dot
dot
เว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ ยินดีต้อนรับผู้สนใจทุกท่าน
dot
dot
สมาชิก Webboard/Blog
ชื่อผู้ใช้ :
รหัสผ่าน :
เข้าสู่ระบบอัตโนมัติ :
bullet ลืมรหัสผ่าน
dot
bulletข้อตกลงการเป็นสมาชิก
bulletเว็บบอร์ด-คุยกันหลังฉาก
bulletเว็บบอร์ด-Games ย้อนยุค
bulletเว็บบอร์ด-ชุดจำลองประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-หนังสือประวัติศาสตร์
bulletเว็บบอร์ด-เพลงประวัติศาสตร์
bulletคำถาม/คำตอบ ล่าสุด
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
dot
สงครามโลกครั้งที่ 2
dot
bulletสมรภูมิยุโรป (สัมพันธมิตรVSเยอรมัน-อิตาลี)
bulletสมรภูมิแปซิฟิก-เอเชีย (สัมพันธมิตรVSญี่ปุ่น)
dot
ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์อื่นๆ
dot
bulletสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
bulletประวัติศาสตร์ไทย
bulletประวัติศาสตร์อเมริกันยุคเริ่มแรก
bulletสงครามเวียดนามและอินโดจีน
bulletตะวันตกโบราณ (กรีก โรมัน ฯลฯ)
bulletประวัติศาสตร์ร่วมสมัย
bulletเอเชียโบราณ
bulletประวัติศาสตร์อื่นๆ (ยังไม่แยกหมวดหมู่)
bulletคลิปความรู้จาก YouTube
dot
บทความโดย วิวันดา
dot
bulletฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักรไรค์ซที่สาม
bulletลอดลายรั้ว.....วินด์เซอร์
bulletเลิศเลอวงศา...โรมานอฟ
bulletเชลย
bulletซูคอฟ...ยอดขุนพลผู้ดับฝันของฮิตเล่อร์
dot
บทความโดย สัมพันธ์
dot
bulletคนไทยในกองทัพพระราชอาณาจักรลาว
bulletประวัติศาสตร์สงคราม กรีก
bulletกรณีพิพาทอินโดจีนและสงครามมหาเอเชียบูรพา
bulletอยุธยายศล่มแล้ว ลอยสวรรค์ ลงฤา
bulletฮานนิบาล
bulletพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
bulletไทยกับมหาสงคราม
bulletสงครามเวียดนาม
bulletห้วยโก๋น ๒๕๑๘
bulletการทัพในมลายา
bulletประวัติศาสตร์อื่น ๆ
dot
เรื่องอื่นๆ
dot
bulletบทความเสริมความรู้ทั่วไป
bulletเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
bulletผู้จัดทำ
bulletผังเว็บไซต์ (Site Map)
bulletแนวทางการร่วมเขียนบทความ
bulletถาม-ตอบ (FAQs) (โปรดอ่านก่อนตั้งกระทู้หรือสมัครสมาชิก)
bulletร้านค้าออนไลน์
bulletแบ่งปัน Album
dot
ลิงค์ต่างๆ
dot
bulletHistory on Film
bulletกองบิน 21 กองพลบิน 2
bulletIELTS British Council
bulletIELTS IDP
bulletMUIC




โหราศาสตร์ยุคไอที



ฮิตเล่อร์...และเหล่าขุนพลแห่งอาณาจักร์ที่ไรค์ซที่สาม
วันที่ 13/04/2020   19:34:18

เห็นมีกระทู้ตั้งทั้งถามและถ้อยแถลง..ดิฉันเองก็อยากจะเขียนเล่าสู่กันฟังในสไตล์สบายๆ อ่านง่ายๆ เพราะเป็นนักอ่าน..ที่มีหนังสือในความครอบครอง
มากมายนับร้อยๆเล่ม ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง เบื้องลึก

อ่านๆไป รู้คนเดียวไม่สนุกเลย
หาก แต่..อยากให้เรื่องราวนี้รวมกลุ่มอยู่ในที่เดียวสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆและสามารถแชร์ความคิดเห็นกันสู่กันได้
เพราะเรื่องของสงครามโลกครั้งที่สองของเยอรมันนั้น หาใช่ว่า..อ่านหนังสือเล่มเดียวจะเข้าใจ ทึกทักไปตามนั้นได้
แม้กระทั่ง คำว่า "ยิว" หลายๆคนก็ยังคิดไปเป็นเค่เชื้อชาติ ความจริงแล้ว ต้องกลับไปอ่านประวัติเริ่มต้นของการกระจายพันธุ์ของยิบซีตั้งแต่ครั้งอียิปต์โน่นนน..จึงจะเข้าใจ
ว่าทำไม เผ่าพันธ์นี้ที่กลายมาเป็น"ยิว" และ จึงเป็นที่รังแครังคัดของคนอื่นๆถึงกับต้องมีการกำจัดให้สิ้นซาก


แต่การที่จะรู้จักกับฮิตเล่อร์นั้น มองด้านเดียวไม่ได้หรอกค่ะ เพราะมันยังมีคำถามมากมาย ว่า
เขาคือ วีรบุรุษที่ผนึกเยอรมันให้เป็นปึกแผ่น (ก่อนที่จะแพ้สงครามเพราะความดื้อรั้น) หรือ
เขาคือ ไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่งที่บังเอิญ โชคดีที่มาอยู่ใน right place at the right time โดยใช้พรสวรรค์ของการเป็นนักแสดง นักพูดฝีปากเยี่ยมยอด สะกดคนฟังได้ราวกับรัสปูติน
อันนี้แหละค่ะ ที่เราต้องมาถกกัน..เพราะความขัดแย้งในตัวของเขาเองมีอยู่ออกมากมาย..เช่น...
เขา(เริ่ม)เป็น มังสะวิรัติ เพราะ ทนเห็นสัตว์ที่น่าสงสารถูกฆ่าไม่ได้ และกลายมาเป็นการกินเจอย่างเด็ดขาดก็หลังจากหลานสาวสุดที่รักฆ่าตัวตายประชดชีวิต( จะเล่าให้ฟังในตอนต่อๆไป)
แต่ ...เขาสามารถสั่งฆ่ายิว ยิบซีนับล้านๆคนอย่างทารุณได้หน้าตาเฉย..
(เพียงแต่ว่า.. ไม่มีหลักฐานปรากฏ หรือ มีเป็นสักขีพยานว่าเขาเป็นผู้สั่งการในการทารุณกรรมนั้นๆ)

เขา..เคยคิดจะฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้ถึงสองครั้ง..

จากครั้งแรกที่สอบเข้าวิทยาลัยศิลปในเวียนนาไม่ได้
ครั้งที่สอง คือการถูกจับเพราะกบฏโรงเบียร์ทำการไม่สำเร็จ..
เพราะสิ่งที่เขากลัวที่สุดนั่นคือความผิดที่ต้องได้รับ

สงครามโลกครั้งที่สอง, ฮิตเล่อร์, มุสโสลินี,สตาลิน ฯลฯ กลุ่มคนทั้งหมดนี่ เป็นผลพวงของสงครามครั้งอื่นๆก่อนหน้านั้นที่อาจต้องมีการเชื่อมโยงความขัดแย้งไปตั้งแต่ สงครามใน Balkan แต่ที่ชัดเจน..นั่นก็คือ มหาสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

แล้วจะเข้าใจในสถานะการณ์ได้ดีขึ้นถึงสภาพความกดดันที่ชาวเยอรมัน ได้รับอย่างหนักหนาสาหัส (จากการแบ่งเค้กของฝ่ายชนะศึกในสนธิสัญญาแวร์ซายส์)
เมื่อมีคนๆหนึ่งสามารถมาพูดให้เห็น"ความ หวัง" และชี้ให้เห็นถึง"ความอยู่รอด" ประชาชนเจ็ดล้านคนจึงพร้อมใจกัน ยกย่อง เขิดชูเขาราวกับพระเจ้า

ทั้งๆที่เขาคนนั้นเป็นแค่ อดีตทหารยศสิบโท คนหนึ่งเท่านั้น
ผนวกกับ..ในอดีตกาลที่ผ่านมา ชาวเยอรมันภาคภูมิใจในความเป็นเลือดนักรบของเขามาก อย่างเช่น เมื่อครั้งศตวรรษ ที่ 12 พวกเขา( หมายถึงกองทัพอัศวิน Teutonic บรรพบุรุษดั้งเดิมของเยอรมัน) เคยสยบรัสเซียอย่างราบคาบมาแล้ว

ฉะนั้น..ฮิตเล่อร์ไม่ต้องเสียเวลามากมายต่อการกระตุ้นมหาชนให้เกิดการใฝ่สงคราม..
ทุกคนพร้อม..เพราะนั่นคือทางเลือก ทางเดียว และประชาชนยังเชื่อว่าการพ่ายแพ้ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งนั้นเกิดมาจากการหักหลังของนักการเมืองในสภา ผสมกับการตัดสินใจอย่างผิดพลาดของไกเซอร์...และ..ที่สำคัญ..คือ พวก"ยิว"ที่กุมเศรษฐกิจยุโรปหยุดให้การสนับสนุนในด้านการเงิน..และ การผลิตส่งกำลังบำรุงต่างๆ (ตอนนั้น เกิดการสไตร์คแรงงานไปทั่วเยอรมัน)

ทั้งๆที่ทหารใน แนวหน้าทุกแนวยังพร้อมใจจะสู้คนถึงคนสุดท้าย..
 




บทความจากสมาชิก




1

ความคิดเห็นที่ 1 (794)
avatar
wiwanda
image

นาซี( NSDAP)มิใช่หมายถึงเยอรมันทั้งประเทศเป็นเพียงแค่พรรคสหภาพแรงงานพรรคหนึ่งในรัฐบาล Reichstag

และให้บังเอิญ..มีสมาชิกพรรคที่มีหัวรุนแรงมารวมตัวกันหลายคน ในปี 1919 ก็ได้ฮิตเล่อร์มาเป็น โฆษกประจำพรรค (หลังจากที่ไปเข้ารับการอบรมในคอร์สการเมือง ในมหาวิทยาลัยมิวนิคได้เพียงไม่กี่เดือน).... ตั้งแต่นั้นมาก็เลยเถิดไปกันใหญ่... เขาก่อความวุ่นวายแสดงพลังอย่างมากมาย..ทั้งในการประท้วง และเดินขบวน

ทุกคนกลับเห็นเป็นเรื่องขำขันที่ฮิตเล่อร์จะมาปาวๆถึงเรื่อง MotherLand, Fatherland (หมายถึงเยอรมัน) เพราะเขาไม่ใช่ชาวเยอรมันโดยเนื้อแท้แต่อย่างใด (เพราะเป็นสัญชาติออสเตรียน) ก็เพราะเหตุนี้เอง..ที่เขาได้รับโทษสถานเบามาก

เช่นถูกสั่งห้ามไม่ให้เปิดอภิปราย..ทั้งๆที่ควรจะถูกเนรเทศซะด้วยซ้ำ

แม้กระทั่งในหนังสือ Mein Kampf ที่เขาเขียนชีวประวัติตัวเอง(ในตอนติดคุกปี 1924) เขาก็เอ่ยถึง มาตุภูมิ ปิตุ ภูมิ จนเปรอะไปหมด(ตัวเองก็คงสับสนเหมือนกันนะว่า จะเอาเป็นแผ่นดินของพ่อหรือของแม่ดี ความจริงก็ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง)

เขามาได้ถือสัญชาติเยอรมันสมใจเมื่อตอนต้นปี 1932 ก่อนสงครามหมาดๆนี่เอง..และก่อนที่จะได้รับการสถาปนา จากประธานาธิบดี Hindenburg ให้เป็น Chancellor (เทียบเท่ากับรัฐมนตรี) เพียงปีเดียว.. นับว่าเป็นที่น่าสนใจสำหรับชายร่างเล็กคนนี้..

 

ฮิตเล่อร์ในยามก่อนเข้าร่วมพรรคการเมืองนั้น เขาเป็นศิลปินพันธ์แท้คนหนึ่ง..เขาดื่มด่ำกับการดูโอเปร่าทุกคืนในเวียนนา ถึงแม้ว่าจะยอมอดมื้อกินมื้อก็ตาม โดยเฉพาะ Lohengrin เขาดูได้ถึงสิบรอบ..

Gustl Kubizek เพื่อนรักเพื่อนสนิท พยายามชักชวนให้ไปดู Opera ชั้นดีของอิตาเลี่ยนบ้าง เช่นของ Verdi จนแล้วจนรอดก็ ได้แค่ลากไปดู Aida ได้เรื่องเดียว แถมยังถูกฮิตเล่อร์เหน็บเอาเจ็บๆด้วยว่า.. "มหาอุปรากรของไอ้เลี่ยน เนี่ย..ถ้าไม่มี "การเสียบกันด้วยมีด"มาเกี่ยวข้องด้วยแล้วละก้อ..มันเล่นกันไม่เป็นเลยละ "

และเขาคือสาวกของ Richard Wagner อย่างแท้จริง..เขาหลงไหลเสียงดนตรีจากเปียนโนอันทรงพลัง..แต่เขาก็ไม่ปฏิเสธเสียงดนตรีอันหวานซึ้งของคีตกวีคนอื่นๆใน Piano Concerto อย่าง Schubert, Beethoven หรือ Grieg เช่นกัน

 

ส่วนเรื่องที่ถามถึงการตาย ของฮิตเล่อร์ ว่าที่ไหนหรืออย่างไรนั้น ก็เป็นที่ทราบๆกันดีอยู่แล้ว ในครั้งแรกนั้น มีเสียงแตกออกไปหลายกระแส ว่าหนีออกไปอยู่ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง..รัสเซียเพิ่งเอาผลชันสูตรศพออกมาขยาย แก่ชาวโลกเมื่อสามสิบปีที่แล้วนี่เอง..ว่า..ใช่เขาแน่

แต่เรื่องราวในความลึกลับของการ"หวง ตัว"ของเขานั้น ค่อยมาเล่ากันทีหลังดีกว่าไหมคะ.. ดิฉันชอบเรียงเรื่องไปเรื่อยๆ เพราะในชีวิตของเขานั้น.. น่าสนใจไปเสียหมดในทุกช่วง

ฮิตเล่อร์กวาดต้อนสมบัติมามากมายจากประเทศเพื่อนบ้าน อันนี้ดิฉันเคยเขียนไว้แล้วหลายเดือนก่อน ในเรื่อง ไวน์...ไวน์ มีตั้งแต่ภาค 1-6 อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเมื่อครั้ง ฝรั่งเศสยกธงขาว แพ้เอาซะดื้อๆนั่น..เยอรมันทนุถนอมฝรั่งเศสจนออกหน้าออกตา ไม่ได้บดขยี้เหมือนกับโปแลนด์ เพราะ ความรักใน "ศิลป” ของฮิตเล่อร์นั่นเอง อีกทั้ง..ฝรั่งเศสคืออู่ข้าวอู่น้ำชั้นดี เพื่อเป็นส่วยสงครามให้กับกองทัพ โดยเฉพาะ ไวน์และแชมเปญ...

จริงอยู่... ตัวฟิวเร่อร์ฮิตเล่อร์เอง ไม่แตะต้องของมึนเมาใดๆ นอกจากเบียร์เล็กๆน้อยๆตามมารยาท..แต่ ลูกสมุนตะละคน เช่น เกอร์ริง ที่แสนตะกละตะกลาม แต่รสนิยมในเรื่องไวน์ชั้นระดับชั้นอ๋อง.. ริบเบนทรอป..รมต.ต่างประเทศ ในอดีตอาชีพดั้งเดิมคือ ตัวแทนจำหน่ายไวน์ระหว่างประเทศมาก่อน(เยอรมัน-ฝรั่งเศส) ทุกวันนี้ ฝรั่งเศส น่าจะติดตั้งรูปปั้น สัญญลักษณ์ของ นายพลนาซี von Choltitz (ที่ดูแลฝรั่งเศสตอนนั้น)ไว้บูชา.. ที่ขัดคำสั่งฮิตเล่อร์ไม่ได้ระเบิดกรุงปารีสให้ราบเป็นหน้ากลอง ทั้งๆที่ได้วางทุ่นในจุดสำคัญๆหมดแล้ว แถมยัง เซ็นสัญญาสงบศึกอย่างโดยดีซะอีก.. ทั้งๆที่ฮิตเล่อร์ตะโกนถามลั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทางโทรศัพท์จากในบังเกอร์ ว่า..Is Paris burning ??? เพราะ..นี่คือ ฮิตเล่อร์ ที่ยึดมั่นในคติของตัวเองที่ว่า ถ้าตัวเองไม่ได้ คนอื่นก็ต้องอย่าได้.. แม้กระทั่ง..เยอรมันเอง..เขาก็สั่งให้ทำลายให้สิ้น..

ทำให้เราอาจมองย้อนและพอมองเห็นรูปการณ์ถึงเรื่องอื่นๆที่ เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ประวัติหลักๆของเขา หาอ่านเอาได้ทั่วไปตามเวบ แต่ ถ้าไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆละก้อ เข้าใจยากมาก เพราะในยุคที่เขา เพิ่งก้าวเข้ามามีอำนาจนั้น สถานะการณ์ของบ้านเมืองแบ่งออกเป็นหลายพรรคหลายพวก ทั้งนิยมขวา ใฝ่ซ้าย ศรัทธาคอมมิวนิสต์ ดังนั้น พรรคนาซีจึงมีวิธีการจัดระเบียบพรรคแบบแปลกๆ.. คือ ฆ่าแบบล้างบางมั่ง.. บังคับให้ฆ่าตัวเองมั่ง..เพื่อรักษาความเป็น นาซี {NAtional SoZIalist}

ผู้แสดงความคิดเห็น wiwanda (wwiwanda-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-03-31 01:39:15


ความคิดเห็นที่ 2 (795)
avatar
wiwanda
ท่านเว็บมาสเตอร์คะ อยากจะแก้ไขจัดย่อหน้าใหม่ค่ะ มันเรียงเป็นพรืด..อ่านยาก ทำไงดีคะ.. จะยังไม่โพสต์ต่อนะคะ..ลองหาวิธีแก้ไขก่อน
ผู้แสดงความคิดเห็น wiwanda (wwiwanda-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-03-29 12:55:03


ความคิดเห็นที่ 3 (796)
avatar
โรจน์ จินตมาศ

ดูเหมือนตัว Editor กรอกความเห็นของระบบ Blog นี้เขาออกแบบมาสำหรับ IE เท่านั้นครับ  ไม่เหมือนกับที่ตัวเว็บหลักที่ใช้ได้กับ Browser แทบทุกตัว  เข้าใจว่าคุณ wiwanda อาจจะต้องการรักษารูปแบบกระทู้ในเว็บบอร์ดพันทิปด้วย  ทางแก้เบื้องต้นคือถ้าจะไม่ใช้ IE ก็อาจจะต้องปรับรูปแบบบทความให้แต่ละบทความจบในตัวเอง  แล้วเว้นการแสดงความคิดเห็นไว้สำหรับผู้มาเยี่ยมชมเท่านั้น   แต่ทางผมก็จะขอให้ทาง ReadyPlanet เขาปรับตัว Editor ให้เหมือนกับทางเว็บหลักครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น โรจน์ จินตมาศ (webmaster-at-iseehistory-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-03-29 13:09:13


ความคิดเห็นที่ 4 (797)
avatar
wiwanda

แก้ไขได้แล้วค่ะ...ขอบคุณค่ะ

ผู้แสดงความคิดเห็น wiwanda (wwiwanda-at-yahoo-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-03-31 01:40:47


ความคิดเห็นที่ 5 (101522)
avatar
ใบมะรุม

ผมชอบอ่าน เรื่องเล่าเหตุการณ์ต่างๆในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มากๆครับ

 

ขอบคุณที่คุณวิวันดาเขียนมาให้อ่านครับ 

ผู้แสดงความคิดเห็น ใบมะรุม วันที่ตอบ 2011-04-24 06:32:20


ความคิดเห็นที่ 6 (101664)
avatar
รอมเมล

 ขงจื้อพูดให้แง่คิดไว้ในหนังว่า เรื่องนินทา(เรื่องส่วนตัว)มันเรื่องขี้ประติ๋ว  เคยได้อ่านประวัติบุคคลมากมาย เอาง่ายๆนายกรัฐมนตรีอิตาลีแอบมีอะไรกับเด้กต่ำกว่า18  โดนกล่าวหาอย่างรุนแรง อันที่จริงถามในใจผู้ชายทุกคนได้เลย เคยอยากทำไม(หลายคนอยากสิ)  สื่อกล่าวหาเขาส่ะเลว   จะเอาเรื่องนี้มาตัดสินว่าเขาเลวไปหมดไม่ได้ ตัวบิลคลินตั้นเอง ก้โรคจิตเหมือนกันว่างมากโทรขอมีเซ็กส์กับเลขา(เห็นหุ่นแล้วก็น่าฟัด) แต่ยุคของบิลประเทศอเมริการ่ำรวยขึ้นยุคIMF(แต่เราจมโคลนเลย)   องคุลีมารฆ่าคนไปมากมายกลับเป็นคนดีภายหลังได้       ซึ่งการมองนิสัยฮิตเลอร์ให้ดูเป็นพวกโรคจิต วิปริต มันเป็นการใส่ร้ายเกินไป ตัดสินคนในมุมแคบ  แต่การทำงานของฮิตเลอร์ทุกอย่างกลับคิดแต่เพื่อเยอรมัน ตลอดเวลาการใช้ชีวิต คิดแต่แผนให้เยอรัมนยิ่งใหญ่ ยึดรัสเซียเพียงเพื่อดุดน้ำมันมาเลี้ยงเยอรมัน จนทุ่มกำลังเข้าคอเครซัสแห่งน้ำมันอันมหาศาลแทนที่จะมุ่งยึดมอสโคว์ให้จบๆๆเรื่อง ผมเพิ่งมาเข้าใจไม่นานนี้เอง แถมหนังสือของนักศึกษาหญิงไทยเขียนว่าฮิตเลอร์ยึดที่ไหนจะชอบคำว่าได้แร่ธาตุไปเลี้ยงเยอรมัน ผมถึงเข้าใจขงจื้อแล้วว่า เรื่องนิสัยส่วนตัวเรื่องเล็ก อย่างเมียจ้าวแคว้นเว่ยประวัติเป็นชุ้ไปทั่ว แต่ที่ไหนได้ หล่อนมีความคิดที่จะสร้างความมั่นคงให้แคว้นเว่ยอย่างน่าเหลือเชื่อ นี้แหละที่ควรมองไม่ช่ายเรื่องนินทา มันไม่ได้เกิดผลดีกับแคว้นเลย เคยฟังอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์เขาพูดถึงการแก้ไขเศรษฐกิจของฮิตเลอร์ที่ประเทศจีนนำไปประยุกต์ใช้ อันนี้สิน่าอ่านมากกว่า (แต่ผมไม่เคยคิดจะอ่านหนังสือ การต่อสู้ของข้าพเจ้า ของฮิตเลอร์เลย แต่อาจารย์สอนกฏหมายผมกลับเคยอ่านแล้ว)

 

เรื่องการฆ่าล้างชาวยิว ทุกวันนี้ยังเป็นเรื่องที่สับสันว่าทำไมคนนึงถึงทำอะไรได้โหดร้ายขนาดนั้น มีการหาสาเหตุข้อมูลมหาศาลเลย   แต่ทว่า....มีหนังประวัติศาสตร์จริงเรื่องนึงเรื่อง สัญญาวันซี  ที่ไรน์ฮาร์ด เฮย์ดริชเรียกประชุมตัวแทนจากทุกกระทรวงมาประชุมลับที่บ้านหลังนึงเพื่อกำหนดชะตากรรมชาวยิว เพราะแรกๆการฆ่าล้างยิวยังไม่ได้ทำเป็นรุปธรรม ได้แค่กักกันชาวยิวไว้ จนไม่รู้จะเอายังไงแน่ ดังนั้นการประชุมนี้ เฮย์ดริชต้องการให้ทุกกระทรวงยอมรับความคิดเขาที่ได้คุยกับฮิตเลอร์มาเรียบร้อยแล้ว ให้ตัวแทนทุกกระทรวงเซ็น(แบบบังคับ)อนุมัติการล้างชาวยิวให้หมดโลกอย่างถูกกฏหมาย งงเลย ทำไมต้องระบุแบบนั้นฮิตเลอรืสั่งยังไม่เป็นกฏหมายอีกเหรอ เพราะสัญญา"ซี" เป็นเพียงชื่อการนัดประชุมเท่านัน้เอง ซึ่งเหล่าตัวแทนจากทุกกระทรวงไม่รู้ประเด็นที่จะประชุมลับกันมาก่อน   เมื่อเยอรัมนแพ้สงครามเอกสารการเซ็นอนุมัติโดยทำลายหมด    แต่กลับมี เอกสารบันทึกการสนทนาพูดคุยทุกคน(ที่เห็นตามศาลหรือประชุมสภา)กลับไม่โดนทำลายจนสามารถเอาผิดกับตัวแทนที่เซ็นสัญญาล้างชาวยิวนั้นเป็นอาญากรหมด ไรน์ฮาร์ต เฮนดริชตายไปก่อนแล้วเลยไม่ได้ขึ้นศาลเพื่อแขวนคอ เลยได้จัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ไป  เท่าที่เคยอ่านประวัติของเฮยืดริช   ฮิตเลอร์ตั้งเขาเป็นทายาทต่อจากฮิตเลอร์เลย มีการวิเคราะห์ว่า เฮยืดริชคือไอดอลของฮิตเลอร์เลยก็ว่าได้ แบบว่าหลงใหลเลยทีเดียว ความคิดของเฮย์ดริช ฮิตเลอร์มักจะไม่ปฏิเสธ จึงน่าสงสัยว่าการสั่งฆ่าชาวยิวมันความคิดเฮย์ดริชเองหรือฮิตเลอร์สั่ง     ถ้าฮิตเลอร์สั่งมันจะไม่ง่ายกว่าเหรอถึงต้องไปประชุมลับ  เพราะการให้ทุกกระทรวงร่วมกันเซ็นเหมือนเป็นการนำเสนอฮิตเลอร์เพื่อขออนุมัติ ???

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น รอมเมล (goh_17-at-hotmail-dot-com) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2011-07-02 06:37:16


ความคิดเห็นที่ 7 (102025)
avatar
Demetorius

 ขอบคุณครับ

ความคิดเห็น

โดยส่วนตัวแล้วผมชอบอำนาจทางทหารของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่2

 

แต่จะผิดจริงๆ หรือเป็นเพียงข้อกล่าวหาก็ตามแต่ แต่ในเมื่อเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นมาแล้ว ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกก็ต้องเป็นเป้าในการความรับผิดชอบร่วมกันอยู่แล้วครับ

 

ถ้าผมเกิดในยุคนั้น ก็พูดได้เต็มปากว่า "ผิด"

ผู้แสดงความคิดเห็น Demetorius (maceus-at-hotmail-dot-co-dot-th) ตอบโดยสมาชิกวันที่ตอบ 2012-03-24 19:56:16



1


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
| WW II Europe | WW II Asia | WW I | Vietnam War | ประวัติศาสตร์ไทย | บทความจากสมาชิก | คุยกันหลังฉาก | บทความทั้งหมด |

สนใจร่วมเขียนบทความในเว็บไซต์ เชิญอ่าน แนวทางการร่วมเขียนบทความ ภาพยนตร์ประวัติศาสตร์

Custom Search



eXTReMe Tracker