* * *
SUNRISE - การเข้าตีภูกูด (ครั้งที่ ๓)
สถานการณ์เดิม . . .
SUNRISE - พระสุริยนจะเยี่ยมยอดยุคนธร . . .
๔ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ราชาแห่งสนามรบถึงเมืองสุย คืนวันที่ ๔ ก.ค.๐๗ นี่ผ่านไปด้วยความฉุกละหุกดีพิลึก
ฝ่ายเป็นกลางกำหนดแผนการรบว่าจะเข้าตีฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ที่ภูกูดทางด้านตะวันตก ใน ๑๙ - ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ซึ่งกองร้อยเอสอาร์ก็ได้ยิงสนับสนุนการเข้าตีครั้งนี้อย่างเต็มที่ แต่ผลการเข้าตีไม่เป็นไปตามแผน คือเข้าตีไม่สำเร็จ ไปไม่ถึงที่หมาย
ฝ่ายเป็นกลางจึงกำหนดเข้าตีภูกูดอีกใน ๕ - ๙ สิงหาคม ครั้งนี้ กำลังรบ (ฝ่ายเป็นกลาง) แสดงเจตนาชัดเจนว่า "เข้าไปก็ตายเปล่าๆ สู้อยู่เฉยๆ ไม่ได้" สั่งเข้าตีก็หลบเข้าป่าเสีย
คณะผู้ที่เกี่ยวข้องจึงต้องหารือกัน และฝ่ายปฏิบัติก็เลย ขอให้จัดทีมครูฝึกมาฝึกให้ไปรบ โดยจัดทีมครูฝึกเป็นส่วนเพิ่มเติมของกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์
เมื่อการฝึกได้เสร็จสิ้นแล้ว . . . เชิญติดตามการเข้าตีภูกูดครั้งใหม่ ครับ
สถานการณ์ต่อไป . . .
การเข้าตีภูกูด (ครั้งที่ ๓)
เมื่อฝึกจนฝ่ายครูฝึกมั่นใจว่าใช้การได้แล้ว จึงกำหนดการเข้าตีภูกูด ครั้งใหม่ขึ้น ในวันที่ ๒ - ๑๑ ธันวาคม ๒๕๐๗ ผลหรือครับ . . . เพื่อนปีนเขาขึ้นไปสักครึ่งเขาก็ปีนลง ไม่ขึ้นไป ทั้งๆ ที่กำลังของขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ข้างบนมีไม่กี่คน บางทีก็ออกนอกเส้นทางเสีย ไปนั่งสังเกตการณ์ดูตั้งแต่วันแรก วันที่สอง เรื่อยไปก็เหมือนเดิมทุกวัน . . . ก็ลงเอยเหมือนเดิมคือ ขึ้นภูกูดไม่ได้ ตีโอบก็ไม่เอา กลับมาอยู่แนวเก่าดีกว่า ไม่ตายดี . . . พวกฝ่ายเป็นกลางยศน้อยๆ เขาบอกว่าตีไปทำไมกัน ไม่ได้ดีอะไรด้วย มีแต่ตายลูกเดียวถ้าทำกล้า, สู้อยู่เฉยๆ ไปวันๆ ยังดีกว่าไม่ตาย . . .
สรุปได้ตอนนี้ว่าฝ่ายเป็นกลางหมดแรงไปแล้ว
นี่แหละครับ อำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตนของฝ่ายเป็นกลาง ก็เป็นอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตนจริงๆ คือ ไม่มีเอาเสียเลย
"ยิงเขามามากแล้ว ก็ถูกเขายิงพังเสียบ้าง"
ในการเข้าตีภูกูด กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ที่ยิง . . . ยิง . . . และยิง เสียจนลำเลียงกระสุนกันแทบไม่ทันนั้น ใช่ว่าจะยิงเขาฝ่ายเดียวนะครับ เราเห็นในเรื่องอำนาจกำลังรบแล้ว ว่าฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ก็มีปืนใหญ่เหมือนกัน และนำยุทธวิธีทหารปืนใหญ่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วย ไม่ได้ใช้แต่เทคนิคการยิง เพียงอย่างเดียว
๔ ธันวาคม ๒๕๐๗
ระหว่างการเข้าตีภูกูด ครั้งที่ ๓ กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ก็ยิงสนับสนุนหน่วยเข้าตีอย่างขมักเขม้น (ไม่ทราบว่าหน่วยเข้าตีเดินลงเขากลับหรือยัง) ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ก็ใช้ปืนใหญ่ยิงต่อต้านปืนใหญ่ฝ่ายเป็นกลาง แทบจะว่าเป็นการดวลปืนใหญ่กันทีเดียว แต่ภารกิจต่างกัน
ปืนใหญ่ฝ่ายเป็นกลางยิงสนับสนุนหน่วยดำเนินกลยุทธในการเข้าตี ฝ่ายเป็นกลางยิงยากกว่า เพราะคงจะไม่มีผู้ตรวจการณ์หน้าไปกับหน่วยเข้าตี คงได้แต่ยิงตามคำขอยิงจากที่ตรวจการณ์ภูเซีย ซึ่งอยู่กับที่ ก็ว่ากันไป
ส่วนปืนใหญ่ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ยิงต่อต้านปืนใหญ่ฝ่ายเป็นกลาง ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ยิงได้ง่ายกว่าครับ เพราะที่ตั้งยิงของฝ่ายเป็นกลางเปิดเผย ตรวจการณ์ได้ง่าย ไม่มีการเปลี่ยนที่ตั้งยิงเลย มีแต่การปรับปรุงระบบป้อมสนามสร้างบังเกอร์ป้องกันให้แข็งแรงเท่านั้น ไม่มีการพราง การซ่อนเร้น เพราะฝ่ายเป็นกลางเป็นเจ้าอากาศ
ท่านว่าอาวุธที่ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ใช้ยิงต่อต้านปืนใหญ่ฝ่ายเป็นกลางนั้น ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ใช้ถึง ๔ ชนิด คือ
- ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง (ปบค.) ขนาด ๑๐๕ มม.
- ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ (ปบร.) ขนาด ๘๕ มม.
- เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด ๑๒๐ มม. (ค.๑๒๐ มม.)
- ใช้รถถังพีที-๗๖ หรือ ที-๓๔ เป็นฐานยิง คือใช้ปืนใหญ่รถถังยิงเท่านั้น ตัวรถถังไม่เคลื่อนที่ดำเนินกลยุทธ
ในระหว่างที่ดวลปืนใหญ่กัน และฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ยิงที่ตั้งยิงกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์นี่แหละครับ มีอยู่นัดหนึ่ง และนัดเดียวจริงๆ ตกลงตรงกองกระสุนของหมู่ปืนใหญ่ขนาด ๑๐๕ มม. เข้าพอดี . . . เรียบโร้ย ครับ เกิดระเบิดซ้อน ท่านผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า
. . . กองกระสุนที่ระเบิดนี้เปนควันลอยสูงขึ้นเปนรูปดอกเห็ดเลย ผมยังได้ให้ช่างภาพยนต์ . . . ถ่ายเอาไว้และผมเก็บเอาไว้ดูเปนที่ระลึกจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตลอดเวลานี่ครับ . . . (แต่ท่านไม่ได้นำภาพมาแสดง เลยไม่มีภาพมาให้ดู)
ผลหรือครับ . . . นัดนี้นัดเดียว ฝ่ายเป็นกลางเสียอาวุธ ปบค.๑๐๕ จำนวน ๑ กระบอก ปืนสั้นบรรจุเอง แบบ ๘๗ (ปสบ.๘๗) ๑๒ กระบอก และยุทโธปกรณ์อื่นๆ จำนวนหนึ่ง
ถึงแม้ไม่มีภาพ "ดอกเห็ด" มาให้ชม ท่านก็มีภาพอื่นมาให้ชมกันครับ
.jpg)
.jpg)
"ยิงเขามามากแล้ว ก็ถูกเขายิงพังเสียบ้าง"
.jpg)
ปืนสั้นบรรจุเองแบบ ๘๗ (ปสบ.๘๗)
อาวุธประจำกายทหารปืนใหญ่
ส่วนยิง ปกค.๑๕๕ มม. ของกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ก็ทำลายอาวุธของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ได้เหมือนกันนะครับ คือ
๕ ธันวาคม สามารถทำลาย ปบค.๑๐๕ มม. ได้ ๒ กระบอก และ
๖ ธันวาคม ก็ทำลาย ปตอ.๓๗ มม. ได้อีก ๑ กระบอก
หลังจากการเข้าตีภูกูด ครั้งที่ ๓ (๒ - ๑๑ ธันวาคม ๒๕๐๗ ) แล้ว ส่วนยิง ปกค.๑๕๕ มม. ก็ยังมีผลงานอีก
๑๒ มกราคม ๒๕๐๘ สามารถทำลาย ปบร.๘๕ มม.ได้อีก ๑ กระบอก
ดัดแปลงภูมิประเทศและจัดระเบียบที่ตั้ง
เมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ได้ดัดแปลงภูมิประเทศและจัดระเบียบที่ตั้ง ท่านมีภาพให้ดูครับ . . .

ที่ตั้งยิง ปกค.๑๕๕ มม.



ที่ตั้งยิง ปบค.๑๐๕ มม.

ส่วนหนึ่งของความเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงามกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์
SR.I - SR.II
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองยุติลง รัฐบาลไทยได้ส่งกองทหารออกไปรบนอกประเทศคือร่วมในกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นต้นมา โดยจัดส่งเป็นผลัดๆ ผลัดละ ๑ ปี เนื่องจากสงครามเกาหลีเป็นสงครามใหญ่ มีการจัดสวัสดิการ และบำรุงขวัญทหารที่ทำการรบเป็นระบบอย่างดี และเมื่อถึง พ.ศ.๒๕๐๗ นี้ สถานการณ์รบก็เบาบางลงมาก แต่การปฏิบัติการที่เมืองสุย นี้ เป็นการรบกันเองระหว่างกองกำลังลาวฝ่ายเป็นกลางกับฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ สถานการณ์ก็รุนแรง แต่ไม่มีการสว้สดิการ หรือบำรุงขวัญกำลังพลแต่ประการใดทั้งสิ้น ผู้บังคับบัญชาจึงปรับเวลาปฏิบัติการให้เหลือผลัดละ ๘ เดือน
กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ก็ครบกำหนด ๘ เดือนใน ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ แต่สถานการณ์ของฝ่ายเป็นกลางยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจ จึงจำต้องมีกองร้อยปืนใหญ่สนับสนุนอยู่ต่อไป ครับ . . . ก็ต้องมีกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ผลัดใหม่มาสับเปลี่ยนกำลัง . . . เป็นกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๒
เมื่อจะมีกองร้อยปืนใหญ่ผลัดใหม่มาผลัดเปลี่ยน เป็นกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๒ กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์เดิมนี้ จึงต้องเป็นกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑
ผลการยิงของกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑
ในช่วง เดือนกรกฎาคม ๒๕๐๗ ถึง มกราคม ๒๕๐๘ ประมาณ ๗ เดือนของกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑ นี้ ก็มีการบันทึกว่าผลการยิงเป็นอย่างไรบ้าง เชิญครับ . . . (ได้แสดงไว้ตามลำดับ วัน เวลาแล้ว เพื่อให้เห็นภาพตามขั้นตอน แต่รวบรวมมาไว้เพื่อให้เห็นผลการยิงได้ชัดเจน)
วัน เดือน ปี อาวุธที่ใช้ยิง เป้าหมายฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ที่ถูกทำลาย
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ปบค.๑๐๕ มม. ปบค.๑๐๕ มม. ๒ กระบอก
๑๙ กรกฎาคม ปกค.๑๕๕ มม. ปบร.๘๕ มม. ๒ กระบอก
๕ สิงหาคม ปกค.๑๕๕ มม. รถถัง พีที-๗๖ ๑ คัน
๗ สิงหาคม ปบค.๑๐๕ มม. ปรส.๕๗ ๒ กระบอก
ปกค.๑๕๕ มม. ปบค.๑๐๕ มม. ๒ กระบอก
๑๓ สิงหาคม ปตอ.๓๗ มม. ๒ กระบอก
๗ กันยายน รถบรรทุก ๔ คัน
๑๔ กันยายน ปบร.๘๕ มม. ๒ กระบอก
๑ ตุลาคม ปบค.๑๐๕ มม. ๒ กระบอก
๑๖ ตุลาคม ปบร.๘๕ มม. ๒ กระบอก
๕ ธันวาคม ปบค.๑๐๕ มม. ๒ กระบอก
๖ ธันวาคม ปตอ.๓๗ มม. ๑ กระบอก
๑๒ มกราคม ๒๕๐๘ ปบร.๘๕ มม. ๑ กระบอก
ตั้งแต่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๐๗ เป็นต้นมา เป็นการปฏิบัติของ ปกค.๑๕๕ มม. ทั้งสิ้น
นอกจากกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑ แล้ว ไม่ปรากฏว่ากองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์อื่นๆ ได้บันทึกผลการยิงไว้เลย
ผลการถูกยิงของกองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑
ในช่วง เดือนกรกฎาคม ๒๕๐๗ ถึง มกราคม ๒๕๐๘ ประมาณ ๗ เดือนนี้ มีการบันทึกว่ากองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑ ก็รับของฝ่ายฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ไว้มากเหมือนกัน นับได้ประมาณ ๒,๐๐๐ นัด ซึ่งจำแนกตำบลกระสุนตกได้ดังนี้ครับ
- กระจัดกระจาย สะเปะสะปะ หรือเป็นการปรับการยิง ไม่ถึง ๒๐๐ นัด
- ที่ตรวจการณ์ภูเซีย ประมาณ ๒๖๐ นัด
- ส่วนยิง ปบค.๑๐๕ และ ๑๕๕ (ที่ตั้งยิง) ประมาณ ๑,๕๐๐ นัด
กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ผลัดต่อๆ มา
กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ผลัดต่อๆ มา ก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น มีสวัสดิการดีขึ้น การบำรุงขวัญดีขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น
เมื่อถึง เอสอาร์ - ๗ ก็มี อาคารสำนักงาน อาคารที่พักของนายทหารมีเครื่องทำน้ำอุ่นใช้ตลอดเวลา มีอาคารรับประทานอาหารของนายทหารซึ่งใช้เป็นโรงหนังหล้งจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ (มีภาพยนตร์ใหม่เอี่ยมจาก สรอ.มาฉายทุกคืน) ในตู้เย็นจะมีเบียร์ และโซดาแช่เย็น และมีสุราฝรั่งพร้อม
ณ ฐานยิงนี้ยังมี
๑. โรงเลื่อยไม้ ซึ่งใช้ใบเลื่อยต่อจากเพลารถ ๒ ตันครึ่ง ไม้ที่เข้าเลื่อยจะเป็นไม้สน . . .
๒. เตาเผาอิฐ เพื่อทำอิฐใช้ในการทำฐาน ป. และอาคารบ้านพัก
๓. ช่างตัดเย็บผ้า (มีจักรเย็บผ้าพร้อม) เพื่อทำเสื้อฝน เสื้อกันหนาว และ
๔. ช่างโลหะ เพื่อทำเครื่องโลหะจากปลอกกระสุนขนาดต่างๆ ซึ่งใช้เป็นของชำร่วยอย่างดี
ที่ตรวจการณ์ภูเซีย
เป็นที่ตรวจการณ์เดียวของหน่วยเอสอาร์ ตั้งอยู่บนภูเซียซึ่งอยู่ในแนวขอบหน้าของการตั้งรับของทหารฝ่ายเป็นกลาง ภูเซียตั้งอยู่ด้านซ้ายของถนนสาย ๗ ห่างจากที่ตั้ง ป.๑๐๕ และ ป.๑๕๕ มม. ไปทางทุ่งไหหินประมาณ ๔ กม. อยู่ตรงกันข้ามกับภูกูดซึ่งเป็นที่ตรวจการณ์ของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์เช่นเดียวกัน ภูกูดสูงกว่าภูเซียมาก อยู่ห่างกันประมาณ ๒ กม.
. . . สิ่งอำนวยความสะดวกมีตามสมควร เช่น ตู้เย็นน้ำมันก๊าด และเครื่องทำน้ำอุ่น . . .
ถนนหมายเลข ๗
จากเมืองภูคูณ ผ่านเมืองสุย จะเข้าสู่ทุ่งไหหินทางด้านขวาของภูเซีย ที่มั่นฝ่ายกลางจะอยู่ตามเนินภูดุก หน้าภูดุกเป็นลำน้ำงึม ตรงข้ามภูดุกจะเป็นภูแท่นซึ่งอยู่เลยน้ำงึมไปและเป็นเขตเมืองพั้น และเมืองเชียงขวางของฝ่าย ปทล. ครั้งหนึ่ง หน.พิกุล เคยคิดที่จะมาทำธุรกิจตัดต้นสนล่องไปตามลำน้ำงึมเพื่อไปขายที่เมืองไทย
บก.เอสอาร์ใหม่
เอสอาร์ - ๖ สร้างที่ บก.บ้านค่าย เมื่อปลายเดือนมิถุนายน ๒๕๑๑ ก่อนที่เอสอาร์ - ๗ จะมาปฏิบัติงาน ไม้ที่สร้างเป็นไม้สน เป็นอาคารชั้นเดียว แต่กว้างขวาง มีสิ่งอำนวยความสะดวกเช่น ห้องน้ำ ห้องรับแขก และห้องสมุด
อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งเครื่องดื่มต่างๆ ไม่ว่ากาแฟหรือนมเนย จนกำลังพลนำไปแบ่งให้สุนัขกินเพื่อช่วยอยู่เวรยาม สำหรับนายทหารจะมีเครื่องดื่มไม่ว่าเหล้าฝรั่งหรือเบียร์ในตู้เย็นน้ำมันก๊าดตลอดเวลา (สมัยนั้นยังไม่นิยมดื่มไวน์กัน)
ที่ บก.บ้านค่าย จะมีหนังสือพิมพ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษให้อ่าน ซึ่งจะมาพร้อมกับเครื่องบินเมล์เป็นปึก
ครับ . . . ระหว่างที่พระสุริยนเยี่ยมยอดยุคนธรอยู่นี้ . . . เราไปดูสถานการณ์ด้านภาคใต้ของพระราชอาณาจักรลาวกันบ้าง
ทชล.๔ - กองทัพภาคใต้พระราชอาณาจักรลาว
พ.ศ.๒๕๑๑ ฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ได้คุกคามพื้นที่ภาคใต้ของพระราชอาณาจักรลาว (แขวงจำปาศักดิ์ และแขวงสีทันดอน) มากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายจะเข้ายึดที่ราบสูงโบโลเวน (Plateau des Bolovens) ซึ่งเป็นชัยภูมิสำคัญ จะทำให้ควบคุมพื้นที่ทางตะวันออกได้ถึงแม่น้ำโขง และทางใต้ก็จะรุกเข้าสู่กัมพูชาได้สะดวกยิ่งขึ้น ทั้งนี้ได้ส่งกำลังทหารเวียดมินห์ จำนวน ๖ กองพัน จากกรุงฮานอย เข้าในหุบเขาเซโดน ทำให้พื้นที่เมืองสาละวัน และเมืองอ้ตตะปือต้องตกอยู่ใต้อิทธิพลฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์
โครงการ "ผาสุก"
เดือนมิถุนายน ๒๕๑๒ นายพล ผาสุก สำลี ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติลาว ภาค ๔ (ผบ.ทชล.๔) ได้ดำเนินการโครงการ "ผาสุก" เพื่อหาข่าว ค้นหา ตัดรอนกำลัง ทำลายกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายขบวนการประเทศลาวและเวียดมินห์ ในพื้นที่แขวงจำปาศักดิ์ และแขวงสีทันดอน ซึ่งได้ผลในระดับหนึ่ง
ครับ . . . กลับไปที่เมืองสุยนะครับ . . .
อาทิตย์ดับแสง . . . SUN switched off . . .
ครับ . . . จาก . . . ๒๙ มิถุนายน ๒๕๐๗ ซึ่งหน่วยเหนือจัดกำลังทหารปืนใหญ่ ๑ กองร้อยเพิ่มเติมกำลังสนับสนุนกำลังฝ่ายเป็นกลางของเจ้าสุวรรณภูมา จนถึง ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๗ . . . ด้วยเวลาเพียง ๔ วัน . . . ราชาแห่งสนามรบก็ถึงเมืองสุย . . . และ . . . คืนวันที่ ๔ ก.ค.๐๗ นี่ผ่านไปด้วยความฉุกละหุกดีพิลึก
เมื่อเป็นภารกิจเร่งด่วนดังนี้ หน่วยเหนือไม่มีเวลาเตรียมการจัดตั้งหน่วยใหม่ และฝึกให้ทันการได้ จึงต้องใช้วิธีใช้หน่วยที่มีอยู่แล้วเคลื่อนย้ายไปทั้งหน่วย เพราะถือว่าต้องพร้อมรบอยู่แล้ว ดังนั้น . . . อะไรก็ดูฉุกละหุกไปหมด แต่กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ - ๑ ก็สามารถปฏิบัติภารกิจลุล่วงไปได้ด้วยดี
กองร้อยปืนใหญ่เอสอาร์ ผลัดต่อๆ มา ก็ดูผ่อนคลายมากขึ้น มีสวัสดิการดีขึ้น การบำรุงขวัญดีขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น ดังที่ได้เรียนให้ทราบก่อนหน้านี้แล้ว . . . จากการที่ . . . มีเพียงเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ในการรบ เป็น . . . มีเครื่องอำนวยความสะดวก . . . และพัฒนาเป็น . . . เครื่องบำรุงความสุข . . . จากการที่ . . . ต้องไปรบ ก็กลายเป็น . . . ต้องแย่งกันไป (รบ) ท่านผู้มีประสบการณ์และได้ร่วมอยู่ในเอสอาร์ - ๗ ท่านหนึ่ง บันทึกว่า กำลังพลที่ได้รับการคัดเลือกไปถือว่าเป็นผู้โชคดี ส่วนมากมักจะเป็นผู้ปฏิบัติงานดีเด่นในหน่วยต้นสังกัด และผู้บังคับบัญชาชอบ
เมืองสุย - เอสอาร์ - ๘
จำเนียรกาลผ่านมาจวบจน เอสอาร์ - ๗ . . . และเอสอาร์ - ๗ นี้ ก็เป็นผลัดที่ได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเอสอาร์ - ๘ เข้ารับหน้าที่ต่อนั้น ได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวก และเครื่องบำรุงความสุขในสนามรบอยู่ได้ไม่นาน ก็ . . . จำเป็นต้องถอนตัวทางอากาศออกจากเมืองสุยอย่างเร่งด่วนภายใต้การกดดันอย่างหนักของข้าศึก ในวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๑๒ ครับ . . . อาทิตย์ดับแสง . . . SUN switched off . . .
ครับ . . . อาทิตย์ดับแสง . . . SUN switched off . . . แล้ว . . . รอ SUNRISE อีก นะครับ สถานการณ์ต่อไป . . . AVP1
สถานการณ์ต่อไป . . . AVP1
สถานการณ์ต่อไป . . . AVP1
สถานการณ์ต่อไป . . . AVP1