ผ่านพ้นปี 2553 ขึ้นปีใหม่ 2554 มาได้สัปดาห์กว่าๆ แล้ว  ถึงเวลาที่ผมจะต้องนำเสนอสถิติของเว็บไซต์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ www.iseehistory.com  กันอีกครั้ง  มาดูกันครับว่าเว็บแห่งนี้มีอัตราการเติบโตอย่างไรเมื่อเทียบกับปี 2552 และ 2551 โดยอาศัยข้อมูลจาก Google Analytics ครับ

ในภาพแรกกราฟบนสุดเป็นการแสดงการเข้าชมเป็นรายวัน  โดยเส้นสีน้ำเงินเป็นของปี 2553 ส่วนเส้นสีส้มเป็นของปี 2552  เส้นอาจจะดูยุ่งๆ สักนิดเพราะเป็นสถิติตลอดทั้งปี  ยังไงก็เห็นได้ชัดว่า  สถิติการเข้าชมของปี 2553 ดีกว่า 2552 เกือบจะทุกวัน  และเส้นที่ดูขนานกันบอกจังหวะการขึ้นลงในลักษณะเดียวกันของทั้งสองปี  ตัวเลขข้างล่างบ่งบอกถึงจำนวนการเข้าชมที่เพิ่มขึ้น  แต่ในส่วนของจำนวนหน้าต่อการเข้าชม และเวลาบนเว็บไซต์ ลดลงเล็กน้อย  ประมาณ 2 หน้าต่อการเข้าชม และใช้เวลากันคนละประมาณ 2 นาที

มาในภาพนี้กราฟข้างบนเป็นการเปรียบเทียบสถิติของทั้งสองปีแบบเดือนต่อเดือนครับ  จะเห็นชัดว่าการเข้าชมจะลดลงอย่างมากในช่วงเดือนเมษายนของทั้งสองปี  ซึ่งสาเหตุน่าจะคล้ายกัน ทั้งในเรื่องของช่วงปิดเทอม  และปัญหาสถานการณ์ทางการเมือง  ในช่วงครึ่งปีหลังมีข้อสังเกตว่ามีสถิติสูงขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม  แล้วกลับตกลงมากในเดือนตุลาคม  แม้จะยังมากกว่าตุลาคม 2552   แต่สถิติของตุลาคม 2552 ไม่ได้ลดลงจาก กันยายน 2552 มากเหมือนที่ตุลาคม 2553 ลดลงจาก กันยายน 2553 ส่วนตัวเลขต่างๆ ข้างล่าง แสดงแหล่งการเข้าชม  ที่การมาชมจาก Search Engine อย่าง Google ยังคงมากกว่าเว็บไซต์อ้างอิงและการเข้าชมโดยตรง  ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเว็บทั่วไป  และอยู่ในอัตรส่วนที่ใกล้เคียงกับในปี 2552 ครับ

ตารางนี้เป็นการเปรียบเทียบจำนวนการเข้าชมตลอด 12 เดือน ของปี 2553 โดยเทียบกับปี 2552 และ 2551 โดยในช่อง "เพิ่ม(%)" นั้น  หมายความว่า สถิติของเดือนนั้นๆ ในปี 2553 ได้เพิ่มขึ้นจากปี 2552 และจากปี 2551 เป็นกี่เปอร์เซนต์

ในส่วนของคำค้นนั้น  ที่แตกต่างจาก 2 ปีก่อน แต่ไม่ต่างจากสถิติครึ่งปีแรก คือ คำว่า "สงคราม" ได้ขึ้นมาอยู่อันดับ 1 แทน "ไททานิค" ที่ตกไปอยู่อันดับ 3 ใครจะบ่นว่าเว็บนี้เนื้อหาหนักไปในเรื่องประวัติศาสตร์สงคราม  อย่างน้อยมันก็สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ในท้องตลาด  และใช่ว่าคนดูหนังสงครามจะต้องชอบความรุนแรงหรืออยากให้เกิดสงครามจริงเสมอไป  และน่าสังเกตว่าชื่อของ "เสือใบ" และ "คลีโอพัตรา" ยังติดอันดับท็อปเท็น  (อันดับ 6  และ 8 ตามลำดับ) ขณะที่ชื่อ "Hitler" / "ฮิตเลอร์" นั้น  ไม่ปรากฏในภาพข้างบนเพราะไปอยู่ในลำดับ 22 และ 61 ตามลำดับ  

พูดถึงเรื่องสถิติที่สามารถหาตัวเลขนับได้มาแสดงปริมาณให้ดูแล้ว  ต้องขอต่อท้ายด้วยเรื่องราวที่อาจไม่มีตัวเลขให้เห็นจะจะ  แต่ท่านที่ติดตามเว็บไซต์และเว็บบอร์ดของเรามาตลอด  คงพอเห็นแนวโน้มบางประการ  ที่ผมขอเรียกว่าความท้าทาย  ที่มีอยู่ 4 ประการ คือ

1. ภาพยนตร์ที่เป็นสำเนาผิดกฎหมาย  หรือภาษาชาวบ้านคือ "หนังเถื่อน"  "แผ่นเถื่อน"  นับเป็นความท้าทายที่มีมาแต่เริ่มเปิดเว็บไซต์  ผู้ชมเว็บบางท่านมีทั้งที่เข้ามาถามหาและเข้ามาเสนอขายภาพยนตร์ในลักษณะนี้  ซึ่งทางผมและผู้ชมเว็บที่เป็นพลเมืองดีทั้งหลายได้พยายามช่วยกันชี้แจงแล้วว่า  เราไม่ได้ปฏิเสธทางเลือกนี้ในการหาภาพยนตร์โดยสิ้นเชิง  แต่เพื่อกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคม  เราได้เรียกร้องให้ทุกท่านพยายามหาซื้อภาพยนตร์ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องตามท้องตลาดเป็นอันดับแรก  เรื่องใดที่หาไม่ได้่จริงๆ และมีความจำเป็นต้องดูต้องชมจึงจะหาซื้อจากช่องทางนี้กันไปตามลำพัง  โดยทางเว็บไม่ประสงค์จะเกี่ยวข้องใดๆ   ในรอบปี 2553 ที่ผ่านมายังมีคนที่ไม่รู้ภาษา  คิดเอาแต่ได้จากการหารายได้ผิดๆ ทางนี้  ทั้งที่มีคนอีกส่วนหนึ่งที่หากินในลักษณะเดียวกันกลับต้องการที่จะหาลูกค้าใน "ที่ลับ" เช่นในบางห้าง บางย่าน หรือเปิดเว็บใต้ดินเอง  มากกว่าที่จะมาประกาศตนโจ่งแจ้งตามเว็บทั่วไป  ซึ่งจะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมอย่างมาก

2. กระแสการดูหนังออนไลน์  เดิมทีเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์อย่าง Youtube นั้น  มีไว้เพื่อรองรับคลิปภาพยนตร์ที่ชาวบ้านๆ ทั้งหลายถ่ายดูกันเองสนุกๆ ประเภทโฮมวีดีโอและคลิปจากมือถือ เท่านั้น  แต่ยังไม่วายมีคนส่วนหนึ่งนำภาพยนตร์ต่างๆ ที่มีลิขสิทธิ์มาตัดต่อแล้วนำขึ้นเผยแพร่  ทาง Youtube เมื่อถูกเจ้าของลิขสิทธิ์กดดันมากๆ ก็ต้องออกมาตรการกำจัดคลิปเถื่อนเหล่านี้เป็นการใหญ่  แต่ความต้องการที่จะชมภาพยนตร์แบบออนไลน์ก็ไม่ได้หมดไป  ด้านหนึ่งยังมีผู้ลักลอบเผยแพร่ภาพยนตร์ละเมิดลิขสิทธิ์ตามเว็บเถื่อนต่างๆ  ขณะที่อีกด้านก็กำลังคิดค้นวิธีการดูหนังออนไลน์ที่เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่เสียประโยชน์  คือผู้ดูต้องจ่ายค่าบริการบ้าง   สำหรับแนวทางของเว็บไซต์ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์นั้น  ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของภาพยนตร์ออนไลน์  คือ  เป็นการเขียนบทความแนะนำเชิงวิจารณ์ หรือ Review ภาพยนตร์เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจถึงเรื่องจริงในประวัติศาสตร์อันเป็นแบ็คกราวด์ของภาพยนตร์เท่านั้น   เมื่อเปิดเว็บมาได้ระยะหนึ่งจึงได้นำคลิปภาพยนตร์ที่เป็น Trailer จาก Youtube มาให้ชมในตอนท้ายของแต่ละบทความด้วย  กลับถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเว็บภาพยนตร์ออนไลน์  แล้วก็เกิดคำถามขึ้นมากมายว่าจะดูภาพยนตร์ได้อย่างไร  ทำไมดูไม่ได้  ในที่สุดผมต้องใช้เวลากับการแทรกคำชี้แจงไว้ตามที่ต่างๆ  ทำให้ข้อสงสัยเข้าใจผิดเหล่านี้ลดลงไป

3. ปัญหาทางการเมือง  เป็นความบังเอิญว่า นับแต่เปิดเว็บมาในช่วงปลายปี 2549 จะขึ้นปี 2550 เป็นช่วงที่การเมืองของไทยกำลังวุ่นวายเนื่องจากความแตกแยกของคนในชาติ  โดยแนวทางของเว็บแล้ว  ผมไม่ต้องการที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับ "การเมือง" ที่เป็นการแย่งอำนาจของกลุ่มใดทั้งสิ้น  เหตุหนึ่งที่นำเรื่องราวในภาพยนตร์มาเป็นตัวถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์คือการที่มันน่าจะลากเข้าหาการเมืองได้ยากด้วย  แม้ผมจะเคยตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเมืองแบบ "กระทู้เฉพาะกิจ" ขึ้นมาบ้าง  นั่นก็เป็นการประณามกลุ่มการเมืองที่ละเมิดสิทธิของประชาชนคนส่วนใหญ่ที่เป็นกลางและปรารถนาความสงบสุขโดยรวมของบ้านเมือง  และเมื่อ เหตุที่เป็นเบื้องหลังของ "กระทู้เฉพาะกิจ" นั้นๆ จบลงก็ได้ปิดกระทู้้นั้นๆ  จนในปัจจุบันได้ลบออกด้วย  แล้วหากจะถามว่าในเว็บไซต์แห่งนี้สามารถพูดเรื่องการเมืองปัจจุบันได้ไหม?  อันที่จริงแล้วการพูดเรื่องการบ่นการเมืองมันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่อาจมีได้บ้าง  แต่ถ้าการเมืองที่นำมาพูดนั้น เป็นการเมืองที่ก่อให้เกิดความแตกแยก เป็นภัยต่อความสงบสุขของชาติ เป็นเรื่องของพวกก่อการร้ายยึดสนามบิน ยึดที่ทำการรัฐบาล หรือการเมืองเผาบ้านเผาเมือง รับจ้างคนหนีคดีไปต่างประเทศ  แล้วละก็  กรุณาปล่อยให้เว็บแห่งนี้คุยกันแต่เรื่องภาพยนตร์ประวัติศาสตร์และประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องจะดีกว่าครับ

4. ประวัติศาสตร์และวีรกรรมที่ถูกลืม  ความท้าทายใน 3 ข้อข้างต้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นความท้าทายในทางลบ  คือหากปล่อยปละละเลยแล้ว  จะทำให้แนวทางของเว็บผิดเพี้ยน  และเสี่ยงต่อปัญหาทางกฎหมายอย่างมาก  ความท้าทายข้อนี้กลับเป็นปัญหาในเชิงบวก  แม้ว่าผมจะไม่ได้มีอาชีพเป็นทหาร  และไม่ได้ต้องการนำเสนอเรื่องการทหารโดยตรง  แต่จากการที่ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์หลายเรื่องเป็นเรื่องของสงคราม  นอกจากเกร็ดประวัติศาสตร์การรบของทหารชาติต่างๆ รวมทั้งไทยแล้ว  ยังแทรกความรู้เรื่องราวการทหารไว้ด้วย  ทำให้ผมเริ่มได้รับการติดต่อจากคนในวงการทหารมากขึ้น  และเกิดคำถามว่า  แล้วเรื่องราววีรกรรมของทหารไทยที่ยังไม่เคยถูกบันทึกอย่างเป็นทางการ และยังไม่มีการสร้างเป็นภาพยนตร์ล่ะ   จะประชาสัมพันธ์เผยแพร่ต่อไปในรูปแบบไหนอย่างไร  ดังเช่นวีรกรรมของทหารไทยในการบกรณีพิพาทกับอินโดจีนฝรั่งเศส  เรื่องราวของคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาวเพื่อสกัดกั้นการรุกรานของกองทัพคอมมิวนิสต์  เป็นต้น  แล้วยังจะมีวีรกรรมของวีรชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยในยุค 14 ตุลาคม 2516 ถึง 6 ตุลาคม 2519  และวีรชนเดือนพฤษภาคม 2535  เหล่านี้คงเป็นการบ้านสำคัญสำหรับเว็บไซต์ภาพยนตร์ประว้ัติศาสตร์ www.iseehistory.com แห่งนี้  ว่าจะยอมออกนอกแนวทางประวัติศาสตร์ในภาพยนตร์ไปสู่ประวัติศาสตร์ในแนวอื่นได้อย่างไรมากน้อยแค่ไหน  คงเป็นเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือกันในโอกาสต่อๆ ไปครับ