้อมกับจัดรถรับส่งพระยอดเมืองขวางกลับไปบ้าน
พระยอดเมืองขวางกำลังนุ่งโสร่งรับประทานอาหารอยู่ พอทราบพระบรมราชโองการดังกล่าว ก็ถึงกับเลิกรับประทานอาหารและเดินออกจากเรือนจำมหันตโทษโดยไม่ได้แต่งตัวใหม่แต่อย่างใด รวมเวลาที่ พระยอดเมืองขวางถูกจำคุกนับแต่มีคำพิพากษาถึงวันปล่อยตัว ๔ ปี ๔ เดือน ๒๔ วัน . . .
พ.ศ.๒๔๔๗ มหามาร ยึดสยาม แบ่งสรรปันประโยชน์ The Entente - cordiale 1904
วันที่ ๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๗ ค.ศ.๑๙๐๔ อังกฤษ และฝรั่งเศสได้ลงนามในข้อตกลง The Entente - cordiale 1904 (Anglo - French Entente 1904) ซึ่งตกลงประสานการจัดการขยายอาณานิคมอย่างสันติแทนการแย่งชิงและขัดแย้งกัน
สำหรับประเทศไทย
ฝรั่งเศสจะมีอิทธิพลในพื้นที่ด้านตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในทำนองเดียวกัน
อังกฤษจะมีอิทธิพลในพื้นที่ด้านตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
ฝรั่งเศสและอังกฤษตกลงร่วมกันว่าจะไม่ผนวกสยามเป็นเมืองขึ้นแต่จะเพียงแค่มีอิทธิพลในดินแดนนี้เท่านั้น
นับว่าเป็นความร่วมมือกันครอบครองดินแดนสยามดังเป็นอาณานิคม และแบ่งสรรประโยชน์กัน . . .
ฝรั่งเศสยังไม่ยอมออกจากเมืองจันทบุรี โดยอ้างว่าไทยต้องปฏิบัติตามข้อตกลง (Agreement) ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๔๗ เกี่ยวกับการปักปันเขตแดนใหม่ให้เสร็จสิ้นเสียก่อน . . .
โคตรโกง คายจันทบุรี คาบตราด เกาะกงแทน
ในที่สุด ฝรั่งเศสได้ถอนทหารออกจากจันทบุรีหมดเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๔๔๗ แต่ไทยก็ต้องยอมยกดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงตรงข้ามเมืองหลวงพระบาง เมืองมโนไพร และจำปาศักดิ์ ให้ฝรั่งเศส ถึงกระนั้น ฝรั่งเศสก็ยังใช้ความโกงส่งทหารเข้ายึดตราด และเกาะกง (เมืองประจันตคีรีเขตร) ไว้อีก
งานพิธีฉลองเมืองจันทบุรี
วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๗ พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองมหาดไทยได้ออกเดินทางจากจังหวัดสมุทรปราการพร้อม ด้วยเรือจำเริญ บรรทุกทหารเรือ ๑ กองร้อย เดินทางไปฉลองเมืองจันทบุรี ในโอกาสที่ทหารฝรั่งเศสได้ถอนกำลังออกไปแล้ว . . .
ความเป็นไป . . .
พ.ศ.๒๔๔๙ ไม่ทรงสบาย
เมื่อปีมะเมีย รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชปรารภว่ามีพระอาการประชวรไม่ทรงสบายมานานแล้ว . . . ถึงศกนี้ทรงสังเกตเห็นพระอาการกำเริบขึ้นกว่าแต่ก่อน แพทย์ประจำพระองค์ตรวจพระอาการลงเนื้อเห็นสันนิษฐานว่า โกฐาสภายในพระกายไม่เป็นไปสม่ำเสมอ พระโรคเช่นนั้น ไม่ถูกแก่อากาศชื้น เช่น ในฤดูฝนชุก หรือร้อนจัด เช่นในฤดูคิมหะในสยามประเทศนี้ จึงเรื้อรังรักษาไม่หายได้ ควรจะเสด็จแปรสถานไปหาอากาศประกอบแก่การรักษา พระโรคจึงจะหาย ก็แลตำบลที่จะรักษาพระโรคได้เหมาะดีที่สุด ก็มีแต่ในประเทศยุโรป และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคเช่นที่ประชวรนั้น จึงกราบบังคมทูลแนะนำ ขอให้เสด็จไปรักษาพระองค์ในยุโรป . . . พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระอนุมัติตามคำที่กราบบังคมทูล จึงโปรดฯ ให้เตรียมการที่จะเสด็จยุโรปอีกครั้งหนึ่ง
. . . แต่ครั้งนี้จะเสด็จไปเพื่อรักษาพระองค์เป็นสำคัญ . . . จึงโปรดให้จัดกระบวนเสด็จเป็นอย่างไปรเวต มีราชการโดยเสด็จแต่ที่จำเป็น จะทรงเรือพระที่นั่งมหาจักรีไปเพียงสิงคโปร์ แต่นั้นจะเสด็จโดยเรือเมล์ทั้งขาไปและขากลับ ส่วนการรักษาพระนครเวลาเสด็จไม่อยู่นั้น . . .
ประกาศการรักษาพระนคร
ฯลฯ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศให้ทราบทั่วกันว่า การซึ่งจะเสด็จพระราชดำเนินจากกรุงเทพฯ ณ วันที่ ๒๗ มีนาคม ไปประพาสประเทศยุโรปครั้งนี้ . . .
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอำนาจในราชกิจที่จะรักษาพระนครในระหว่างเวลาเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งนี้ไว้แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิรา เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ มกุฎราชกุมาร และให้ทรงเป็นประธานในที่ประชุมทั้ง ๒ อย่างที่กล่าวต่อไป และให้ทรงบังคับบัญชาการทั้งปวงสิทธิขาดทั่วไป พร้อมด้วยที่ประชุมทั้ง ๒ อย่างนี้ คือ
อย่างที่ ๑ ที่ประชุมผู้สำเร็จราชการรักษาพระนคร ณ กรุงเทพฯ นั้น มีที่ปรึกษาคือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระภาณุพันธุวงศ์วรเดช สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัติวงศ์ พระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นนครไชยศรีสุรเดช
อย่างที่ ๒ ที่ประชุมเสนาบดีนั้น มีเสนาบดีและผู้แทนเสนาบดีทุกกระทรวง . . .
และให้พระยาศรีสุนทรโวหาร เป็นสภาเลขานุการสำหรับที่ประชุมทั้ง ๒ อย่างนี้ด้วย และให้ประชุมกันเนืองๆ ตามเวลาที่สมควรจะกำหนดไว้
ฯลฯ
ประกาศมาแต่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ ณ วันเสาร์ ที่ ๑๖ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๑๕ เป็นวันที่ ๑๔๐๐๔ หรือปีที่ ๓๙ ในรัชกาลปัจจุบันนี้
--------------------------
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/thaimap19073.jpg)
ตราดถิ่นไทย ต้องเอาคืนให้ได้
รัฐบาลไทยพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ฝรั่งเศสคืนเมืองตราดแก่ไทย และในที่สุดได้ตกลงกันว่า ฝรั่งเศสจะยอมคืนเมืองคราดให้แก่ไทย โดยฝ่ายไทยต้องยอมยกเมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณอันเป็นหัวเมืองเขมรให้แก่ฝรั่งเศส ฝ่ายฝรั่งเศสก็ยอมให้คนชาวตะวันออกในบังคับฝรั่งเศสอยู่ในอำนาจศาลไทย กับยอมถอนทหารซึ่งยังตั้งอยู่ที่เมืองจันทบุรีกลับไป ไม่ล่วงล้ำเกี่ยวข้องแดนไทยดังแต่ก่อน และได้ลงนามในสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ฉบับ วันที่ ๒๓ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๕ (พ.ศ.๒๔๔๙ - ค.ศ.๑๙๐๗) แต่สัญญานี้ต้องรอรัฐสภาฝรั่งเศสอนุมัติก่อนจึงจะมีผลบังคับใช้
หัวเมืองเขมร (เมืองพระตะบอง เมืองเสียมราฐ และเมืองศรีโสภณ) ที่ไทยยอมยกให้ฝรั่งเศสเพื่อแลกเอาเมืองตราดถิ่นไทยคืนมา คือพื้นที่แรเงา >
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเพื่อรักษาพระองค์เป็นสำคัญ จัดกระบวนเสด็จเป็นอย่างไปรเวต โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรี เสด็จจากท่าราชวรดิษฐ์ ในวันพุธ ที่ ๒๗ มีนาคม ร.ศ.๑๒๖ พ.ศ.๒๔๕๐
วันที่ ๒๗ มีนาคม . . .
ครั้นได้ปฐมฤกษ์ เวลาเช้า ๔ โมงกับ ๑๔ นาที พระโหราธิบดีลั่นฆ้องชัยให้สัญญา เจ้าพนักงานประโคมแตรสังข์ดุริยดนตรี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินลงจากพระที่นั่งอัมพรสถานทรงรถพระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนรถม้าไปประทับ ณ พระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย . . .
เวลาเช้า ๔ โมงกับ ๔๐ นาที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินสู่เรือพระที่นั่งมหาจักรี . . . เวลาเช้า ๕ โมง เจ้าพนักงานใช้จักรเรือพระที่นั่งออกจากท่าราชวรดิษฐ์ ขึ้นไปกลับลำที่สามเสนแล้วล่องลงมาผ่านท่าราชวรดิษฐ์เวลา ๕ โมง ๓๐ นาที . . .
เวลาบ่ายโมงเศษเรือพระที่นั่งผ่านป้อมแผลงไฟฟ้า เมืองนครเขื่อนขันธ์ เจ้าพนักงานประจำป้อมได้ยิงปืนสลุตตามธรรมเนียม เวลาบ่ายโมงหนึ่ง ๔๕ นาที ถึงพระสมุทรเจดีย์ แล้วเรือพระที่นั่งผ่านป้อมผีเสื้อสมุทรเจ้าพนักงานประจำป้อมยิงปืนสลุตเหมือนกัน เวลาบ่าย ๒ โมง เรือพระที่นั่งทอดสมอหน้าเมืองสมุทรปราการ . . .
ฯลฯ
เวลาย่ำค่ำ เรือพระที่นั่งมหาจักรีออกจากหน้าเมืองสมุทรปราการล่องลงไปทอดสมอรอน้ำอยู่ที่ทุ่นดำ จะต้องรออยู่ที่นี่จนเวลา ๘ ทุ่ม จึงจะข้ามสันดอนออกไปได้
ฯลฯ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_OnBoard.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_QueenReturn%281%29.jpg)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเพื่อรักษาพระองค์เป็นสำคัญ จัดกระบวนเสด็จเป็นอย่างไปรเวต โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรี เสด็จจากท่าราชวรดิษฐ์ ในวันพุธ ที่ ๒๗ มีนาคม ร.ศ.๑๒๖ พ.ศ.๒๔๕๐
เส้นทางเสด็จ สิงคโปร์ - ช่องมะละกา - ปีนัง (เปลี่ยนเรือพระที่นั่งเป็นเรือนอทเยอรมันลอยด์ ชื่อซักเซน - อ่าวเบงกอล - เกาะลังกา - เอเดน - เข้าทะเลแดง - เข้าคลองสุเอส - ปอตเสด - เข้าทะเลเมดิเตอเรเนียน - ช่องมัสซีนา (อิตาลี) - เนเปอล เปลี่ยนเป็นเสด็จทางบก - เยนัว - ซันเรโม - บอดิเครา - มอนติคาโล - ปอโตมริโซ - นิศ - ตูริน - ซาโวนา - ตูริน - เวนิศ - ฟลอเรนซ์ - มิลัน - เตอร์ริเตต์ (สวิส) - นอยเฮาเซน (เยอรมนี) - ซุริค (สวิส) - บาเดนบาเดน (เยอรมนี) - ไฮเดลแบ็ก - มันไฮม์ - บาเดน - สตราสสเบิค - คาลสรูห์ - แฟรงเฟิต - ปารีส - ลอนดอน - ออสเตนต์ - แฮมเบิค - ลูเซิน - เมืองเบอน - มิลาน - โรม - เนเปอล - เมสสินา - ปาเลอรโม - เมสสินา - เทาร์มีนา - ไซราคุสซา - เกาะมอลตา - เข้าทะเลเมดิเตอเรเนียน - เมืองปอตเสด - เข้าคลองสุเอส - ทะเลแดง - มหาสมุทรอินเดีย - เมืองโกลัมโบ - อ่าวเบงกอล - เมืองเกาะหมาก (เกาะปีนัง)
การเสด็จฯ ครั้งนี้ทรงพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงนิภานพดล ราชเลขานุการในพระองค์ และต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์เผยแพร่ เป็นพระราชนิพนธ์ "ไกลบ้าน"
พระราชหัตถเลขาฉบับที่ ๑
----------------------------------
คืนที่ ๑
เรือมหาจักรี
วันพุฒ ที่ ๒๙ มีนาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๕
ลูกหญิงน้อย
พ่อตั้งใจจะเขียนหนังสือบอกข่าวให้รู้เปนส่วนตัวต่างหากจากที่รู้ทางราชการ . . .
คืนที่ ๘
วันพุธ ที่ ๓ เมษายน ร.ศ.๑๒๖
. . . เวลาบ่าย ๓ โมงเศษ เสด็จฯ จากเรือพระที่นั่งมหาจักรีสู่เรือนอทเยอรมันลอยด์ ชื่อซักเซน
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Xaxxan.jpg)
คืนที่ ๓๑
วันศุกร์ ที่ ๒๖ เมษายน ร.ศ.๑๒๖
ขอลาอิกครั้งหนึ่งในการที่จะขึ้นบก นับว่าเปนการไกลออกไปอิก ขอฝากความคิดถึงแก่บรรดาผู้ที่พ่อมีความรักใคร่ทุกคน ขอให้มั่นใจว่าา พ่อมีความสบายขึ้นกว่าแต่ก่อน
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Chula_Sign.jpg)
อิตาลี
เสด็จฯ ขึ้นเมืองเยนัว ในวันเสาร์ที่ ๒๗ เมษายน แล้วเสด็จฯ ไปประทับที่วิลลาโนเบล เมืองซันเรโม (Sanremo)
คืนที่ ๔๐
วันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม
เวลาบ่าย ๒ โมงเศษ ไปที่สตูเดียวของมากอตตีซึ่งอยู่ไม่ห่างกันกับวิลลานี้นัก มองสิเออดุรังไปจัดไว้เปนที่เขียนรูป . . . มีห้องที่เขาจัดไว้ให้แต่งตัว . . . แต่งเสื้อขาวสวมเสื้อครุยสายสร้อยจุลจอมเกล้าแลช้างเผือก ตาครูช่างเขียนชอบนักว่างาม . . .
มองสิเออดุรังนี้ เปนอาการของคนช่างเขียนแท้ คือดูอะไรจับอกจับใจเต้นโลดในเวลาที่ชอบ ออกจะฉุนๆ ในเวลาไม่ชอบ . . .
คืนที่ ๔๒
วันอังคารที่ ๗ พฤษภาคม
. . . ครั้นเวลา ๕ โมงให้บริพัตร เจ้าพระยาสุรวงษ์ กับจรูญ นำรถโมเตอคาร์ ๒ หลังไปรับ มาถึงเวลาเที่ยง เพราะระยะทางไปมากับที่นี่ครึ่งชั่วโมง พ่อลงไปคอยรับที่กระได ดุ๊กออฟเยนัวแปลกไปเปนอันมาก แก่คร่ำกว่าแต่ก่อน หัวล้านหมดทีเดียว เรียกได้ว่าไม่มีเหลือ เฟอดินันด์ ลูกชายนั้นตงอยู่อย่างเดิมตกลงนัดกันว่าจะไปตุรินวันที่ ๑๔ ตามกำหนดเดิม . . .
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Sanremo2.jpg)
หน้าวิลลาโนเบล ที่ประทับในเมืองซานเรโม
ทรงฉายกับ ดุ๊กออฟเยนัว (นั่งกลาง) และ เจ้านายอีก ๒ พระองค์ เจ้าชายเฟอดินันด์ โอรสดุ๊กออฟเยนัว นั่งขวาสุด
คืนที่ ๔๔
วันพฤหัศบดีที่ ๙ พฤษภาคม
วันนี้ไปที่เขียนรูปได้เวล่ำเวลาดี ตาดุรังปลื้มแจ่มใส ถึงออกมารับนอกห้อง วันนี้แต่งครึ่งตัวเขียนแผ่นใหญ่แต่หน้า ถูกนั่งนานเต็มทีเบือนคอแลสูงอยู่ข้างเดียวจนเมื่อย แต่แกร้องยากในการที่จะแต้มดวงตา เรียกว่าฟกคอก็ได้ แกเห็นหน้าเราเบื่อเต็มทีให้หยุด เดินไปเดินมา แต่แกยังทำงานของแกอยู่ แกเหนื่อยขึ้นมาเองฉวยกระจับปี่มาดีดร้องเพลงให้ฟัง . . . แกคิดว่ารูปนี้จะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้เอง บ้านที่เขียนรูปเดี๋ยวนี้ออกจะเป็นที่ประชุมคนมาเฝ้ามาดูมาถ่ายรูป
ฯลฯ
คืนที่ ๔๕
วันศุกร์ที่ ๑๐ พฤษภาคม
วันนี้เวลาเช้าไปเขียนรูป มองสิเออดุรังได้ตั้งต้นร่างรูปใหญ่ขึ้นไว้ด้วยถ่าน เข้าทีมาก วันนี้แต่งตัวครึ่งตัว แต่ที่จริงเขียนไนยตาอย่างเดียวที่เปนข้อสำคัญ ที่แกร้องว่ายากนัก . . . วันนี้เกือบจะว่าแล้วได้ . . . น่าอกแกร้องว่ายากเพราะมีบัตรมีตรามีเสื้อครุยมีสายสร้อยรุงรังมาก แต่งตัวทุกวันทุกวันจนเมื่อยหัวไหล่ . . .
เวลาเที่ยงขึ้นรถโมเตอคาร์ไปนีศ วันนี้ไปสามรถ . . .
คืนที่ ๔๖
วันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม
ฯลฯ
ค่ำวันนี้เชิญ มองสิเออดุรังแลมากอตตีมากินเข้าเย็น พูดกันถึงเรื่องเขียนๆ แกแนะนำรูปเขียนที่ซาลองคราวนี้ว่าดีอยู่แผ่นหนึ่ง แกให้ไปตาม ตาดุรังนี้ได้ตรามาก แขวนเปนรนาว น่าอกก็ติดถึง ๔ ดวง
คืนที่ ๔๗
วันอาทิตย์ที่ ๑๒ พฤษภาคม
ฯลฯ
วันนี้พระยาชลยุทธมาถึง กับมิสเตอแอนเดอซันกงสุลไทยที่เมืองโคเปนเฮเกน นำหนังสือปริยซวัลดิมาแลปรินเซสมารี ชวนให้ไปค้างอยู่ที่วังเบอนสตอฟสองคืน ได้ตอบรับ กะระยะทางซึ่งจะไปเมืองนอรเวเปนที่ตกลงเรียบร้อย คือคิดออกจากโคเปนเฮเกนไปคริสเตียนเนียทางเรือ แล้วไปรถไฟจนถึงตรอนเยม ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินขึ้นไปราชาภิเศกคราวนี้ ให้เรืออ้อมไปรับที่ตรอนเยม เพื่อจะย่นเวลาให้เร็วเข้า ด้วยเราไม่มีวันครบเดือนแต่ต้องการจะไปให้มากที่สุดลงเรือที่ตรอนเยมขึ้นไปที่นอถเคป คือที่สุดแผ่นดินข้างเหนือ . . .มีวันที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ไม่มีเวลาตกนานขึ้น ถ้าไปทางเรือช้า จะได้เห็นน้อยเข้า เพราะเหตุที่พระอาทิตย์ไม่ตกเช่นนั้น มีแต่ในฤดูซัมเมอ กลับจากนอถเคปข้ามตรอนเยมมาที่อื่น เที่ยวตามฟยอดต่างๆ กล่าวคือเป็นซอกทเลพรุนไปหมดเหล่านั้นลงมาตามลำดับ จนกระทั่ง ถึงที่สุดเลยข้ามไปเมืองกีล เลยไปเบอลิน การที่จะไปนั้น เช่าเรือยอชอังกฤษชื่อ อัลเบียน . . . ตกลงเรื่องโปรแกรมแล้วไปดูเขียนรูปที่บ้านมากอตตี วันนี้แต่งตัวรูปหุ่นขึ้นเขียน ลงมือแต่เช้า ๓ โมงครึ่ง พ่อไปถึงบ่าย ๓โมง จวนจะเสร็จ แกทำอะไรดูเสียถ้วนถี่หมดไม่มีขาดเลย . . . พ่อกำหนดว่าอยากให้แล้วเสร็จก่อนเดือนสิงหาคมจะได้ส่งไปทันเฉลิมพระชนม์พรรษา แก็ว่าเห็นทีจะเสร็จ รูปใหญ่ยังไม่ได้ลงสีเลย แกจะไปเขียนที่เมืองโรมทีเดียว . . .
ฯลฯ
. . . อ้ายการเที่ยวเช่นนี้มันช่างมีคุณจริงๆ เที่ยวในเมืองไทยถึงจะมีคุณก็ถูกหักค่าร้อนค่าเหนื่อยเสียครึ่งหนึ่ง นี่มันไม่ต้องร้อนไม่ต้องเหนื่อย จึงได้มีกำไรมาก
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Sanremo.jpg)
คืนที่ ๕๕
เมืองฟลอเรนศ์
วันจันทร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ร.ศก ๑๒๖
ฯลฯ
. . . เมืองฟลอเรนศ์ได้เปนเมืองหลวงขออิตาลี เมื่อรวมเมืองอิตาลีเข้าเปนกิงดอมเดียวอยู่ประมาณสักหกเจ็ดปีได้กระมัง จึงย้ายไปเมืองโรม เมื่อเยอรมันกับฝรั่งเศสรบกัน ปี ๑๘๗๐ - ๘๑ ในแผ่นดินประจุบันนี้ แต่ก่อนเมืองอิตาลีแยกเปนหลายอาณาเขตร อาณาเขตรฟลอเรนศ์นี้ เปนเมืองหลวงของตัสเคนี เมืองตุรินเป็นเมืองหลวงปิตมอน เปนที่อยู่ของเจ้าแผ่นดินซาร์ดิเนีย วงษ์ซาวอยเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้น เจ้านายในราชวงษ์จึงยังคงอยู่เมืองหลวงเดิมเปนบ้านเกิดเมืองนอน เมืองฟลอเรนศ์แลเมืองโรมเปนเมืองหลวงทางราชการ ฟลอเรนศ์นี้เล็กกว่าตุรินมาก มีคนเพียงเก้าหมื่นเท่านั้น แต่ผิดกันมากในการช่างวิชาอาคมอะไรอยู่ที่ฟลอเรนศ์ทั้งนั้น ที่ตุรินเปนเมืองอู่ข้าวอู่น้ำแลเครื่องจักรแต่ส่วนการวิชาช่างมาบริบูรณ์ในเมืองฟลอเรนศ์นี้ คือเขียนรูปภาพ มีแกละรีที่เก็บรูปภาพดีๆ จะพึงดูได้เป็นอันมาก การทำรูปศิลาเล็กใหญ่ด้วยเนื้อศิลาต่างๆ การฝังศิลาลายต่างสี ให้เปนรูปภาพคนฤๅนกไม้ ซึ่งเรียกตามชื่อเมืองว่าฟลอเรนศ์ไตน์เหล่านี้เป็นต้น . . . ในเมืองสี่เมืองคือเนเปอลเมืองหนึ่ง เวนิศเมืองหนึ่ง ตุรินเมืองหนึ่ง ฟลอเรนศ์เมืองหนึ่งนี้ ต่างเมืองต่างมีอาการกิริยาโฉมหน้าแปลกกันห่างไกล เปนคนละประเทศ ผู้คนก็ต่างกันหมด จะร้องว่าโน่นคล้ายนี่นี่คล้ายโน่นไม่ได้เลย
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/David_Florenze.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/David_Galleria%20dell%27AccademiaFlorence.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Davidd.jpg)
รูปเดวิดใน The Accademia Gallery เมืองฟลอเรนซ์
รูปเดวิด หินอ่อนแกะสลักชิ้นเอกของไมเคิลแอนเจโล สร้างขึ้นในยุคเรอเนสซองซ์ ปี ค.ศ.๑๕๐๑ - ๑๕๐๔ ความสูง ๕.๗ เมตร (๑๗ ฟุต) ประดิษฐานอยู่ที่ The Palazzo della Signoria
เพื่อเป็นการป้องกันรักษารูปเดวิดไม่ให้เสียหาย จึงได้ย้ายเข้าไปตั้งใน The Accademia Gallery เมืองฟลอเรนซ์ เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๖ (ค.ศ.๑๘๗๓) และสร้างรูปจำลองติดตั้งไว้ ณ ที่เดิมเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๓ (ค.ศ.๑๙๑๐)
เยอรมนี
จากเมืองฟลอเรนซ์ เสด็จฯ ไปยังเมืองมิลาน เมืองเตอริเตต์ สวิสเซอร์แลนด์ เมืองนอยเฮาเซน เมืองบาเดนบาเดน เยอรมนี ประทับที่เมืองบาเดนบาเดนตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ พฤษภาคม ถึง วันจันทร์ที่ ๓ มิถุนายน เพื่อสรงน้ำแร่
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/BadenBaden.jpg)
วันอังคารที่ ๔ มิถุนายน เสด็จฯ ไปเมืองไฮเดลแบ็ก
คืนที่ ๗๒
วันหฤหัสบดีที่ ๖ มิถุนายน
. . . แลเรื่องเลียงกลางวันนั้นประมูลกันอยู่ เดิมแมร์จะเลี้ยงกลางวันบนเขา เจ้าหญิงไวมาร์มาประมูลให้ไปกินที่บ้าน ตกลงใจว่าจะไปกินบนเขาป่วยการเปล่าๆ เพราะการขึ้นเขาก็ไม่ช้าเท่าใดจะได้กลับจึงได้บอกเลิกทางแมร์ รับทางเจ้าหญิงไวมาร์ไว้ . . . แต่เวลาล่วงเข้าไปเกือบบ่าย ๒ โมงเกือบครึ่งแล้ว รีบตลีตลานลา เลยไปโรงพยาบาลโปรเฟสเซอไฟลเนอทีเดียว
โรงพยาบาลนี้ ต้องเลี้ยวเข้าทางเล็กไปหน่อยหนึ่ง ขึ้นกระไดแคบๆ ไปเข้าที่คนนั่งพักก่อน ห้องนั้นเป็นหลังคากระจก เก้าอี้เปนแถวยาวๆ เขาได้นำให้รู้จักโปรเฟสเซออีกคนหนึ่ง แลได้พบคนพยาบาลเนิส ๓ คน แล้วไปเข้าห้องไดเรกเตอซึ่งเปนห้องเล็กนิดเดียว ห้องเหล่านั้นเล็กๆ ตลอดทั้งแถบ เมื่อสนทนากันแล้วก็ได้ลงมือตรวจอาการ
แรกนั้นตรวจในคอ เห็นว่ายังมีเสมหะติดอยู่ในลำคอข้างซ้าย ซึ่งจะต้องกวาดยาต่อไปอีก จมูกยังมีไม่ปรกติอยู่ข้างขวาอิกหน่อยหนึ่ง แต่ดีขึ้นมากแล้ว
ได้แทงโลหิตออกตรวจสองอย่างสอบกัน คืออย่างหนึ่งตรวจด้วยกล้องส่อง อิกอย่างหนึ่งตรวจด้วยหลอด เวลาแทงโลหิตออกมาแลเห็นตาเปล่าก็สังเกตได้ว่าที่ซันเรโมนั้นสีจางเปนชมภูแก่ๆ คราวนี้เปนสีทับทิม ผลแห่งการตรวจนั้นได้ความว่าโลหิตดีขึ้น . . .
คราวนี้ตรวจหัวใจ . . . ผลแห่งการตรวจนี้ได้ความว่า หัวใรเปนนอมัลอย่างดี ซึ่งหมอว่าอาจจะอยู่ได้จนแก่ ไม่มีอันตราย การตรวจนี้ไม่ได้ใช้เคาะฤๅฟังอะไรโปกปากอย่างหนึ่งอย่างใดเลย
คราวนี้ไปตรวจด้วยเอกซเร . . . เมื่อตรวจสำเร็จตลอดแล้ว ได้ความว่า บริบูรณ์ดีทุกอย่าง ไม่มีที่เสียหายอันใด . . .
มาถึงบาเดนบาเดนเวลาทุ่มเศษ . . .
คืนที่ ๘๓
วันจันทร์ที่ ๑๗ มิถุนายน
ฯลฯ
วันนี้ไม่ได้ไปไหนต่อไปอีก ทำงานเขียนหนังสือแลส่งรูปส่งสิ่งของต่างๆ นับว่าเปนสิ้นเขตรบาเดนบาเดน ยุติเรื่องกันเพียงเท่านี้ จะได้ตั้งต้นแต่ปารีสต่อไปใหม่
ฝรั่งเศส
กรุงปารีสช่วงวันที่ ๑๘ - ๒๑ มิถุนายน ร.ศ.๑๒๖ พ.ศ.๒๔๕๐
. . . เปนอันเราได้เที่ยวอิกวันหนึ่งไม่ป่วยการมาปารีสทั้งที อันที่จริงก็ไม่ใช่จะเที่ยวอย่างเดียว เปนราชการอยู่บ้าง
คืนที่ ๘๔
สถานราชฑูตสยาม เมืองปารีส
วันอังคารที่ ๑๘ มิถุนายน ร.ศก ๑๒๖
ฯลฯ
คืนที่ ๘๕
วันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน
ฯลฯ
เวลาบ่าย ๔ โมงไปเยี่ยมเปรสิเดนต์กับบริพัตรที่วังอิลิเซ มีทหารรับแบตาเลียนหนึ่ง จรูญเปนล่าม เปรสิเดนต์ไม่พากภูมิเหมือนอย่างมองสิเออโฟลิกซ์โฟร์ แต่ดูเปนคนอัชฌาไศรยเรียบร้อย พูดจาปราไสยดีมาก กลับมาแล้วได้ให้เจ้าพระยาสุรวงษ์นำตราจักรีไปให้ สักครู่หนึ่งก็มาเยี่ยมตอบที่ลิเคชั่น ติดผ้าเหลืองที่ดุมเสื้อมาเสร็จแล้ว พอมาถึงก็ชี้ให้ดูว่าได้ติดมาแล้ว นั่งสนทนากันอยู่ข้างจะนาน ทั้งไปเยี่ยมแลมาเยี่ยมตอบ
เปรสิเดนต์ไปแล้วจึงได้ไปเที่ยวร้าน แต่ได้ไปที่ช่างหล่อในเรื่องที่จะหล่อรูปซึ่งตกลงกันให้ทำสำหรับจะไปตั้งในบางกอก เขาได้ทำอย่างลองขึ้นไว้แลเลือกรูปม้า ตัวอย่างที่ปั้นไว้นั้นสองอย่าง คือรูปขี่ม้าอย่างหนึ่ง รูปที่จะทำเล็ก ๆ อย่างหนึ่ง . . .
ฯลฯ
คืนที่ ๘๖
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มิถุนายน
ฯลฯ
วันนี้มีเหตุซึ่งจำเปนจะต้องเปลี่ยนแปลงการไปใหม่อิก คือเรื่องที่หัวเมืองฝรั่งเศสข้างใต้เกิดหยุกหยิกขึ้นด้วยเรื่องน้ำองุ่นจริงน้ำองุ่นปลอมนั้น . . . พ่อเห็นเขาป่วนปั่นกันอยู่ จะไปนั่งกินเลี้ยงในเวลาเขาวุ่นวายดังนี้ ดูไม่มีอัธยาไศรย พ่อจึงได้สั่งนายทหารที่มาประจำให้ไปบอกเปรสิเดนต์ว่า . . . ขอให้งดไว้เสียเถิด . . . แต่เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศอยู่ข้างจะอึดอัดรำคาญ ว่าจะมาขอโทษเอง คอยอยู่จนสามโมงก็มาไม่ได้ ขอผัดไปพรุ่งนี้ เพราะติดประชุมเซเนต การที่ขอผัดไปนั้น เพราะกลัวคำที่รับไว้ว่าเซเนตจะได้โวตเรื่องสัญญาในวันนี้ ไม่ได้โวต ก็จะต้องมาผัดอิกครั้ง จึงตกลงเปนอันเราได้เที่ยวอิกวันหนึ่งไม่ป่วยการมาปารีสทั้งที อันที่จริงก็ไม่ใช่จะเที่ยวอย่างเดียว เปนราชการอยู่บ้าง
เวลาบ่าย ๔ โมงจึงได้ออกจากสถานฑูตไปถ่ายรูปก่อน . . .
ถ่ายรูปแล้ว ไปที่สตูเดียวมองสิเออคาโรลัสดูรัง แกช่างอยู่ไกลเสียลิบลับ . . . เปรสิเดนต์ได้สรรเสริญ มองสิเออดุรังมาก ว่าเปนช่างอย่างสูงวิเศษ ที่ได้เลือกให้เขียนนั้นถูก ความจริงเขาเขียนด้วยความกล้าเปนอันมาก ตั้งใจจะอวดฝีมือ ว่าช่างเขียนผู้อื่นจะทำได้โดยยาก ฤๅทำไม่ได้ทีเดียว . . . แกอยากจะอวดเขามากจึงขออนุญาตที่จะเอาไปตั้งในสะลองสัก ๗ วัน พ่อก็ยอม . . .
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Durang.jpg)
พระบรมสาทิสลักษณ์สีน้ำมัน ที่ทรงพระกรุณาให้ มองสิเออร์ คาโรลัส ดูรัง จิตรกรชาวฝรั่งเศสเขียนที่สตูดิโอของมาคอตตี ในเมืองซานเรโม อิตาลี
คืนที่ ๘๗
วันศุกร์ที่ ๒๑ มิถุนายน
เวลาเช้าทำการซึ่งยังค้างจะรีบให้แล้ว* จนเวลา ๔ โมงเศษ มองสิเออปิชองเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศมาหาบอกเรื่องสัญญา ได้แลกเปลี่ยนกันเปนอันสำเร็จแล้วในเวลา ๔ โมงเช้า . . . แลรับคำเปรสิเดนต์มาเชิญ ให้ไปอยู่ที่รัมบูเยวังที่ประทับร้อนของเปรสิเดนต์ ในเมื่อมาเมืองปารีสคราวน่า ได้ให้เครื่องราชอิศริยาภรณ์ แลเขาขอโทษในการที่ต้องเลื่อนการรับรองต่อไป . . . เวลา ๕ โมงเศษออกจากสถานฑูตไปสเตชั่น มีผู้มาส่งเปนอันมากทั้งพวกเขาพวกเรา . . . ได้ออกจากปารีสราวเที่ยง บ่าย ๓ โมงเศษถึงกาเลส์
*การซึ่งยังค้างจะรีบให้แล้ว นี้ สืบเนื่องมาจาก สนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ฉบับ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๙ (ค.ศ.๑๙๐๖) คือสนธิสัญญาที่ไทยยอมยกเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศสเพื่อให้ฝรั่งเศสคืนเมืองตราด และเกาะกง (เมืองประจันตคีรีเขตร) ให้กับไทย กับยอมยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตสำหรับคนในบังคับฝรั่งเศส (แต่ไม่คืนเกาะกง - เมืองประจันตคีรีเขตร) สนธิสัญญานี้รัฐสภาของฝรั่งเศสยังไม่ได้ลงมติรับรองจึงยังไม่ได้แลกเปลี่ยนสัตยาบันกันซึ่งเป็นความกังวลของเสนาบดีกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส เพราะกลัวคำที่รับไว้ (กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ว่าเซเนตจะได้โวตเรื่องสัญญาในวันนี้ หากไม่ได้โวตก็จะต้องมาผัดอิกครั้ง
ครับ . . . เมื่อการซึ่งยังค้างได้แล้วไปด้วยดี คือ ได้แลกเปลี่ยนกันเปนอันสำเร็จแล้วในเวลา ๔ โมงเช้า นับว่าเป็นความสำเร็จดังพระราชประสงค์ และในทางปฏิบัติได้มีพิธีรับมอบเมืองตราดจากฝรั่งเศส ในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๔๕๐
อังกฤษ
คืนที่ ๘๘
วันเสาร์ที่ ๒๒ มิถุนายน
ฯลฯ
เวลาเที่ยงหลอดครานาดกับกับตันวอลเตอแคมเบลไปที่ลิเคชั่น รออยู่พอสมควรแก่เวลา ขึ้นรถไปสเตชั่นแปดิงตัน มีพวกเราไปส่งขึ้นรถไฟไปวินด์เซอ รถนี้เปนรถเฉภาะสำหรับทางนี้ออกจะงาม เขาว่าทางครึ่งชั่วโมงเพราะ ๒๐ ไมล์ ไปถึงที่สเตชั่น ปรินซออฟเวลส์* แลเจ้าพนักงานอิกสองสามคนรับอยู่ที่นั่น . . . ขึ้นรถไปที่วินด์เซอคาเซอล . . . กิงเอดเวอดรับอยู่ที่ประตูคาเซอล ถัดเข้าไปข้างในกวีน แลเจ้าหญิงวิกตอเรียพระราชธิดา แกรนด์ดุ๊กแลแกรนด์ดัชเชสออฟเฮสดามสต๊าด แกรนด์ดัชเชสพึ่งเคยมาคราวนี้ปรินซแลปรินเซสแอนเดรเมืองครีศ พากันมาหยุดสนทนากันที่คอริดอร์ คือเปนห้องทางเดินยาว แล้วพามาตรงสุดคอริดอร์ เข้าในห้องนั่งซึ่งอยู่มุมคาเซอล มาทั้งกิงแลกวีน แลปรินเซสวิกตอเรีย ชี้ห้องที่อยู่ให้ ห้องนี้ว่าเปนที่เจ้าแผ่นดินเคยเสด็จอยู่เมื่อครั้งเปนปรินซออฟเวลส์ . . .
* ปรินซออฟเวลส์ ต่อมาได้ครองราชย์ทรงพระนามว่าพระเจ้ายอร์ชที่ ๕ (จอร์จ เฟรเดอริค เออร์เนส อัลเบิร์ต) เมื่อ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๕๓ – ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๙ ทรงเป็นพระประมุขอังกฤษพระองค์ที่อยู่ในราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่ได้ทรงสถาปนาจากราชวงศ์แซ็กซ์ - โคบูร์กและก็อตธา ในสายของอังกฤษ ในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพอังกฤษ พระองค์ทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งอินเดียและกษัตริย์พระองค์แรกแห่งเสรีรัฐไอริชอีกด้วย
คืนที่ ๘๙
วันอาทิตย์ที่ ๒๓ มิถุนายน
เวลา ๔ โมงเช้า ไปกินเข้าเช้าพร้อมด้วยเจ้าแผ่นดินแลเจ้านายที่มาอยู่ในวัง แต่กวีนแลปรินเซสวิกตอเรียไม่ได้ออก เพราะยังเช้าอยู่ เจ้าแผ่นดินอ่านหนังสือพิมพ์แลอะไรตามปรกติ เล่าอะไรกันฟัง เปนเวลาเปลี่ยนทหารกาด เปนการใหญ่กว่าปรกติอยู่หน่อย คือมีพวกลองเดี่ยวเปนอันมาก ทั้งมีแตรวงด้วย แตรวงนั้นมาเป่าที่ตรงน่าต่างลงไป เปนการมาเป่าแตรถวาย จนเสวยแล้วจึงได้เปลี่ยนกาด
ฯลฯ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/coldstream.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Guard-Mounting-at-Buckingham-Palace_r.jpg)
The Band of the Coldstream Guards Band moving from Wellington Barracks to Buckingham Palace for Guard Mount.
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/buckingham-palace-picture-2.jpg)
ทหารม้ารักษาพระองค์อังกฤษ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Changing-of-the-Guard-in-Winter.jpg)
Changing of the Guard in Winter
การเปลี่ยนทหารรักษาพระองค์พระราชวังบัคกิงแฮม ปัจจุบัน
วันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน
. . . เวลา ๔ โมง ๑๕ นาที ขึ้นรถมาด้วยกันกับพระเจ้าแผ่นดินมาส่งถึงสเตชั่น
วันอังคารที่ ๒๕ มิถุนายน
. . . คนที่มิสเตอเวอนีเชิญวันนี้ คือ เอกอรรคราชฑูตเยอรมัน อเมริกัน อิตาเลียน ยี่ปุ่น มีเสนาบดีกระทรวงกอลอนีคนหนึ่งมิสซิสเวอนีแต่งตัวเสื้อเยี่ยรบับเต็มที่ มีของเครื่องไทยต่างๆ ตั้งจัดดอกไม้สีขาวสีแดง แกลุกขึ้นดื่มให้ได้ตอบ เตรียมจะดีดหีบเพลงแต่ไม่ได้ดีด เพราะเวลาหมด
ออกจากบ้านมิสเตอร์เวอนี ไปเดวอนไชร์เฮาส์สำหรับรับดีกรี . . . สักครู่หนึ่งเจ้าพนักงานจึงมาแต่งตัวให้ สวมกาวน์แลหมวก ดุ๊ก ออฟ เดเวนไชรชานเซลเลอเจ็บ ไวสชานเซลเลอเปนผู้ที่จะทำพิธีแทน จึงเข้ามานัดหมาย แล้วไปตั้งกระบวนแห่แต่ห้องชั้นล่างขึ้นไปห้องชั้นบน . . . ไวสชานเซลเลอห่มผ้าสีแดงขลิบขนคลุมยาวลงมาตลอดเท้า สวมหมวกดำสี่เหลี่ยม มีผู้ช่วยสวมกาวน์ดำ ยืนอยู่ข้างหลังสองคน ปับลิกออเรเตอร์สวมกาวน์แดง ยืนอยู่ข้างซ้าย พ่อยืนตรงหน้า แล้วอ่านหนังสือเปนภาษาลติน จบแล้วไวสชานเซลเลอยื่นมือมาจับมือพ่อ ว่าภาษาลตินอิกยาว แล้วเชิญให้ขึ้นนั่งบนเก้าอี้ข้างขวา ผู้ที่อยู่ข้างล่างตบมือ แล้วเปนเสร็จพิธีกันเท่านั้น . . .
ได้ไปถ่ายรูปแต่งเครื่องหมอกฎหมายตามดีกรีที่เขาให้ ที่กรมดำรงขอให้ถ่าย . . .
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Cambridge_r.jpg)
เบลเยี่ยม
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มิถุนายน เสด็จฯ ไปสเตชั่นแชริงครอสประทับรถไฟถึงโดเวอ ประทับเรือเมล์เบลเยี่ยมชื่อปรินเซสเคลมองตีน ถึงเมืองออสเตนท์ ประเทศเบลเยี่ยม ". . . เมืองออสเตนท์แลเมืองบรัสเซลส์เปนที่วิเศษด้วยหอยนางรม แต่ครั้นเมื่อถามถึง เขาว่ากินไม่ได้ไม่ใช่ฤดู ถ้ากินผิดฤดูก็เจ็บ"
เยอรมนี
วันศุกร์ที่ ๒๘ มิถุนายน เสด็จฯ ทางรถไฟจากเมืองออสเตนท์ ไปถึงเมืองแฮมเบิค ประเทศเยอรมนี ". . . บรรดาสินค้าที่ส่งตรงมาจากกรุงเทพฯ เปนมาที่เมืองแฮมเบิคนี้ก่อนไปที่อื่น แลยังมีส่งมากอยู่เสมอ เปนเมืองท่าค้าขายนับว่าเปนที่สี่ ตั้งแต่ลอนดอน นิวยอก ลิเวอปูลลงมา เพราะมีแม่น้ำใหญ่ชื่อเอลบ์เข้ามาจากทเล . . ."
เดนมาร์ก
วันอาทิตย์ที่ ๓๐ มิถุนายน เสด็จฯ จากเมืองแฮมเบิค ประเทศเยอรมนีไปประเทศเดนมาร์ก
เวลาเช้า ๒ โมง เสด็จฯ ประทับรถพระที่นั่งไปสเตชั่น ออกจากเมืองแฮมเบิค ประเทศเยอรมนี เวลาเที่ยงเศษถึงวารเนมุนด ซึ่งเป็นท่าเรือข้ามจากฝั่งไปเกาะ เรือออกจากท่า ๒ ชั่วโมงจึงได้ถึงกีเซอซึ่งเป็นเกาะหนึ่งในเดนมาร์ก มาในทะเลอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ถึงเกาะเซลัน ซึ่งเป็นที่เมืองโคเปนเฮเกนตั้งอยู่
เวลาทุ่มหนึ่งรถไฟถึงสเตชั่น เจ้าแผ่นดินแลราชตระกูลลงมารับที่สเตชั่น . . .
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Denmark.jpg)
วันอังคารที่ ๒ กรกฎาคม
เวลาเช้า เสด็จฯ ไปที่ฟรีปอตด้วยรถโมเตอคาร์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรเรือยอตช์พระที่นั่งที่จะไปเมืองนอรเว คือเรืออัลเบียนลำนี้ ยาว ๒๕๒ ฟุต เป็นเรือยอตช์ใหม่ที่สุด และดีที่สุดในบรรดาที่ได้ลอยอยู่ในน้ำ
เวลา ๕ ทุ่ม เสด็จฯ ประทับเรืออัลเบียน ฝนก็ตก แต่คนที่ท่าแน่นหลามตลอด ครั้นเมื่อร่ำลากันเสร็จแล้วจะออกเรือ พวกที่มาส่งทั้งปวงโห่ใหญ่ไม่หยุดหย่อน . . .
วันพุธที่ ๓ กรกฎาคม
ครั้นสาย เข้าเทียบท่าที่ออสฮุนส์ ออสฮุนส์นี้เป็นเมืองใหญ่ของมณฑลยุตลันด์ วัวที่ยุตลันด์นี้สีงามๆ เป็นวัวผ่านทั้งสิ้น ผ่านดำผ่านแดง ผ่านสีเทา สีไข่ไก่ ที่เขาเลี้ยงวัวนมมาก เพราะรีดนมแล้วทำเนยขาย ได้ออกเรืออีกครั้งเมื่อ ๕ ทุ่มเศษ หรือ ๒ ยาม เวลา ๕ โมงเช้า วันที่ ๔ กรกฎาคม ถึงเฟรเดอริกเซาวน เป็นเมืองท่า แล้วเสด็จฯ ประทับรถไฟสายเหนือไปตำบลสกาล์เคน เป็นตำบลปลายแหลมที่สุดเหนือของเดนมาร์ก ตรงกับช่องที่จะเข้าไปเมืองคริสเตียเนียข้างนอรเว เป็นทางที่สินค้าฝ่ายเหนือเข้ามาในทางนี้ สกาล์เคนนี้เป็นที่สุดของปลายแหลม . . .
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/denmark_Skakane.jpg)
ทรงชักรูปที่สกาเคน เดนมาร์ก
นอรเว
วันศุกร์ที่ ๕ กรกฎาคม
เรือออกเวลา ๒ ทุ่ม มาทอดท่าน่าเมืองคริสเตียเนียเวลา ๕ โมงเศษ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Haakon_Noray%281%29.gif)
พระเจ้าฮากอน พระเจ้ากรุงนอรเว นำเสด็จฯ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K&Q_Norway2.jpg)
ขณะที่ประทับที่นอรเวดินแดนพระอาทิตย์เที่ยงคืน ดินแดนเมืองตราดก็ได้กลับคืนสู่พระบรมโพธิสมภาร
เมืองตราด ๖ กรกฎาคม ๒๔๕๐ กลับสู่พระบรมโพธิสมภาร
ครับ . . . จากสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ฉบับ วันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ.๒๔๔๙ (ค.ศ.๑๙๐๖) คือสนธิสัญญาที่ไทยยอมยกเมืองพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ ให้แก่ฝรั่งเศสเพื่อให้ฝรั่งเศสคืนเมืองตราด และเกาะกง (เมืองประจันตคีรีเขตร) ให้กับไทย และได้แลกเปลี่ยนสัตยาบันกันเปนอันสำเร็จแล้วในวันที่ ๒๑ มุถุนายน เวลา ๔ โมงเช้า นั้น ฝรั่งเศสยอมถอนทหารออกไปเมื่อ ๖ กรกฏาคม ๒๔๕๐
วันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ได้มีพิธีรับมอบเมืองตราดจากฝรั่งเศส โดยมีพระยาศรีสหเทพ (เส็ง วิริยะศิริ) ปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยพร้อมด้วยทหารเรือ ๑ กองร้อย เดินทางไปรับมอบ
ฝ่ายไทยมี พระยาศรีเทพ ตำแหน่งปลัดทูลฉลอง กระทรวงมหาดไทย เป็น หัวหน้าผู้แทนรัฐบาลไทย
ฝ่ายฝรั่งเศสมี มองซิเออร์รูซโซ เรซิดัง เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐบาลฝรั่งเศส
กระบวนเสด็จที่นอรเว . . .
วันอาทิตย์ที่ ๗ กรกฎาคม
เวลาก่อน ๓ โมง ๕ นาที เจ้าแผ่นดินมา พากันไปสเตชั่น รถออก ๓ โมง ๑๐ มินิต รถหลังนี้เป็นรถที่นั่ง อย่างดีที่สุดซึ่งมีในเมืองนี้ เป็นรถรางใหญ่ ไปจนถึงตำบลฮามาร์เป็นที่สุด หยุดกินข้าว แล้วเปลี่ยนรถ รถสายนี้เป็นรางย่อม เลี้ยวออกไปข้างตะวันออก มาถึงทรอนด์เยม ๗ ทุ่ม คนดูแน่นเหมือนเวลากลางวัน เวลา ๗ ทุ่มสว่าง ราษฎรทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ไม่เห็นใครนอน ตื่นเต้นกันมาดูอยู่ข้างหนทาง ม้าไม่นอน วัวก็ไม่นอน ไม่รู้ว่าจะนอนกันเวลาใด ลักษณะอาการของคนที่นี่ตื่นเต้นชอบดูจริงๆ แต่ดูอย่างไม่มีบาป คือจะตอมจะมุงอย่างไรก็แสดงความเคารพ ชวนแต่จะโบกมือร้องฮุระ ฮุระ
๑๒ กรกฎาคม ๒๔๕๐
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/North_cape.gif)
พระบรมรูปจารึกอักษรพระนามที่แหลมเหนือ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_NorthCape2_1.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Norway2450.jpg)
พระรูปหมู่ถ่ายที่แหลมเหนือ กระบวนเสด็จประพาศทางบกที่นอรเว
เยอรมนี
วันศุกร์ที่ ๒ สิงหาคม เสด็จฯ ออกจากนอรเว วันเสาร์ที่ ๓ สิงหาคม ถึงเมืองกีล ประเทศเยอรมนี เสด็จพระราชดำเนือนบริษัท แฮรร์กรุปป เมืองกีล
วันอาทิตย์ที่ ๔ สิงหาคม รถไฟออกจากเมืองกีล ๔ โมงเศษ ถึงเบอลินเวลาบ่าย ๔ โมง ทรงหระกรุณาให้โปรเฟสเซอมีชื่อเสียงสำคัญสามคน กับผู้เชี่ยวชาญในการรักษาจมูกมาตรวจพระวรกาย เปลี่ยนกันตรวจทีละคน คนหนึ่งตรวจอย่างหนึ่ง ". . . ตกลงเห็นว่ายังไม่ปรกติดี ขอให้งดการที่จะเที่ยวเตร่ต่อไปนั้นเสีย ให้เปลี่ยนไปรักษาตัวที่ฮอมเบิค ซึ่งเปนเมืองอาบน้ำเมืองหนึ่งเหมือนกัน อยู่ใกล้แฟรงก์เฟิตทางรถไฟ ๒๐ มินิตเท่านั้น . . .
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Berlin2_r.jpg)
วันศุกร์ที่ ๙ สิงหาคม เสด็จฯ จากกรุงเบอลิน เวลาเช้า ๒ โมงเศษ เมืองคัสเซลตั้งอยู่ในท้องทุ่ง สเตชั่นไม่ได้อยู่ในเมือง เอมเปอเรอมาคอยรับที่สเตชั่น . . . เมืองบรันซวิก เมืองโกลอน
ฝรั่งเศส
วันพุธที่ ๑๔ สิงหาคม เสด็จฯ ประทับรถไฟ เวลาบ่าย ๕ โมงถึงพรมอดนเยอรมนีกับฝรั่งเศส ๕ ทุ่ม ๑๕ นาทีถึงสเตชั่น ที่สเตชั่น มีผู้แทนเปรสิเดนต์คนหนึ่ง ฟอเรนออฟฟิศคนหนึ่ง โปรโตคอลคนหนึ่งรับเสด็จฯ
วันศุกร์ที่ ๑๖ - อังคารที่ ๒๐ สิงหาคม เสด็จฯ ห้างลูฟร์ และตูเรเฟล เมืองฟอนเตนโบล เมืองเวอไซล์
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5972293-108.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5972293-23.jpg)
เสด็จประพาสหอไอเฟล ร้านภาพเงาดำ (Silhouette) บนหอไอเฟล
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5972293-24.jpg)
พระฉายาลักษณ์ Silhouette ทรงฉายที่ร้านบนหอไอเฟล
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/A2784-CATLa-Tour-Eiffel-Spring-Posters.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/ft8x0nb62g-00053.jpg)
สภาพหอไอเฟล ค.ศ.๑๙๐๐ พ.ศ.๒๔๔๓ ก่อนเสด็จฯ ๗ ปี (ล่าง) และในฤดูใบไม้ผลิ (บน)
วันอังคารที่ ๒๐ สิงหาคม เวลาบ่าย ๓ โมง ๒๐ เสด็จฯ ประทับรถไปประทับรถไฟที่สเตชั่นเดสอังวะลีดส์ กระทั่งถึงเมืองรงบุลเย ซึ่งเป็นเมืองไม่ใหญ่ มีสเตชั่นเล็กๆ เปรสิเดนต์ฟัลลิแยร์ มองสิเออโมราลด์ ชีพเดอโปรโตคล แลมองสิเออยองลันส์ เจ้าพนักงานรักษารงบุลเย เปรเฟต์ สับเปรเฟต์ แลแมร์ ฯลฯ รับที่สเตชั่น
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Ram.jpg)
วันพุธที่ ๒๑ สิงหาคม "เวลาบ่ายโมง ๑ เปรสิเดนต์มารับไปเลี้ยงกลางวัน มีแขกเชิญเท่าเวลากลางคืน แต่เปลี่ยนเปนฝ่ายทหารโดยมาก พวกแม่ทัพนายกอง แลฝ่ายพลเรือนก็เปนพวกที่เคยเข้าไปเปนฑูต เช่น มองสิเออเดอฟรางศ์ มองสิเออรฟโฟลต์ แลมี มองสิเออปาวีมาด้วย ออกลำบากอยู่เวลานั่งโต๊ะ ข้างหนึ่งมะดัมฟัลเย ข้างหนึ่งลูกสาวพูดอังกฤษไม่ได้ทั้งสองคน ต่อไปก็เยเนอราลผู้บังคับการทหาร อิกข้างหนึ่งก็ปา พูดอังกฤษไม่ได้ พูดไทยก็ร่องแร่ง ลืมเสียมาก แต่ครั้นเมื่เลี้งเสร็จแล้ว มองสิเออเดอฟรางศ์เปนล่าม ดูค่อยคล่องอกคล่องใจขึ้น จนจวนเวลาที่จะกลับจึงได้หยุดพักหน่อยหนึ่ง แล้วเปรสิเดนต์มารับขึ้นรถไปส่งที่สเตชั่นเหมือนอย่างเมื่อแรกไปถึง . . ."
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคม ". . . จนกระทั่งเวลาบ่าย ๕ โมงจึงได้ออกจากเรือน ไปดูรูปม้าที่ช่างปั้นจะทำรูปทางอยู่ข้างจะไกล ไปด้วยรถโมเตอร์คาร์ . . . รออยู่จนเวลา ๒ ทุ่ม จึงได้ไปที่สเตชั่น มองสิเออโมลาต์แลนายทหารที่มาอยู่ด้วย กับ มองสิเออเดอฟรางศ์ไปส่ง . . .
เยอรมนี
วันศุกร์ที่ ๒๓ สิงหาคม - วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กันยายน
เสด็จประทับ ณ วิลลาเฟอร์สเตนรูห์ เมืองฮอมเบิค "เพื่อรักษาตัวที่เมืองฮอมเบิค ซึ่งเปนเมืองอาบน้ำเมืองหนึ่ง" ตามคำแนะนำของนายแพทย์ซึ่งได้ตรวจพระวรกายเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคมนี้
วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม
ฯลฯ
ในการที่พ่อจะมารักษาตัวเมืองฮอมเบิคนี้ เอมเปอเรอทรงเปนพระธุระแขงแรงมาก เสด็จมาเองในเวลาพ่ออยู่ปารีส สั่งเสียการงานไว้ให้เมืองนี้รับรองแลเปิดให้ไปไหนไปได้ เหมือนอย่างรับเสด็จเอมเปอเรอ . . .
ฯลฯ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Homburg.jpg)
วันศุกร์ที่ ๒๐ กันยายน
ทรงจัดการสำหรับเฉลิมพระชนม์พรรษา ณ ที่ประทับวิลลาเฟอร์สเตนรูห์ เมืองฮอมเบิค
"ลงมือจัดการสำหรับเฉลิมพระชนม์พรรษา ตั้งที่ห้องกลาง ห้องมันเล็กนิดเดียวจึงต้องจัดตามบุญตามกรรม พระพุทธรูปตั้งบนหลังตู้ เทียนมงคลตั้งรายหลังตู้แลโต๊ะหน้าตู้ คั่นด้วยฉัตรแลธง . . ."
วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน
". . . เวลาเที่ยงไปที่เปิดบ่อ แต่งตัวฟรอกโก๊ต บ่อนี้อยู่ข้างหลังไกซาวิลเลียมบาด เปนทุ่งหญ้า . . . เวลาแรกไปถึงร้องเพลงจบหนึ่งก่อน แล้วแมร์ตำบลฮอมเบิคอ่านแอดเดรส ให้ชื่อย่อว่าพุ "โกนิคจุฬาลงกรณ์" แล้วเชิญไปเยี่ยมดูที่บ่อนั้น ตักน้ำขึ้นมาให้ชิมด้วยถ้วยเงินใบใหญ่แล้วกลับมาที่พลับพลา แมร์เรียกให้เชียร์คือฮุเรแล้วร้องเพลงอิกบทหนึ่ง เปนสิ้นการเปิดบ่อเท่านั้น ถ้าเล่าเช่นนี้ดูเปนการเล็กน้อยเต็มที แต่ที่จริงอยู่ข้างเปนการใหญ่
เวลาบ่าย ๔ โมง แต่งตัวเต็มยศ ไปที่ประชุมให้พรที่ห้องในโฮเตล กรมหลวงประจักษ์อ่านแอดเดรส . . ."
เวลาค่ำมีการเลี้ยงใหญ่ที่คัวรเฮาส์ เห็นจะเกือบ ๘๐ คน . . . ครั้นเสร็จการเลี้ยงแล้วออกมาประชุมที่ห้องกลาง ได้เชิญบรรดาผู้ดีในเมืองนี้ทั้งผู้หญิงผู้ชายอิก ๕๐๐ . . . พวกข้าราชการชาวเมืองแลราษฎรได้สำแดงน้ำใจดีเปนอันมากจนไม่รู้ที่จะขอบใจเขาอย่างไรให้พอ ตามตึกตามร้านปักธงต่างๆ ไสวไปทั้งนั้น เวลาค่ำก็จุดไฟตลอด ที่วิลลาที่อยู่นี้พระยาศรีธรรมสาส์นตั้งซุ้มแลจุดตะเกียง วันนี้ครึกครื้นเปนงานเปนการทั้งกลางวันกลางคืน รู้สึกขาดแต่เรื่องทำบุญไม่มีพระสวดมนต์อย่างเดียวเท่านั้น
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/open.jpg)
เวลาเที่ยงไปที่เปิดบ่อ ให้ชื่อย่อว่าพุ "โกนิคจุฬาลงกรณ์"
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_20Sept.jpg)
ปารีส
วันจันทร์ที่ ๒๓ กันยายน
เวลาเช้าโมงหนึ่งถึงปารีส . . .
เวลาบ่าย ๓ โมงครึ่ง ไปที่ช่างปั้นรูป ยืนให้เขาเทียบดูรูป แก้ไข แล้วไปร้านซึ่งทำม้า กำลังผูกโครงอยู่ สูงใหญ่ไม่ใช่เล่น . . .
ฯลฯ
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_Horse.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/1021_4_6.jpg)
การสร้างพระบรมรูปทรงม้า โดยบริษัท ซุซเซอร์ เฟรสฟอร์เดอร์
วันพฤหัศบดีที่ ๒๖ กันยายน
ครั้นกะวันมีวันเหลือเกือบจะพอไถลไปเมืองตราดแลเมืองจันทบุรีได้ จึงได้คิดตัดอิยิปต์เข้าไป อิกตอนหนึ่งก็ได้พอดี ความประสงค์เช่นนี้เพื่อจะตัดเวลาที่อยู่เปล่าๆ รำคาญใจให้น้อยลง ทั้งจะได้ไปเมืองตราดให้พบกับราษฎรทันใจด้วย ได้ตอบโทรเลขชาวเมืองตราดที่มีมาเมื่อรับเมือง ว่าจะไปเยี่ยม ถ้าได้ไปเสียในเวลากลับนี้ ดูราษฎรจะเปนที่ยินดี ว่าพ่อรักใคร่เอื้อเฟื้อเมืองแถบนั้น ไม่ได้ไปมาสิบสามสิบสี่ปีแล้ว . . .
การรับเสด็จคืนพระนคร
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์จะใคร่เสด็จไปเยี่ยมเยียนทรงแสดงความยินดีต่อประชาชนชาวเมืองตราดและเมืองจันทบุรี อีกประการหนึ่งทรงพระราชปรารภว่า . . . ที่จะจัดการรับเสด็จฯ ไม่ควรจะให้เปลืองทุนและเสียเวลาของคนทั้งหลายพากันเน็ดเหนื่อยเหมือนอย่างครั้งก่อน จึงมีรับสั่งมาว่า เมื่อเสด็จออกจากเมืองสิงคโปร์มากรุงเทพฯ ในขากลับจะเสด็จแวะเมืองตราดและเมืองจันทบุรีด้วย และการรับเสด็จฯ นั้น จะจัดอย่าไรก็ตาม แต่ถ้าให้แล้วเสร็จไปได้ในวันเดียว จะเป็นที่พอพระราชหฤทัยกว่าอย่างอื่น อนึ่ง ได้ทรงสร้างเสมาไว้เป็นของพระราชทานฝากบุตรธิดาชาวพระนคร จะโปรดให้ส่งเสมาเข้ามาให้ถึงกรุงเทพฯ ก่อนเสด็จกลับมาถึง ถ้าได้แจกในวันเสด็จกลับถึงพระนครได้ด้วย ก็จะเป็นการดี . . .
ให้เรือพระที่นั่งมหาจักรี มีเรือรบ ๓ ลำ คือเรือมุรธาวสิตสวัสดิ ๑ เรือพาลีรั้งทวีป ๑ เรือสุครีพครองเมือง ๑ เป็นเรือกระบวนไปรับเสด็จที่เมืองเกาะหมาก
พนักงานที่ไปรับเสด็จฯ นั้น ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาอไทยเป็นนายก นายพลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นขุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ราชองครักษ์ เป็นผู้บังคับกระบวนเรือที่ไปรับเสด็จนั้น พร้อมด้วยนายนาวาเอก พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าวุฒิชัยเฉลิมลาภ ราชองครักษ์ และข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยตามตำแหน่งประจำกระบวนเสด็จทุกหน้าที่
กระบวนเรือรับเสด็จออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๖
คืนที่ ๒๒๕
วันพุฒที่ ๖ พฤศจิกายน
ฯลฯ
เพราะเหตุฉนั้นขอรวมย่อความเพียงว่า พื้นภูมประเทศยุโรปนั้นมันหมดดีเสียแล้ว แต่ความรู้ในประเทศยุโรปไม่ใช่แต่เวลากำลังที่เดินขึ้นสู่ความเจริญ มักำลังกระโดดโลดโผนซึ่งจะเดินตามยาก นี่เปนส่วนข้างฝ่ายดีของประเทศยุโรป
เวลาเมื่อกำลังเขียนอยู่นี้ ชายอุรุพงษ์มาบอกว่าแลเห็นเรือรบของเราแล้ว ใจเต้นปึ้ก ๆ เหลือที่จะเขียนต่อไปอิกได้ เมื่อความใกล้บ้านมาปรากฏแก่ไนยตาเสียแล้ว หนังสือนี้ก็หมดอายุ จึงเปนการจำเปนที่จะต้องขอจบในเวลานี้
ใจเต้นที่จะได้พบกันเดี๋ยวนี้
หนังสือนี้จากพ่อผู้มีความรักยิ่ง
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/Chula_Sign%281%29.jpg)
![](http://iseehistory.socita.com/images/column_1268746949/K5_chede006.jpg)
ขบวนข้าราชบริพารที่เดินทางล่วงหน้าเพื่อตระเตรียมพิธีรับเสด็จฯ ในการเสด็จกลับจากยุโรป ร.ศ.๑๒๖ พ.ศ. ๒๔๕๐
วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๔๕๐
กระบวนเรือรับเสด็จออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ร.ศ.๑๒๖
ครั้นวันที่ ๖ พฤศจิกายน เวลาบ่าย เรือรบทั้ง ๓ ลำ ออกไปทอดสมอเรียงลำดับคอยรับเสด็จอยู่นอกท่า เวลาก่อนย่ำค่ำ เรือเมล์ซักซันลำทรงมาถึง เรือรบก็ยิงสลุตแล้วแล่นเป็นกระบวนตาม พอเรือถึงท่าหน้ายอชเทาน์ เรือพระที่นั่งมหาจักรีซึ่งทอดสมออยู่ยิงสลุต พอเรือซักซันทอดสมอ พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชการที่ไปรับเสด็จต่างเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ เรือซักซัน . . . ขอพระราชทานอัญเชิญเสด็จทรงเรือพระที่นั่งกลับคืนสู่พระนคร
เวลา ๑ ทุ่ม กับ ๔๕ นาที พระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินจากเรือซักซันมายังเรือพระที่นั่งมหาจักรี แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พอเสด็จลงสู่เรือเก๋งกรรเชียงลอยลำห่างออกไปจากเรือซักซัน เรือพระที่นั่งมหาจักรีและเรือรบทั้ง ๓ ลำ พร้อมกันยิงสลุตเสียงครืนครั่นไปทั้งท่า
วันที่ ๗ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๖ เวลาเช้า ๒ โมง เรือพระที่นั่งมหาจักรีใช้จักรออกจากเมืองเกาะหมาก . . .
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ร.ศ.๑๒๖ เวลาบ่าย เรือพระที่นั่งล้ำแหลมเขมรเข้ามาในอ่าวสยาม
ครับ . . . การเสด็จประพาสยุโรป ร.ศ.๑๒๖ พ.ศ.๒๔๕๐ นี้ แม้จะเป็นการเสด็จส่วนพระองค์เพื่อรักษาพระองค์ ก็ตาม แต่ "อันที่จริงก็ไม่ใช่จะเที่ยวอย่างเดียว เปนราชการอยู่บ้าง" นั้น กลับเป็นราชการที่สำคัญ คือ การแลกเปลี่ยนสัตยาบันสนธิสัญญาสยาม - ฝรั่งเศส ร.ศ.๑๒๕ ค.ศ.๑๙๐๗ ที่กรุงปารีส ทำให้เมืองตราดได้กลับเข้าสู่พระยรมโพธิสมภารต่อไป
. . . ก็และเมื่อเรือพระที่นั่งมหาจักรีใช้จักรออกจากเมืองเกาะหมากเดินทางเข้าสู่พระราชอาณาเขตก็นับว่ามิใช่เป็นการเสด็จประพาสยุโรป แต่พระราชกรณียกิจยังคงดำเนินต่อไป พระราชกรณียกิจทั้งหลายเป็นไปเพิ่อพระราชอาณาจักรและทวยราษฎร์ . . .จึงขอเชิญติดตามตอนต่อไป . . . ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วยบิตุรงค์
ตอนต่อไป . . . ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วยบิตุรงค์
ตอนต่อไป . . . ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วยบิตุรงค์
ตอนต่อไป . . . ทวยราษฎร์รักบาทแม้ ยิ่งด้วยบิตุรงค์
บรรณานุกรม
- พระราชนิพนธ์ ไกลบ้าน โรงพิมพ์คุรุสภาพระสุเมรุ ถนนพระสุเมรุ บางลำพูบน พระนคร พ.ศ.๒๔๙๗
- จดหมายเหตุประกอบเรื่องไกลบ้าน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงรวบรวม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระศพ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๐๕ โรงพิมพ์พระจันทร์ ท่าพระจันทร์ พระนคร