dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



SUNRISE - พระสุริยนจะเยี่ยมยอดยุคนธร

*  *  *

 SUNRISE - พระสุริยนจะเยี่ยมยอดยุคนธร 

 

 

 

 

สถานการณ์เดิม  .  .  .

ระหว่างช่วงดวงดาวไม่ฉายแสง  .  .  .  ดาวเดือนก็เลื่อนลับ 

พระราชอาณาจักรลาว

๒๒  มิถุนายน  ๒๕๐๔    เจ้าสุวรรณภูมา (ฝ่ายเป็นกลาง)  เจ้าบุญอุ้ม  ณ จำปาศักดิ์ (ฝ่ายขวา) และ  เจ้าสุภานุวงศ์ (ฝ่ายซ้าย)  ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลลาวผสม  ๓ ฝ่าย

กรกฎาคม  ๒๕๐๕    การเจรจาสันติภาพที่นครเจนีวาก็สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้  สรุปความว่า

          - เจ้าสุวรรณภูมาผู้นำลาวฝ่ายเป็นกลางจะเป็นนายกรัฐมนตรี  และแบ่งสรรตำแหน่งรัฐมนตรีแก่ทั้งสามฝ่าย

          - กองกำลังต่างชาติทั้งหมดต้องถอนออกไปจากพระราชอาณาจักรลาว   ภายในวันที่  ๖  ตุลาคม  ๒๕๐๕

          - พระราชอาณาจักรลาวจะเป็นประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

ฯลฯ

          เมื่อสิ้นสุดการถอนกองกำลังต่างชาติ  ๖  ตุลาคม  ๒๕๐๕  แต่ละชาติดำเนินการถอนกำลังของตนจากพระราชอาณาจักรลาว  ดังนี้

            - สหรัฐอเมริกา  ถอนทหาร  และครูฝึกจากหน่ายรบพิเศษ  รวมทั้งสิ้น    ๖๖๐ นาย    

            - สหภาพโซเวียต  ถอนที่ปรึกษาทางทหาร  (ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน)    

            - ส่วนเวียดนามเหนือนั้นถอนทหารผ่านด่านตรวจ  จำนวน  ๔๐  นาย    คงทหารไว้อีก  ๕,๐๐๐ - ๗,๐๐๐ นาย    (ข้อมูลจากฝ่ายอเมริกัน)

พฤศจิกายน  ๒๕๐๕    สหรัฐอเมริกาส่งคณะที่ปรึกษา  และกองทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปยังสาธารณรัฐเวียดนาม

๒๓  เมษายน  ๒๕๐๖    รัฐบาลผสม  ๓ ฝ่าย  ถึงกาลยุติลงอีก  

         ประมาณ  เดือนมีนาคม - เมษายน  ๒๕๐๖    พันเอก  เดือน  ก็โค่นนายพลกองแลได้สำเร็จ   ฝ่ายเป็นกลางของพันเอก  เดือนเข้าเป็นพันธมิตรกับขบวนการประเทศลาว    ดังนั้น  นายพลกองแลจึงต้องเข้าเป็นพันธมิตรกับฝ่ายขวาและวังเปา

          นายพลกองแล   ต้องพากองกำลังฝ่ายขวาของตน ไปทางตะวันตกของทุ่งไหหิน  ไปถึง  .  .  .  เมืองสุย          ฝ่ายสหรัฐอเมริการีบเข้าช่วยเหลือนายพลกองแลทันที  ด้วยการส่งนายแพทย์มือดี  มีใจกล้าหาญเข้าไปดูแลสุขภาพ      

          เมื่อสามารถดึงฝ่ายเป็นกลางให้เอนเอียงมาทางฝ่ายขวาได้แล้ว  สหรัฐอเมริกาก็พยายามช่วยเหลือฝ่ายเป็นกลางที่เมืองสุย  ให้รักษาเมืองสุยไว้ให้ได้

          เมืองสุย  .  .  .  ต้องรักษาไว้ให้ได้  
 
           เพราะเมืองสุยตั้งอยู่ระหว่างทุ่งไหหิน  เมืองเชียงขวาง  (Xiang Khoang)  (ฝ่ายเป็นกลางของเจ้าสุวรรณภูมา)  กับเมืองภูคูณ  ซึ่งอยู่บนถนนหมายเลข ๑๓  ระหว่างเมืองหลวงพระบางกับเมืองวังเวียง - นครเวียงจันทน์    หากฝ่ายซ้ายสามารถยึดเมืองภูคูณได้   เส้นทางคมนาคมระหว่างเมืองหลวงพระบางกับนครเวียงจันทน์ ก็จะถูกตัดขาด  ไม่สามารถติดต่อกันได้    

            ครับ  .  .  .  นายพลกองแลเดินหนหนีพันเอก  เดือน  จากทุ่งไหหินไปตั้งหลักที่เมืองสุย  ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน  ๒๕๐๖   

นายพลวังเปา

          ปลาย  พ.ศ.๒๕๐๖    วังเปาได้เลื่อนยศเป็นพลจัตวา  แห่งกองทัพพระราชอาณาจักรลาว - กองทัพชาติลาว  (ทชล.)    

๑๐  ธันวาคม  ๒๕๐๖    พระเจ้าศรีสว่างวัฒนา   เจ้ามหาชีวิตแห่งพระราชอาณาจักรลาวก็เสด็จเยือนเมืองล่องแจ้ง     ทำให้สถานะทางการเมืองของนายพลวังเปามั่นคงยิ่งขึ้น

          ต้นปี พ.ศ.๒๕๐๗    สถานการณ์ทางการเมืองฝ่ายขวาในพระราชอาณาจักรลาวดูเลวร้ายลงไปอีก    ทหารฝ่ายเป็นกลางก็เข้าร่วมกับขบวนการประเทศลาว  (ฝ่ายซ้าย)  มากขึ้น    เจ้าสุวรรณภูมา  นายกรัฐมนตรีผู้นำรัฐบาลผสมพยายามเปิดการเจรจา  ๓  ฝ่าย    แต่ไม่สำเร็จ

          เมษายน  ๒๕๐๗    เจ้าสุวรรณภูมาประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี    และก็เกิดการยึดอำนาจ  ทำให้  .  .  .  รัฐบาลผสม  ๓ ฝ่ายสลายตัว     กองทหารฝ่ายเป็นกลางของนายพลกองแลก็เข้าเป็นพันธมิตรกับนายพลวังเปาซึ่งเป็ยฝ่ายขวาอย่างชัดเจน    แต่กองกำลังขบวนการประเทศลาวและกองทหารเวียดมินห์ก็รุกไล่กองกำลังฝ่ายขวาไปจนสุดชายทุ่งไหหิน    นายพลวังเปาต้องขอให้กองทัพบกพระราชอาณาจักรลาวส่งเครื่องบินรบแบบ  T-28  จากกรุงเวียงจันทน์   จำนวน  ๓ เครื่อง  มาสนับสนุนการรบทางพื้นดิน  และต่อมาก็ได้จัดให้ประจำที่สนามบินล่องแจ้ง  .  .  .  และต่อมาไม่นานสหรัฐอเมริกาก็ส่งเดรื่องบินไอพ่นทั้งเครื่องบินลาดตระเวน  และเครื่องบินรบเข้าปฏิบัติการในพระราชอาณาจักรลาว    ทำให้ฝ่ายเวียดนามเหนือต้องนำปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานเข้ามาใช้  พร้อมกับการปรับปรุงข่ายถนนในภาคใต้ของพระราชอาณาจักรลาวเพื่อส่งกำลังเข้าไปในสาธารณรัฐเวียดนาม

          ทั้งการที่เวียดนามเหนือส่งกำลังเข้าไปในเวียดนามใต้ก็ดี  การที่สหรัฐอเมริกาก็ส่งเดรื่องบินลาดตระเวน  และเครื่องบินรบเข้าปฏิบัติการในพระราชอาณาจักรลาวก็ดี  ล้วนแล้วแต่ได้รับการยินยอมจากเจ้าสุวรรณภูมา นายกรัฐมนตรีแห่งพระราชอาณาจักรลาวด้วยกันทั้งนั้น  

          ครับ  .  .  .  ชักจะยุ่ง  และเล่นกันแรงขึ้น  แรงขึ้น  แล้วนะครับ  .  .  .เชิญติดตามสถานการณ์ต่อไป  .  .  . 

 

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .

 SUNRISE -  เอสอาร์  สุริยาส่องแสง - พระสุริยนจะเยี่ยมยอดยุคนธร  

          ๒๙  มิถุนายน  ๒๕๐๗   หน่วยเหนือสั่งจัดกำลังทหารปืนใหญ่  ๑ กองร้อยเพิ่มเติมกำลังสนับสนุนกำลังฝ่ายเป็นกลางของเจ้าสุวรรณภูมา

          ๓๐  มิถุนายน  ๒๕๐๗    เจ้าหน้าที่จากส่วนที่เกี่ยวข้อง  ผู้แทนรัฐบาลฝ่ายเป็นกลางของเจ้าสุวรรณภูมา  และเจ้าหน้าที่จากส่วนสนับสนุนได้หารือตกลงซักซ้อมความเข้าใจในการปฏิบัติ   และนำส่งเจ้าหน้าที่ บก.สามสามสาม  จำนวน  ๓ ท่าน  ไปส่งไว้  ณ  สนามบินเมืองสุย
 
       ๑ - ๓  กรกฎาคม  ๒๕๐๗    เป็นการลาดตระเวนตรวจภูมิประเทศ  และเลือกที่ตั้งต่างๆ    ท่านได้เลือกเอาเนินทางขวาของถนนหมายเลข ๗  (หันไปทางตะวันออก  หรือทางทุ่งไหหิน) เป็นที่ตั้งยิง  ส่วนที่บังคับการกองร้อย  และส่วนสนับสนุนต่างๆ  ท่านได้เลือกเอาที่ "บ้านค่าย"*  ซึ่งอยู่ห่างเมืองสุยออกมาทางตะวันออกประมาณ  ๔ - ๕ กิโลเมตร  และอยู่ห่างจากที่ตั้งยิงประมาณ ๔ - ๕ กิโลเมตร เหมือนกัน  มีที่ว่างเป็นสนามเฮลิคอปเตอร์  และห่างจากสนามบินเมืองสุยประมาณ  ๕ - ๖ กิโลเมตร

          "บ้านค่าย"* นี้  มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ผมจะหาโอกาสนำรายละเอียดมาคุยต่อไปครับ

 

 

 

แผนที่เมืองสุย  มาตราส่วน  ๑/๒๕๐,๐๐๐   (๑ ช่องตาราง เท่ากับ  ๑๐ กิโลเมตร)

 

 

๔  กรกฎาคม  ๒๕๐๗    ราชาแห่งสนามรบถึงเมืองสุย  .  .  .  ดูบรรยากาศที่เมืองสุย  ซึ่งท่านได้บันทึกไว้นะครับ  .  .  .

          เครื่องบินมาลงตอนประมาณบ่ายกี่โมงจำไม่ได้แล้ว  มีทั้ง  ซี-๔๖  ซี-๑๒๓  ทะยอยมาลง  มีทั้งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ปะปนกันลงมาขวักไขว่สับสนไปหมด  ฝนก็ตก

          กำลังส่วนแรกที่มาลงนี้เปนส่วนล่วงหน้า  หมวดระวังป้องกัน  สูทกรรม  ผู้บังคับหมู่ปืน    รวมแล้วก็ประมาณไม่เกิน  ๕๐ คน

          ที่ตลกที่สุดก็คือแทบจะไม่รู้ว่าเป็นทหารชาติไหนเพราะแต่งตัวมาแปลกมาก  สวมหมอกแก๊ปทรงอ่อนสีเขียว  นุ่งกางเกงสีเขียว  แต่ดันสวมเสื้อสีกากี  รองเท้าไอ้โอ๊ป  ทหารลาวก็ไม่ใช่  ไทยก็ไม่เชิง  เครื่องหมายก็ไม่มี    กว่าจะหาตัวผู้บังคับกองร้อยพบก็เล่นเอาเหนื่อย  ทุกคนก็สนุกครึกครื้นกันดี  เพราะยังใหม่อยู่  แล้วไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร    เขาเอาตัวมาลงไว้ที่เมืองไหนก็ไม่รู้  ความไม่รู้นี่ก็ดีไปอย่าง  คือไม่กลัว    ผมไปแนะนำตัวว่าเปนใคร  มีหน้าที่อะไรที่นี่ผู้บังคับกองร้อย  ร้อยเอก  .  .  .   ก็ทำท่างง  อ้าว งงก็งงกัน    ต่อมาเลยตั้งชื่อให้เสียใหม่เลยว่า หัวหน้าศักดิ์

ฯลฯ

          เมื่อรวบรวมข้าวของและผู้คนได้เรียบร้อยแล้ว  ผมก็นำขบวนไปบ้านค่ายซึ่งจะเป็นที่พักของเราต่อไป    พอไปถึง  ผมก็จัดสรรแบ่งเขตพื้นที่ให้แต่ละพวก  แต่ละหมู่  แต่ละเหล่า  (เขียนเอาสนุกนะครับ)  ฝนตกก็ไม่หาย  เปียกปอนไปตลอดทั้งบ่าย    พวกกางเต๊นท์เล็กสำหรับนอน  ๒ คน  ก็ทำไป    เย็นนี้ฝ่ายกลางเอาข้าวเหนียวหุงแล้วมาช่วยกันตายไปหนึ่งมื้อ    ผมก็อพยพจากฝ่ายกลางที่หนองตั้ง  หลังจากขอบคุณที่เขาเอื้อเฟื้อให้อยู่มาหลายคืน  ด้วยความทรมาณทางใจมาทรมาณทางกายกับพวกเราที่บ้านค่ายดีกว่า  มันไม่พร้อม ไม่สมบูรณ์ก็ช่าง    กลางคืนก็ใช้เทียนไขงึมงัมกันไป    ทหารก็นอนเต๊นท์เล็กนอน  ๒ คน  ผมก็ได้เต๊นท์ใหญ่  มีเตียงผ้าใบนอนก็สบายไป    คืนวันที่  ๔  ก.ค.๐๗  นี่ผ่านไปด้วยความฉุกละหุกดีพิลึก

ฯลฯ

 

 

 

 

 

 มีอยู่บ่อยๆ  ที่สนามบินเมืองสุยดูคึกคักไม่แพ้สนามบินอื่นๆ


 

 

          ครับ  .  .  .  ธรรมชาติของทหารประการหนึ่งคือ  การดัดแปลงภูมิประเทศอยู่ตลอดเวลา    เมื่อผ่านคืนแห่งความฉุกละหุกไปได้แล้ว    วันรุ่งขึ้นก็เริ่มดัดแปลงภูมิประเทศกัน  .  .  .

          ในระหว่างที่ตัวปืนใหญ่ยังไม่มา  ก็ส่งหมู่ปืนไปเตรียมทำหลุมปืน  บังเกอร์กระสุน  ศูนย์อำนวยการยิง  ถากถางสิ่งจำเปนที่กีดขวาง  หมวดป้องกันก็ไปวางแนวป้องกัน  ทิศทางยิง  ที่ตั้งอาวุธกล  อาวุธหนัก  วางแผนทุกอย่างที่จะป้องกันที่ตั้งยิง

 

กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ 

          หน่วยทหารปืนใหญ่ที่คุยกันนี้  ได้ชื่อว่า  กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์  หรือกองร้อยเอสอาร์  เป็นกองร้อยทหารปืนใหญ่เพิ่มเติมกำลัง  ครับ  คือ  การจัดก็เป็นไปตามหลักการจัด  แต่เพิ่มเติมส่วนที่จำเป็นตามสถานการณ์

         ในชั้นต้น  หน่วยนี้ได้รับปืนใหญ่ขนาด  ๑๐๕  มิลลิเมตร  จำนวน  ๖ กระบอก    ต่อมา  ได้รับปืนใหญ่ขนาด  ๑๕๕  มิลลิเมตร  อีก  ๒ กระบอก    และล่าสุด  มีปืนใหญ่ขนาด  ๑๐๕ และ  ๑๕๕ มิลลิเมตร  อย่างละ  ๔ กระบอก    และมีหน่วยต่างๆ เพิ่มเติมเข้ามามากกว่าหน่วยปรกติ  เช่น

          - เครื่องบินตรวจการณ์  บต.๑๙  จำนวน  ๒ เครื่อง

          - ชุดทำน้ำประปา  ๑ ชุด

          - หมู่วางระเบิดดักรถถัง  ๑ หมู่     (พื้นที่เป็นเนินลูกเล็กลูกน้อย  Rolling terrain เหมาะแก่การใช้รถถัง)

          - หมู่เสนารักษ์

          - หมวดระวังป้องกัน  ๒ หมวด
 

 

 

 

 ที่พักเมื่อไปอยู่ใหม่ๆ  เต๊นท์ละ  ๒ คน    ตัวทากดูดเลือดเพลินดี

 

 

        ครับ  .  .  .  ระหว่างที่กองร้อยเอสอาร์รอรับปืนใหญ่ก็ดัดแปลงภูมิประเทศไปด้วย  เรามาดูกำลังของแต่ละฝ่ายกันก่อนนะครับ

 

ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์

          หน่วยดำเนินกลยุทธ    

            - กำลังเผชิญหน้า  ประมาณ  ๗ - ๙ กองพัน  กระจายกันอยู่ตั้งแต่เมืองเคิง  ทางตอนเหนือ  ลงมาถึงบ้านลอง  ทางตอนใต้

            - รถถังพีที ๗๖  ประมาณ  ๑ กองพัน  (๒๓ คัน)    ฝ่ายเป็นกลางสังเกตเห็นที่บริเวณภูกูดเป็นประจำประมาณ  ๘ คัน

           การยิงสนับสนุน

            - ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง (ปบค.) ขนาด  ๑๐๕ มม.  ประมาณ  ๑ กองร้อย  (๔ - ๘ กระบอก)  และมีทดแทนเมื่อสูญเสีย

            - ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ (ปบร.) ขนาด  ๘๕ มม.  ประมาณ  ๑ กองร้อย  (๔ - ๘ กระบอก)  และมีทดแทนเมื่อสูญเสีย  เหมือนกัน

            - เครื่องยิงลูกระเบิด (ค.) ขนาด  ๑๒๐ มม.  ประมาณ  ๑ กองร้อย

            - ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) ขนาด  ๓๗ มม.  ประมาณ  ๔ กองร้อยๆ ละ  ๔ กระบอก

          การบังคับบัญชา

            - กองบัญชาการใหญ่ตั้งอยู่ที่ทุ่งไหหิน    มีทหารจีนทำหน้าที่เปนที่ปรึกษาด้วย

          การส่งกำลังบำรุง

            - วางตำบลส่งกำลังเป็นระยะๆ  ไปทางตะวันออกตามถนนหมายเลข ๗  

         การประกอบกำลัง

            - บางหน่วยเป็นหน่วยทหารเวียดมินห์

            - หน่วยทหารขบวนการประเทศลาวจะมีทหารเวียดมินห์ควบคุมกองพันละ  ไม่ต่ำกว่า  ๑๐ คน

          การวางกำลัง

           - ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์วางกำลังเป็นแห่งๆ  แต่ละแห่งมีกำลัง  ตั้งแต่  ๑ หมวด ถึง ๑ กองร้อย    ตั้งแต่ภูสุด ถึง บ้านคอง  ดังนี้

               - ร.พัน ๑๕    กระจายกำลังอยู่ตั้งแต่เมืองเคิง  ไปจนถึงภูสุด

               - ร.พัน ๑๓    อยู่บริเวณภูกูด  

              - ร.พัน ๒    อยู่บริเวณด้านทิศเหนือภูกูด   ประมาณ  ๔ หมวด    ที่เหลือพิสูจน์ทราบไม่ได้

               - ร.พัน ๑    อยู่บริเวณบ้านลาดบวบ    

               - ร.พัน ๔    กระจายกำลังจากทิศตะวันออกบ้านโป่งน้อย  ลงไปทางใต้จนถึงภูเก็ง

               - ๑ กองพัน  ไม่ทราบนามหน่วย  วางกำลังอยู่ระหว่างภูเก็งลงไปทางใต้จนถึงบ้านคอง

               - ๒ กองพันทหารเวียดมินห์    วางกำลังระหว่างภูบ้ากับภูเก็ง

            - ปืนใหญ่  ตั้งยิงแห่งละ  ๒ - ๔ กระบอก  และใช้วิธีเปลี่ยนที่ตั้งยิงบ่อยๆ  ตามตำรายุทธวิธีทหารปืนใหญ่    ทำให้ฝ่ายเป็นกลางสับสนทั้งในเรื่องที่ตั้งยิง  และจำนวนของปืนใหญ่ของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์อยู่เสมอ

 

 

 

รถถัง  PT-76

 

 

 

 

 

 

 

 

ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ  ขนาด  ๘๕ มิลลิเมตร  (ปบร.๘๕ มม.)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เครื่องยิงลูกระเบิด  ขนาด  ๑๐๕ มิลลิเมตร  (ค.๑๐๕ มม.)

(ซ้าย)  ผลิตในสหภาพโซเวียต                                                                                                  (ขวา)  ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน 

 

 

 

 

ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน  ขนาด  ๓๗ มิลลิเมตร  (ปตอ.๓๗ มม.)

 

 อาวุธและเครื่องมือรบของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์

 

ฝ่ายเป็นกลาง

          หน่วยดำเนินกลยุทธ

            - ร.พัน ๑    ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านอ่าง

            - ร.พัน ๘    ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านบัว

            - ร.พัน ๑๔    ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูกูด

            - พัน พร.๒    ตั้งอยู่ที่บ้านโอม

            - พัน พร.๓    ตั้งอยู่ที่บ้านเซีย

            - พัน พร.๕    ตั้งอยู่ที่บ้านดุก

            - พัน บี ซี เอส ๒    ตั้งอยู่ที่บ้านทราย

            - กองร้อยลาดตระเวนจู่โจม  (Company Reconnaissance Commando - CRC-2)  อยู่ที่หนองตั้ง

            - ศูนย์กลางการฝึกพลร่ม  (Base Aero Ports Parachutiste -BAP)  ตั้งอยู่ที่บ้านค่าย 

          การยิงสนับสนุน

            - ป.พัน ๑  ปบค.๑๐๕ มม.  จำนวน  ๔ กระบอก    ตั้งอยู่ที่บ้านเซีย

            - ป.พัน ๒  ปบค.๑๐๕ มม.  จำนวน  ๔ กระบอก    ตั้งอยู่ข้างหน้าทางขวาของกองร้อยเอสอาร์ ประมาณ  ๑ กิโลเมตร

            - กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์  ปบค.๑๐๕ มม. และ ปกค.๑๕๕ มม.    จำนวนอย่างละ  ๔ กระบอก

            - การโจมตีทางอากาศจำนวนหนึ่ง  ขึ้นอยู่กับสถานการณ์

 


 


เครื่องบินตรวจการณ์  แบบ  ๑๙   (บต.๑๙)

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง  ขนาด  ๑๐๕ มิลลิเมตร  (ปบค.๑๐๕ มม.)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง  ขนาด  ๑๕๕ มิลลิเมตร  (ปกค.๑๕๕ มม.)


            
 

 

 

T - 28    ที่สนามบินเมืองล่องแจ้ง   LS-20A     v

 

 

 

 

อาวุธและเครื่องมือรบของฝ่ายเป็นกลาง


กำลังรบเปรียบเทียบ

          หากจะดูกำลังรบเปรียบเทียบในเรื่องอำนาจกำลังรบที่มีมีตัวตนแล้ว  เห็นว่าหน่วยดำเนินกลยุทธก็พอทัดเทียมกัน    การยิงสนับสนุน  ฝ่ายเป็นกลางดูจะมีปืนใหญ่มากกว่า  และยังมีการสนับสนุนทางอากาศยุทธวิธีคอยสนับสนุนอีก  ซึ่งฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ไม่มี  แต่ก็เตรียม ปตอ.ไว้ตอบโต้ฝ่ายเป็นกลาง   

          ส่วนเรื่องอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตนนั้น   ดูการปฏิบัติกันดีกว่าครับ

 

การปฏิบัติการ

          ๑๘  กรกฎาคม  ๒๕๐๗    ปรากฏผลการยิงของ  ปบค.๑๐๕ มม. ของกองร้อยเอสอาร์   สามารถยิงทำลาย ปบค.๑๐๕ มม. ของขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ได้  ๒ กระบอก

 

การเข้าตีภูกูด

          ฝ่ายเป็นกลางกำหนดแผนการรบว่าจะเข้าตีฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ที่ภูกูดทางด้านตะวันตก  ในเดือนกรกฎาคม  ๒๕๐๗  นี้  (คือภายในเดือนที่ กองร้อยเอสอาร์  มาถึงนี่แหละครับ)

          การเข้าตี  กระทำในระหว่าง  ๑๙ - ๒๗  กรกฎาคม  ๒๕๐๗    ซึ่งกองร้อยเอสอาร์ก็ได้ยิงสนับสนุนการเข้าตีครั้งนี้อย่างเต็มที่    แต่ผลการเข้าตีไม่เป็นไปตามแผน  คือ  เข้าตีไม่สำเร็จ  ไปไม่ถึงที่หมาย

          อย่างไรก็ตาม  ใน  ๑๙  กรกฎาคม  ก็ปรากฏผลการยิงของ  ปกค.๑๕๕ มม. กองร้อยเอสอาร์ ว่าสามารถยิงทำลาย ปบร.๘๕ มม. ของขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ได้  ๒ กระบอก

 

การเข้าตีภูกูด (ครั้งที่ ๒)

          ฝ่ายเป็นกลางกำหนดเข้าตีภูกูดอีกใน  ๕ - ๙  สิงหาคม

          ครั้งนี้กำลังรบ  (ฝ่ายเป็นกลาง)  แสดงเจตนาชัดเจน ว่า  "เข้าไปก็ตายเปล่าๆ  สู้อยู่เฉยๆ ไม่ได้" สั่งเข้าตีก็หลบเข้าป่าเสีย    กองร้อยเอสอาร์ก็ได้แต่ยิง  .  .  .  ยิง  .  .  .  และยิง  เสียจนลำเลียงกระสุนกันแทบไม่ทัน    - คงเป็นการยิงที่ไม่มีผู้ตรวจการณ์  และคิดว่ายิงไปคงได้ผลดี  หรือ  ? ? ?        

          ถึงกระนี้กระนั้นกระไรก็ตาม  แม้ว่ากำลังรบ  (ฝ่ายเป็นกลาง) จะปฏิบัติการหลบเข้าป่าอย่างกล้าหาญ    กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ก็ยังสามารถทำลายอาวุธของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์  ในการเข้าตีภูกูดครั้งนี้  ได้ดังนี้ครับ   

           ๕  สิงหาคม    การยิงของ  ปกค.๑๕๕ มม. สามารถทำลาย  รถถัง พีที-๗๖  ได้  ๑ คัน

           ๗  สิงหาคม    การยิงของ  ปบค.๑๐๕ มม. สามารถทำลาย ปรส.๕๗   ได้  ๒ กระบอก

                                     และ  ปกค.๑๕๕ มม. ก็สามารถทำลาย  ปบค.๑๐๕ มม.  ได้อีก  ๒ กระบอก

 

          เมื่อการเป็นดังนี้  (คือ "เข้าไปก็ตายเปล่าๆ  สู้อยู่เฉยๆ ไม่ได้")     คณะผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องหารือกัน  และฝ่ายปฏิบัติก็เลยขอให้จัดทีมครูฝึกมาฝึกให้ไปรบ  โดยจัดทีมครูฝึกเป็นส่วนเพิ่มเติมของกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์       

 

การจัดกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ล่าสุด

         กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ก็ได้ปรับเพิ่มกำลังตามความจำเป็นของสถานการณ์จนปรากฏการจัด  ดังนี้  

          ๑.  ส่วนบังคับการ

          ๒.  ส่วนปฏิบัติการ

              ๒.๑  ส่วนยิง

                 ๒.๑.๑  ศูนย์อำนวยการยิง

                 ๒.๑.๒  ส่วนยิง ปบค.๑๐๕  จำนวน  ๔ กระบอก    อยู่ฝั่งขวาของถนนหมายเลข ๗

                 ๒.๑.๓  ส่วนยิง ปกค.๑๕๕  จำนวน  ๔ กระบอก    อยู่ฝั่งซ้ายของถนนหมายเลข ๗

              ๒.๒  หมู่ตรวจการณ์หน้า  ๓ หมู่    ตั้งที่ตรวจการณ์ที่ภูเซีย  แล้วผลัดกันไปปฏิบัติงานร่วมกับทหารฝ่ายเป็นกลาง ครั้งละ  ๒ หมู่  

              ๒.๓  หมู่บินตรวจการณ์  มีเครื่องบินตรวจการณ์  บต.๑๙  จำนวน  ๒ เครื่อง   ระยะแรกจอดเครื่องไว้ที่สนามบินเมืองสุย  กำลังพลมานอนที่บ้านค่าย  ต่อมาเมื่อกำลังพลที่บ้านค่ายมากขึ้น  จึงกางเต๊นท์ใหญ่นอนกันที่สนามบินด้วย

              ๒.๔  หมวดระวังป้องกัน    ๒ หมวด  วางกำลังด้านหน้า และด้านข้างของที่ตั้งยิง

              ๒.๕  หมู่วางระเบิดดักรถถัง    ๑ หมู่

          ๓.  ส่วนบริการ

              ๓.๑  หมู่ซ่อมบำรุง

              ๓.๒  หมู่สูทกรรม

              ๓.๓  หมู่กระสุน

              ๓.๔  หมู่เสนารักษ์

              ๓.๕  ชุดทำน้ำประปา  ๑ ชุด

          ๔.  ส่วนเพิ่มเติม  ที่จัดตามความจำเป็น  ได้แก่

              ๔.๑  ทีมครูฝึก   จัดเข้ามาเมื่อเดือนสิงหาคม - กันยายน  ๒๕๐๗  ตามที่ฝ่ายเป็นกลางร้องขอให้ช่วยฝึกทหารให้  เป็นการเตรียมแผนเข้าตีภูกูดในเดือนธันวาคม  ๒๕๐๗  (อีกครั้ง)

              ๔.๒  พารู   (PARU  - Police Aerial Reinforcement Unit)  ทีม เอ   เพื่อติดต่อกับทางวิทยุกับ  บก.สามสามสาม    เพราะเครื่องมือสื่อสารของกองร้อยเอสอาร์นั้น  ใช้ติดต่อภายในหน่วยเท่านั้น 

              ๔.๓  ชุดซักถามเชลยศึก

              ๔.๔  ขุดติดต่อทหารท้องถิ่น (ของนายพลวังเปา)  เพื่อให้ทราบว่าหน่วยของเขากระจัดกระจายอยู่ที่ใดบ้าง
 

           แม้เมื่อ  จบภารกิจเข้าตีภูกูด (ที่ไม่สำเร็จ)  มา  ๒ ครั้ง แล้วก็ตาม  กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ก็ยังปฏิบัติภารกิจยิงตามปรกติ  และสามารถทำลายอาวุธของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ได้อีก   คือ

 

          ๑๓  สิงหาคม    การยิงของ  ปบค.๑๐๕ มม. สามารถทำลาย  ปตอ.๓๗ มม. ได้  ๒ กระบอก

          ทางด้านส่วนยิง ปกค.๑๕๕ มม. ก็สามารถทำลายเป้าหมายได้    ดังนี้ครับ

            ๗  กันยายน    ทำลาย  รถบรรทุก  ๔ คัน

          ๑๔  กันยายน    ทำลาย  ปบร.๘๕ มม.  ๒ กระบอก

            ๑  ตุลาคม    ทำลาย  ปบค.๑๐๕ มม.  ๒ กระบอก

          ๑๖  ตุลาคม    ทำลาย  ปบร.๘๕ มม.  ๒ กระบอก

 

          ครับ  .  .  .  ระหว่างที่กำลังรบ  (ฝ่ายเป็นกลาง)  กำลังฝีกการเข้าตีอย่างขมักเขม้นอยู่นี้เราให้เวลาเขาฝึกกันก่อน  .  .  .  แล้วค่อยมาดูสถานการณ์ต่อไป  .  .  .  SUNRISE  -  การเข้าตีภูกูด (ครั้งที่ ๓)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ปกค. ๑๕๕ มม.  และ  ปบค.๑๐๕  มม.  ในที่ตั้งยิง  กำลังปฏิบัติภารกิจยิง

ภาพจาก  สงครามเกาหลี    

       

 

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .  SUNRISE  -  การเข้าตีภูกูด  (ครั้งที่ ๓)

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .  SUNRISE  -  การเข้าตีภูกูด  (ครั้งที่ ๓)

สถานการณ์ต่อไป  .  .  .  SUNRISE  -  การเข้าตีภูกูด  (ครั้งที่ ๓)  




ประวัติศาสตร์สงคราม กรีก โดย สัมพันธ์

อเล็กซานเดอร์มหาราช : สู่ตะวันออก
อเล็กซานเดอร์มหาราช : เริ่มลมเหนือ
สงคราม กรีก - กรีก
สงคราม กรีก - เปอร์เซีย



แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker