* * *
ห้วยโก๋น ๒๕๑๘
ความเป็นมา . . .
๑ พฤษภาคม - ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๕
ภูแก้ว และผม เข้ารับการศึกษาต่อ ให้ครบถ้วนตามที่ทางราชการกำหนด เมื่อศึกษาสำเร็จทุกประการแล้วก็ต้องกลับไปปฏิบัติภารกิจตามสัญญากับกองทัพพระราชอาณาจักรลาวให้ครบถ้วนต่อไป คือ เรามีสัญญากันว่าผมจะอยู่ในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว มีกำหนด ๑ ปีเต็ม จากการตรวจสอบแล้ว ภูแก้ว และผมยังเหลือเวลาอีก คนละ ๘๒ วัน จึงจะครบ ๑ ปีเต็ม
๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๕
ภูแก้ว และผมเดินทางไปถึง บก.ฉก.วีพี ("สิงหะ") ซึ่ง บีเอ ๖๓๖ ได้ครบกำหนดตามแผนของ ทชล.๒ แล้ว ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม ๒๕๑๕ ประกอบกับห้วงเวลานั้นสถานการณ์ไม่ อันตราย รุนแรง เหมือนต้นปี
ดังนั้น แสน ผบ.ฉก.วีพี จึงสั่งการให้เราทั้งสองปฏิบัติงานในกองบัญชาการฯ คือให้ ภูแก้ว ปฏิบัติงานในกองส่งกำลังบำรุง และผม ปฏิบัติงานในกองกำลังพล เรื่องการปฏิบัติงานไม่มีเรื่องตื่นเต้นที่ควรนำมาเล่าสู่กัน เพราะเราเป็นผู้น้อย หรือ นับว่า เด็กมากในกองบัญชาการ มีผู้ที่รับผิดชอบเหนือไปอีก ๒ - ๓ ชั้น ก่อนถึงหัวหน้ากอง บางวันก็ได้ติดตามผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใหญ่ ไปตรวจแนวรบบ้าง หรือไปศึกษาภูมิประเทศ บ้าง
ผมได้เคยติดตามคณะฝ่ายเสนาธิการไปเมืองวังเวียง เพื่อตรวจภูมิประเทศ และเตรียมที่ตั้งสำรอง สำหรับกองบัญชาการฯ และคลังสิ่งอุปกรณ์
ธันวาคม ๒๕๑๕ - มกราคม ๒๕๑๖
สถานการณ์ไม่ตื่นเต้นเร้าใจเหมือนปีที่ผ่านมา ฝ่ายเราควบคุมสถานการณ์ได้ "สิงหะ"ไม่ต้องอพยพไปวังเวียง ภูแก้ว และผมครบกำหนด ๑ ปีเต็มใน ๓๑ มกราคม ๒๕๑๖ นี้ ผู้บังคับบัญชาท่านชักชวนให้เราอยู่ปฏิบัติงานกันต่อไป ภูแก้ว ยอมอยู่ปฏิบัติงานต่ออีก ๑ ปี ส่วนผมขณะเมื่อเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ถวายบังคมพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานในโรงเรียนฯ
ขอพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมคุ้มครองให้ปฏิบัติงานในกองทัพพระราชอาณาจักรลาวอย่างปลอดภัย เมื่อครบกำหนด ๑ ปีแล้ว ขอกลับมาสนองพระเดชพระคุณปราบปรามอริราชศัตรูให้บ้านเกิดเมืองนอน
จาก "คนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว" ตอนที่ ๑๑. ดอกป๊อปปี้และแตรนอน
* * * * * * * * *
ความเป็นไป . . .
ลาลาว . . . กลับบ้านเกิด
ครับ . . . ผมลาลาว เดินทาง กลับบ้านเกิด ใน ๓๑ มกราคม ๒๕๑๖
เมื่อกลับถึงบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว งานชิ้นแรกคือการขอกลับเข้ารับราชการต่อ ซึ่งกองทัพบกก็อนุเคราะห์ดำเนินการให้ผมได้กลับเข้ารับราชการต่อในหน่วยเดิม คือกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐ (ป.พัน ๒๐) จังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๑๖ (เดือนกุมภาพันธ์ ว่างงานอยู่เดือนหนึ่ง)
ระยะนั้นเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองมีภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งสามารถจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธขึ้นต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งฝ่ายรัฐเรียกกองกำลังเหล่านี้ว่าผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) และกำลังขับเคี่ยวกับกำลังทหาร ตำรวจ อย่างรุนแรง พีน้องประชาชนก็ไม่ได้อยู่เป็นปรกติสุขโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตอิทธิพลของ ผกค. หน่วยทหารหลายหน่วยต้องจัดกำลังออกปฏิบัติราชการสนามชายแดน (ปราบปราม ผกค.) ตามแนวชายแดน และในพื้นที่ซึ่งมี ผกค.ปฏิบัติการอยู่
ป.พัน ๒๐ ก็ต้องจัดกำลังออกปฏิบัติราชการสนามชายแดนในพื้นที่จังหวัดน่าน เพื่อสนับสนุนกองพลทหารม้าส่วนหน้า (พล.ม.สน.) เรียกชื่อหน่วยอย่างเป็นทางราชการว่า กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐ กองพลทหารม้าส่วนหน้า (ป.พัน ๒๐ พล.ม.สน.) ตั้งกองบังคับการกองพันอยู่ที่อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน และจัดส่งหน่วยปืนใหญ่ออกไปสนับสนุนหน่วยทหารราบ หน่วยทหารม้าที่ดำเนินกลยุทธในพื้นที่จังหวัดน่าน จึงทำให้มีนายทหารอยู่ประจำที่หน่วยน้อยมาก โดยเฉพาะนายทหารชั้นผู้น้อยหนุ่มๆ ไม่มีอยู่ที่หน่วยเลย . . . ออกปฏิบัติราชการสนามชายแดนกันหมด
. . . งานรออยู่
เมื่อผมกลับเข้ารับราชการในเดือนมีนาคม ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐ (ผบ.ป.พัน ๒๐) ท่านเห็นว่า ผมเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยหนุ่มๆ ที่ยังว่างภารกิจอยู่ จึงได้มอบภารกิจให้เป็นผู้ฝึกทหารใหม่ รุ่น พ.ศ.๒๕๑๖ ผลัดที่ ๑ ซึ่งจะเข้ารับราชการในเดือนพฤษภาคม ๒๕๑๖ ก็พอดีครับ . . . เดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน ก็เป็นการฝึกครูทหารใหม่ คือจัดนายสิบ จำนวนหนึ่ง (ตามสัดส่วนกับทหารใหม่ที่จะได้รับ) เป็นครูฝึก และพลทหารปี ๒ อีกจำนวนหนึ่ง เป็นผู้ช่วยครูฝึก เมื่อฝึกครูทหารใหม่เสร็จ ก็เป็นการเตรียมการทางธุรการ เช่น การจัดเตรียมสถานที่อยู่ ที่กิน ที่นอน การรับและเตรียมแจกจ่ายเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ต่างๆ สารพัด เสร็จแล้ว . . .
๑ พฤษภาคม ๒๕๑๖ ก็ไปรับทหารที่จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ (สัสดีอำเภอต่างๆ ในจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่และน่าน จะรวบรวมทหารแล้วนำมาส่งให้สัสดีจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ - จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ มีความรับผิดชอบครอบคลุมจังหวัดแพร่ และจังหวัดน่านด้วย) ก็ทะยอยรับและนำมาที่หน่วยละครับ กว่าจะรับมาถึงหน่วยได้ครบถ้วนก็ค่ำ . . . เป็นอันว่า กลางเดือนกรกฎาคม ๒๕๑๖ ทหารรุ่นปี ๒๕๑๖ ผลัดที่ ๑ หรือ ผลัด ๑/๑๖ ก็ได้ฝึกตามหลักสูตรเบื้องต้น เสร็จเรียบร้อย (หลักสูตร ๑๐ สัปดาห์) กองพันท่านก็ให้ทั้งเจ้าหน้าที่ฝึกทั้งหลาย และผู้รับการฝึกได้พักเหนื่อย เป็นเวลา ประมาณ ๒ สัปดาห์ เมื่อทหารกลับมาในเดือนสิงหาคม ก็จะแยกย้ายกันฝึกเฉพาะหน้าที่ เช่น ฝึกเป็นพลประจำปืนใหญ่บ้าง เป็นพนักงานสื่อสารบ้าง พลสูทกรรม (ครัว) บ้าง เป็นต้น ซึ่งการฝึกช่วงนี้ไม่ค่อยเหนื่อยเหมือน ๑๐ สัปดาห์แรกแล้วครับ . . . การฝึกทหารใหม่นี่ก็มีเรื่องสนุกๆ มากครับ แต่เรารีบไปปฏิบัติราชการสนามชายแดนกันก่อนดีกว่านะครับ
ราชการสนามชายแดน . . . สนองพระเดชพระคุณปราบปรามอริราชศัตรูให้บ้านเกิดเมืองนอน
๑ สิงหาคม ๒๕๑๖ ผู้บังคับกองพันฯ ท่านพิจารณาว่า หากให้ผมอยู่ที่หน่วยปรกติ (คือไม่ได้ทำศึกสงคราม หรือไปราชการสนามชายแดน) โดยไม่มีภารกิจเฉพาะกิจ (เช่นการฝึกทหารใหม่) อาจจะทำให้ผมครั่นเนื้อครั่นตัวมิใคร่สบายได้ ท่านจึงให้ผมปฏิบัติราชการสนามชายแดนในตำแหน่ง ผู้บังคับกองร้อยปืนใหญ่ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐ กองพลทหารม้าส่วนหน้า (ผบ.ร้อย ป. ป.พัน ๒๐ พล.ม.สน.) แทนผู้บังคับกองร้อยท่านเดิมซึ่งสูงอายุ และกรำศึกชายแดนมานาน ให้ท่านได้กลับมาปฏิบัติราชการที่หน่วยปรกติ
ป.พัน ๒๐ พล.ม.สน.
กองบังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐ กองพลทหารม้าส่วนหน้า (บก.ป.พัน ๒๐ พล.ม.สน.) ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินเชียงกลาง ริมแม่น้ำน่าน รี้พลสกลไกรก็พักอยู่ภายในหน่วย ใช้ไม้ไผ่ปลูกเป็นกระท่อมเล็กๆ เว้นตัว บก.พัน. จึงปลูกด้วยไม้จริง ที่พักของผมอยู่ริมแม่น้ำน่านจริงๆ ผมมีภาพถ่ายครับ
(ซ้าย) หน้าที่พักริมลำน้ำน่าน ตอนนี้น้ำน้อย ตลิ่งสูง
น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพ "กระท่อมริมน่าน" ไว้ด้วย
(ขวา) น่าจะเป็นฤดูหนาว ดอยสูงข้างหลังคือ ดอยภูคา สัญลักษณ์สำคัญของเมืองน่าน
ที่เชียงกลางนี้ มีแต่ บก.และ ร้อย.บก.ป.พัน ๒๐ สน. กับ บก.ร้อย.ป. ไม่มีปืนใหญ่อยู่เลย เพราะจัดออกสนับสนุนหน่วยในพื้นที่ทั้ง ๓ ชุด ป. (กองร้อยปืนใหญ่ มี ๓ ชุด ป. แต่ละ ชุด ป.มีอาวุธหลักคือ ปบค.ขนาด ๗๕ มิลลิเมตร จำนวน ๒ กระบอก)
เมื่อเหลือแต่ บก.ร้อย. เมื่อเสร็จงานธุรการประจำวันแล้ว ผบ.ร้อย. ก็ต้องออกตรวจเยี่ยม ชุด ป. ที่จัดออกไปบ้าง นำคณะนายทหารออกศึกษาภูมิประเทศบ้าง พบปะผูกมิตรพัฒนาสัมพันธ์กับประชาชนในย่านใกล้เคียงหน่วยบ้าง
เชิญชมภาพภูมิประเทศอำเภอเชียงกลาง สมัย สิงหาคม ๒๕๑๖ ครับ
ศึกษาภูมิประเทศ รยบ.๑/๔ ตัน ติดตั้งเครื่องรับ-ส่งวิทยุสามารถติดตามสถานการณ์ได้ตลอดเวลา
(ซ้าย) สะพานแบร์ลี (Barely bridge) ข้ามน้ำกอน ในอำเภอเชียงกลาง
(ขวา) สะพานแขวน ข้ามน้ำเปือ ที่บ้านสบเปือ ตำบลเปือ อำเภอเชียงกลาง
นอกจากการปราบปราม ผกค.ซึ่งเป็นงานหลักของทหารแล้ว ในด้านการพัฒนาสร้างความเจริญให้ท้องถิ่น รัฐบาลมีโครงการสร้างถนนหลายสาย โดยกรมทางหลวงว่าจ้างบริษัทให้รับเหมาก่อสร้างถนน แต่เหล่า ผกค.ก็พยายามขัดขวางการสร้างทาง ทางราชการจึงอนุญาตบริษัทต้องจัดให้มีกำลังถืออาวุธจำนวนหนึ่งเพื่อการระวังป้องกันตนเอง และคุ้มกันการสร้างทาง ซึ่งบริษัทได้รับงบประมาณในส่วนนี้ไปด้วย ดังนั้น ทหารจึงไม่มีภารกิจในการคุ้มครอง หรือ คุ้มกันการสร้างทางนี้นะครับ แต่การปฏิบัติจริง พล.ม.สน.ก็ออกแผนยุทธการให้หน่วยออกปฏิบัติการบริเวณหัวงานก่อสร้างนั่นเอง กองกำลังของบริษัทก็มีไว้ ครับ
มกราคม ๒๕๑๗ ตรวจเยี่ยม ชุด ป. ที่ออกสนับสนุนหน่วยดำเนินกลยุทธ
ที่ตั้งยิงฐานฯ บ้านน้ำยาว
พัน ป.๒๐๑ พล.ม.สน.
บก.ป.พัน ๒๐ พล.ม.สน. ตั้งที่ข้างสนามบินเชียงกลาง ริมแม่น้ำน่าน อำเภอเชียงกลางจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๑๗ พล.ม.สน.จึงให้ย้ายที่ตั้งไปที่ อำเภอปัว และเปลี่ยนนามหน่วยเป็น กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐๑ กองพลทหารม้าส่วนหน้า (พัน ป.๒๐๑ พล.ม.สน.) และกองร้อยปืนใหญ่ก็เปลี่ยนชื่อเป็น กองร้อยทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐๑๑ กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒๐๑ กองพลทหารม้าส่วนหน้า (ร้อย.ป.๒๐๑๑ พัน ป.๒๐๑ พล.ม.สน.) (เป็นกองร้อยปืนใหญ่เพียงกองร้อยเดียวในกองพลทหารม้าส่วนหน้า หรือในจังหวัดน่าน)
พัน ป.๒๐๑ พล.ม.สน. อยู่บนเนินข้างสนามบินปัว เห็นถนนทางขึ้นอยู่ทางซ้ายของภาพ
๒๗ กันยายน ๒๕๑๗ เคลื่อนย้ายจากอำเภอเชียงกลางเข้าที่ตั้งในอำเภอปัว
(ต้องใช้หมวกเหล็ก และไม้ถือให้มัน . . . เข้าไว้)
ที่ตั้งยิง กม.๒๑
สมัยนั้น ถนนหนทางจากจังหวัดน่าน มีถนนแอสฟัลสต์ไปเพียงอำเภอปัวเท่านั้น ต่อไปเป็นถนนลูกรังซึ่งกำลังปรับปรุงให้เป็นถนนแอสฟัลตส์ ผ่านอำเภอเชียงกลาง ไปถึงอำเภอทุ่งช้าง และกำลังสร้างเส้นทางถนนจากอำเภอทุ่งช้างต่อไปยังชายแดนไทย - ลาวที่บ้านห้วยโก๋น ที่บ้านห้วยโก๋น มีทหารราบตั้งฐานปฏิบัติการอยู่หนึ่งหมวด คือ ร้อย ร.๒๑๒๓/๓ และ พัน ป.๒๐๑ พล.ม.สน. ต้องส่งชุด ป. ไปสร้างที่ตั้งยิงที่ กม.๒๑ บนเส้นทาง อ.ทุ่งช้าง - บ.ห้วยโก๋น เพื่อสนับสนุน ร้อย ร.๒๑๒๓/๓ นี้ ร้อย.ร.๒๑๒๓ ตั้งฐานปฏิบัติการที่ กม.๒๑ นี้ และมีภารกิจระวังป้องกัให้ที่ตั้งยิงปืนใหญ่ที่ กม.๒๑ นี้ด้วย
ผมเคยไปตรวจเยี่ยมชุด ป.นี้ระหว่างการสร้างที่ตั้งยิง โดยรถบรรทุกเทท้ายของบริษัทสร้างทาง ชมภาพดีกว่านะครับ
บนเส้นทาง อ.ทุ่งช้าง - บ.ห้วยโก๋น
การสร้างที่ตั้งยิงที่ กม.๒๑
ที่ตรวจการณ์ และที่ตั้งปืนกล ๙๓ ขนาด .๕๐ นิ้ว ซึ่งมีอยู่รอบที่ตั้งยิง
การสร้างศูนย์อำนวยการยิง (ศอย.)
การเตรียมจุดที่จะวางปืนใหญ่จริงๆ
ทำความสะอาดปืนใหญ่
เรียบโร้ย
ปบค.ขนาด ๗๕ มิลลิเมตร
การปฏิบัติงานของช่างยานยนตร์ ร้อย.ป.๒๐๑๑ฯ ในที่ตั้งอำเภอปัว
ครับ . . . มาถึงเมืองน่าน เมืองปัว เห็นการปฏิบัติงานในที่ตั้งต่างๆ ทั้งในส่วนบังคับบัญชา ส่วนสนับสนุน และส่วนที่ปฏิบัติการในสนามจริงๆ กันแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเที่ยวว่าได้มาถึงแล้ว และตอนนี้เขายังไม่รบกัน เชิญศึกษาความเป็นมาของเมืองน่านกันเสียหน่อย นะครับ
ตอนนี้พักกันก่อนครับ
ความต่อไป . . . เมืองน่าน
ความต่อไป . . . เมืองน่าน
ความต่อไป . . . เมืองน่าน