Post By Leo53
เคยชมภาพยนตร์เรื่อง The Man of Lamancha แล้วรู้สึกประทับใจอยู่ 2 สิ่ง สิ่งแรกคือเพลง “The Impossible Dream” ที่เพราะมากและเข้ากับเหตุการณ์ในภาพยนตร์ทุกบททุกตอนที่มีการเปิดเพลงนี้ สิ่งที่สอง คือเรื่องราวในภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำความดีจนถึงที่สุดว่าเปรียบได้กับคนที่เสียสติไปแล้ว และจุดจบของความพยายามกระทำความดีให้ถึงที่สุดก็คือ หายนะ และความล้มเหลวในชีวิตของบุคคลคนนั้น และความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขาที่ต้องพึ่งพาอาศัยเขา! ฉากที่พระเอกในเรื่อง (แสดงโดยปีเตอร์ โอทูล) เสียสติและคิดว่าตัวเองคือ อัศวินแห่งลามังช่า ที่จะต่อสู้กับความชั่วร้ายทุกรูปแบบในโลกนี้เพื่อให้โลกนี้ดีขึ้น โดยเขาเข้าต่อสู่กับกังหันลมที่เขาคิดว่าเป็นปีศาจแห่งความชั่วร้าย จนตกลงจากหลังม้าและได้รับบาดเจ็บ เป็นฉากที่ให้ความหมายประทับใจว่าในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น ส่วนใหญ่แล้วคนดี (คนที่ยึดมั่นในคุณธรรม เมตตาธรรม) มักต้องพ่ายแพ้ต่อคนชั่วและความชั่วความเลวร้ายในโลกนี้เสมอ มีน้อยครั้งมากที่คนดีจะชนะซึ่งนั่นต้องเป็นกรณีพิเศษจริงๆที่การทำตนเป็นคนดีเป็นเงื่อนไขให้ได้ชัยชนะ อย่างเช่นกรณีเรื่องราวในสามก๊กที่ซุนฮก ที่ปรึกษาแนะนำโจโฉว่า เพื่อให้ได้ใจประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดิน โจโฉจะต้อง “ชูธงกองทัพธรรม” ด้วยการไปรับพระเจ้าเหี้ยนเต้มาอยู่กับตน เพื่อประกาศให้ผู้คนทั้งแผ่นดินเห็นว่าโจโฉ จงรักภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น ทั้งๆที่จริงๆแล้วโจโฉเป็นคนมักใหญ่ไฝ่สูง โฉดชั่ว ใจดำอำมหิตที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอีกเช่นกันว่าแม้ในกรณีดังกล่าวก็ยังคงเป็น “คนชั่ว” ที่รู้จักการนำ “คุณธรรม เมตตาธรรม” มาใช้ ที่ได้รับชัยชนะอยู่นั่นเอง!
ฉากการต่อสู้ระหว่างอัศวินแห่งคุณธรรม กับ กังหันลม ปีศาจร้าย นั้นสะท้อนความจริงอีกอย่างหนึ่งว่า ความชั่ว ความเลวร้ายต่างๆในโลกนี้นั้นเป็นเรื่องจริง จับต้องได้ในทุกสถานที่ ทุกขณะเวลา ทุกมิติทางฟิสิกซ์ เช่นเดียวกับกังหันลมที่เป็นของจริงแท้แน่นอน แต่คนที่อุทิศตนมุ่งมั่นประกอบคุณงามความดีนั่นแหละคือคนที่เสียสติไปแล้วเช่นเดียวกับพระเอกในเรื่องที่เสียสติไปและคิดว่าตนเองเป็น อัศวินแห่งคุณความดี – อัศวินแห่งลามังช่า ดังนั้นในโลกแห่งความเป็นจริงนี้เราจะหนีความชั่วความเลวร้ายซึ่งเป็นสัจธรรมของโลกไปไม่ได้เลย และจะไม่สามารถเอาชนะสิ่งเลวร้ายเหล่านี้ได้ด้วย “คุณธรรมความดี” เช่นเดียวกับที่อัศวินแห่งลามังช่าในเรื่องย่อมต้องพ่ายแพ้ต่อกังหันลมเสมอ พ่ายแพ้ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากบทประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเรื่องหนึ่ง ซึ่งแต่งโดยนักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคนหนึ่งคือ เรื่อง “Don Quixote de Lamancha” เขียนโดย “Miguel de Cevantes” นักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งที่โลกเคยมีมา เป็นบทประพันธ์อมตะที่ได้รับการยกย่องว่า “เป็นบทประพันธ์ที่ดีที่สุดในโลกบทหนึ่งที่มนุษย์เคยเขียนขึ้นมา” และ Miguel de Cevantes ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งเท่าที่โลกเคยมีมาเช่นกัน องค์การยูเนสโก้แห่งสหประชาชาติ กำหนดให้วันที่ 23 เมษายน ของทุกปีซึ่งเป็นวันที่ Miguel de Cevantes และ William Shakespere เสียชีวิต เป็นวันหนังสือโลกสากล (International Day of the Book) เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่นักประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง อย่างไรก็ตามชีวิตส่วนใหญ่ของ เซวันเตส จนกระทั่งถึงวันตาย เขาใช้ชีวิตอย่าง “นักประพันธ์ใส้แห้ง” ที่ยากจนข้นแค้นไม่มีจะกิน และจบชีวิตลงด้วยสภาพที่ยากแค้นและแร้นแค้นเช่นนั้น คนที่ได้ประโยชน์จาก บทประพันธ์ของเขาคือ พวกนายทุนนักธุรกิจในยุคหลังต่างหาก ที่ร่ำรวยมหาศาลจากการพิมพ์บทประพันธ์ของเขาออกวางจำหน่ายไปทั่วโลก
เนื้อหาในบทประพันธ์เรื่อง Don Quixote de Lamancha ที่น่าประทับใจบทหนึ่งคือ บทสนทนาระหว่างเซวันเตส กับ บรรดาผู้พิพากษาเขาในคุกที่คุมขัง พวกผู้พิพากษากล่าวหาเขาว่า บทความของเขาส่วนใหญ่พูดถึงแต่เรื่องความยากจนค่นแค้น ความอดอยากหิวโหย ความเลวร้าย การเอารัดเอาเปรียบในสังคม ความเห็นแก่ตัว ความโลภโมโทสันของผู้คนในสังคม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการมองโลกว่า “ร้าย” ซึ่งไม่เป็นการสร้างสรรค์เลย เซวันเตสตอบว่า “ข้าพเจ้าเขียนตามที่โลกนี้เป็นจริงๆ ในเมื่อโลกนี้มันเลวร้ายจริงๆ จะให้ข้าพเจ้าเขียนว่ามันดีได้อย่างไร?”
สรุปว่า ทั้ง เซวันเดส และ อัศวันแห่งลามังช่า ในบทประพันธ์ของเขา เป็นคนดีที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม เมตตาธรรม แต่กลับพบแต่ความลำบากยากแค้น ความทุกข์โทมนัสสารพัด และจบชิวิตลงด้วยความทุกข์ ความขมขื่น ผิดหวังพ่ายแพ้ด้วยกันทั้งสองคน
ในทางตรงกันข้ามกับ เซวันเดส และ อัศวันแห่งลามังช่า ในบทประพันธ์ของเขา ที่ชัดๆที่สุดก็คือกรณีของ “เล่าปัง” คนถ่อยไร้คุณธรรม ที่หน้าด้านใจดำได้ถึงขนาด ผลักลูกเมียตัวเองลงจากรถม้าในขณะที่กำลังหนีกองทัพข้าศึกที่ติดตามมาอยู่ ตลอดชีวิตของเล่าปัง ใช้หลัก “หน้าด้าน ใจดำ” เป็นสรณะ แต่กลับประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต เป็นผู้รวบรวมแผ่นดินจีน เจ็ดก๊ก ให้เป็นหนึ่ง ได้เป็นปฐมกษัตริย์ต้นราชวงศ์ฮั่นที่ปกครองแผ่นดินจีนอยู่กว่า 400 ปี ยาวนานยิ่งกว่าราชวงศ์ใดๆ ในขณะที่คู่แข่งของเขาคือ ฌ้อปาอ๋อง เป็นบุรุษที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม เมตตาธรรม เหนือกว่าเล่าปังในทุกๆเรื่อง ยกเว้นเรื่องความเลวทรามต่ำช้าเท่านั้นเอง ฌ้อปาอ๋อง กลับพ่ายแพ้อย่างขมขื่น และต้องเชือดคอตายอย่างน่าเอน็จอนาถที่สุดในประวัติศาสตร์จีน
นี่จึงเป็นที่มาของ “ เมื่อ Don Quixote de Lamancha ปะทะ เล่าปัง” ซึ่งจะเป็นการนำ คนที่ดีที่สุดในอุดมคติที่อาจไม่เคยมีอยู่จริงในโลก มาเปรียบเทียบกับ คนที่เลวที่สุดที่เคยมีตัวตนจริงในโลกและก็ไม่เคยหมดคนประเภทนี้ไปจากโลกเลย (ไมต้องไปที่ไหนไกล แค่นักการเมืองในบ้านเราบางคน ก็อาจทำเอาเล่าปังอายไปเลยก็ได้!) มาเปรียบเทียบกันในรายละเอียดชนิด “ฉาก ต่อ ฉาก” กันต่อไป