* * *
สงครามฝรั่งเศส - เวียดมินห์ (๓) - สาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม
สถานการณ์เดิม . . . จาก เวียดนามยุคอาณานิคมของฝรั่งเศส . . .
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒
เมื่อญี่ปุ่นยอมแพ้จึงเกิดช่องว่างแห่งอำนาจขึ้นในเวียดนาม เวียดมินห์ได้ทำการ "ปฏิวัติสิงหาคม August Revolution" ทั่วประเทศเข้ายึดที่ทำการของรัฐ
๑๒ สิงหาคม ๒๔๘๘ มีการออกประกาศให้ให้ก่อการจลาจล มีการโจมตีที่มั่นทหารต่างชาติหลายแห่ง
๑๓ สิงหาคม ๒๔๘๘ คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน (The Central Committee of the Indochinese Communist Party - ICP) ประชุมกันที่ตันเตรา (Tan Trao) ได้ข้อตกลงใจที่จะให้แสวงประโยชน์ในช่องว่างแห่งอำนาจนี้ด้วยนำประชาชนปฏิวัติทั่วไป และเข้ายึดอำนาจรัฐ
๑๔ สิงหาคม ๒๔๘๘ ญี่ปุ่นยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข
๑๕ สิงหาคม ๒๔๘๘ กองทัพญี่ปุ่นทุกสมรภูมิวางอาวุธ
๒๕ สิงหาคม ๒๔๘๘ สมเด็จพระจักรพรรดิเบาได๋แห่งเวียดนาม (๘ มกราคม ๒๔๖๙ – ๒๕ สิงหาคม ๒๔๘๘ - ค.ศ.๑๙๒๖ - ๔๕) ทรงสละราชบัลลังก์ เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์เหงียน ก่อนสละราชบัลลังก์ได้ทรงแต่งตั้งให้โฮจิมินห์ ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นในฮานอยและเป็นประธานาธิบดีคนแรก
สถานการณ์ต่อไป . . .
๒๙ สิงหาคม ๒๔๘๘ กองทหารหน่วยแรกของกองทัพปลดแอกแห่งเวียดนามเข้าสู่กรุงฮานอย
สาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม
๒ กันยายน ๒๔๘๘ (ค.ศ.๑๙๔๕) ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ประกาศเอกราชของ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม" (the Democratic Republic of Vietnam) และนายพล ชาร์ลส เดอ โกลล์ ( General Charles De Gaulle ) ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ก็แต่งตั้ง พลเรือเอก จอร์จ เทียร์รี อาร์คจองเลียว (Admiral Georges Thierry d'Argenlieu) เป็นข้าหลวงใหญ่อินโดจีน (High - Commissioner in Indochina)
ธงชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม
< General Charles De Gaulle
Admiral Georges Thierry d'Argenlieu >
๙ กันยายน กองทัพจีนได้เข้ายึดกรุงฮานอยเพื่อปลดอาวุธกองทัพญี่ปุ่น และยึดเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ในแคว้นตังเกี๋ย เหนือเส้นขนานที่ ๑๖
ลอร์ด หลุยส์ เมาท์แบทเทน (Lord Louis Mountbatten) ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรในยุทธบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (Supreme Allied Commander of the Southeast Asia Theatre) ส่งกองทัพอังกฤษเข้าไปในเวียดนาม ดังนี้
๑๒ กันยายน กองพันทหารกุรข่าอินเดีย เป็นหน่วยทหารสัมพันธมิตรหน่วยแรกจากกรุงย่างกุ้งได้มาถึงกรุงไซง่อน
๑๓ กันยายน นายพล เซอร์ ดักกลาส เกรซีย์ (General Sir Douglas Gracey) ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินสัมพันธมิตร (Commander Allied Land Forces) และกองพลที่ ๒๐ อินเดีย (GOC 20th Indian Division, GOC = General Officer Commanding) จำนวน ๒๐,๐๐๐ มาถึงกรุงไซง่อน เพื่อปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น และฟื้นฟูความสงบในพื้นที่ใต้เส้นขนานที่ ๑๖ ซึ่งได้พบว่าเกิดสภาพอนาธิปไตยขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วไป
< Lord Louis Mountbatten
General Sir Douglas Gracey >
๒๒ กันยายน กองทัพอังกฤษในกรุงไซง่อนสนับสนุนอาวุธให้กองทหารฝรั่งเศส
๒๓ กันยายน ฝรั่งเศสส่งกำลังทหารเข้ากรุงไซง่อน ล้มรัฐบาลเวียดนาม และประกาศฟื้นอำนาจฝรั่งเศสในอินโดจีน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฝรั่งเศสหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ อยู่ในภาวะอ่อนแอและไร้เสถียรภาพ และการไร้เสถียรภาพทางการเมืองนี้ทำให้ไม่มีนโยบายที่ชัดเจนในการจัดการเกี่ยวกับสงครามในเวียดนาม จึงเรียกร้องสิทธิ์ในการปกครองเวียดนามอีกเพื่อหวังคะแนนนิยมในประเทศ
รัฐบาลฝรั่งเศสต้องการข้ามเส้นขนานที่ ๑๖ ขึ้นไปทางเวียดนามตอนเหนือ จึงเจรจากับ ฝ่ายเวียดมินห์และจีน เพื่อให้เปิดทางให้แก่กองทัพฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสต่อรองกับจีนโดยอ้างถึงการที่ฝรั่งเศสเคยช่วยเหลือสนับสนุนจีนในระหว่างสงครามโดยให้ใช้ท่าเรือในเวียดนาม รัฐบาลจีนก๊กมินตั๋งก็ไม่ต้องการมีปัญหากับฝรั่งเศสเพราะยังสู้รบติดพันกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนของเมาเซตุงอยู่ จึงยอมวางมือจากเวียดนาม
ฝ่ายเวียดมินห์นั้นกลัวถูกจีนกลืนชาติ (น่าจะเป็นความฝังใจของเผ่าพันธุ์) มากกว่ากลัวฝรั่งเศสเข้ายึดครอง เพราะสามารถใช้พลังประชาชนต่อสู้ได้ จึงต้องการขับไล่จีนออกจากเวียดนาม
พ.ศ.๒๔๘๙ (ค.ศ.๑๙๔๖)
"กองพันแห่งสยาม"
ขบวนการเสรีไทยได้สนับสนุนการต่อสู้กอบกู้เอกราชของชาวเวียดนามด้วยการมอบอาวุธอาวุธประจำกายให้จำนวนหนึ่ง นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นให้ร้อยเอก พงษ์เลิศ ศรีสุขนันท์ นายทหารสารวัตร ลำเลียงจากค่ายเสรีไทย ที่จังหวัดชลบุรี เมื่อต้นปี ๒๔๘๙ ไปขึ้นรถไฟที่ฉะเชิงเทรา และส่งมอบให้ผู้รับที่พระตะบอง ซึ่งยังเป็นของไทยอยู่
โฮจิมินห์ได้มีจดหมายตอบถึงนายปรีดีฯ เป็นภาษาฝรั่งเศส ขอบคุณในการช่วยเหลือสนับสนุนภารกิจกอบกู้เอกราชของเวียดนาม พร้อมกับแจ้งว่าอาวุธเหล่านี้ ประกอบเป็นกำลังได้สองกองพัน จึงขอให้สมญานามว่า "กองพันแห่งสยาม"
๒๘ มกราคม นายพล ดักกลาส เกรซีย์ ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินสัมพันธมิตร ออกจากกรุงไซง่อน
๒๘ กุมภาพันธ์
มีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างจีนกับฝรั่งเศส ณ เมืองจุงกิง ประเทศจีน ประธานาธิบดีเจียงไคเช็คยอมให้ฝรั่งเศสยกกองกำลังเข้าไปควบคุมดูแลแคว้นตังเกี๋ย แทนจีนที่จะถอนตัวออกไป (โดยได้รับการสนับสนุนจากอังกฤษ) นับว่าความต้องการของเวียดมินห์ที่ต้องการผลักดันจีนออกไปนั้น ได้ผล
ประธานาธิบดี โฮจิมินห์
๒ มีนาคม ๒๔๘๙ (ค.ศ.๑๙๔๖) การประชุมรัฐสภาสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนามครั้งแรก มีมติเลือก โฮจิมินห์ เป็นประธานาธิบดี
๖ มีนาคม ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ลงนามในข้อตกลงชั่วคราวกับรัฐบาลฝรั่งเศสในฮานอย ระบุว่ารัฐบาลฝรั่งเศสยอมรับสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนามเป็นรัฐอิสระภายในเครือสหภาพฝรั่งเศส มีรัฐบาล มีรัฐสภา มีกองทัพ และการคลังที่เป็นของอินโดจีนและของสหภาพฝรั่งเศส
รัฐบาลฝรั่งเศสเห็นชอบด้วยที่จะจัดให้มีการลงประชามติในเรื่องเกี่ยวกับการรวมตัวของรัฐเวียดนามทั้งสาม คือ ตังเกี๋ย อันนาม และโคชินไชน่า (the three "ky" - Tonkin, Annam and Cochin-China)
รัฐบาลเวียดนามประกาศว่าพร้อมที่จะเป็นมิตรกับกองทัพฝรั่งเศสที่จะเข้ามาปลดอาวุธกองทัพญี่ปุ่น ตามข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อปลดเปลื้องภาระกองทัพจีน แต่ละภาคส่วนจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อยุติสถานะศัตรูในทันที เช่น ให้กองทหารอยู่ในที่ตั้ง และสร้างบรรยากาศที่ดี จนกว่าจะถึงการประชุมกันฉันท์มิครอย่างเปิดเผย ในวันที่ ๑๔ กันยายน
๘ มีนาคม ทหารฝรั่งเศสขึ้นบกที่ไฮฟอง (Haiphong)
๑๘ มีนาคม ทหารฝรั่งเศสเข้ากรุงฮานอย
โคชินไชน่า - ฟองเตนโบล
๑ มิถุนายน ๒๔๘๙ (ค.ศ.๑๙๔๖) ฝรั่งเศสประกาศเอกราชของโคชินไชน่า (เวียดนามใต้) ภายในสหพันธรัฐอินโดจีน (the Indochina Federation) และสหภาพฝรั่งเศส (the French Union)
ธงชาติสาธารณรัฐโคชินไชน่า พ.ศ.๒๔๘๙ - ๒๔๙๑
๑๐ มิถุนายน กองทัพจีนถอนตัวออกจากกรุงฮานอย
๖ กรกฎาคม มีการเจรจาที่ฟองเตนโบล (Fontainebleau) ใกล้กรุงปารีส ฟามวันดง (Phan Van Dong) รัฐมนตรีคลัง หัวหน้าคณะผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม ประกาศคัดค้านการประกาศเอกราชของโคชินไชน่า พร้อมทั้ง กล่าวหาว่าฝ่ายฝรั่งเศสละเมิดข้อตกลง ๖ มีนาคม
ในระหว่างที่มีการเจรจากันอยู่นี้ ฝ่ายเวียดมินห์ได้ปฏิบัติการลอบสังหารและก่อวินาศกรรม ซึ่งฝ่ายฝรั่งเศสก็ตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นกัน พยายามเพิ่มกำลังทหาร และขยายพื้นที่ควมคุมออกไปด้วย
๑ สิงหาคม คณะผู้แทนฯ เวียดนามเลื่อนการเจรจาที่ฟองเตนโบล หลังจากที่ได้ทราบว่า ฝ่ายฝรั่งเศสจัดการประชุมที่เมืองดาลัท (Da Lat)
Franco - Laotian Modus Vivendi
๒๗ สิงหาคม มีการลงนามใน Franco - Laotian Modus Vivendi ให้ลาวเป็นเอกราชภายในสหภาพฝรั่งเศส
๑๐ กันยายน การเจรจาที่ฟองเตนโบลยุติลงหลังจากที่ประชุมไม่บรรลุข้อตกลงเรื่องโคชินไชน่า
Franco – Vietnam Modus Vivendi
๑๔ กันยายน ก่อนจะออกจากกรุงปารีส ประธานาธิบดีโฮจิมินห์ลงนามในแนวปฏิบัติระหว่างฝรั่งเศสและอินโดจีน ว่า (Franco – Vietnam Modus Vivendi)
- จะมีการยอมรับในสิทธิแห่งประชาชน
- จะมีการยอมรับในสิทธิครอบครองของเอกชน สิทธิในอสังหาริมทรัพย์ และ การรื้อฟื้นการอนุญาตให้ฝรั่งเศสเข้าครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามที่ได้ครอบครองมาก่อนแล้ว
- เงินเพียสตร์อินโดจีน (Indochina Piastre) ผูกอยู่กับเงินฟรังก์ฝรั่งเศส
- จะมีการทำข้อตกลงทางศุลกากร และการค้าเสรีต่อไปภายในสหภาพอินโดจีน
- ฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยโดยทั่วไปในโคชินไชน่า ได้แก่
ยุติการต่อสู้ทุกรูปแบบ
ปลดปล่อยนักโทษคดีทางการเมืองและทางการทหารทั้งหมด เว้นแต่ผู้มีความผิดในคดีอาญา
ยุติการโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่เป็นมิตร
๘ พฤศจิกายน รัฐสภาลงมติรับรัฐธรรมนูญของสาธารณรัฐประชาธิปไตยแห่งเวียดนาม
๒๐ พฤศจิกายน เรือลาดตระเวนฝรั่งเศสถูกยิงในท่าเรือเมืองไฮฟอง กองทัพเวียดมินห์โจมตีหน่วยทหารเล็กๆ ที่ลางซอน
๒๙ พฤศจิกายน ฝรั่งเศสแถลงว่า มีหลักฐานเชื่อได้ว่า โฮจิมินห์ติดต่อกับทางมอสโคว์ และรับความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียต
๓๐ พฤศจิกายน ฝรั่งเศสยื่นคำขาดให้เวียดมินห์ถอนตัวจากเมืองไฮฟอง สถานเอกอัครราชฑูตที่ฮานอยรายงานว่ารัฐบาลเวียดนามย้ายออกไปเป็นส่วนๆ
ครับ . . . ฝรั่งเศสเข้ามาขับไล่รัฐบาลของโฮจิมินห์ จึงเกิดการต่อต้านฝรั่งเศสขึ้น พวกเวียดมินห์ก็หลบหนีออกจากเมือง และเตรียมทำสงครามกองโจรต่อไป มิใช่เฉพาะแต่เวียดมินห์เท่านั้นที่ต้องการขับไล่ฝรั่งเศส ยังมีกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เกิดขึ้นอีกหลายกลุ่มเพื่อชิงอำนาจในประเทศ พากันยึดเมืองต่างๆ และทำการต่อสู้กันต่อไป
ครับ . . . ต่างก็รักชาติด้วยกันทั้งนั้น คงแบบของเรายุค พ.ศ.๒๓๑๐ นะครับ
. . . สงครามโลกครั้งที่สองเสร็จสิ้นลงแล้ว แต่สงครามของชาวเวียดนามเพิ่งจะเริ่ม . . . เริ่มทำสงครามกับมหาอำนาจจักรวรรดินิยมเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสผู้รุกรานพยายามกลับเข้าควบคุมอาณานิคมเวียดนาม โดยมีกองกำลังภาคตะวันออกไกลของฝรั่งเศส (The French Far East Expeditionary Corps - Corps Expeditionnaire Francais en Extreme-Orient, CEFEO) เป็นเครื่องมือ
. . . ชาวเวียดนาม . . . ชาติเล็กๆ ที่ถูกรุกราน กดขี่ และข่มเหง . . . ทำสงครามเพื่อเอกราชของเวียดนามโดยขบวนการเพื่อเอกราชของเวียดนาม (เวียดนามด็อคแล็บดองมินห์ฮอย - Viet Nam Doc Lap Dong Minh Hoi) หรือ ที่เรียกสั้นๆว่า เวียดมินห์ (Viet Minh) โดยกองทัพประชาชน ด้วยสงครามจรยุทธ
. . . เพื่ออิสรภาพ . . .
ครับ สงครามฝรั่งเศส - เวียดมินห์กำลังจะเริ่ม . . . ในสถานการณ์ต่อไป . . . เริ่มสงครามฝรั่งเศส - เวียดมินห์
สถานการณ์ต่อไป . . . เริ่มสงครามฝรั่งเศส - เวียดมินห์
สถานการณ์ต่อไป . . . เริ่มสงครามฝรั่งเศส - เวียดมินห์
สถานการณ์ต่อไป . . . เริ่มสงครามฝรั่งเศส - เวียดมินห์