๑. ปางประสูติ
พระพุทธรูปปางประสูติ ทำเป็นพระรูปพระนางสิริมหามายา (พระพุทธมารดา) ประทับยืน ทรงเหนี่ยวกิ่งต้นรัง และมีพระรูปพระโพธิสัตว์กุมารประทับยืน มีรูปพระอินทร์ พระพรหม หมู่เทวดาและเหล่านารีราชบริพารแวดล้อม บางทีทำตามคติที่ไม่นิยมสร้างรูปเคารพ ก็ทำแต่เพียงรูปพระนางสิริมหามายาประทับยืน พระหัตถ์ทรงเหนี่ยวกิ่งไม้เท่านั้นก็มี
๑๐.ปางมารวิชัย
พระปางนี้ทำเป็นอนุสรณ์แสดงพุทธประวัติเมื่อจะทรงบรรลุพระโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง)
เนื้อเรื่องตอนนี้ ถ้าจะกล่าวเป็นนัยโดยบุคลาธิฏฐานก็ว่ามีพระยามารชื่อ วัสวดี ทรงช้างชื่อคีรีเมขล์ ยกพลโยธามารมาผจญพระพุทธองค์ พระพุทธองค์มิได้ทรงหวั่นไหวพระทัย ทรงเสี่ยงพระบารมี ๑๐ ทัศ ที่ได้ทรงบำเพ็ญมาเป็นเครื่องคุ้มครอง และอ้างพระธรณีเป็นพยานในการบำเพ็ญบารมีของพระองค์แต่อดีตกาลมา พระธรณีจึงสำแดงร่างเป็นนารีปรากฏขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ แล้วบีบมวยผม มีน้ำหลั่งไหลออกมาท่วมพระยามารวัสวดีกับหมู่โยธาพ่ายแพ้ ยอมน้อบน้อมแก่พระพุทธเข้า เรื่องนี้ถ้ากล่าวโดยธัมมาธิฏฐาน (คือกล่าวตามสภาวะ) ก็มีความหมายว่า พระพุทธเจ้ามีชัยชนะแก่กิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง
พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระโพธิญาณแล้วเสด็จอยู่ ณ ภายใต้ต้นไม้มหาโพธิ์ เสวยวิมุติสุข (สุขเกิดแต่ความพ้นจากกิเลสาสวะ) เป็นเวลา ๗ วัน
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำเป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ข้างซ้ายวางหวายบนพระเพลาพระหัตถ์ขวาวางคว่ำลงที่พระชานุ (เข่า) นิ้วชี้พระธรณี ที่ฐานถ้ามีรูปประกอบ มักทำเป็นรูปยักษ์มารและนางธรณีบีบมวยผม
พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นปางสำคัญยิ่งกว่าปางอื่นๆ เพราะแสดงถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น จึงถือเป็นคติแต่โบราณ นิยมสร้างพระปางนี้เป็นพระประธานตามวัดต่างๆ ทั่วไป
๕๖. พระปางไสยาหรือปรินิพพาน
เมื่อพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์สาวกเป็นอันมากเสด็จพุทธดำเนินข้ามแม่น้ำหิรัญญวดีถึงเมืองกุสินาราบรรลุถึงป่ารังของมัลลกษัตริย์นครกุสินาราแล้ว จึงรับสั่งให้พระจุนทะเถรปูลาดอาสนะลง ณ ที่ระหว่างต้นไม้รังคู่หนึ่ง ให้หันพระเศียรไปทางทิศอุดร แล้วประทับสีหไสยา ตั้งพระทัยไม่เสด็จลุกขึ้นอีก ทรงวางพระบาทเหลื่อมด้วยพระบาท พอย่างเข้าสู่ราตรี มีปริพาชกผู้หนึ่งชื่อ สุภัททะมาขอเข้าเฝ้า พระอานนท์เห็นพระพุทธองค์ทรงลำบากพระวรกาย จึงห้ามไว้ สุภัททะก็วิงวอนขอเข้าเฝ้าให้ได้ พระบรมศาสดาทรงทราบ จึงประทานโอกาสให้สุภัททะเข้าเฝ้าถามปัญหาต่างๆ สุภัททะเลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
ต่อนั้นพระบรมศาสดาประทานปัจฉิมโอวาทแก่พระอานนท์และพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย แล้วเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในคืนวันวิสาขบุรณมี เวลาใกล้รุ่ง พระพุทธองค์ทรงประสูติระหว่างต้นรังคู่ และก็เสด็จดับขันธปรินิพพานในระหว่างต้นรังคู่ เช่นกัน
พระพุทธรูปปางไสยาหรือปรินิพพาน ทำเป็นพระพุทธรูปมีอาการทรงบรรทมตะแคงข้างขวา หลับพระเนตร พระเศียรหนุนพระเขนย ฝ่าพระหัตถ์ขวารองรับพระเศียร พระกรซ้ายทาบไว้บนพระปรัศว์ซ้าย พระบาทซ้ายซ้อนไว้บนพระบาทขวา เหยียดปลายพระบาทเสมอกันทั้งสองข้าง
คัดจาก พระพุทธรูปปางต่างๆ สมพร อยู่โพธิ์ เรียบเรียง กรมศิลปากรพิมถวายพระภิกษุและสามเณรซึ่งเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในเทศกาลเข้าพรรษา พ.ศ.๒๕๑๔